More than friend มากกว่า...เพื่อน - นิยาย More than friend มากกว่า...เพื่อน : Dek-D.com - Writer
×

    More than friend มากกว่า...เพื่อน

    FIC YAOI KENTA*TOMO [K-otic]

    ผู้เข้าชมรวม

    328

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    328

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    TITLE : More than friend
    PAIRING : KENTA*TOMO
    AUTHOR : KENTO*KENTATOMO
    RATING : PG-13


    ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจิตนาการไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดทั้งสิ้น


    09.02.08
    วันนี้พวกเราได้ไปขึ้น7สีคอนเสิร์ต ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆจริงๆ จนรู้สึกปวดท้องไปหมด แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
    ผมคิดว่าพวกเราแสดงได้สมบูรณ์แบบแล้วนะ ถึงแม้ว่าเจ้าเขื่อนมันจะวิ่งซนบนเวทีมากไปหน่อยก็เหอะ 55+ ^^
    แต่ว่านะความจริงแล้ว ผมเกือบร้องท่อนของตัวเองไม่ออกตั้งหลายครั้ง ก็เพราะมืออุ่นๆคู่นั้น
    .....
    ...
    ..
    .
    .
    .
    .
    นี่......ฉันไม่คิดว่านายจะเข้ามาจับมือฉันไว้แบบนั้น มันทำให้ฉันดีใจและรู้สึก.............ว่านายก็คิดแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ............. เคนตะ


    ผมปิดไดอารี่ลง วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยจริงๆ ทั้งกายและ.....หัวใจของผม นับวันมันยิ่งจะเต้นแรงกับเพื่อนสนิทร่วมวงเชื้อชาติเดียวกัน
    ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กับไอ้ความรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้ผม แตะต้องตัวผม มันทำให้ผมใจสั่นและทุกครั้งที่เค้าแตะต้องตัวผมหรือยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆใบหน้าของผมจะมีสีแดงระเรื่ออยู่บนใบหน้าจนทำให้เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆอดที่จะแซวไม่ได้โดยเฉพาะเจ้าเขื่อนตัวแสบ

    เฮ้อออ ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ พอนึกถึงความรู้สึกแบบนั้น ถึงมันจะมีความสุข แต่ผมก็กลัว กลัวเหลือเกินว่าเค้าจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับผม แล้วเค้าจะหนีผมไป กลัวจะตัดความเป็นเพื่อนที่เรามีให้กัน ถ้าผมเป็นผู้หญิงอะไรๆมันก็คงจะดีกว่านี้สินะ
    แต่คิดไปก็เท่านั้น ตราบใดที่ความยังไม่แตก ผมก็จะได้ยืนอยู่ข้างๆเค้าตลอดไป ผมจะเก็บความลับครั้งนี้ฝังมันไว้ให้ลึกสุดใจจะไม่มีทางบอกเค้าไปเด็ดขาด ต้องไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน..........


    เช้าวันรุ่งขึ้น ผมต้องตื่นแต่เช้าทั้งๆที่วันนี้เป็นอาทิตย์ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นคนอื่นก็คงจะได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่บ้านแต่ไม่ใช่กับผม ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา แต่ผมเป็นนักร้อง เพราะฉะนั้นเช้านี้พวกเราทุกคนในวงและผมจึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปถ่ายแบบให้กับนิตยสารวัยรุ่นแห่งหนึ่ง
    ..................................................
    .................................
    ...................
    .............
    .......
    ...
    ..
    .

    พวกเราทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่บริษัทก่อนที่จะไปถ่ายแบบเพื่อความไม่วุ่นวายและจะได้ไปถึงพร้อมกันโดยไม่มีใครไปสาย ผมไปถึงบริษัทก็ประมาณ9โมงได้แล้วพอเข้าไปในห้องพักของK-OTIC ก็เจอแค่จองเบและป๊อปปี้เท่านั้นก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เพราะเจ้าเขื่อนน่ะมันตื่นสายประจำแล้วเขาคนนั้นแหละ ผมจึงได้แต่กรอกตามองไปรอบๆห้องจนไปสะดุดกับ กระเป๋าที่วางอยู่ที่โซฟา นั่นมันของเคนตะนี่ เขามาแล้ว ว่าแต่เค้าไปไหนมานะ
    โทโมะยืนเลิกลั่กเหมือนมองหาใครบางคนอยู่ ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องและอาการแบบนั้นก็สร้างความรำคาญให้กับ
    ป๊อปปี้ไม่น้อย แต่ก็พอรู้ว่าโทโมะมองหาเจ้าของกระเป๋าที่โซฟาอยู่
    ถ้านายมองหาเคนตะล่ะก็ เจ้าหมอนั่นไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวก็กลับมาไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ คำตอบที่แฝงคำพูดจิกๆกัดๆเอาไว้ทำให้โทโมะต้องแก้ตัวเป็นพัลวัน
    ฉันไม่ได้...... แต่คำพูดก็ต้องหยุดไป เมื่อคนที่เขามองหาและกำลังจะแก้ตัวว่าไม่ได้มองหาน่ะเปิดประตูเข้ามาพอดี
    เอ้าว่าไงโทโมะนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ คนที่เดินเข้ามาเดินเข้ามาทักโทโมะพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆใจละลายมานักต่อนัก
    อ....เอ่อก็เมื่อกี้น่ะ แฮะๆแล้วนายล่ะเคนตะ โทโมะตอบพร้อมส่งรอยยิ้มแหยๆไปให้ ก็เค้ายังปั้นหน้าไม่ถูกนี่นา
    เมื่อกี้กำลังจะปฏิเสธเลยเจ้าตัวที่พูดถึงก็เข้ามาซะก่อน แถมส่งยิ้มแบบนั้นมาให้จะให้ทำหน้ายังไงถูกล่ะใจยิ่งเต้นแปลกๆอยู่ นายอย่าเอามือมาพาดไหล่ฉันแบบนั้นได้ไหมเคนตะ ฉันใจสั่นรู้ไหม~~
    .......................................
    .............................
    ....................
    ..............
    .........
    .....
    ...
    ..
    .


    พอประมาณ10โมงครึ่งพวกเราทุกคนก็มาครบพร้อมกัน ความจริงต้องบอกว่าพวกเรารอเจ้าน้องเล็กของวงมากกว่าถึงแม้ว่าเขื่อนจะมาสายประจำแต่ก็ไม่มีใครโกรธเค้าหรอก เพราะทุกครั้งที่มาสายและรู้ว่าพวกเรารอเค้าอยู่ เค้าจะเข้ามาอ้อนพวกเราทุกๆคนพร้อมพูดคำขอโทษที่ทำให้ต้องรอเค้าขนาดนี้ แค่นี้ก็ไม่มีใครโกรธเค้าลงแล้วล่ะ



    พวกเราเดินออกมาจากห้องพักเพื่อไปขึ้นรถตู้บริษัทและระหว่างทางเราก็ได้เจอกับ......พี่ๆไนซ์ทูมีทยูความจริงต้องบอกว่าเราเจอแค่ พี่เชนกับพี่แจ๊คต่างหาก เอ่อม.........จะพูดไงดีคือพี่เค้าคงปลีกวิเวกมาจู๋จี๋กัน จากภาพที่เห็นเด็กอนุบาลยังดูออกเลย ในเมื่อพี่เชนเบียดตัวเข้าหาพี่แจ๊คจนจะนั่งเกยตักกันอยู่แล้ว พี่แจ๊คก็ได้แต่หน้าแดง ไม่พูดอะไรสักคำ
    แล้วเจ้าเขื่อนตัวแสบของวงเราก็อดจะคันปากไม่ได้
    อะแฮ่มๆ พี่เชนฮะผมว่าถ้าจะสวีทกันเนี่ยไปที่ที่มันลับตากว่านี้ดีไหมครับ เจ้าเขื่อนพูดพลางทำหน้าตากวนประสาทอย่างทุกที
    พอพี่เชนกับพี่แจ๊คได้ยินเสียงเจ้าเขื่อนเท่านั้นก็รีบเด้งตัวออกจากกันอย่างกับแม่เหล็กขั้วเดียวกันอย่างงั้นแหละ
    เมื่อกี้ยังนั่งเบียดกันเป็นแม่เหล็กคนล่ะขั้วอยู่เลย ให้ตายเถอะ
    เอ้า เขื่อนเองหรอ แฮะๆ หวัดดีคือพวกพี่ไม่ได้..พี่แจ๊คเตรียมพูดแก้ตัวแต่ก็ช้าไปแล้ว
    พวกฉันก็อยู่ที่ลับตาอยู่แล้วแกต่างหากที่เดินเข้ามาขวางโลกสีชมพูของฉันกับแจ๊คน่ะ พี่เชนพูดพลางยกคิ้วกวนๆกลับไปให้เจ้าเขื่อน
    ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับถ้าหากพี่เชนดูจะพูดไม่ดีกับพวกเราไปมาก ก็พี่เชนน่ะเค้าสนิทกับเจ้าเขื่อนเพราะฉะนั้น2คนนี้น่ะไม่เคยเห็นจะพูดดีด้วยกันสักครั้ง
    เชน พี่แจ๊คพูดเสียงหวานพลางแตะไหล่พี่เชนเบาๆเหมือนปรามว่าอย่าไปเถียงกับน้องเค้า
    ผมไม่กวนพวกพี่ก็ได้ต้องไปทำงานเหมือนกัน เชิญสวีทกันตามสบายนะครับคุณพี่ชายจะแต่งเมื่อไหร่อย่าลืมส่งการ์ดมาล่ะ เจ้าเขื่อนพูดปิดท้าย พลางเดินนำหน้าไปขึ้นรถตู้ ตามด้วยป๊อปปี้และจองเบ ผมที่กำลังจะเดินขึ้นไปก็รู้สึกถึงสายตาแปลกๆข้างๆตัว พอหันไปมองก็อยากที่จะด่าตัวเองนัก ไม่น่าเลย ไม่น่าหันไปเลยจริงๆโทโมะหันไปให้มันเจ็บที่หัวใจทำไม
    ภาพที่เคนตะมองตามพี่แจ๊คและพี่เชนที่เดินกอดเอวกันเข้าไปด้วยสายตาเจ็บปวดอย่างที่ผมไม่อาจจะอธิบายได้ แต่ว่ามันก็คงจะเหมือนผมในตอนนี้ที่มองเคนตะด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน ผมอยากจะร้องไห้จัง ทำไมอยู่ดีๆก็เหมือนน้ำตาจะไหลออกมาง่ายๆซะอย่างั้นนะ ผมไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายนัก แต่เป็นเรื่องของเคนตะทีไรน้ำตาพาลจะไหลทุกทีสิน่า
    แต่ถึงผมจะเจ็บแค่ไหน ก็คงไม่เท่ากับที่เคนตะเจ็บ หากเคนตะเจ็บผมก็รู้เจ็บด้วย ทำไมกันนะความรักทำให้คนเราเป็นได้มากขนาดนี้เลยหรอ
    ผมได้แต่ยืนมองเคนตะอยู่แบบนั้นในขณะที่เคนตะก็ได้แต่มองพี่แจ๊คกับพี่เชนจนลับตาไป
    เขาค่อยๆหันกลับมาก็พบว่าผมยืนมองเค้าอยู่ เค้าดูตกใจนิดหน่อย ผมก็ไม่รู้ว่าที่เค้าตกใจเพราะว่ากลัวว่าผมจะเห็นว่าเค้ามองพี่แจ๊คด้วยสายตาแบบไหน หรือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มผมกันนะ เอ๊ะ! น้ำตา นี่ผมร้องไห้หรอ ไม่นะผมจะร้องไห้ให้เขาเห็นไม่ได้ เคนตะเดินเข้ามาหาผมด้วยความรวดเร็ว พลางจับไหล่ผมและถามด้วยเสียงนุ่มๆว่า
    โทโมะนายไม่เป็นไรใช่ไหม นายร้องไห้ทำไมกัน หรือว่านายปวดท้องแบบเมื่อวานอีกหรอ นายเป็นอะไรไปโทโมะทำไมนายไม่ตอบฉันล่ะ อย่าร้องไห้สิ เคนตะว่าพลางละมือออกจากไหล่ของผม และยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา
    ฉ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก คงแค่ฝุ่นเข้าตานายอย่าใส่ใจเลยรีบขึ้นรถเถอะ เขื่อนคงบ่นแย่แล้ว ผมว่าพลางเช็ดน้ำตาให้ตัวเองอย่างลวกอีกๆ และดันแผ่นหลังของเคนตะให้ขึ้นไปบนรถตู้ที่มีเพื่อนๆสมาชิกรออยู่
    .......................................
    ..................................
    .............................
    ........................
    ....................
    .............
    .........
    ......
    ....
    ..
    .
    ตลอดที่นั่งรถมาที่ถ่ายแบบ รู้สึกว่าเคนตะจะจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาเป็นห่วงและเต็มไปด้วยคำถาม คำถามที่ว่าก็คงไม่พ้นที่ผมร้องไห้ แต่ใครจะไปตอบเค้าได้ล่ะ
    ให้ตอบว่าเพราะฉันรักนายจนแทบบ้าพอเห็นนายรักคนอื่นเลยเจ็บปวดจนร้องไห้หรอ นั่นน่ะเป็นเรื่องสุดท้ายในโลกที่ผมจะทำ ยังไงผมก็จะไม่มีวันยอมให้เคนตะเกลียดผมหรอกนะ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเจ็บที่ไม่ได้บอกความในใจให้เค้าได้ฟังก็ตาม





    พอมาถึงสตูดิโอที่ถ่ายแบบ คอนเซ็ปในครั้งนี้ก็คือ ความรัก เพื่อให้เหมาะกับวาเลนไทน์ ที่จะมาถึงเร็วๆนี้
    และแน่นอนว่าผมจะต้องถ่ายคู่กับเคนตะ ในขณะที่ป๊อปปี้จะต้องถ่ายเดียว และเขื่อนกับจองเบถ่ายคู่กัน
    ให้ตายเถอะผมไม่อยากถ่ายคู่กับเคนตะในเวลานี้จริงๆ ในเวลาที่เค้ามีแต่คำถามเรื่องน้ำตาของผม พระเจ้าได้โปรดให้เค้าลืมๆเรื่องน้ำตาของผมไปเถอะ ผมไม่อยากจะตอบอะไรทั้งน้านนนนนน~~

    และแล้วเวลาที่ผมไม่อยากให้มาถึงที่สุดก็มาถึงผมเดินเข้าไปในฉากอย่างเชื่องช้าเพื่อถ่วงเวลาที่จะได้อยู่ใกล้เค้าแต่ถึงจะถ่วงเวลายังไงมันก็ต้องเดินไปถึงอยู่ดี เฮ้ออออ~
    พอผมเข้ามาถึงในฉาก คุณพี่ตากล้องก็บอกให้เรา2คนทำท่ากอดคอกัน ให้ตายเถอะ ผมต้องพูดคำนี้วันละกี่รอบกันนะ
    ผมไม่อยากเข้าใกล้เข้า ทำไมพี่ตากล้องไม่เห็นใจผมสักนิด ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปทางเค้า อย่างที่เคยทำเวลาขอของเล่นแม่ตอนเด็กๆ แต่ว่ามันไม่ได้ผล โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~ ทำยังไงดี ใจผมมันเต้จนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ถ้าอยู่ใกล้ขนาดนี้ เคนตะก็ต้องได้ยินเสียงหัวใจของผมแน่ๆ ไม่นะๆๆ โฮ~~~ แม่ครับช่วยผมด้วย



    พวกเรา2คนเคลื่อนไหวไปตามที่ช่างกล้องบอก ทั้งหันข้าง หันหน้า จนกระทั่งช่างกล้องสั่งให้เรา2คนหันหน้าเข้าหากัน แถมยังบังคับให้จ้องตากันอีก ให้ตายเหอะ(ผมพูดคำนี้อีกแล้ว) หัวใจของผมทำไมถึงได้เต้นแรงอย่างงี้ ผมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน ไม่ไหวๆ ผมจ้องตากับเคนตะตรงๆแบบนี้ไม่ได้หรอก ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ
    ผมจะทำไงดี
    โทโมะ มองหน้าเคนตะสิ พี่บอกให้มองหน้าไม่ได้ให้มองเท้าของเคนตะนะ พี่ช่างกล้องว่า
    เพราะบอกเท่าไหร่โทโมะก็เอาแต่จ้องเท้าของเคนตะ ไม่รู้เท้าของเคนตะมันมีดีกว่าหน้าตรงไหน งงจริงๆ
    เอ่อ.......พี่ครับ ผม............เปลี่ยนท่าไม่ได้หรอครับ ผมถามอย่างลำบากใจ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเคนตะ แต่ถ้าเค้าจ้องตาผม เค้าจะต้องเห็นแน่ๆ เค้าจะต้องเห็น.....ว่าผมรู้สึกยังไงกับเค้า ไม่ได้นะเค้าจะรู้ไม่ได้

    ในขณะที่ความคิดของผมกำลังตีกันในหัว มือของเคนตะก็เชยหน้าผมขึ้นมา ให้ตรงกับใบหน้าของเขา
    โทโมะ นายรังเกียจฉันหรอถึงไม่ยอมมองหน้าน่ะหรือว่าเท้าฉันมันมีดีกว่าหน้าฉันหรือไง เคนตะปั้นหน้าน้อยใจเต็มที่ แต่ที่จริง เค้ากำลังกลั้นหัวเราะกับพฤติกรรมน่ารักๆของโทโมะต่างหาก
    เปล่านะ ผมปฏิเสธเสียงดังลั่น ใครจะไปรังเกียจเค้าลงล่ะ ก็ผม.......รักเค้ามากซะขนาดนี้
    ฮืม??.......แล้วทำไมถึงไม่มองหน้าฉันล่ะ เคนตะยื่นหน้าเข้าไปใกล้โทโมะขึ้นอีกจนปลายจมูกของทั้ง2คนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

    ไอ้บ้าเคนตะนายจะทำให้ฉันขาดอากาศหายใจตายเพราะนายหรือไง อย่ายื่นหน้ามาใกล้ๆฉันอย่างงี้ได้ไหม
    อ๊ากกกกกกก แม่ครับ ทำไมใจผมถึงเต้นแรงแบบนี้และอีกอย่างทำไมเคนตะถึงหล่อขนาดนี้ล่ะ >///<~~

    ก็ตอนนี้ฉันก็มองหน้านายอยู่แล้วไง ปล่อยมือนายที่จับคางฉันได้หรือยังล่ะ โทโมะพูดพลางพยายามดึงมือของเคนตะออกจากคางของตัวเอง
    อ้อ.....ฮ่าๆๆได้สิ เคนตะว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง ก็โทโมะน่ารักซะขนาดนี้มันอดให้เค้าเอ็นดูไม่ได้จริงๆ

    ส่วนพี่ตากล้องของเราคงไม่ต้องให้เดา พี่แกถ่ายรูปต่อตั้งแต่ตอนที่เคนตะเชยคางโทโมะขึ้นมามองหน้ากับตัวเองแล้ว

    อ่า..............เสร็จแล้วเคนตะโทโมะพักได้ พี่ตากล้องจอมเรื่องมาก(โทโมะบอกมา) ตะโกนออกมา
    เอ๊ะ!! เสร็จแล้วหรอครับ ผมกับเคนตะยังไม่ได้ทำอะไรเลย โทโมะอดที่จะสังสัยไม่ได้ก็เค้ายังไม่ได้จ้องตาเคนตะเพื่อแอ๊คท่าอย่างที่พี่ตากล้องเรื่องมากต้องการเลยนี่นา

    หรือว่า......................................................................................

    ก็เมื่อกี้ตั้งแต่เคนตะเชยหน้าเราขึ้นมาพี่ก็ถ่ายไว้แล้ว ภาพสวยจริงๆแล้วเดี๋ยวพี่จะส่งไปให้เรา2คนดูก่อนเลย พูดจบก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากมีควาสุขอยู่คนเดียว แต่คนที่ช็อคค้างไปแล้วก็คงไม่พ้นโทโมะ

    ว่าอะไรนะถ่ายภาพไปแล้วภาพที่ผมกับเคนตะปลายจมูกแทบจะชนกันเนี่ย บ้าๆๆๆๆๆบ้าแล้วแน่ๆ อ๊ากกกกกกกนี่มันวันวิบัติอะไรกันเนี่ย โทโมะได้แต่ตะโกนก้องอยู่ในใจทั้งๆที่ใบหน้าเค้าตอนนี้กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างสุดๆ
    ทั้งตาที่เบิกกว้างและปากที่อ้าหวอ ทำให้คนที่ยืนมองอยู่นานแล้วอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้ พลางกระซิบที่หู
    นี่นายแมลงวันเข้าปากแล้ว พูดเสร็จก็เดินผ่านโทโมะไปอย่างสบายๆ ปล่อยให้โทโมะที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้นได้แต่ประมวลคำพูดของคนที่เพิ่งเดินจากไป

    อะไรนะ แมลงวันเข้ามาอย่างงั้นหรอ??

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้บ้าเคนตะนายกลับมาเลยนะ พูดเสร็จโทโมะก็วิ่งตามเคนตะไป
    เหลือไว้เพียงพี่ตากล้องเรื่องมากที่มอง2หนุ่มด้วยสายตากลุ้มกลิ่ม ทำท่าอย่างกับรู้ความลับอะไรที่มันสนุกอย่างั้นแหละ ว่าแล้วพี่ตากล้องแกก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง (ดูท่าพี่แกจะบ้าจริงๆ)

    .
    ..
    .


    .
    .
    ..
    .

    10.02.08
    วันนี้เป็นวันที่ชีวิตของผมวุ่นวายอย่างถึงที่สุด ทำไมกันน่ะหรอ ไม่น่าถาม มันทั้งเป็นวันที่ผมมีความสุขความทุกข์ไปพร้อมๆกัน ผมมีความสุขที่ผมได้อยู่ใกล้กับเค้า แต่ผมก็ทุกข์ใจที่ได้เห็นคนที่เค้ารักซึ่งคนคนนั้น.............ไม่ใช่ผม
    วันนี้ผมเห็นว่าเค้ามองคนที่เค้ารักจนสุดสายตา ผมไม่เห็นจะเข้าใจเค้าเลย ทั้งๆที่เจ็บปวดที่จะรักคนที่มีเจ้าของแต่เค้าก็ยังดึงดันที่จะรักหรือมันจะเหมือนกับผมในตอนนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ก็ยังดื้อดึงที่จะรักเค้าอยู่
    เมื่อเห็นเค้าทุกข์ผมกลับรู้สึกทุกข์หนักกว่าเค้า ผมไม่เคยจะร้องไห้ด้วยเรื่องไร้สาระพวกนี้แต่เพียงแค่เห็นเค้าทำสีหน้าเจ็บปวด ผมกลับทนไม่ได้จนน้ำตาไหลออกมา และนั่นก็ทำให้เค้าสงสัยผม ถึงผมจะดีใจที่เค้าดูจะสนใจผมและเป็นห่วง แต่ว่าผมก็กลัวใจตัวเองจริงๆ ยิ่งเค้าเข้ามาใกล้เท่าไหร่ใจของผมก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นทุกที ผมไม่อยากให้เค้ารู้จริงๆว่าผมรู้สึกยังไงกับเค้า ผมกลัวจัง กลัวว่าถ้าวันนึงเค้ารู้เค้าจะไม่แม้แต่จะมองหน้าผม ผมสับสนจริงๆ.............



    วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยจริงๆ ผมปิดไดอารี่ที่ระบายความรู้สึกของผมที่มีต่อเค้ามาเป็นเวลานานลง
    เมื่อไหร่กันนะเคนตะ เมื่อไหร่นายจะเลิกรักพี่แจ๊ค เพียงแค่คิดเท่านั้นผมก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตามันพาลจะไหลอีกแล้ว นี่ผมชักจะอ่อนแอเกินไปแล้วนะ เข้มแข็งไว้สิโทโมะ เข้มแข็งไว้
    ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น แต่ทำไมกันนะ น้ำตากลับยิ่งไหล ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากร้องไห้นะ
    หยุดนะไอ้น้ำตาบ้า นายจะเจ็บแทนเคนตะทำไม หยุดเดี๋ยวนี้นะ
    ฮึก... เสียงสะอื้นแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของโทโมะที่พยายามกลั้นมันไว้อย่างเต็มที่ เพราะเค้าไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจึงไม่อยากให้ตัวเองปล่อยเสียงร้องไห้ที่เค้าเกลียดหนักหนาออกมา
    โทโมะนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย




    แต่ใครจะรู้โชคชะตามักจะเล่นตลกกับคน บางทีในวันพรุ่งนี้โทโมะอาจจะไม่ต้องนอนร้องไห้อีกแล้วก็ได้

    TBC
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น