อิงเป่ยหันไปมองก็พบกับชายวัยกลางคนแต่งตัวดี หน้าตาคมเข้ม
สวมเกราะสีทอง ร่างกายกำยำ น่าตาดุดัน น่าเกรงขาม ถือดาบขนาดใหญ่กำลังเดินมาทางกลุ่มของอิงเป่ยพร้อมกับอีก4คนที่เดินตามมาข้างๆฝั่งละ2คน ซ้าย ขวา
"พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งไปรึไง ถึงไม่รีบนำของที่พวกเจ้าได้จากข้างในนั้นออกมา แล้วส่งให้ข้าเดี๋ยวนี้"
อิงเป่ยได้แต่ตะลึงกับคำพูดของบุคคลตรงหน้า ที่กล่าวแบบนั้นออกมา
"เอ่อ...นี่..ล้อข้าเล่นรึไง ทำไมข้าต้องฟังคำสั่งของเจ้าด้วย"อิงเป่ยรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
"โอ้..นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากล่าวอะไรแบบนี้กับข้าอยู่อีกรึเนี้ย ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ"
"ฮ่าๆฮ่า เจ้ากำลังผายลมอะไรออกมาน่ะ ที่ต่ำ ที่สูงรึ พลังก็งั้นๆทำมาเป็นอวดเบ่งใส่คนอื่น คนที่ไม่รู้จักที่ ต่ำที่สูงน่ะ มันเจ้าไม่ใช่ข้า"
อิงเป่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับต่อว่าชายวัยกลางคนออกไปโดยไม่ไว้หน้าเลยซักนิด ทำให้ชายวัยกลางคนคิ้วกระตุกทันที พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น จ้องมองไปที่อิงเป่ยด้วยความโกรธที่ถูกกล่าวเย้ยหยันกลับมา
"เจ้า....ในเมื่อพวกเจ้าไม่ฟังคำกล่าวของข้า ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน"
แรงกดดันที่เกิดชายวัยกลางคนนั้นแทบจะทำให้หยางซุยหลิงกับอี้หลิวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว อิงเป่ยจึงเดินไปยืนด้านหน้าของทั้ง2ทันที แล้วปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้ทั้ง 2 รู้สึกดีขึ้น
สายตาของอิงเป่ยจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนที่ส่งแรงกดดันมาที่พวกเขาต้องชะงักทันที เมื่อรู้สึกผิดปกติกับชายหนุ่มตรงหน้า
"หืม..ไม่นึกว่าเจ้าจะมีพลังปราณสูงส่งถึงเพียงนี้ ที่สามารถปลดปล่อยออกมาต้านแรงกดดันที่ข้าส่งไปได้ น่าชื่นชมจริงๆ"
"ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าเจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกข้าเข้าไปด้านในทางลับก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยที่จะมาพูดจาแบบนี้"
"ชิชะ เจ้าจะไปรู้อะไร ข้าเตียวคงจื่อ ได้พบเจอกับสถานที่ตรงนี้ก่อนหน้าเจ้าจะมาซะอีก จึงได้กลับไปที่ตระกูลเพื่อศึกษาอักษรที่สลักไว้ที่ป้ายหินนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจ และคิดจะเคลื่อนย้ายป้ายหินนั้นกลับไปด้วยแต่ก็ทำไม่ได้ "
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้ากันเล่า แถมเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนนำสมบัติออกมาซะหน่อย แล้วจะให้ข้าส่งให้เจ้า มันไม่ไม่ง่ายไปหน่อยหรอ"
"ฮ่าๆฮ่าๆตอนแรกข้าก็จะหาทางเข้าไปอยู่เหมือนกัน แต่ข้ามาช้าไปจึงได้แต่รอให้พวกเจ้าออกมาจากด้านในนั้นแล้วค่อยให้พวกเจ้าส่งสมบัติให้ข้า"
เตียวกงจื่อกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่าสมบัตินั้นตกเป็นของตนแล้ว
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมถึงมีเหล่าทหารมาตอนรับขนาดนี้"
"มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ข้าจะมีทหารมากมาย คนที่กำลังลำบากมันคือพวกเจ้าต่างหาก"
"ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจซะเหลือเกินนะ ว่าจะทำอะไรพวกข้าได้ พลังก็แค่ขั้นเซียนระดับ8ยังจะมาอวดเบ่งอยู่ได้ ต่อให้เจ้ามีทหารเยอะแล้วไง"
ครืนนน!! พลังปราณขั้นเทพสงครามส่งแรงกดดันออกมาอย่างน่าหวาดหวั่นทำให้เหล่าทหารที่ยืนล้อมพวกอิงเป่ยไว้ถึงกับสั่นสะท้านเลือดลมปั่นป่วนทรุดตัวลงนอนติดกับพื้นพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมา บางคนถึงกับทนไม่ไหวร่างกายระเบิดทันที
อึก! อ๊ากกก!! พรวดดด! "ท่านแม่ทัพพลังปราณนั่นมันขั้นเทพสงครามเลยนะ ข้าว่าเราคงสู้มันไม่ได้ คงต้องถอยกันก่อน ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด"
เตียวคงจื่อ เหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากพร้อมกับความหวาดกลัว แต่ก็ยังมีสติอยู่จึงทำการบีบหยกในมือจนแตก จนเกิดเป็นประตูมิติขึ้นทางด้านหลังขึ้นมา พร้อมกับรีบกระโดดเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ก่อนจะไม่มีโอกาส แต่มีรึอิงเป่ยจะปล่อยให้ เตียวคงจื่อหนีไปง่ายๆแบบนี้
ฟุบ!! เห็นเพียงแค่แสงเป็นลิ้ววาดผ่านสายตาของผู้คุ้มกันทั้ง4คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเท่านั้น
"อ๊ะ!! แย่แล้วท่านแม่ทัพระวังตัวด้วย"
ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลงก็อิงเป่ยก็ได้หายวับเข้าไปในประตูมิติแล้ว ทำให้ เตียวคงจื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอันมากล้นพร้อมกับจิตสังหารอันเข้มข้นทางด้านหลังของตน จึงได้หันหน้ากลับไปมอง
เหวอออ!!! เจ้ามาได้ไงเนี้ย!?ด้วยความตกใจอย่างสุดขีดจึงได้ซัดหมัดด้วยพลังเต็ม10ส่วนออกไปทันทีด้วยสัญชาตญาณ
"หมัดเพลิงสังหาร"เปลวเพลิงอันร้อนแรงแผดเผาพุ่งตรงไปยังอิงเป่ย
อย่างรวดเร็ว
อิงเป่ยมองดูลูกไฟที่พุ่งมาทางตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้ววาดฝ่ามือปัดพลังนั้นเพียงเบาๆก็ทำให้ลูกไฟนั้นสลายหายไปทันที
"หืม..นี่มัน..."เมื่อเห็นว่าพลังที่ตนซัดออกไปนั้นไม่สามารถทำอันใดให้แก่อิงเป่ยได้เลย ก็ตัดสินใจรีบพุ่งทะยานมุ่งตรงไปยังค่ายกองกำลังของตนทันที พร้อมกับส่งข้อความผ่านหยกสื่อสารไปยังพี่ชายของตนเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
ตระกูลเตียวที่ห้องโถงรับแขกขณะที่ เตียวกงจื่อกำลังนั่งปรึกษาเรื่องที่จินตงไป๋มาขอความช่วยเหลือจากตนอยู่ในขณะนั้น หยกสื่อสารก็เปล่งแสงขึ้นมาพร้อมกับข้อความที่ทำให้ทั้ง2ต้องตกตะลึงทันที
"พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วยมีคนกำลังตามล่าข้าอยู่ตอนนี้"
"ห๊ะ! เจ้าว่าอะไรนะ มีใครกำลังตามล่าเจ้าอย่างนั้นรึ"
"เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ข้าไม่รู้จัก พลังปราณมันอยู่ขั้นเทพสงคราม ข้าสู้มันไม่ได้"
"อะไรนะชายหนุ่ม พลังขั้นเทพสงคราม มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน มิน่ามันถึงได้ฮึกเหิมขนาดนี้"
จินตงไป๋ที่นั่งอยู่พลันคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที ลางสังหรณ์บอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
"ข้าต้องไปช่วยน้องชายข้าก่อน เรื่องที่คุยกันเอาไว้แค่นี้ก่อนนะ "
"ไม่เป็นไร ช่วยคนสำคัญกว่า เดี๋ยวข้าจะไปช่วยเจ้าอีกแรง"
"ขอบใจเจ้ามาก เราไปกันเถอะ"
เตียวกงจื่อกับจินตงไป๋รีบพุ่งทะยานออกจากห้องโถงด้วยความเร็วสูงสุด ไปยังที่ที่น้องชายของตนกำลังถูกไล่ล่าอยู่
อิงเป่ยไม่ได้สนใจกับการกระทำของเตียวคงจื่อเลยซักนิด ที่ใช้หยกสื่อสารขอความช่วยเหลือออกไป ถ้าจะสังหารเตียวคงจื่อมันง่ายยิ่งกว่าพลึกฝ่ามือซะอีก แต่ก็ไม่ทำ
ส่วนทางด้าน หยางซุยหลิง อี้หลิว กับถิงเฟยเหยา เมื่อเห็นอิงเป่ยหายวับไปก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะตามเตียวคงจื่อเข้าประตูวาปไปแล้วแน่นอน
แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่สามารถจะตามไปได้ แต่จู่ๆถิงเฟยเหยาก็เปิดประตูมิติขึ้นมาทำให้หยางซุยหลิงกับอี้หลิวตกตะลึง นิ่งค้างเป็นรูปปั้นไปแล้ว
"นี่พวกเจ้าทั้ง2จะยืนนิ่งกันไปถึงไหน จะไม่ตามไปพร้อมข้าอย่างนั้นหรอ"
อ๊ะ! เมื่อสติกลับมาก็เห็นถิงเฟยเหยากระโดดเข้าประตูมิติไปจึงได้รีบกระโดดตามเข้าไปทันที
เมื่อทั้ง3พุ่งออกจากประตูมิติมา ก็พบเข้ากับเมืองป้อมปราการทมิฬแห่งอาณาจักรต้าหลัว ที่เป็นปราการด่านแรกที่ปกป้องอาณาจักรมาช้านานเมื่อมองก็ต้องทึ่งกับความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรต้าหลัวแห่งนี้ กำแพงสีดำทมิฬสูงทอดยาวจนสุดสายตา
ที่นอกเขตกำแพงเมืองรอบนอกมีบุคคล2คนที่กำลังเหาะไล่ตามกันอยู่
หยางซุยหลิงกวาดสายตาขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองหาตัวตนของอิงเป่ยที่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่นานก็พบเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ2จุดที่กำลังเคลื่อนไหว
"นั่นไงเจอแล้ว พวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะตามไปไม่ทัน"
เตียวคงจื่อเมื่อเหาะมาถึงค่ายทหารของตนเองก็รีบพุ่งทะยานลงไปทันที พร้อมกับตะโกนออกคำสั่งให้ทหารที่รักษาการอยู่ในค่ายเตรียมตัวรับมือกับอิงเป่ยทันที
"พวกเจ้าทุกคนจงฟัง เตรียมพร้อมตั้งรับการโจมตีจากชายหนุ่มคนนั้น อย่าให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้"
"เข้าใจแล้ว ขอรับท่านแม่ทัพ"
เหล่าทหารต่างวิ่งกันให้วุ่นรีบประจำตำแหน่งของตนเองทันที เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าก็พบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนจ้องมองลงมายังค่ายทหารด้วยท่าทางนิ่งเฉย ใบหน้านิ่งเงียบขรึม
ครืนนน!! พลังปราณที่อิงเป่ยปลดปล่อยออกมา สร้างแรงกดดันให้เหล่าทหารที่อยู่ในค่าย จนต้องทรุดตัวลงนอนแนบพื้น พลังปราณในร่างกายปั่นป่วน ไม่สามารถควบคุมได้ จนต้องกระอักเลือดออกมา
อึก!! "ท่าน...แม่ทัพ..นี่มันเรื่องอะไรกัน..ทำไมคนที่มีพลังปราณระดับนี้ถึงต้องตามท่านแม่ทัพกัน..."
เตียวคงจื่อที่ทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่ที่พื้น เหงื่อผุดเต็มใบหน้า เคร่งเครียดกัดฟันแน่น รีดเค้นพลังปราณออกมาต้านรับเอาไว้ ได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามอะไรแม้แต่น้อย
"หืม..ดูเหมือนจะมีแขกกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้สินะ ก็ดีเหมือนกันจะได้ทำให้มันจบๆไป" อิงเป่ยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปทางขวาจ้องมองออกไป
แรงกดดันที่อิงเป่ยสร้างขึ้นก็พลันสลายหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหล่าทหารสูดลมหายใจโล่งอกทันที เตียวคงจื่อ ฉีกยิ้มจนแก้มแทบฉีกเมื่อรับรู้ถึงพลังปราณที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ พร้อมกับหัวเราะออกมา
"ฮ่าๆฮ่าๆ เจ้าไม่รอดแน่นอน เมื่อพี่ชายข้ามาถึง เจ้าจะร้องขอชีวิตมันก็สายไปแล้ว"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเตียวคงจื่อ อิงเป่ยได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับความโง่เขลาของเตียวคงจื่อ
ไม่นาน เตียวกงจื่อกับจินตงไป๋ก็มาถึง พร้อมกับตะโกนถามชายหนุ่มตรงหน้าทันที
"เจ้าเองรึ ที่กล้าทำร้ายน้องชายข้า ใจกล้าดีนิ"
หึหึ!! เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกในลำคอพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าหวาดหวั่นปรากฎขึ้นบนใบหน้า จินตงไป๋ถึงกับขนลุก ร่างกายสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ ความทรงจำเมื่อครั้งก่อนก็ได้ผุดขึ้นมาย้ำเตือน สัญชาตญาณได้ร้องเตือนทันทีว่า หายนะ ได้มาเยือนแล้ว
เตียวกงจื่อเห็นท่าทางของจินตงไป๋เปลี่ยนไปจึงได้รีบกล่าวถามทันที
"หืม..เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน ตั้งแต่ที่มาถึงนี่แล้วนะ อย่าบอกนะว่าเจ้ากำลังกลัวไอ้เด็กเหลือขอนั่นอยู่"
จินตงไป๋พูดตะกุกตะกัก "ข้าว่า..ท่านอย่า..ไป..ยุ่งกับมันดีกว่านะ"
"เจ้าจะกลัวมันไปทำไม กะอีแค่เด็กเหลือขอคนเดียว.... "
ระหว่างที่ทั้ง2กำลังพูดคุยกันอยู่ ก็มีเสียงกล่าวขัดทั้ง2
"โอ้ ไม่ได้พบกันตั้งนานจำข้าได้รึเปล่า" จินตงไป๋!!
เฮือกก!!เสียงนี่ทำให้จินตงไป๋ถึงกับหายใจติดขัด หน้าซีด แทบจะร่วงหล่นลงไปกระแทกพื้นด้านล่างทันที ถ้าไม่ได้เตียวกงจื่อ คว้าจับแขนเอาไว้
"นี่เจ้ารู้จักกับมันอย่างนั้นรึ อย่าบอกนะว่า...."
จินตงไป๋หายใจหอบก่อนจะพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่เตียวกงจื่อจะได้กล่าวอะไรออกมาก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นมาซะก่อน
ครืนนน! หวิววว! เปรี้ยงง! จู่ๆท้องฟ้าก็ปั่นป่วน ความมืดเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว เสียง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลมกรรโชกรุนแรง คลื่นพลังอันน่าสะอิดสะเอียนเข้าปกคลุมน่านฟ้าข้างบนเกิดเป็นช่องว่างมิติขึ้นหลายสิบอัน บุคคลปริศนาสวมชุดคลุมสีดำปกปิดทั้งตัว สวมหน้ากากสีเงินเต็มใบ กำลังเคลื่อนตัวออกมาจาก ช่องมิตินั้น
ภาพที่ปรากฎขึ้นนี้ทำให้อิงเป่ยต้องขมวดคิ้วแน่น รู้สึกถึงแรงกดดันกดทับลงมา กลิ่นอายความตายแผ่ขยายไปทั่ว ทำให้เหล่าทหาร ขนลุก เหมือนความตายกำลังคลืบคลานเข้ามาก็ไม่ปาน
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี้ย คนพวกนี้มาจากไหนกัน"เตียวกงจื่อกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
หลังจากนั้นก็มีหัวหน้าคนปริศนาค่อยๆลอยออกมาอยู่ด้านหน้าของคนเหล่านั้น แล้วกล่าวทักทายออกมา
"ข้าเหยาเย่วหัวหน้าหน่วย เงาทมิฬ ยินดีที่ได้พบพวกเจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลาทั้งหลาย"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย