ผู้คนในตระกูลชิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันพลังปราณอันบ้าคลั่งรุนแรงทำให้หายใจติดขัด ร่างกายสั่นสะท้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ภายในตระกูล
"อึก! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นรึ!"
"นั่นผู้อาวุโส1 หืม..อะไรทำให้ท่านต้องโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ หรือว่าเกิดเรื่องกับใครซักคนในตระกูล"
ท่านประมุขที่นั่งพักอยู่ที่ห้องโถงสัมผัสแรงกดดันได้จึงรีบพุ่งทะยานออกมาดู
"ท่านผู้อาวุโส1ท่านใจเย็นลงซักนิดเถอะ ผู้คนแถวนี้จะทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้าท่านยังส่งแรงกดดันอยู่อย่างนี้ คงมีคนตายแน่นอน"
"อ่ะ! ท่านประมุข อภัยให้ข้าคนนี้ด้วยเถอะ ที่ข้ากระทำเยี่ยงนี้ออกมา"
"ช่างมันเถอะ แล้วมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้กันล่ะ"
ผู้อาวุโส1ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงสะอื้นไห้
"ข้า...ข้า..พึ่งได้รับ..การแจ้งจากหยกชะตาของบุตรชายคนโตของท่าน..
เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว"
ชิวเอ้อเหลียงยื่นแขนทั้ง2ข้างไปจับที่ไหลของผู้อาวุโส1 กล่าวถามด้วยความตกใจที่ได้ยินว่าหยกชะตา
"ท่านว่าอะไรนะ!! หยกชะตาบุตรชายคนโตของข้า เกิดอะไรขึ้น บอกข้ามาเร็ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหยกชะตาบุตรชายข้า"
"หยกชะตา..บุตรชายท่านแตกสลายไปแล้ว หลังจากที่หยกชะตาของ
ชิวจางฟู่แตกสลายไปได้ไม่นาน"
ครืนนน!! พลังปราณเซียนขั้นที่5 ปลดปล่อยแรงกดดันออกมา จิตสังหารอันมากล้น แผ่ขยายไปทั่ว แม้แต่ตระกูลที่อยู่ห่างออกไปยังสัมผัสได้
"หืม แรงกดดันนี่...ชิวเอ้อเหลียง มีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นสินะถึงได้ระเบิดพลังอันบ้าคลั่งเช่นนี้"
ชิวเอ้อเหลียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่ขาดสาย
"ใครมันกล้าสังหารบุตรชายข้ากัน ข้าจะเอาเลือดมันมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณบุตรชายข้า ท่านรู้จักมันรึไม่ แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ข้าจะไปฆ่ามัน!!"
"ท่านประมุขสงบสติอารมณ์ของท่านลงก่อน เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน จะต้องสืบว่ามันมาจากไหนมีใครหนุนหลังมันรึเปล่า ค่อยไปแก้แค้นก็ได้หากมันไม่มีใครหนุนหลัง ข้าเชื่อว่ามันน่าจะอยู่ที่เมืองนี้ล่ะ"
ชิวเอ้อเหลียงหลับตาลงเพื่อทำจิตใจให้สงบ แรงกดดันก็ค่อยๆลดลงจนหายไป
"ท่านส่งคนไปสืบข่าวดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดในเมืองนี้รึเปล่า แล้วมารายงานข้าทันที"
"ทราบแล้วท่านประมุข"
ผู้อาวุโส1ยกมือคารวะแล้วเดินออกจากไป ชิวเอ้อเหลียงยืนทำหน้าเศร้าอยู่ที่เดิมก่อนจะหันหน้าขึ้นมองฟ้า บ่นพึมพำออกมา
"ข้าผิดต่อเจ้าจริงๆ เอี่ยนหลิน ที่ไม่สามารถปกป้องดูแลบุตรชายได้ ข้าช่างเป็นบิดาที่ไม่เอาไหนจริงๆ"
ตระกูลอิง
อิงเป่ยคาดเดาเอาไว้แล้วว่าหลังจากนี้คงจะมีเรื่องปวดหัวตามมาอีก
จึงเรียกทุกคนมาประชุมด่วน
"ข้าเรียกทุกคนมาประชุมตอนนี้ ก็มีเรื่องด่วนจะแจ้งให้ทราบ แต่ข้าจะรอให้ทุกคนแข็งแรงกว่านี้อีกหน่อย ข้าจะให้ทุกคนได้ฝึกฝนพลังปราณและฝึกวิชาเอาไว้ป้องกันตัว อันนี้ข้าไม่บังคับ ถ้าใครสนใจก็ให้ยกมือขึ้น ข้าจะให้ตำราฝึกฝนพลังปราณเริ่มต้นไปศึกษา"
อ้าวเหลียงได้ยินก็ยิ้มจนแก้มปริ หันไปหาท่านแม่ก่อนจะพูดด้วยอาการตื่นเต้นออกมา
"ท่านแม่ ข้าจะได้ฝึกฝนพลังปราณและวิชาการต่อสู้แล้ว ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วท่านแม่"
"แม่ดีใจกับเจ้าด้วยที่มีโอกาสฝึกฝน เจ้าจะต้องซื่อสัตย์ต่อคุณชาย ที่ทำให้เจ้าได้มีโอกาสแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเจ้าคงไม่มีโอกาส"
ทุกคนที่ยกมือ มีแต่เด็กอายุประมาณ 8 ขวบ ไปจนถึง 15 ปี ที่เหลือนั่นอายุมากแล้วจึงไม่สนใจ ซึ่งได้แต่ฝากความหวังไว้กับบุตรของตน
เอาล่ะ พวกเจ้าที่ยกมือ ช่วยแยกออกมาทางนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้ได้รับการฝึกฝนจาก พี่ชายกับพี่สาวทั้ง 4 คนนี้ พวกเจ้าอยากจะฝึกฝนกับคนไหนก็ให้ไปต่อแถวที่ข้างหน้าได้เลย
คนแรกคือ พี่ชายหลงเทียน
คนที่สองคือ พี่สาวหลงหลิน
คนที่สามคือ พี่สาวหลงหลิว
คนที่สี่คือ พี่สาวหลงฟาง
เด็กผู้ชายทุกคนรีบวิ่งไปหาหลงเทียน จำนวน10คน เด็กผู้หญิงก็วิ่งไปหาพี่สาวที่ตนชอบ แถวละ5คน6คน ซึ่งหลงหลินมี 6 คน หลงหลิวมี5คน
หลงฟางมี 5คน
"พวกเจ้าข้าฝากฝึกฝนด้วยนะ นี่เป็นตำราและวิชาต่างๆที่ข้ามี ให้เด็กๆที่สนใจได้เลือกฝึกฝนวิชาที่ตนชอบ และคอยแนะนำแนวทางการฝึกให้ก็พอ"
"เข้าใจแล้ว คุณชาย ท่านวางใจได้ เด็กๆพวกนี้จะต้องปกป้องดูแลครอบครัวได้แน่นอน"หลงเทียนกล่าวกับอิงเป่ย
"ทุกคนที่ไม่ต้องการฝึกฝนก็ไม่ต้องคิดมาก ข้าจะเปิดกิจการต่างๆขึ้นที่เมืองนี้ แต่ขอให้รอกันอีกหน่อย เพราะมีปัญหาเกิดขึ้น ข้าจึงต้องทำการแก้ซะก่อน ข้ารับรองได้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องปลอดภัย ใครมาดีข้าดีตอบ ใครมาร้ายข้าร้ายกลับเท่าตัว"
"ไม่ต้องกังวลหรอกคุณชาย พวกข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงแม้จะต่อสู้ไม่ได้ก็ตาม งานบ้านงานเรือนทุกอย่างพวกข้าจะทำให้ดีทีสุด"
"ที่นี่ก็เหมือนบ้านของพวกท่านทุกคน ข้าคงต้องฝากทุกคนช่วยกันดูแล ถ้าขาดเหลือสิ่งใด มาแจ้งที่ข้าได้เลย ข้าจะจัดหาให้ นี่มันก็นานพอสมควรแล้ว พวกท่านไปพักผ่อนเถอะ ค่อยมาทำงานกันอีกที"
ตระกูลชิว
หลังจากที่ได้ส่งคนออกไปสืบข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเมือง ก็พอจะทราบแล้วจึงได้กลับไปรายงานให้ท่านประมุขฟัง
"ท่านประมุขข้ามารายงานข่าวคราวที่เกิดขึ้นมาในเมืองช่วงก่อนหน้านี้ ขอรับ"
"แล้วได้เรื่องราวอะไรมาบ้างล่ะ รีบพูดมาเร็วๆ"
"ขอรับ ก่อนหน้านี้ได้มีคนซื้อตระกูลจินไปแล้วเปลี่ยนที่นั่นให้เป็นตระกูลอิง เมื่อไม่นานนี่เอง ซึ่งไม่ใช่คนของเมืองนี้ตั้งแต่แรก เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ20ปี ประวัติไม่มีใครรู้ น่าจะเป็นบุตรชายจากตระกูลใหญ่จากทวีปอื่นก็อาจเป็นไปได้"
"นี่มันเรื่องใหญ่ขนาดนี่ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินข่าวเลยล่ะ หรือว่ามันพึ่งมาเมืองนี้ไม่นาน"
"ใช่ ขอรับ ตระกูลอิงนั่นพึ่งจะก่อตั้งเมื่อวานนี้นี่เอง "
"แล้วมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับบุตรชายข้ารึเปล่า"
"เอ่อ..คือว่า มีชาวบ้านบางคนเห็นคุณชายชิวเฟยหยูและชิวจางฟู่พร้อมกับผู้ติดตามอีกหลายคนไปที่ตระกูลอิง ขอรับ"
ชิวเอ้อเหลียงขมวดคิ้วแน่น พอจะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรชายตนเองแล้ว ก็ถอนหายใจ
"ข้าคงสอนเจ้าให้เป็นคนดีไม่ได้แล้วสินะ ข้าจะทำยังไงกับสถานะการณ์เช่นนี้ดี จะไปแก้แค้นให้กับบุตรชายเลยดีไหม หรือจะปล่อยผ่านไปดี"ชิวเอ้อเหลียงคิดทบทวนในใจ
"เจ้าไปเรียกผู้อาวุโส 1 มาพบข้าหน่อย บอกว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษา"
"ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ขอรับ"
ไม่นานผู้อาวุโส1ก็มาถึงห้องโถง
"ท่านประมุขเป็นยังไงบ้าง ท่านทราบแล้วรึว่าใครมันสังหารบุตรชายท่าน"
"ข้าเรียกท่านมาก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ เพราะว่าต้นเหตุจริงๆของเรื่องนี้คือ บุตรชายข้าเอง"
"ท่านพูดเรื่องอะไรกันน่ะ ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด"
"เจ้ารู้ไหมว่ามีตระกูลใหม่ก่อตั้งขึ้น เมื่อวานนี้"
"ข้าพึ่งทราบเมื่อวานนี่เอง แล้วมันเกี่ยวอะไร ข้าไม่เข้าใจ"
ผู้อาวุโส1ถามออกไปด้วยใบหน้า งุนงง
"เมื่อวานมีคนเห็นบุตรชายข้ากับจิวจางฟู่และผู้ติดตามมุ่งหน้าไปที่นั่น เจ้าพอจะเข้าใจใช่ไหมว่า มันเป็นยังไง"
"อ่ะ! อย่าบอกนะว่า คุณชายไปหาเรื่องตระกูลใหม่นั่นน่ะ"
"อย่างที่ท่านคิด ข้ารู้จักบุตรชายข้าดี มีรึที่เขาจะไม่ทำ"
"ข้าจึงอยากจะถามความคิดเห็นของท่านว่าจะทำอย่างไรดี เพราะฝ่ายที่ผิดก็คือ บุตรชายข้า"
"ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่น่าจะสังหารกันเลยนิ นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรอ"
"งั้นท่านกับข้าก็ไปถามดูด้วยตัวเองเลยดีไหมล่ะ จะได้จบๆไป"
"เอาอย่างที่ท่านว่าก็ได้"
"งั้นพวกเราไปกันเถอะ"
ทั้ง2มุ่งหน้าออกจากตระกูลตนเองมุ่งหน้าไปที่ตระกูลอิง เมื่อมาถึงก็แปลกใจที่ไม่มีคนคุ้มกันหน้าประตู แถมยังเปิดไว้ ทั้ง2จึงพากันเดินเข้ามาด้านในก็พบกับเหล่าเด็กๆที่กำลังฝึกฝนอยู่ที่ลาน โดยมีชายหนุ่ม1คนหญิงสาว3คน ค่อยแนะนำอยู่ใกล้ๆ
ซุนอ้าวเหลียง เมื่อสังเกตุเห็นว่ามีคนเข้ามาจึงได้วิ่งไปหาทันที
"ท่านทั้ง2มาที่ตระกูลอิงมีเรื่องอันใดรึ ขอรับ"
"เอ่อ ข้ามาพบผู้นำตระกูลอิงน่ะ เจ้าช่วยนำทางข้าได้รึไม่"
"ได้ ขอรับ" แต่ยังไม่ได้ขยับไปไหนก็มีชายหนุ่มมายืนอยู่ข้างๆซุนอ้าวเหลียงซะแล้ว ฟุบ!!
"เหวอ!! เจ้าเป็นใคร มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ"
"เอ่อ..ข้าสัมผัสได้ว่ามีคนมาจึงได้ออกมาต้อนรับ ไม่นึกว่าจะทำให้พวกท่านตกใจ"
"หรือว่าเจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลอิงอย่างนั้นรึ"
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ อ้าวเหลียงเจ้าไปฝึกฝนต่อเถอะเดี๋ยวข้าอยู่ต่อเอง"
"ขอรับ คุณชาย"
"แล้วพวกท่านมานี่มีเรื่องอันใด ถ้าจะมาแก้แค้นข้าก็ยินดีสนองตามที่พวกท่านต้องการ"
ชิวเอ้อเหลียงกับผู้อาวุโส1 ถึงกับพูดไม่ออก ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะพูดตรงๆแบบนี้
"เจ้ารู้รึว่าพวกข้ามาจากตระกูลใด มาที่นี่ทำไม"
"แน่นอน ข้ายอมรู้ เพราะข้าได้สังหารคนตระกูลชิวไปหลายคน ถึงแม้จะไม่ใช่ข้าคนเดียวก็เถอะ"
เมื่อได้ยินผู้อาวุโส1ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ส่งแรงกดดันออกมาทันที
อิงเป่ยหันไปมองหน้าผู้อาวุโส1พร้อมกับส่งแรงกดดันที่มากล้นพร้อมกับจิตสังหารไปที่ผู้อาวุโส1ตรงๆ
วูบบ!! อึกก! พรวดด!! ผู้อาวุโส1ถึงกับกระอักเลือดออกมาทันทีก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้น น่าซีดขาว ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว จ้องมองไปที่อิงเป่ยก่อนจะพูดออกมา
"ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะที่เสียมารยาทต่อท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ"
"ท่านผู้อาวุโสท่านเป็นอะไรไปน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน"
"ท่านไม่ต้องกังวลข้าไม่ฆ่าท่านหรอก ก็แค่เตือนเท่านั้น ข้าไม่เคยหาเรื่องใครก่อน และให้โอกาสเสมอเมื่อกลับใจ แต่ถ้าให้โอกาสไปแล้วกับโยนมันทิ้ง จะไม่มีครั้งต่อไป"
"ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ไว้ชีวิตข้า"
ผู้อาวุโสตอบออกมาด้วยความโล่งใจ ที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้
ไม่งั้นคงตายไปนานแล้ว
"งั้นข้าจะถามพวกท่าน จะเอายังไง จะแก้แค้นหรือจะคอยสนับสนุนตระกูลอิง ก็แล้วแต่พวกท่านจะเลือกก็แล้วกัน"
ผู้อาวุโส1สะดุ้งเฮือกทันที เมื่อจะให้เลือก "ถ้าท่านประมุขเลือกแก้แค้นตระกูลชิวได้หายไปแน่นอน"ผู้อาวุโส1คิดในใจก่อนจะส่งข้อความทางจิตไปยังประมุขทันที
"ท่านประมุขข้าแนะนำให้ท่านสนับสนุนตระกูลอิง อย่าเป็นศัตรูเด็ดขาดถ้าไม่อยากสิ้นตระกูลชิว"
"หมายความว่ายังไง ข้าไม่ได้คิดจะมาเป็นศัตรู ข้ามาเพื่อถามเหตุผลเท่านั้น"
"ข้าค่อยโล่งใจหน่อยนึกว่าท่านจะมาแก้แค้นซะอีก"
"พวกท่านตกลงกันเรียบร้อยรึยัง"
"ก่อนจะตอบข้าอยากจะถามอีกเรื่องนึงก่อน เจ้าจะตอบได้รึเปล่า"
"ได้สิ ข้าจะตอบ"
"ทำไมเจ้าถึงสังหารบุตรชายคนโตข้า"
"ง่ายมากๆ ข้าเคยให้โอกาสบุตรชายเจ้าไปแล้วครั้งนึง แต่บุตรชายเจ้าก็โยนมันทิ้งที่นี่ เจ้าจะถามอะไรอีกไหม"
"ถ้าตระกูลข้าสนับสนุนตระกูลเจ้า ตระกูลข้าต้องเสียอะไรรึเปล่า"
"เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ยุ่งเรื่องของตระกูลเจ้าแน่นอน เพียงแต่อย่าให้คนในตระกูลเจ้าออกมาข่มเหงรังแกคนอื่นก็พอ ข้าขอแค่นี้เอง ถ้าหากชาวบ้านเดือดร้อนเพราะตระกูลเจ้า เจ้าต้องรับผิดชอบ คงไม่ต้องพูดคุยก็คงเข้าใจที่ข้าพูดนะ ต่อให้พวกเจ้าขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ตระกูลอื่นๆมาก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"
"คำตอบของเจ้าล่ะ"
"ข้าตกลง ที่จะสนับสนุนตระกูลเจ้า"
เมื่อตกลงเสร็จทั้ง2ก็ขอตัวกลับตระกูลตนเองเพื่อจะประกาศให้คนในตระกูลได้ทราบเรื่องในวันนี้ จึงเดินออกจากตระกูลอิงไป ผู้อาวุโส1ได้บอกเรื่องที่ตนกระอักเลือดออกมาให้ประมุขฟัง
"ข้าโชคดีมากที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ แรงกดดันที่ข้าสัมผัสได้นั้นมันน่ากลัวเป็นอย่างมาก ถ้าข้าเดาไม่ผิดน่าจะจุดสูงสุดของปราณระดับเทพสงคราม"
"ท่านพูดว่าอะไรนะ! ปราณเทพสงครามอย่างนั้นรึ!? นี่บุตรชายข้าไปหาเรื่องคนแบบนี้ได้ยังไงกัน ข้าคงต้องเข้มงวดให้หนักซะแล้ว ไม่งั้นตระกูลข้าคงจบสิ้นเพราะแบบนี้แน่ๆ"
ผู้อาวุโส1...........!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ผมเห็นพระเอกมันไม่พัฒนาเลย เอะอะก็ฆ่าทิ้งอย่างเดียว ตกลงพระเอกเป็นนักสำรวจหรือเป็นนักฆ่า อิอิ
ยิ่งตอนล่าสุด ไม่ฆ่าทิ้งแล้ว ดูเหมือนจะเป็นผู้เป็นคนขึ้น(ไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร) แต่ผู้ร้ายยอมง่ายไปหน่อย ลูกโดนฆ่าตาย ไหนจะศักดิ์ศรีตระกูลใหญ่ ไหนจะเรื่องอยู่ดีๆเข้ามาใหญ่ในเมือง อย่างน้อยน่าจะมีฉากแสดงพลัง ต่อด้วยเจรจามอบผลประโยชน์กัน
ส่วนการตั้งตระกูลนี่ก็แปลกๆ คือพระเอกนี่มันเก่งคนเดียว ดันมาตั้งตระกูลอยู่คนละเมือง เดินทางก็นาน พระเอกจะปกป้องสองเมืองยังไง ไม่ใช่เดินทางไปเมืองแรก กลับมาอีกทีโดนล้างตระกูลไปแล้ว
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 กรกฎาคม 2560 / 10:30