ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Zerorin & Zeroran

    ลำดับตอนที่ #3 : -+- บทที่ 2 -+-

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 50


    บทที่ 2

     

             

              เฮ้ย จะไปทางไหนก็เอาซักทางดิ ฉันเมื่อยแล้วนะ ชายผมสีส้มแลดูแสบ

     

    ลูกตาบ่นอย่างหัวเทียนบอด เอ๊ย หัวเสีย

     

              เอ้า แล้วฉันจะรู้มั้ย ฉันก็เพิ่งเคยมาเหมือนกันนั่นแหละ ชายอีกคนที่ถือ

     

    แผนที่ตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ไม่แตกต่างกันนัก

     

              เอาเถอะๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เรามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ

     

    ชายคนที่สามที่ดูท่าทางใจเย็นกว่าเอ่ย

     

              อะไร?” ชายทั้งสองคนโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน

     

              กินข้าว ฉันหิวแล้วเขาตอบด้วยสีหน้าตายด้านสุดๆ

     

              ....

     

              อ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้น มานั่งมาเร็ว ไม่ว่าเปล่าพลางกวักมือหย็อยๆ

     

    เรียกอีกสองคนมานั่ง พร้อมจัดแจงที่นั่งให้เสร็จสรรพแล้วรื้ออาหารออกมาจาก

     

    กระเป๋าเป้โทรมๆดำๆใบใหญ่

     

              นี่มันใช่เวลามานั่งใจเย็นอยู่รึไงห๊า!” ชายผมสีส้มตะโกนใส่อย่างอารมณ์

     

    บูดสุดๆ

     

              ก็ในเมื่อเรายังทำอะไรไม่ได้ สู้นั่งพักเอาแรงก่อนดีกว่า ชายผมสี

     

    ชมพูหวานตอบอย่างท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร

     

              แต่นี่มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆนะ ชายคงแรกยังสามารถคงความอารมณ์

     

    เสียไว้ได้อย่างดียิ่ง

     

              เอาน่า อัลเฟรดฉันว่านายใจเย็นๆก่อน ที่เจ้า เคลียร์พูดมามันก็ใช่ว่า

     

    จะผิดนะ ชายคนที่ถือแผนที่กล่าว

     

              เฮ้อ เอาอย่างที่นายว่าก็ได้อัลเฟรดยอมอารมณ์เย็นลงในที่สุด

              แล้วนายจะยืนอยู่ทำไมล่ะ มาๆนั่งกินกันเร็ว นายด้วย อองรี’” เคลียร์กล่าว

     

    ซึ่งอัลเฟรดก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายและเริ่มเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

     

    ทั้งๆที่ตนไม่ใช่ฝ่ายที่บ่นว่าหิว ในขณะที่อองรีกำลังเก็บแผนที่

     

              เฮ้ย นี่นายกินเยอะอย่างนี้ แล้วต่อไปเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ อองรีพูด

     

    พลางใช้นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองดูเศษซากของอาหารที่ถูกอัลเฟรดจับยัดเข้า

     

    ปาก แล้วคิดเป็นห่วงว่าตัวเองจะอดตายในอนาคตอันใกล้

     

              แหม แค่นี้นิดหน่อยเอง เรายังมีเสบียงเหลืออีกเยอะใช่มั้ยเคลียร์ เคลียร์

     

    ไม่ตอบแต่ยื่นกระเป๋าเป้ของตนให้อัลเฟรด ซึ่งอัลเฟรดก็รับมาดูด้วยท่าทางงงๆ

     

    แล้วเปิดดู เมื่อเปิดออก ตาสีเหลืองๆที่เดิมไม่ค่อยจะโตก็เบิกกว้างจนดูน่าขัน

     

    อ้าปากค้างจนอองรีสงสัย

     

              ทำไม ทำหน้าอย่างนั้นมันมีอะไรหรอ ถามแล้วคว้ากระเป๋าเป้มาดูบ้าง

     

              ...น่ากลัว เป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ อองรีพึมพำ

     

    แล้วเราจะทำยังไงดี ไม่มีอะไรให้ใส่ท้องแล้ว

     

    คงต้องรอ เคลียร์พูดอย่างไม่เดือดร้อนกับเหตุการณ์ที่ทุกคนรวมทั้งตัว

     

    เขาเองอาจจะอดตาย

     

              รออะไร

     

              รอให้ฟ้าประทานอาหารมาให้

     

              ไอ้บ้า อัลเฟรดชักเริ่มอารมณ์ไม่สด(เสีย)อีกครั้ง

     

              งั้นนายจะให้ฉันทำไง

     

              ... อัลเฟรดเริ่มโกรธจนพูดไม่ออก

     

              งั้นเอางี้ นายนอนลงซะ เคลียร์เริ่มออกคำสั่ง ซึ่งอัลเฟรดก็ยอมทำตาม

     

    อย่างว่าง่าย แม้จะอารมณ์บูดอยู่ไม่น้อย

     

              ไม่ ไม่เอาตรงนี้ นายไปนอนตรงนั้นสิ ตรงที่แดดส่องนะ

     

              นายจะทำอะไรกันแน่ห๊ะ

     

              คนแดดเดียว

             

              เท่านั้นแหละ อัลเฟรดเกิดอาการฉุนขาด วิ่งไล่เตะเคลียร์ทันทีทำให้ผู้ชม

     

    เหตุการณ์รู้สึกอยากกินยาแก้ปวดหัว

     

              พอๆ พอเลยทั้งสองคน อย่าใช้ความรุนแรงสิ เอาเป็นว่าเราไปหางานทำก็

     

    ละกัน อองรีสรุป

     

              แฮ่กๆ ก็ได้ อัลเฟรดหอบเพราะวิ่งไล่เคลียร์ไม่ทัน แล้วจะทำงานอะไร       

              ขายตัวมั้ง เคลียร์ที่หนีไปห้อยอยู่บนต้นไม้ประชด

     

              อืม...ก็ดีนะ อองรีตอบด้วยท่าทางเอาจริงทำเอาอัลเฟรดอ้าปากค้าง

     

    เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ส่วนเคลียร์หล่นลงมาจากต้นไม้ดังโครม

     

     

     

     

              โอ๊ย! เจ็บ พี่เซรินเบาๆหน่อยสิ

     

              ก็ใครใช้ให้โจมตีไม่ได้เรื่องล่ะ อุตส่าห์ออกแรงไปตั้งเยอะ แต่ดันปล่อย

     

    ข้างหลังซะโล่งให้เขาวิ่งมาตบหัวล้มหน้าเช็ดพื้นซะได้เซรินบ่นขณะเทยาฆ่า

     

    เชื้อลงบนสำลีสีขาวสะอาด

     

              ไม่ใช่ความผิดของฉันซะหน่อย ถ้าฉันไม่ได้ใส่ชุดตุ๊กตาปุ้มปุ้ยนั่นฉันก็ไม่

     

    ต้องเจ็บตัวอย่างนี้หรอก โอ๊ย เซรันร้องอีกรอบเมื่อรับรู้ถึงความแสบของยาที่ป้าย

     

    ลงมาบนแผลอย่างไม่ปรานี

     

              เชอะ คราวที่แล้วก็แบบนี้ไม่ใช่หรอ เซรินขุดเรื่องเก่ามาแขวะ

     

              เรื่องคราวที่แล้วก็ช่างมันเถอะน่า

     

              ขณะที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ ก็มีเสียงแกรกๆบริเวณประตูไม้หน้า

     

    ห้องนอน ได้ยินดังนั้นเซรินจึงผละจากงานพยาบาลมาเปิดประตู

     

              อ้าว เข้ามาสิจ๊ะ เซรินทักทายผู้มาเยือนเสียงใส

     

              หน้าห้องได้ปรากฏร่างสิ่งมีชีวิตขนาดค่อนข้างใหญ่ ขาทั้งสี่ของมันย่างเข้า

     

    มาเรื่อยๆ ขนยาวสีทองพลิ้วไหวไปตามจังหวะการเดิน หางยาวโบกพัดไม่หยุด

     

    รวมทั้งลิ้นที่ห้อยออกมาจากปากพร้อมของแถมหยดติ๋งๆมาตามทาง

     

              เจ้าหมาตัวใหญ่เดินเข้ามาในห้องตามคำเชิญ พร้อมกับยิ้ม(?)ให้สองพี่น้อง

     

    แล้วกระโดดขึ้นเตียงของเซรินโดยไม่ต้องเชิญ

     

              พี่เซรินอ่ะ ให้ฮันนี่ขึ้นไปเข้ามานอนอีกแล้วนะ เซรันบ่นพึมๆพำๆ

     

              เอาน่าฮันนี่ออกจะน่ารักเนอะ เซรินว่าพร้อมกับกอดฮันนี่แน่น

     

              เอาเถอะ พี่มาทำแผลให้ฉันต่อหน่อยสิ นะนะนะ

     

              เฮ้อ

             

              ในขณะที่เซรินกำลังเพียรพยายามตัวเป็นคนหูหนวก เพราะเริ่มรำคาญ

     

    เสียงเซรัน และเซรันที่เริ่มเจ็บคอแต่ก็ยังแหกปากต่อไป ทั้งๆที่ทั้งสองคนกำลัง

     

    ทรมานอย่างแสนสาหัส แต่กลับมีคนๆ(?)นึงกำลังนอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง

     

     

     

     

              แสงแดดสาดแสงไปทั่งบริเวณ ผู้คนเริ่มออกมาทำงานและพบปะพูดคุยกัน

     

    สายลมยามเช้าช่วยพัดพาความง่วงซึม แถมด้วยความขี้เกียจออกไป พร้อมกับ

     

    อากาศที่สดชื่นช่วยให้เรี่ยวแรงทั้งกายและใจเพิ่มขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

     

    สภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องรีบตื่นมาสัมผัสแน่ๆ จะยกเว้นก็แต่คน

     

    บางกลุ่ม       

     

              ฮ้าว ง่วงจัง เซรินบ่นแต่เช้า

     

              เอาน่าเซริน ลูกอย่าบ่นไปเลย พ่อเขาต้องไปตั้งนานนะ มาส่งเขาหน่อย

     

    จะเป็นไรไปเรย์พูดทั้งๆที่ตัวเองก็ยังงัวเงียอยู่

     

              นี่ เซรันอย่าพิงพี่สิ พี่จะล้มอยู่แล้วนะ

     

              ... หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่

     

    อีกครั้งนึงค่ะ ตู้ด~!

             

              เฮ้ๆๆ นี่ได้ยินรึเปล่าเฮ้ย อย่าเพิ่งหลับสิ เซรินเริ่มเขย่าตัวเซรันที่กำลัง

     

    ไปเฝ้ามหาเทพจนเซรันตื่นมาทำหน้าเอ๋อๆส่งพ่อ

     

    งั้นพ่อไปนะ เคลวินมองบรรดาสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคขี้เซากัน

     

    ทั้งบ้านด้วยสายตาอนาถนิดๆก่อนจะเดินขึ้นรถม้าไปอย่างปลงๆ

     

              เซรินยืนมองรถม้าของพ่อไปจนไกลสุดสายตา โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะ

     

    ไม่ล้มพับไปเสียก่อน เมื่อไม่สามารถมองเห็นแม้แต่เงาของรถม้า ทุกคนก็หันหลัง

     

    กลับเข้าบ้านเพื่อที่จะนอนต่อ ถ้าสายตาที่งัวเงียไม่ไปสะดุดกับอะไรเข้า...

     

    เฮ้ย!!!!!...อาแซท ทำไมยังอยู่อีกอ่ะ เซรันที่ดูสะลึมสะลือที่สุด

     

    กลับตะโกนออกมาเสียงดัง 

             

              แหมๆๆ อะไรกัน นี่ถึงขนาดไล่อาเลยหรอเนี่ย มันน่าน้อยใจเนอะ คน

     

    หล่อๆก็อย่างนี้แหละ ทุกคนรังเกียจ เพราะเวลาไปยืนใกล้ใครก็จะกลบรัศมีเขา

     

    หมด เฮ้อ เรื่องมันเศร้า แซทพูดได้อย่างน่าเอาเท้าไปสัมผัสอย่างรุนแรงกับหน้า

     

              เอ่อ...แล้วทำไมยังไม่กลับล่ะ มีธุระอะไรอีกรึเปล่า คุณแม่คนสวยถาม

     

    ด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง

     

              ก็...กะว่าจะให้หลานๆพาไปเที่ยวซักหน่อยนะ

     

              โอ้ว ซวยอีกแล้วเซรินร้องโหยหวนดังสนั่นหวั่นไหวภายในจิตใจ

     

              เอ่อ จะว่าไป อาก็ไปเที่ยวมาหลายรอบแล้วไม่ใช่หรอค่ะ ไม่เบื่อหรอ

     

    เซรินกล่าวเตือนอย่างหวังที่จะเห็นทางรอดรำไร

     

              แหม คนเรา เวลาเปลี่ยน คนก็ยังเปลี่ยนได้ แล้วประสาอะไรกับสถานที่ล่ะ

     

    จ๊ะ มาคราวก่อนกับคราวนี้มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง แซทพูดสบายๆ ทำเป็นไม่

     

    รู้ไม่ชี้ความคิดของหลานๆสุดที่รัก

     

              แล้ว... เซรันถามเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจ

     

              อ้าว ก็ในเมื่อมันไม่เหมือนเดิม ก็ต้องไปดูสิ

     

              สรุป ไม่ว่าจะมากี่รอบก็จะไปเที่ยวทุกรอบเลยใช่มั้ยเนี่ย แล้วทำไมต้อง

     

    ลากช้านไปด้วยห๊าเซรินเริ่มโหยหวนอีกระลอก

     

     

     

     

              แซ่ดๆๆๆๆ จ๊อกกแจ๊กกกๆๆๆๆ ฉอดดดๆๆๆๆ แว๊ดดดๆๆๆ

     

              เสียงที่สามารถหาฟังได้ตามตลาดสดทั่วไปดังมาไม่ขาดสายจากผู้คน

     

    มากมายรอบๆที่พากันมาตลาดสดราวกับนัดกันไว้ จนนึกสงสัยว่าพูดไปได้ไงไม่

     

    หยุดไม่หย่อนยังกับไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย แถมหัวไวขนาดด่ากันไม่ซ้ำคำอีกแหนะ

     

    ช่างเป็นความสามารถพิเศษที่น่าภูมิใจจริงๆ

     

              เฮ้ย ไอ้สำนักงานหางานอะไรของแกมันอยู่ไหนกันแน่ว่ะ ร้อนโว้ย!” เสียง

     

    ที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอัลเฟรดผู้ที่มีความอดทนค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด

     

              เอาน่า แค่เดินตรงไปเลี้ยวซ้าย ข้ามสะพานไปแล้วอ้อมสวนหย่อมที่อยู่

     

    ทางขวาไปทางซ้าย แล้วก็เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกแรก เดินไปจะเจอสามแยกให้ตรง

     

    ไป จากนั้นก็เลี้ยวขวาตรงห้าแยก แล้วเลี้ยวเข้าซอยที่แปดทางซ้าย จะเห็นตึก

     

    ใหญ่ๆทางขวามือ ให้ขึ้นไปที่ชั้นสี่แค่นี้เอง ว่าเสร็จก็หายใจแฮกๆเหมือนหมา

     

    หอบแดด

     

              นี่นายจะพาพวกเราไปหางานทำหรือไปแรลลี่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติกัน

     

    แน่ห๊ะ เคลียร์ที่เริ่มโมโหเพราะโดนเหยียบเท้านับครั้งไม่ถ้วน จนคาดว่าเท้าของ

    เขาคงจะใช้การไม่ได้ ถ้ายังมีคุณลุงร่างยักษ์แบกท่อนปลาทูน่าชิ้นเบิ้มเดินมา

     

    เหยียบเท้าของเขาแบบเมื่อกี้นี้อีก ยังไม่รวมสายตาแปลกๆที่ส่งมายังพวกเขาจาก

     

    ทั่วทุกสารทิศตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

             

    เออใช่! เราไปหา ยัยนั่นก็หมดเรื่อง อัลโพล่งออกมาเมื่อนึกถึงใครบาง

     

    คน

     

              ไม่!” เคลียร์ตะคอกด้วยความลืมตัวก่อนจะแพ่วเสียงลงเมื่อเห็นสี

     

    หน้าตกอกตกใจของใครหลายๆคน อย่าลืมสิ ว่ามันเรื่องที่เรามาเป็นความลับ

     

              นาย...เข้าใจแล้ว เราไปกันเถอะ

     

     

     

             

    เบื้องหน้าปรากฏสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งหมดหกชั้น ถูกทาสีส้มสลับแดง

     

    เป็นลายตารางหมากรุกอย่างสวยงาม ชวนให้ความรู้สึกเหมือนตาจะบอด รอบๆถูก

     

    ประดับประดาด้วยต้นไม้ ที่น่าจะช่วยให้สายตาผ่อนคลายหลังจากมองตึกสีสด แต่

     

    ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ ต้นไม้ทุกต้นเป็นสีรุ้งชวนปวดหัวเป็นที่สุด 

     

              โอ้วพระเจ้า นั่นตึกหางานหรือสำนักงานลูกกวาดกันแน่

     

              ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอัลเฟรด แต่ที่แน่ๆฉันไม่คิดว่าเราจะได้งานดีๆจากตึก

     

    ประหลาดๆแบบนี้หรอกน่ะ

     

              ...เฮ้อ เราไม่มีทางเลือกนี่นาเคลียร์ ถึงงานมันจะแปลกประหลาด พิสดาร

     

    ขนาดไหนเราก็ต้องทำแล้วล่ะ เข้าไปกันเถอะ

     

              เดี๋ยว! ขอฉันใส่แว่นกันแดดก่อน เวียนหัว ไม่รอช้าสองคนที่เหลือก็รีบ

     

    ทำตามทันที เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะได้งานขายลอตเตอรี่โดยอาศัยไม้

     

    เท้านำทางก็เป็นได้

     

             

              ภายในสำนักงานเป็นอะไรที่น่ามองกว่าด้านนอกมาก ห้องโถงกว้างถูกทา

     

    ด้วยสีครีมอ่อนๆสบายตา ที่สุดปลายห้องมีเคาน์เตอร์สีเหลืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่

     

    ภายในมีพนักงานหลายสิบคนนั่งเขียนอะไรยิกๆด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ถัดมา

     

    ด้านหน้าเก้าอี้ยาวถูกวางไว้หลายสิบแถว ซึ่งผู้คนพากันหย่อนก้นลงรออะไร

     

    บางอย่างอย่างสงบ

     

              ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น พนักงานสาวสวยในชุด

     

    สีเขียวเหลืองตรงประตูทางเข้าที่พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นก็เข้ามาทัก

     

              สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรค่ะ

     

              พวกเรามาติดต่อหางานพิเศษทำชั่วคราวนะครับ อองรีรีบตอบหล่อน

     

    อย่างไม่รอช้า พร้อมฉีกยิ้มกว้าง

     

              ใครจะเชื่อ ว่าคนที่ดูสุภาพ และเอางานเอาการที่สุดในกลุ่มอย่างอองรี

     

    จะเป็นพวกเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานไว้บนหัว   

             

              อ๋อ งั้นเชิญขึ้นบันไดตรงนั้นไปที่ชั้นสี่เลยค่ะ เธอตอบเสียงหวานพลาง

     

    ผายมือไปทางบันไดเวียนสีม่วงสลับเหลือง

     

              เอ ตรงไหนครับ ผมไม่ยักจะเห็นเลย ช่วยพาไปหน่อยสิครับ

     

              ...ก ก็ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะจากนั้นเจ้าหล่อนก็พาเดินไปยังบันไดน่า

     

    ปวดหัวนั่น โดยที่มีเคลียร์กับอัลเฟรดเดินตามมาอย่างระอาใจที่นิสัยแย่ๆของ

     

    เพื่อนคนนี้แก้ไม่หายซักที

     

              ขอโทษนะค่ะ ไม่ทราบว่าพวกคุณมาจากไหนกันหรอค่ะ ดูท่าจะไม่ใช่คน

     

    เมืองนี้

     

              อ้อ พวกเรามาจากเมืองหลวงนะครับ เอ่อ คุณ... ไม่ทันที่อองรีจะถามชื่อ

     

    ของสาวสวยคนนั้น พวกเขาก็มาถึงที่หมายเสียก่อน

     

              ถึงแล้วค่ะ ขอให้โชคดีนะค่ะ อ้อ แล้วก็…” เธอเปลี่ยนจากการพูดแบบ

     

    ปกติมาเป็นการกระซิบเบาๆแทน ฉันขอแนะนำ เลือกงานหมายเลข 8 นะค่ะ

     

    แล้วเธอก็เดินจากไป

     

              เฮ้ย อองรี เขาพูดว่าไงน่ะ เคลียร์ถามพร้อมกับกุมขมับเพราะรู้สึกเวียน

     

    หัวชอบกล

     

              8

     

              หา

     

              หมายเลข 8 โอย~!เวียนหัวแฮะ

     

              สวัสดีคร้าบบบบบบบ เชิญทางนี้เลยครับ เสียงชายวัยกลางคนตะโกนดัง

     

    ลั่นเรียกพวกเขาให้เข้าไปหา

             

              ทั้งสามเดินไปตามทางเดินแคบๆทางเดียว ที่ผนังถูกทาด้วยสีชมพูหวาน

     

    สลับเขียวสะท้อนแสงที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนหนักเข้าไปอีก    

     

              เชิญนั่งเลยครับ นั่งเลยครับๆชายคนนั้นกล่าวอย่างอารมณ์ดี พลางเลื่อน

     

    เก้าอี้ให้พวกเขานั่งอย่างเอาใจ

     

              นี่ครับ รายการงานที่ทางเราจัดหาให้ได้ เชิญเลือกแล้วกรอกลงใน

     

    แบบฟอร์มนี้เลยครับ

     

              ‘8..8..8..8..8..8..8..8’

     

              ตอนนี้ในหัวของทั้งสองมีแต่เลข 8 วนไปเวียนมาอยู่ในหัว และเกือบจะ

     

    กรอกเลข8ลงไปในแบบฟอร์มแล้ว ถ้าไม่ใช่

             

    ซ่า

             

    อัลเฟรดทำแก้วน้ำที่พนักงานใจดีหามาให้ดื่มหลุดมือ กระเด็นไปสาดใส่หัว

     

    เพื่อนที่รัก แต่ทั้งสองกลับไม่โกรธอะไรเพราะรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายหัว และ

     

    เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่โกรธอัลเฟรด กลับอยากไปกราบงามๆ

     

    แทนด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษ...

     

     

    รายการงานที่ต้องการรับสมัครคนเข้าทำงาน

     

    1.     ทาเล็บหมูในฟาร์ม

     

    2.     หาไส้เดือนในแปลงผัก

     

    3.     หาเห็บให้ลิงในสวนสัตว์

     

    4.     อาบน้ำปลาทอง

     

    5.     เย็บตุ๊กตาวูดู

     

    6.     แกะสลักทุเรียน

     

    7.     ทาสีสำนักงานจัดหางาน

     

    8.    ขายบริการ

     

    9.     ร้องเพลงในผับ

     

    10. ครูสอนวิชาฆาตกรรม

     

    11. เต้นโคโยตี้

     

    12. ปราบผีในบ่อน้ำ

     

     

    โอ้ว พระเจ้า นี่พวกเราโดนไอ้ตึกสีลูกกวาด บันไดเวียนสีสด ผนังห้อง

     

    แสบลูกตา กับพนักงานจอมล่อลวง มันหลอกให้เวียนหัว มึนงงจะได้ไป

     

    ทำงานแบบนั้นหรือนี่คิดแล้วเคลียร์ก็หน้าซีดจนหน้าเป็นสีเดียวกับ

     

    กระดาษที่อยู่ในมือ  ส่วนอองรีนั้น...ช็อกไปเรียบร้อยแล้ว

     

              อ้าว พวกนาย เป็นอะไรกัน จะเอางานไหนก็รีบๆเลือกกันสิ

     

    อัลเฟรดถาม นับว่าโชคดีมากที่อัลไม่รู้เรื่องเลข 8 มรณะที่ยัยคนนั้น

     

    บอก ไม่งั้นถ้ามันเลือกไปแล้วส่งให้พนักงานคนนั้นล่ะก็...ไม่อยากคิด

     

              นะ...นั้นสิ เอางานไรดีเคลียร์ อองรีเมื่อเริ่มหายจากอาการช็อก

     

    แต่งานที่1-4ผ่านนะ ฉันไม่ค่อยถูกกับสัตว์ อาบน้ำปลาทอง คิดไปได้ไง

     

    ทุเรศสิ้นดี

     

              เหอะๆๆ...แล้ว5. เย็บวูดูล่ะ

     

              หึ ไม่อ่ะ ขืนเย็บไม่สวยโดนทำวูดูแน่ สยองว่ะ แล้วฉันกับอัลก็เย็บ

     

    ไม่เป็นด้วย อืม...แล้ว6. แกะสลักทุเรียน...

     

              บ้า ใครเค้าจะไปแกะสลักทุเรียนว่ะ

     

              เออ จริงด้วยแฮะ แล้ว7.ทาสีสำนักงานจัดหางาน

     

              ไม่! มีหวังเวียนหัวตายไปข้างแน่ แล้วต่อไปหมายเลข...

     

              ... ทั้งสองคนพูดไม่ออกเพราะอาการช็อกกลับมาอีกครั้ง

     

              ต่อไปก็หมายเลข8งาย อัลที่ยังไม่หายดีตอบ

     

              ไม่! นายนะนอนเงียบๆไปเลย ทั้งเคลียร์และอองรีตวาดเสียงดัง

     

    จนอัลต้องเอาหน้าฟุบโต๊ะแล้วหลับไปในที่สุด

     

              เอาเป็นว่า...9.ร้องเพลงในผับ ว่าไง

     

              ไม่ดีมั้ง มีหวังอัลไปทำร้านเค้าพังยับแน่ อองรีตอบพลางนึกถึง

     

    เหตุการณ์ในอดีตที่...ไม่ค่อยจะโสภานัก

     

              10. ครูสอนวิชาฆาตกรรม...

     

              ไม่เอาอ่ะ นักเรียนที่เรียนวิชานี้ต้องโหดอยู่แล้ว ถ้าเกิดไปทำไรไม่

     

    ถูกใจเข้ามีหวัง... อองรีว่าพลางเอานิ้วปาดคอสื่อความหมาย แล้ว

     

    11....

      

              ไม่!!! อันนี้พอๆกับข้อ8เลย

     

              ก็เหลือแค่...

     

              12.ปราบผีในบ่อน้ำ     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×