[Fic Harry Potter]ตราบนานเท่านาน(Always) - [Fic Harry Potter]ตราบนานเท่านาน(Always) นิยาย [Fic Harry Potter]ตราบนานเท่านาน(Always) : Dek-D.com - Writer

    [Fic Harry Potter]ตราบนานเท่านาน(Always)

    ถ้าช่วงเวลานั้นหายไปนานเกินไปแล้ว ฉันควรจะทำอย่างไรดี?

    ผู้เข้าชมรวม

    265

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    265

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    9
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 เม.ย. 66 / 15:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Song:  d4vd - Here With Me  (เปิดฟังไปด้วยเพื่ออรรถรสที่ดีขึ้น)

    .

     

    .

     

    .

    แม้ในขณะที่หลับตาอยู่ มองไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำ ถึงกระนั้นร่างกายก็ยังคงรับรู้ ถึงกลิ่นไอดินชื้นอ่อนๆ หรือเสียงใบไม้หลากหลายนับไม่ถ้วนปลิวไปตามแรงลมอย่างว่านอนสอนง่ายจนกระทบกันส่งเสียง'แกรกๆ'เบาๆคลอไป สร้างความเพลิดเพลินอย่างน่าประหลาดเปรียบดั่งบทเพลงกล่อมนอนมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติบรรเลงให้เราฟัง ร่างกายสัมผัสได้ถึงต้นหญ้าที่พยายามใช้ปลายแหลมทิ่มแทงแผ่นหลังเล็กๆของเขา แต่กลับไร้ผล ในทางตรงกันข้าม มันกลับสร้างความจั้กจี้น้อยๆให้เขาแทน

         Watch the sunrise along the coast

                  As we're both getting old

                  I can't describe what I'm feeling

    รสชาติหวานปนขมหน่อยๆเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น ราวกับถูกเขย่าตัว สติที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้าต้องจำใจกลับมาตามหน้าที่ เขาสัมผัสได้ถึงร่างของเด็กชายตัวเล็กๆนอนอยู่บนต้นหญ้านับร้อยนับพันต้น แต่ศีรษะและกลุ่มผมสีดำสนิทกลับวางอิงอยู่บนอะไรบางอย่าง และเซเวอรัสก็รู้เพียงแค่ว่าบางสิ่งที่รองรับศีรษะของเขาตอนนี้มันทำให้เขาไม่อยากลืมตาขึ้นมาเอาเสียเลย

         “And all I know is we're going home

                 So please don't let me go

                 Don't let me go…

     

           “ตื่นได้แล้วนะเซฟ”


           นัยน์ตาสีดำของเขาค่อยเปิดขึ้นช้าๆ หรี่ลงเล็กน้อยจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่ลอดออกมาตามช่องว่างของต้นบีช และเขาก็เห็นใบหน้าของใครบางคน
          ผมสีแดงออกส้มเล็กน้อยยาวลงมาคลอเคลียกับใบหน้าของเซเวอรัส ผิวขาวเนียนดูสุขภาพดีต่างจากเขา และที่โดดเด่นยิ่งกว่าสิ่งใด ดวงตากลมโต สีเขียวสดใสราวมรกต ในทุกๆครั้งที่เขาได้มอง อนึ่งโดนมนต์สะกดให้ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
          เซเวอรัสค่อยๆดันตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าเห่อร้อนเมื่อรู้ว่าเขาเผลอหลับไปบนตักของเด็กสาว ก่อนที่จะรู้สึกถึงรสชาติขมปร่าปนกับความหวานละมุนในปาก

           “ลูกอมรสกาแฟ?”

           “ฉันปลุกเธอไม่ตื่นสักที เลยต้องใช้อาวุทลับน่ะ”

    ลิลลี่ เอฟเว่นส์ ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ เธอรู้สึกสนุกสนานและขำขันไปกับสีหน้าเหวอชั่วครู่ของเด็กชาย และแก้มที่ร้อนผ่าวจนเป็นสีอมชมพูขัดกับผิวซีดๆราวคนป่วยตามปกติ วันนี้เธอกับเซเวอรัสนั่งคุยเล่นกันไปตามประสา หรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือปล่อยให้ความเงียบแล่นผ่านไป จนกระทั่งเห็นศีรษะของเด็กชายเริ่มโอนเอน และพับลงมาในที่สุด เธอคิดว่าถ้าให้เพื่อนพ่อมดของเธอหลับอยู่ในท่านี้ต่อไปคงจะเมื่อยเป็นแน่แท้ จึงจับร่างผอมค่อยๆเอนลงมาอิงตักของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา เชยชมใบหน้าของเด็กชายอย่างเงียบๆ
          

    เวลาย่อมผ่านไปไวเมื่อเรามีความสุขกับอะไรบางอย่าง เพียงพริบตาเดียวดวงอาทิตย์ก็ใกล้จะลับขอบฟ้าเสียแล้ว แม้ลิลลี่จะไม่อยากปลุกเด็กชายเพื่อทำลายความสุขเล็กๆ แต่เธอก็รู้ว่าหากเพื่อนของเธอกลับบ้านช้า อาจจะทำให้ต้องเผชิญหน้ากับบิดาจอมร้ายกาจตรงๆก็เป็นได้(โดยปกติพ่อของเซเวอรัสจะกลับมาบ้านหัวค่ำพร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง) จะไม่กลับก็ไม่ได้ มันจะยิ่งทำตัวเขาโกรธหนักและอาละวาดอีก สู้ให้กลับบ้านเร็วๆแล้วขึ้นไปเก็บตัวอยู่บนห้องเงียบๆน่าจะเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ อีกประการหนึ่ง เซเวอรัสเพื่อนของเขาไม่ยอมทิ้งแม่ไปและแม่ของเด็กชายก็ไม่ยอมหอบข้าวของหนีจากสามีไปเหมือนกัน ฉะนั้นการเก็บตัวในห้องเงียบๆจะดีที่สุด

    เธอตัดสินใจปลุกเซเวอรัสโดยการเขย่าเบาๆ แต่เด็กชายก็ไม่ยอมตื่นสักที เธอจึงเริ่มเขย่าแรงขึ้น แต่เด็กชายก็ยังไม่ยอมตื่น มิหนำซ้ำยังละเมอใช้แขนปัดมือเธอออกอีก จนเธอเริ่มนึกอย่างแกล้งขึ้นมา และก็นึกขึ้นได้ว่าภายในกระเป๋ากระโปรงสีขาวตัวเก่ง มีลูกอมรสกาแฟอยู่ เธอเห็นว่าเพื่อนสนิทของเธอเป็นคนชอบกาแฟ ในครั้งแรกที่เธอลองแอบจิ๊กกาแฟผงซองเล็กของคุณแม่มาด้วยความอยากรู้อยากลองในรสชาติ เลยลองชงแล้วเอามาแบ่งดื่มกับเซเวอรัส แต่รสชาติมันช่างขมเสียยิ่งกว่าอะไร ลิลลี่ไม่ชอบมันเอาเสียเลย แต่ต่างจากเด็กชาย ที่ดื่มจนหมดแก้วแล้วเผยสีหน้าและแววตาสนอกสนใจออกมา

          “อร่อยจัง!!”

    ดวงตาทอประกาย รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้น เธอเห็นดังนั้นก็อดมีความสุขไปด้วยไม่ได้ นานๆทีเธอจะเห็นเพื่อนสนิทยิ้มกับความสุขเล็กๆนั้น

          “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอามาให้บ่อยๆนะ!”

    ถึงแม้เธอจะกลับไปขอกาแฟจากแม่ แต่นอกจากจะไม่ได้กลับมาแล้วยังโดนบ่นจนหูชาไปข้างนึงแล้ว เป็นเด็กขี้ขโมยบ้างล่ะ เสียสุขภาพบ้างล่ะ น่าเสียดายที่คุณแม่บอกว่าเด็กที่อายุต่ำกว่่า12ปีไม่ควรดื่มคาเฟอีน แต่ด้วยความสามารถการอ้อนผู้หลักผู้ใหญ่ของเธอก็ไม่ใช่น้อยๆ สุดท้ายลิลลี่ก็ได้ครอบครองลูกอมรสกาแฟที่มีส่วนผสมของกาแฟจริงๆน้อยมากส่วนใหญ่เน้นไปทางรสหวานเสียมากกว่ามาหนึ่งเม็ด คิดว่าคงทดแทนกันได้ล่ะนะ

     

           “คราวนี้ไปขโมยมาอีกหรือเปล่าเนี่ย”

           “รอบนี้คุณแม่ให้ฉันมากับมือเลยต่างหาก”

            “..งั้นก็ดี..”

             “นี่เธอเห็นฉันเป็นเด็กขี้ขโมยหรือไงกัน!”

             "ก็เมื่อวันก่อนเธอ-

             “พอเลย!ไม่งั้นวันหลังฉันไม่เอามาให้แล้วนะ!!!”

    เด็กชายทำท่ายอมแพ้ เมื่อเห็นเพื่อนคนสนิทของเธอเริ่มพองแก้มเหมือนอมมะนาวเข้าไป เงียบไปสักพักทั้งสองก็เริ่มกลั้นขำไม่อยู่และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ลิลลี่หัวเราะหนักจนเอามือกุมท้อง ส่วนเขาก็เอามือข้างหนึ่งทาบหน้าผากหงายหลังลงไปบนพื้นหญ้า วันๆก็แบบนี้ทะเลาะกันทีไรไม่เคยจริงจังหรอก

             "And if it's right

                     I don't care how long it takes

                     As long as I'm with you

                     I've got a smile on my face"

     

       “ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วเธอควรรีบกลับบ้านได้แล้วนะเซฟ”

    เธอพูดพร้อมยันตัวลุกขึ้น เตรียมตัวเดินแยกทางกลับบ้าน แต่แขนกลับถูกมือของเด็กชายกุมเอาไว้ เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าดวงตาสีดำนั้นกำลังเหม่อมองออกไปยังดวงตะวันสีส้มอันซึ่งใกล้จะจมลงใต้พื้นดิน

          “อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะมันจะลับขอบฟ้าไป..”

    ลิลลี่มีท่าทีจะต่อว่า แต่เซเวอรัสชิงตัดขึ้นมาเสียก่อนราวกับรู้ว่าเธออยากจะรู้อะไร

           “วันนี้พ่อฉันไปค้างที่อื่น..กับคนอื่นน่ะ..”

    เด็กชายดูไม่สะทกสะท้านกับคำที่กล่าวมาไม่เท่าไหร่นัก นัยน์ตายังคงทอดออกไปไกลแสนไกล แต่ตัวเด็กสาวนี่สิที่ชะงักอยู่นานโดยไม่แม้จะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเซเวอรัสด้วยซ้ำ

      สุดท้ายเธอก็ยอมนั่งลงที่เดิม….

     

    ภายใต้ต้นบีชต้นหนึ่ง ตั้งสง่าโดดเด่นที่สุด มีร่างของเด็กน้อยสองคน นั่งกอดเข่าบนพื้นหญ้า มองพระอาทิตย์ตกดิน ไร้เสียงพูดคุย ราวกับตกอยู่ในภวังคฺ์ของตนเอง เซเวอรัสก็ตัดสินใจพูดขึ้นมา

          “เธอเคยอยากหยุดเวลาไหม”

    เด็กชายถาม แม้สายตาจะยังคงเหม่อมองไปไกล คำถามผุดขึ้นมา จนแล้วจนเล่า จนคำถามลอยหายไปตามอากาศแล้ว แต่ลิลลี่ก็ยังไม่ตอบ จนเซเวอรัสเริ่มสงสัย ‘เธอไม่ได้ยินหรือเปล่านะ?’ แต่ในยามที่เขาจะเอ่ยถามอีกรอบ เธอก็ทลายความเงียบทันที

          “ก็อยากนะ”

          “แต่ไม่เอาดีกว่า”คำตอบของเธอทำให้เซเวอรัสชะงักไป

         “ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม”

         “เพราะเวลานั้นมันไม่เหมือนใคร และไม่มีอะไรทดแทนได้”

         “เธอหมายความว่าอะไร”

    ลิลลี่ยิ้ม เธอเด็ดดอกเดซี่สีขาวดอกหนึ่งขึ้นมา แถวๆนี้มีดอกเดซี่ขึ้นอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เธอยกมันขึ้นมาจ้องมองหมุนซ้ายทีขวาทีอย่างพินิจพิเคราะห์

          “อย่างเวลาที่ฉันเด็ดดอกไม้ออกมาดูอะนะ ฉันจะชอบสำรวจลักษณะของมัน อย่างเจ้าดอกนี้อะนะ  มันมีกลีบน้อยกว่าต้นอื่น แถมดูต้นเล็กกว่าต้นอื่นด้วย”

    เซเวอรัสลองมองไปที่ดอกเดซี่สีขาวที่เธอถือเอาไว้ จริงด้วย มันมีกลีบน้อยและต้นเล็กจริงๆด้วย เขามองอย่างสนอกสนใจ

         "ฉันเชื่อนะว่าบนโลกนี้ ไม่มีดอกเดซี่ไหนที่เหมือนกันเลยสักดอก ก็เหมือนมนุษย์เลยนะ ทุกคนย่อมไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งฝาแฝดที่ดูเหมือนกันอย่างกับแกะก็ยังมีจุดที่แตกต่าง
         “ตอนที่ฉันยังเล็กมากๆ ประมาณ4ขวบเห็นจะได้ ฉันเคยเห็นดอกเดซี่ดอกหนึ่ง มองเผินๆอาจเหมือนดอกอื่นๆทั่วไป แต่ทำไมกัน ฉันถึงรู้สึกว่าดอกนี้มันสวยมาก มันมีสเน่หฺ์บางอย่าง คุณแม่เล่าให้ฉันฟังว่า แม้แต่ต้นไม้ดอกไม้ก็ต้องมีจุดจบ สุดท้ายก็ต้องเหี่ยวเฉา  ไม่อาจเป็นแบบเดิมได้ตลอด  ฉันในตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่แค่รู้สึกว่า เจ้าดอกเดซี่สวยๆนี่อะนะจะต้องแห้งเหี่ยวโรยรา ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น อยากให้อยู่แบบนี้ไปตลอด ด้วยความที่ว่าฉันยังไม่รู้ประสีประสามากนัก จึงจัดการเด็ดมันออกมาซะเลยล่ะให้มันอยู่แบบนี้”

    กล่าวจบก็มีเสียงหัวเราะน้อยๆออกมาจากเด็กสาว ในขณะที่เซเวอรัสตั้งใจฟังอยู่ถึงขนาดละสายตาจากดวงอาทิตย์มามองเด็กสาว เขาไม่เข้าใจมีอะไรน่าขำกัน

          “เธอเด็ดมันออกมามันก็เฉาตายเร็วกว่าเดิมน่ะสิ”เขาตอบกลับ

          “เพราะแบบนั้นน่ะแหละ การที่เราพยายามจะทำอะไรให้หยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ ทำทุกอย่างให้อยู่ที่เดิม ไม่ยอมปล่อยเวลาให้ดำเนินตามธรรมชาติ ฉันว่ามันจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าเดิมนะ”

          “ขอตัวอย่างอีกสักอย่่างได้ไหม” 

          “เธอนี่จริงๆเลยนะเซฟ ยกตัวอย่างใกล้ตัวฉันที่สุด สมมติว่าเธอกำลังนอนสบายๆอยู่บนเตียงตัวนุ่มแล้วแม่เรียกลงมาช่วยล้างจาน เธอตอบรับไปแล้วแต่ยังอยากใช้เวลาอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อย อยากหยุดเวลาเอาไว้เหมือนเดิมจนสุดท้ายเป็นยังไงล่ะ โดนแม่ขึ้นมาตามบิดหูลากลงไปข้างล่างเสียได้  คิดแล้วก็ขนลุกซู่”

          “ฮ่ะๆ เล่าได้ละเอียดแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าเจอมากับตัวใช่มั้ยเนี่ย”คราวนี้เป็นคราวเซเวอรัสที่จะหัวเราะบ้าง

           “เหอะ!!” เด็กสาวร้องออกมาเสียงดังพร้อมหันมาจ้องหน้าเซเวอรัสด้วยใบหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมากจนคิ้วขมวดเป็นปม นิ้วมือเล็กๆชี้ไปที่ใบหน้าของเด็กชาย

           “ที่ฉันจะพูดก็คือ ไม่ว่าเธออยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่ไหน ก็ห้ามทำเด็ดขาด..หรือจะพูดว่าทำไม่ได้เสียมากกว่า เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดผลเสียยังไง การหยุดเวลาอาจทำให้ใครบางคนแย่ลง หรืออาจจะเป็นตัวของเธอเอง เธอควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ให้เวลาดำเนินไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ เปิดใจพบเจอสิ่งใหม่ๆไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เก็บช่วงเวลานั้นให้เป็นความทรงจำ นั่นแหละผลตอบแทนของการที่ไม่ยึดติดกับสถานการณ์เดิมๆ เข้าใจมั้ย”

    เซเวอรัสมองไปที่นัยน์ตาสีมรกตของลิลลี่ ท่าทางของเธอดูจริงจังมาก อนึ่งเป็นคุณแม่กำลังสั่งสอนลูกของตัวเอง เขามองไปที่ดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นอย่างถึงที่สุดด้วยใบหน้าเฉยเมย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเอ็นดู

           “ครับๆ เข้าใจแล้วครับคุณแม่”

           “อย่างนั้นก็ดี”

           “แต่ฉันขอถามอีกคำถามหนึ่งสิ"

     

           “ถ้าช่วงเวลานั้นมันหายไปนานมากจนคิดถึง จะต้องทำยังไง”

     

    เป็นความเงียบที่เนิ่นนาน นิ้วที่เคยชี้มาที่เด็กชายพลอยชะงักและค่อยๆลดมือลง ลิลลี่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมจู่ๆเพื่อนของเธอถึงถามคำถามพวกนี้ขึ้นมา เพื่อนของเธอไม่พูดอะไร ทั้งสองได้แต่จ้องตากันและกันไม่กระพริบ  จนท้ายที่สุดเธอก็ยอมแพ้ ลิลลี่ถอนหายใจ และตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา

         "ฉันเชื่อนะ ว่าไม่มีอะไรหายไปตลอดกาล สุดท้ายมันก็จะกลับมาหาเรา
                                                                   
                                                              แม้จะไม่ใช่แบบที่เราต้องการจริงๆก็ตาม…เราแค่ต้องรอนะเซฟ"

          “แล้วถ้าเรารอไม่ไหวแล้วล่ะ?”

           “งั้น….”

    เธอยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวครบทุกซี่ เป็นยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องมีความสุขตาม

     

           “เราก็ไปหามันซะเองเลยสิ!!!”

     

    ดวงตาเบิกกว้าง ดั่งได้ปลดล็อกบางอย่างในจิตใจ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ใบหน้าซีดของเซเวอรัสดูมีสีสันขึ้นมาทันตาเห็น

           “ร้องไห้ทำไมน่ะเซฟ?!!?”

    สุริยาลับฟ้าแล้ว ดวงจันทร์ถูกปลุกขึ้นมาทำหน้าที่ในยามค่ำ ดวงดาวนับล้านส่องแสงระยิบระยับประดับเต็มท้องฟ้าสีมืด ภายใต้ต้นบีชแห่งหนึ่ง มีร่างของเด็กสองคน  คนหนึ่งกำลังยิ้มทั้งๆที่มีน้ำตาเปรอะเต็มหน้า ส่วนอีกคนดูกระวนกระวายเช็ดน้ำตาให้กับเพื่อน

    “ขอบคุณนะ ฉันรู้แล้วว่าควรทำอย่างไรดี”

    “ขอบคุณจริงๆ…”

    .

    .

    .

    .

     

    ท่ามกลางสายลมอ่อนๆ มีร่างของชายวัยกลางคน ผมยาวประบ่า ในอาภรณ์สีดำสนิท นอนราบอยู่บนผืนหญ้านุ่มๆใต้ต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง ดวงตาค่อยๆลืมขึ้นมา เหม่อมองขึ้นไป มองเห็นกิ่งก้านสาขาที่แตกแขนงออกไปเรื่อยๆ แต่แทนที่จะประดับประดาไปด้วยใบไม้เขียวขจี กลับถูกแทนที่ด้วยใบสีน้ำตาลแห้งกรอบที่เหลือน้อยเหลือเกิน ดูแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา

       ‘แม้แต่ต้นไม้ก็ย่อมมีวันโรยรา…’

    เซเวอรัส สเนป เอนกายขึ้นจากการนอน ใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาอยู่
    สงครามจบแล้ว เขารอดชีวิต พ้นข้อหามาได้เพราะคำให้การของภาพเหมือนดัมเบิลดอร์ในห้องอาจารย์ใหญ่ ถูกปล่อยตัว ภารกิจจบสิ้น

       ‘แล้วไงล่ะ’

    เขาเหลืออะไรในชีวิต เขาต้องทำอะไรต่อไป เซเวอรัสบรรลุทุกเหตุผลที่ทำให้ยังมีชีวิตอยู่  ทุกๆวันเขามักจะมานั่งใต้ต้นบีชเก่าแก่ ที่ๆเขากับลิลลี่เคยมานั่งเล่นกันบ่อยๆ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นอาจารย์ ไร้เป้าหมาย

         ไม่มีอะไรเลย

    มองต้นไม้ที่แห้งตาย เขานั่งขัดสมาธิลงบนพื้นหญ้าอย่างไม่ไว้ท่าทีดังที่เขาแสดงให้ทุกคนเห็นเสมอมา ท่ามกลางหมู่ดอกเดซี่ที่ยังคงงอกงามประปราย 

    ทุกอย่างที่เขาเห็นคือความฝัน ลิลลี่ที่แอบแกล้งให้เขากินลูกอมรสกาแฟ เล่าเรื่องๆต่างๆนาๆ การนั่งคุยกับเธอจนพระอาทิตย์ตกดินแบบที่อยากให้เป็นมาตลอด และประโยคสนทนาแปลกๆที่จู่ๆก็เกิดขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นฝัน

           “ช่างเป็นฝันที่ดี….”

    เขาคิดมาตลอด เซเวอรัสจำสิ่งที่เธอพูดได้ดี เขาถามว่า ถ้าเขาต้องการไปหาช่วงเวลาที่หายไปเขาต้องทำอย่างไร

            เหลือบมองข้างกาย

    คำตอบของเธอทำให้เขากระจ่าง ปลดข้อสงสัยทุกอย่างให้จางหายไป

            หยิบมันขึ้นมา

    เขาเฝ้าสงสัยมาตลอดหาคำตอบไม่ได้สักที

           จ่อไปที่ขมับ

    ทั้งๆที่คำตอบมันง่ายมากเลยแท้ๆ

                      “ถ้าเรารอไม่ไหว ก็ไปหามันเองเลยสิ!!!”

     

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ห่างหายไปนาน เซเวอรัสหลับตาลง น้ำตาไหลเป็นสายทั้งๆที่ยังคงยิ้มเช่นเดียวกับในฝัน

    “ฉันไปหาเธอแล้วนะลิลลี่”

    Save your tears, it'll be okay

    “All I know is you're here with me”

     

    เขาลั่นไกปืน

    .

    .

    .

    .

    .


    นามปากกา: นายนุ่มนิ่ม

    อยากติดตามแฟนฟิคชั่นHarry potter พิมพ์นามปากกานี้เลย

    ขอบคุณสำหรับยอดไลก์และโดเนทค่ะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×