หลังจากที่ประมุขและผู้อาวุโสเดินกลับมาถึงตระกูลก็ประกาศให้ทุกคนทราบว่า ตระกูลชิวจะทำการสนับสนุนตระกูลอิง ซึ่งทำให้มีหลายคนไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงได้กล่าวถามกับประมุขทันที
"ท่านประมุขทำไมเราต้องสนับสนุนตระกูลที่พึ่งจะก่อตั้งมาด้วยล่ะ ตระกูลเราแข็งแกร่งที่สุดตอนนี้ ทำไมต้องกลัวตระกูลใหม่นั่นด้วย"
"เฮ้อ! แต่ก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้ตระกูลอิงนั้นพึ่งจะก่อตั้งขึ้นมา แต่ความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจสั่นคลอนได้ ข้ากับผู้อาวุโส1ไปทดสอบมาด้วยตัวเองแล้ว ยืนยันได้ว่าเป็นของจริง"
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ข้า งง ไปหมดแล้วเนี้ย"
"ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆถ้าท่านประมุขและผู้อาวุโส1ไม่ยืนยันด้วยตนเองแบบนี้ ข้าคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกไปแล้ว"
"ท่านประมุขถ้าตระกูลอื่นรู้เข้า เราจะไม่ถูกเยาะเย้ยกันหรอกรึ"
ระหว่างตระกูลชิวล่มสลายกับสนับสนุนตระกูลอิง เจ้าจะเลือกข้อไหน
เมื่อเจอคำถามแบบนี้ไปจะมีคนโง่ที่ไหนตอบข้อแรกกัน ทุกคนที่เคยถามต่างพากันเงียบกริบ เข้าใจในคำถามทันที
"ข้าอยากเตือนพวกเจ้าเอาไว้ ณ ตอนนี้เลยว่าอย่าได้สร้างความวุ่นวายในเมืองแดนเหนือแห่งนี้เด็ดขาด ถ้าใครไม่ฟังที่ข้าเตือน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะไม่ช่วยถึงแม้จะเป็นบุตรของข้าก็ตาม"
"แล้วพวกเราต้องเสียอะไรให้กับตระกูลอิงนั่นรึเปล่า ท่านประมุข"
"ไม่มีอะไรต้องเสียทุกอย่างก็เหมือนปกติ เพียงแต่มีข้อแม้เท่านั้น"
"ข้อแม้อะไรรึท่านประมุข"
"ห้ามสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านในเมืองนี้เด็ดขาด"
ทุกคนต่างทำหน้าสงสัย กับคำตอบของท่านประมุข
"แค่นี้จริงๆหรอท่านประมุข นี่มันธรรมดาเกินไปแล้ว"
"พวกเจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นกับพวกเจ้ารึไงกัน แยกย้ายกันไปได้แล้ว อย่าลืมคำเตือนที่ข้าพูดไปล่ะ"
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ชิวเอ้อเหลียงก็เดินไปยังห้องลับที่ผู้อาวุโส1พักรักษาตัวอยู่
"ผู้อาวุโส1ท่านเป็นไงบ้าง"
"อืม..ก็ใกล้จะหายเป็นปกติแล้วล่ะ"
"ข้าจะจัดงานศพให้บุตรชายข้ายังไงดีล่ะ ศพก็ไม่มี คงต้องทำเพียงป้ายวิญญาณขึ้นมาเท่านั้น"
"ข้าว่าท่านประมุขอย่าบอกให้คนในตระกูลรู้จะดีกว่านะ เดี๋ยวมันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น"
"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านผู้อาวุโส1 กันไว้ดีกว่าแก้"
"ข้าว่าจะลองไปพูดกับผู้นำตระกูลอิง อีกซักครั้ง ท่านจะไปกับข้ารึเปล่า "
"ข้าต้องไปแน่นอนข้าก็อยากรู้ว่าเขามาจากที่ไหน อายุยังน้อยแต่ไปถึงระดับนั้นได้"
"เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าไปล่ะ"
หลายวันต่อมาข่าวลือเกี่ยวตระกูลอิงก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือคนที่อยู่ในสลัมทั้งหมดเข้าไปอยู่ในตระกูล ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างถูกสั่งให้ไปส่งอยู่บ่อยๆ ทั้งข้าว ผัก เนื้อ ผลไม้ ก็เช่นกัน ทำให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
ตระกูลชิวก็เปลี่ยนไปจนชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าตระกูลชิวจะมาไม้ไหนอีก ที่ทำตัวดี ไม่กดขี่ข่มเหงผู้คนเหมือนแต่ก่อน ทำให้เมืองแดนเหนือน่าอยู่ขึ้น
ทำให้ราชวงศ์แปลกใจกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะตระกูลชิว ที่เป็นปัญหามากที่สุด ทำให้ทางราชวงศ์ไม่กล้าเข้ามายุ่งเพราะความแข็งแกร่งนั่นไม่เท่าตระกูลชิว ถึงแม้จะมีทหารมากมายแต่ก็เป็นทหารระดับทั่วไป จะบอกว่าราชวงศ์ไม่มีทรัพยากรมากพอจะพัฒนากองทัพก็ว่าได้ ต้นเหตุก็มาจากตระกูลชิว และตระกูลต่างๆทั้งนั้น
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ตระกูลอิงมาก่อตั้งที่เมืองนี้ จนทุกคนคิดไปทางเดียวกันว่า ทุกอย่างเป็นเพราะตระกูลิง นั้นเอง
ครึ่งเดือนต่อมา
อิงเป่ยได้ไปที่กรมจัดสรรที่ดินอีกครั้ง เพื่อซื้อสถานที่เปิดกิจการร้านค้าที่เป็นของตระกูลอิงขึ้นมา เพื่อจะให้คนมนตระกูลได้มีงานทำตามที่ได้บอกกล่าวเอาไว้
เมื่ออิงเป่ยเดินเข้ามาก็มีพนักงานมาต้อนรับ แล้วพาเดินไปยังห้องด้านใน
"เชิญด้านในเลยเจ้าค่ะคุณชาย"
เหวินซีเห็นคนที่เข้ามาก็รีบลุกจากเก้าอี้เข้ามาทักทายอิงเป่ยทันที
"ข้าดีใจจริงๆที่ได้พบคุณชายอีกครั้ง วันนี้มีอะไรให้ข้าช่วยรึ"
"อืม..ข้าต้องการสถานที่ใช้เปิดกิจการร้านค้าน่ะ ท่านพอจะแนะนำข้าได้รึเปล่า"
"โอ้! คุณชายจะเปิดกิจการอย่างนั้นรึ น่าสนใจ ข้าต้องขอเวลาซักครู่ เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะทำเลดีให้ น่าจะมีอยู่3แห่ง ที่ข้าพึ่งจะรับซื่อต่อมาพร้อมกับตระกูลจินเมื่อครั้งนั้น ท่านสนใจรึเปล่า"
"แล้วสถานที่พวกนั้นอยู่ส่วนไหนของเมืองล่ะ"
"อยู่ใกล้ๆกับตระกูลจินที่ท่านซื้อไป ตอนนี้ข้าคงเรียกว่าตระกูลอิงแล้วสินะ ซึ่งร้านค้าจะอยู่รอบตระกูลอิงทิศเหนือ ตระวันตก ตระวันออก ของตึกตระกูลเลย"
"อ่ะ พอดีเลย ข้าก็สนใจอยู่เห็นมันว่างๆเลยจะมาคุยที่แท้ก็เป็นร้านค้าเก่าตระกูลจิน แล้วราคามันเท่าไหร่รึ ข้าต้องการทั้ง3เลย"
"เอ่อ..คือว่า ข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทมาว่า ถ้าท่านมาติดต่อเรื่องที่ดินอีกครั้งอยากจะแลกเปลี่ยนเป็นอาวุธจากคุณชายได้รึเปล่า"
"อ้อ เรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหา แล้วข้าต้องใช้แลกเท่าไหร่ล่ะ"
"คุณชายไม่ต้องกังวล อาวุธ1ชิ้นต่อร้านค้า1หลัง "
"อืม..ข้าตกลง แล้วเจ้าต้องการอาวุธอะไรล่ะ ในการแลกเปลี่ยน"
"ขอเป็นชุดเกราะกับอาวุธ "
อิงเป่ยหยิบชุดเกราะระดับเซียนออกมา1อันแล้วหยิบทวนกับดาบออกมาอย่างละชิ้น แล้ววางลงที่โต๊ะ
"3สิ่งนี้เป็นยังไง แต่ละชิ้นอยู่ละดับเซียน"
"ถ้ามีของพวกนี้คงจะทำให้สู้กับสัตว์อสูรได้แน่นอน ข้าเหวินซีขอบคุณมากที่ไม่ปฎิเสธคำขอของฝ่าบาท ข้าขอบคุณจริงๆ"
"สัตว์อสูรอย่างนั้นรึ! ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังได้รึเปล่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"ได้สิ มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อยู่ๆก็มีสัตว์อสูรออกมาเผ่นพ้านที่เขตปลอดภัยซึ่งจะมีทหารคอยลาดตะเวนรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่ออกมาหาของป่าไปขาย ตอนแรกก็ปกติดีทุกอย่าง แต่เมื่อ 1 เดือนก่อนก็เริ่มมีสัตว์อสูรออกมาจากป่าอสูรมายาที่เป็นเขตอันตราย
เข้ามาทำร้ายชาวบ้านและทหารลาดตะเวนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสัตว์อสูรก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนักจึงสามารถกำจัดได้"
อิงเป่ยรู้สึกแปลกๆจึงได้รีบกล่าวถามออกไป
"แล้วตอนนี้ยังมีสัตว์อสูรออกมาอีกรึเปล่า"
"ก็ยังมีอยู่ ถ้าไม่ได้อาวุธของคุณชายเมื่อตอนนั้น อาจจะสู้สัตว์อสูรเหล่านั้นไม่ไหว และที่แปลกก็คือ ทุกครั้งที่สัตว์อสูรมามันจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง"
อิงเป่ยขมวดคิ้วแน่น คิดหาเหตุผลที่จะเป็นไปได้ที่สุด ก่อนจะคิดถึงราชันย์อสูรค้างคาวตัวนั้น ที่มันบาดเจ็บแล้วหนีไป
"มันหนีมาถึงทวีปแดนเหนือเลยรึเนี้ย อืม...หรือว่าจะไม่ใช่หว่า คงต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าใช่หรือไม่" อิงเป่ยคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
"แล้วสัตว์อสูรมันออกมาทางทิศไหนกันรึ ข้าอยากไปดูซักหน่อยน่ะ"
"ทางทิศเหนือของเขตแดน"
"อืมๆ ข้าอยากได้ที่ดินไว้สำหรับเพาะปลูก พอจะมีบ้างรึเปล่า"
อิงเป่ยเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
"อ่ะ! ก็พอจะมีอยู่บ้างอยู่นอกเขตกำแพงเมืองออกไป เป็นแหล่งเพาะปลูกของเมืองนี้ "
"ท่านพอจะจัดการให้ได้รึเปล่า ขอเป็นพื้นที่ติดแหล่งน้ำยิ่งดี ส่วนเรื่องราคาท่านก็ไปตกลงกับฝ่าบาทก่อนก็ได้ข้าไม่รีบ"
"ถ้าอย่างนั้นข้าขอเวลาซัก 3 วัน และนี่เป็นสัญญาซื้อขายให้คุณชายเก็บไว้ด้วย แล้วข้าจะไปพบคุณชายที่ตระกูล"
"เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นข้าขอตัวก่อน" อิงเป่ยยกมือคารวะก่อนจะเดินออกจากกรมจัดสรรที่ดินไป
เหวินซีก็สั่งพนักงานให้ดูแลแทนตอนที่เขาไม่อยู่ เพราะต้องรีบกลับไปเฝ้าฝ่าบาท พร้อมกับนำอาวุธไปส่งด้วย
"เจ้าช่วยดูแลแทนข้าซักพักข้ามีธุระสำคัญต้องกลับไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการด่วน ไม่เกิน3วัน ข้าจะรีบกลับมา"
"เข้าใจแล้ว เจ้าค่ะ
ที่เขตแดนทิศเหนือ มีกระโจมอยู่หลายหลัง ตั้งเรียงรายไปรอบๆเขตแดน และด้านหลังกระโจมเหล่านั้นมีกระโจมหลังหนึ่งมีคนคุ้มกันอย่างหนาแน่น กำลังประชุมกันอยู่
"ฝ่าบาทถ้าขืนเป็นแบบนี้รอบหน้าพวกเราจะต้านไม่ไหวนะ พะยะค่ะ"
"ข้าเข้าใจที่เจ้าพูดแต่เราจะถอยจากตรงนี้ไม่ได้ ประชาชนจะได้รับอันตรายจากเหล่าสัตว์อสูรพวกนี้"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ช่วยกันป้องกันให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน อย่ายอมแพ้"
"ฝ่าบาทท่านเจ้ากรมเหวินซีมาเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"
"หืม ให้เข้ามา"
"เชิญท่านเจ้ากรม ขอรับ"
"เจ้ามาถึงที่นี่ คงจะมีเรื่องด่วน"
"กระหม่อมมาวันนี้เพราะ คุณชายอิงเป่ย ที่เคยนำอาวุธระดับเซียนมาจ่ายแทนเงินตอนนั้นได้มาที่กรมอีกครั้ง"
"โอ้ แล้วเป็นยังไงล่ะ ที่ข้าสั่งเจ้าไว้ก่อนหน้านั้น"
เหวินซี หยิบ ชุดเกราะ ทวนและดาบออกมาจากแหวนมิติ แล้ววางไว้ที่โต๊ะประชุมตรงหน้าฝ่าบาท
"นั่นมันชุดเกราะระดับเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็น "
"แสดงว่าเขายอมรับข้อเสนอที่ข้าบอกเจ้าไปสินะ ข้าก็ยังหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าเขาจะยอมรับหรือเปล่า"
"ตอนแรกกระหม่อมก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน แต่เขากับตอบมาว่า
"เรื่องแค่นี้เอง" ออกมาง่ายๆเลย กระหม่อมก็ตกใจเหมือนกัน"
"ข้าคิดว่าเขาคงจะมีอาวุธระดับนี้มากมายแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงระดับมนุษย์เลย เขาเป็นใครมาจากไหนเจ้าพอจะทราบรึเปล่า"
"กระหม่อมก็ไม่ทราบ เขาพึ่งก่อตั้งตระกูลที่เมืองนี้ไม่นานมานี่เอง กระหม่อมว่าจะไปเยี่ยมดูอยู่เหมือนกันหลังจากกลับจากตรงนี้ พะยะค่ะ"
"ตอนนี้คุณชายอิงเป่ยเขาต้องการพื้นที่สำหรับเพาะปลูกที่ติดกับแหล่งน้ำ ส่วนเรื่องราคา เขาเสนอให้กระหม่อมมาปรึกษากับฝ่าบาทก่อน พะยะค่ะ"
"นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าเรามีอาวุธระดับนี้หลายชิ้น เราก็จะแข็งแกร่งขึ้น ข้าให้เจ้าจัดการได้เลย อีกอย่างข้าอยากได้อาวุธระดับมนุษย์ด้วยเหมือนกัน จะได้เอามาให้เหล่าแม่ทัพด้วย"
"ตามประสงค์ของฝ่าบาท พะยะค่ะ "
เจ้ากรมเหวินซีเมื่อได้รับคำสั่งก็ได้ขอตัวกลับกรมทันที แล้วก็จะไปตระกูลอิงเพื่อบอกข้อเสนอให้อิงเป่ยฟัง
ฝ่าบาทเมื่อได้รับชุดเกราะกับอาวุธก็เก็บลงแหวนมิติก่อนจะประชุมต่อไป
ป่าอสูรมายา
ที่ใจกลางป่ามีถ้ำหินขนาดใหญ่ มีต้นไม้หนาทึบล้อบรอบ แสงส่องลงไปได้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าจะมองไม่เห็นเลย ทางเข้าถ้ำมืดมิดแสงส่องมาไม่ถึง บรรยากาศเย็นยะเยือก น่าขนลุก ข้างในถ้ำมีราชันย์อสูรตนนึงอยู่
"ในที่สุดร่างกายข้าก็กลับมาเป็นปกติเสียที ไม่นึกว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ ข้าต้องระวังดาบนั่นเอาไว้หน่อยก็ดี ขนาดโดนแค่ทักษะยังทำให้ข้าบาดเจ็บได้ขนาดนี้ แถมยังมีปราณแปลกๆนั่นอีก กว่าจะกำจัดออกได้ก็แทบแย่ ถ้าโดนฟันตรงๆข้าอาจจะตายเพราะปราณจากดาบนั่นก็ได้"
วูบบ!! วูบบ!! "นายท่านข้าได้ทำตามคำสั่งให้ไปทำการโจมตีเมืองนี้
มาหลายครั้งแล้ว นับว่าแข่งแกร่งอยู่ไม่น้อยเลย "
"เจ้าไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้ก็ให้หยุดส่งสัตว์อสูรออกไปโจมตีก่อน
ข้าต้องการพักอีกซักหน่อย เมื่อข้าพร้อมเมื่อไหร่ข้าจะเป็นคนนำทัพออกไปถล่มพวกมันเอง"
"แล้วเมืองที่ท่านจะไปโจมตีก่อนหน้านี้ละ ท่านจะเอายังไง"
"เมืองนั้นเอาไว้ก่อน ถ้าข้ายึดเมืองนี้ได้ค่อยไป เพราะที่เมืองนั่นมีตัวอันตรายอยู่ข้าต้องวางแผนดีๆจะไปโจมตีมั่วๆไม่ได้"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เพราะตัวอันตรายที่เอ็งว่า ได้ย้ายมาลงหลักปักฐานที่เมืองนี้แล้ว
ชอบที่สุดคือไม่มีตัวละครผู้หญิงนิสัยงี่เง่า