เมื่อชิวเฟยหยูมองเห็นอิงเป่ยแสดงตนออกมาก็ยิ้มออกมาทันที เมื่อสัมผัสพลังปราณของอีกฝ่ายไม่ได้
"เจ้าคงมาจากที่อื่นสินะถึงไม่รู้อะไรเลย ว่าข้าได้สั่งห้ามคนเข้าร้านค้านี้แล้ว แต่ก็เอาเถอะเจ้ามาใหม่ยังไม่รู้ข้าจะอนุโลมให้ซักครั้ง ถ้าเจ้าก้มลงกราบเท้าข้า" 5555!!
อิงเป่ยเดินไปยืนข้างหน้าชิวเฟยหยู แล้วก็หัวเราะออกมาทันที
55555!! "คนที่จะได้กราบมันจะเป็นเจ้าซะมากกว่าข้าว่า"
ข้ารึ! 5555!!! "เจ้าจะให้ข้าก้มกราบเจ้าฝันไปรึเปล่า"
อิงเป่ยไม่อยากพูดกับคนแบบนี้ เพราะพูดไปคงเสียเวลาเปล่า จึงได้ยกมือขึ้นแล้วนำไปวางที่ไหล่ของชิวเฟยหยูทั้ง2ข้างก่อนจะส่งแรงกดลงพร้อมกันทั้ง2ข้างอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ชิวเฟยหยูทรุดตัวลงเข่ากระแทกพื้นจนแตก
ควับ! พึบ! ตุบ! ตู้ม!! อ๊ากกก! "เข่าข้า ไหล่ข้า เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ เจ้าไม่รอดแน่.."
อิงเป่ยยกมือออกจากไหล่ข้างขวาก่อนจะนำไปวางไว้บนหัวของ
ชิวเฟยหยู ก่อนจะออกแรงกดหัวของชิวเฟยหยูลงกระแทกพื้น
พึบ! ตู้ม!! เสียงหัวของชิวเฟยหยูกระแทกพื้นจนแตกเป็นรอยหน้าผาก
"เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า"
ที่ชิวเฟยยังพูดได้เพราะชิวเฟยได้สร้างเกราะป้องกันขึ้นมาหลังจากที่ถูกทำให้คุกเข่าลงนั่นเอง แต่ก็ไม่อาจขัดขืนแรงของอิงเป่ยได้
อิงเป่ยกดหัวลงทุกครั้งที่ชิวเฟยหยูพูด
ตู้ม!! "เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากตาย "
ตู้ม!! "ยังจะปากดีอีก นี่เจ้าโง่รึไงกันว่าใครอยู่ในสถานะใด "
ผู้ติดตามของชิวเฟยหยู ต่างยืนนิ่งงันไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปช่วย แม้แต่ชายชราร้านค้ากับหลานสาวยังอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่า ชายหนุ่มคนนี้จะกล้ามีเรื่องกับตระกูลชิวที่เป็นตระกูลใหญ่อันดับ1 ที่แม้แต่ราชวงศ์ยังไม่กล้าหือด้วยซ้ำ
"เจ้าหนุ่มนี่มันไปกินดีหมีมาใจไหนถึงได้กล้าทำเช่นนี้กัน หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องวุ่นตามมาหรอกนะ"ชายชราคิดในใจ
ชิวเฟยหยูก็ยังคงยหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองที่เป็นถึงอัฉริยะของตระกูลชิวอันดับ1ที่จะได้รับการสืบทอดคนต่อไป แต่กับต้องมาโดนใครที่ไหนไม่รู้จับหัวโขกพื้นทั้งๆที่ตนเองมีพลังปราณถึงขั้นจักรพรรดิ์ ระดับ 8 กับถูกทำแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"ตู้ม!! ปล่อย...ตู้ม!!!
อิงเป่ยไม่สนใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อยว่าจะคิดยังไง เมื่อชิวเฟยหยูเอ่ยคำ ก็จะถูกอิงเป่ยจับหัวโขกพื้นอย่างแรงทันที จนตอนนี้พลังปราณที่คุ้มกันร่างของชิวเฟยหยูแทบจะไม่ช่วยอะไรแล้ว
ตู้ม!!อ๊ากกกกก!! เสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเกราะปราณหายไปหน้าของชิวเฟยหยู ก็กระแทกลงที่พื้นจนเลือดติดตามเศษหินที่แตก เมื่ออิงเป่ยยกหัวขึ้นมาเลือดก็หยดลงพื้น
ติ๋ง! ติ๋ง!ติ๋ง! "โอ๊ยยยย หน้า..ข้า.."
ชิวเฟยหยูนำมือมาลูบหน้าตัวเองก็พบว่าเค้าหน้าตอนนี้พังยับไปแล้ว ก็ยิ่งตกใจจนไม่กล้าตะโกนอะไรออกมาอีกเลย
"อ้าวเจ้าไม่ตะโกนต่อแล้วรึ เฮ้อ!กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลานานน่าดูเลยนะเนี้ยข้านึกว่าเจ้าจะสมองกลวงซะอีก"
ชิวเฟยหยูรีบกล่าวออกมาทันที พร้อมกับยกมือไหว้อิงเป่ย
"ปล่อยข้าไปเถอะข้าสัญญาว่าจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก"
"เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำซะหน่อยจะปล่อยเจ้าไปซักครั้ง ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ามารังควานร้านค้านี้อีก ข้าจะถลกหนังเจ้าออกทันที"
"ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่มารังควานร้านนี้อีก "
"ก็ดี เจ้าไปได้แล้ว"
อิงเป่ยปล่อยมือจากหัวของชิวเฟยหยูแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหน้าเดินเข้าร้านค้า ชิวเฟยเมื่อหลุดจากการทรมานของอิงเป่ยก็รีบลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกจากที่แห่งนี้ทันทีพร้อมกับไฟแค้น
"ข้าจะต้องเอาคืนเจ้าให้สาสมที่ทำให้ช้าต้องมาเสียหน้าในครั้งนี้ เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ"
ชายชราเห็นอิงเป่ยทำตัวสบายๆไม่กังวลกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไปเลยซักนิด ก็แอบชื่นชมอยูในใจและรอดูว่าเขาจะทำยังไงกับเรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้
"ดูเหมือนเจ้าจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ ข้าฮัวหยุนฟงนับถือเจ้าจริงๆ"
"ท่านก็กล่าวชมข้าเกินไป ข้าแค่ไม่ชอบอะไรแบบนั้นเท่าไหร่ ข้าให้โอกาสแก้ตัวกับคนแบบนี้ตลอดแต่ดูเหมือนพวกมันจะไร้สมองกันทุกคนจนต้องทำเรื่องโง่ๆทุกครั้ง"
"งั้นเรามาตกลงเรื่องของเราดีกว่า ข้าจะให้แหวนมิติเจ้า4วง แต่มันเป็นแค่ระดับทั่วไปนะ แลกกับกระบี่ระดับเซียนเจ้า1ชิ้นเจ้าจะตกลงหรือเปล่า"
"ไม่มีปัญหา ข้าไม่กังวลอยู่แล้วแค่อาวุธระดับเซียน1ชิ้น"
"หืม..แล้วเจ้าจะเอาแหวนมิติไปทำไม ในเมื่อเจ้ามีอยู่แล้ว แถมระดับมันสูงมาก ข้าคิดว่าคงมีแต่เจ้าที่มีแหวนมิติระดับนี้"
"ข้าจะให้ผู้ติดตามข้าทั้ง4คนนั้นน่ะ"
อิงเป่ยพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังกลุ่มของหลงเทียนที่ยื่นดูของอยู่ เมื่อฮัวหยุนฟงหันไปดูก็ต้องตกตะลึง โดยเฉพาะความรู้สึกแปลกๆเวลามองพวกเขา กลิ่นอายอันน่าขนลุกที่แผ่อยู่รอบๆตัว มันคล้ายกลิ่นอายสัตว์อสูรมากแต่พิเศษกว่า
"ผู้ติดตามเจ้าไม่ธรรมดาเลยนะ ที่ทำให้ข้าขนลุกได้เพียงแค่มองดูเนี้ย"
อิงเป่ยเมื่อได้ยินก็แค่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระบี่ให้ฮัวหยุนฟงแล้วรับเอาแหวนมิติมา จากนั้นก็ถามต่ออีกว่า
"หากข้าต้องการซื้อที่ต้องทำยังไงบ้างล่ะ ท่านพอจะแนะนำได้รึเปล่า"
"เจ้าต้องไปที่กรมจัดสรรที่ดินของราชวงศ์ อยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ เดินไปแปบเดียวก็ถึง"
"ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน ไว้โอกาสหน้าข้าจะมาแวะร้านท่านอีก"
"เจ้าก็ระวังตัวให้มากก็แล้วกัน ตระกูลชิว มีอำนาจที่สุดในตอนนี้"
"ข้าจะระวัง ขอบคุณที่กล่าวเตือน"
อิงเป่ยมุ่งหน้าไปยังกรมที่ดินโดยการนำทางของซุนอ้าวเหลียง เดินเพียงไม่นานก็มาถึง อิงเป่ยเดินเข้าไปในตึกกรมที่ดินก่อนจะมีทหารเข้ามาหา
"คุณชายต้องการติดต่อเรื่องอะไรรึ ขอรับ"
"ข้ามาติดต่อเรื่องที่ดินน่ะ เจ้านำทางข้าไปที"
"เชิญทางนี้เลย ขอรับ"
อิงเป่ยเดินตามทหารไปก็มาถึงห้องไม่กว้างเท่าไหร่ มีเอกสารเต็มไปหมด มีชายวัยกลางคนแต่งตัวดี หน้าตาเข้ม คิ้วหนา ตาเหยี่ยวคิ้วโก่ง นั่งทำหน้าเครียดจริงจังกับงานตรงหน้าอยู่ที่โต๊ะ
"เจ้ามีเรื่องอันใดให้ข้าช่วยรึ"
"ข้ามาหาซื้อที่หรือตึกที่ยังไม่มีคนซื้อน่ะ"
"หืม..พอดีเลยข้ากำลังเครียดเรื่องนี้พอดี ถ้าเจ้าต้องการตึกและที่ละก็ ข้าแนะนำเจ้าได้นะ แต่ราคามันแพงจึงหาคนซื้อยาก"
"แล้วพอจะบอกรายละเอียดให้ข้าฟังได้รึเปล่า ถ้าน่าสนใจข้าจะทำการซื้อทันที"
"ข้ารับรองได้ว่าคุณชายต้องสนใจแน่นอน เพราะมันเป็นตึกที่สวยงามมากๆอยู่ในเมืองนี่ล่ะ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการขายให้กับราชวงศ์มาเป็นตึกตระกูลจินน่ะ"
"น่าสนใจ แล้วราคาขายเท่าไหร่ล่ะ ถ้าไม่เกินกว่าที่ข้าสามารถซื้อได้ ข้าก็จะซื้อ"
"ราคารวมทั้งที่และตึกก็ 3000 เพชร"
อิงเป่ยทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานจนอีกฝ่ายเริ่มคิดว่าราคาที่เสนอไปมันแพงเกินไปรึเปล่า จึงได้เอ่ยว่า
"หรือว่าราคานี้มันจะเกินกำลังซื้อของคุณชายรึ ข้าสามารถลดได้นิดหน่อย 500เพชร"
"เอ่อ..คือว่า เงินข้ามีแค่1500เพชรเท่านั้น ท่านจะรับเป็นทองแท่งหรืออาวุธในราคา1000เพชรรึเปล่า ถ้าท่านตกลงข้าจะเอาของออกมาให้ท่านเลือกดู"
"อืม...ถ้าอย่างนั้นข้าขอดูของหน่อยแล้วข้าจะตัดสินใจทีหลัง"
อิงเป่ยเอาทองแท่งออกมา1หีบ พร้อมกับอาวุธระดับเซียน3อัน แล้วบอกให้เลือกระหว่าง2สิ่งนี้
"ท่านเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ท่านอยากได้เถอะ"
"นั่นมันอาวุธระดับเซียนนิ "ข้าเหวินซี" อยากทราบว่าคุณชายชื่อว่าอย่างไรรึทำไมถึงได้มีอาวุธระดับนี้หลายชิ้น"
"อืม..ข้าได้มาตอนข้าไปแวะที่เมืองยัคฆ์เมฆามาน่ะ เลยประมูลมาได้"
"อย่างนี้นี่เอง ข้าต้องการอาวุธ3ชิ้นกับ1500เพชร และนี่ก็เป็นใบสัญญาของตึกตระกูลจิน ท่านต้องเขียนชื่อของท่านตรงนี้แล้วข้าจะประทับตาให้ถือว่าเสร็จสิ้นเรียบร้อย"
อิงเป่ยเก็บหีบทองเข้าแหวนมิติแล้วหยิบ1500เพชรออกมายื่นส่งให้
เหวินซีไป จากนั้นก็ลงชื่อตัวเองในสัญญา แล้วก็ให้ประทับตาทันที
เหวินซีเมื่อเห็นชื่อก็ครุ่นคิด "ทำไมข้าไม่รู้จักตระกูลนี้มาก่อนเลยล่ะ หรือว่าจะเป็นชื่อปลอมกัน"
"ท่านไม่ต้องกังวลนั่นเป็นชื่อจริงของข้าไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอก"
เหวินซีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอภัยอิงเป่ยออกมา
"งั้นข้าขอตัวไปดูสถานที่ก่อนก็แล้วกันว่ามีอะไรที่ต้องปรับแต่งต่อเติมรึเปล่า"
"คุณต้องการให้ข้าส่งคนนำทางรึเปล่า"
"ไม่เป็นไร ข้ามีคนนำทางมาด้วยแล้วล่ะ"
"นี่ซุนอ้าวเหลียงเจ้ารู้จักตึกตระกูลจินไหมว่าตั้งอยู่ที่ใด"
"แน่นอน มันอยู่ใกล้ๆบ้านของข้าเลย ขอรับ"
"พาข้าไปดูหน่อย ว่ามันจะสามารถทำในสิ่งที่ข้าหวังได้รึเปล่า"
"งั้นตามข้ามาทางนี้เลย มันไม่ไกลจากที่นี่นัก เดินไปไม่นานก็ถึง"
ซุนอ้าวเหลียงพากพวกอิงเป่ยเดินไปมาอยู่พักนึงก็พบเข้ากับตึกขนาดใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้า กำแพงสูงรอบตัวตึกเอาไว้
"นี่หรอคือตึกตระกูลจินน่ะ อลังการงานสร้างจริงๆสมแล้วที่เป็นตระกูลใหญ่เมืองนี้"
"คุณชายเดินดูข้างในก่อนก็ได้ ข้าจะเอายาที่ซื้อมาเอาไปให้ท่านแม่ข้าก่อน ขอรับ"
"เจ้าไปเถอะ เสร็จแล้วค่อยมาพบข้าที่นี่อีกทีละกัน"
ทางด้านชิวเฟยหยูเมื่อกลับไปถึงตระกูลก็รีบไปพบบิดาของตนเองทันที
"ก๊อกๆ ก๊อกๆ ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านช่วยข้าหน่อย ขอรับ"
"เข้ามาได้ หืม..หน้าเจ้าไปโดนอะไรมาอย่างนั้นรึถึงได้โทรมขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าไปถูกคนอื่นทุบตีมา" 5555!!
"นี่ท่านพ่อเห็นข้าโดนทุบตีมาแบบนี้ ยังจะมีความสุขมาหัวเราะข้าอีก"
"จะไม่ให้ขำได้ยังไงกันล่ะ ทั้งเมืองนี้เจ้านับว่าโดดเด่นที่สุด แล้วจะมีใครทุบตีเจ้าได้กัน มันไม่ตลกไปหน่อยรึไง"
"ข้าก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่เพราะผู้ติดตามข้ามาแจ้งว่ามีคนเข้าร้านค้าของเจ้าแก่นั้นข้าเลยไปดู
"แล้วมันยังไงล่ะ เจ้าไม่ตรวจสอบมันก่อนรึไงถึงได้ไปพลาดท่าอย่างนั้น"
"ข้าตรวจสอบแล้ว มันเหมือนคุณชายเจ้าสำราญพลังปราณไม่มีข้าเลยบอกให้มันกราบเท้าข้า แล้วจะไม่เอาเรื่อง มันกับเดินมาแล้วจับไหล่ข้าทั้ง2กดลงอย่างแรง จากนั้นก็กดหัวข้ากระแทกพื้นอยู่นานจนเกราะปราณข้าพังทลายลง จนทำให้หน้าข้าเป็นแบบที่ท่านพ่อเห็นนี่ล่ะ"
"ที่เจ้ามาหาข้าก็เพราะอยากให้ข้าไปแก้แค้นแทนเจ้ารึ"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกท่านพ่อ แค่ให้ใครซักคนไปหักแขนหักขามันให้ข้าก็พอแล้ว"
"เฮ้อ ข้าละปวดหัวกับพวกเจ้าจริงๆ น้องชายเจ้าก็ถูกใครที่ไหนก็ไม่รู้ตบปากมาไม่นานนี้แล้วยังจะมีเจ้าอีกคนนี่ข้ากำลังฝันร้ายอะไรอยู่รึเปล่าเนี้ย"
"ชิวเฟยมู่" "เกิดอะไรขึ้นรึท่านพ่อ"
"เมื่อไม่นานนี่เอง น้องชายเจ้าถูกตบปากจนสลบอยู่ในตัวเมือง แถมยังจำไม่ได้อีกว่าใครทำร้ายตัวเอง"
ชิวเฟยหยูนิ่งเงียบไปนานก่อนจะกล่าวออกมาลอยๆว่า
"หรือว่ามันจะเป็นคนเดียวกันกับที่ทำร้ายข้า มีโอกาสเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว"
"เจ้าให้คนไปสืบก่อนว่ามันอยู่ที่ไหนแล้วค่อยมาบอกข้าก็แล้วกัน ข้าจะส่งคนไปจัดการให้เจ้าเอง"
"เข้าใจแล้วท่านพ่อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"
ตึกตระกูลจิน
อิงเป่ยผลักประตูแล้วเดินก้าวเข้าไปด้านใน ตัวตึกนั้นมีอยู่หลายหลัง
จะมีตึกที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่สูงและใหญ่กว่าที่อื่นๆ จัดเข้ากับสถานที่ได้อย่างลงตัว มีสระน้ำ ลานกว้าง ศาลาพักผ่อน บ้านพักคนรับใช้ คนงาน จะแยกออกจากส่วนของตึกทั้งหมด อยู่ด้านหลังติดกับกำแพง อิงเป่ยถูกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก
"เหมาะมากนี่จะเป็นตึกตระกูลของข้าที่จะก่อตั้งขึ้น แต่ข้าจะไปหาคนมาช่วยข้าได้ยังไงกันล่ะ"
"คุณชายข้ามาแล้ว ขอรับ"
"หืม..ข้าลืมซุนอ้าวเหลียงไปได้ไงกัน ถ้าข้าให้เขาช่วยหาคนที่เดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัยเข้ามาอยู่น่าจะปลอดภัยกว่ารับสมัครเอาก็ได้"
"คุณชาย ข้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ ขอรับ"
"เจ้ารู้จักคนยากจนไร้ที่พึ่งที่อยู่กันเยอะๆบ้างรึเปล่า ข้าอยากไปพบพวกเขาหน่อย"
"เอ่อ..เรื่องนี้ข้าก็รู้อยู่หรอก มันไม่เหมาะที่จะให้คุณชายไปเดินแถวนั้น ขอรับ"
"ไม่เป็นไรเจ้าพาข้าไปเถอะ และข้าก็เป็นคนบอกให้เจ้าพาข้าไปเอง"
"ถ้างั้นข้าจะพาท่านไปเอง"
ซุนอ้าวเหลียงนำทางอิงเป่ยไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งจะว่าบ้านก็คงจะไม่ได้ ถ้าจะเรียกคงจะเป็นสลัมเลยก็ว่าได้ สภาพรอบๆนั้นต่างเต็มไปด้วยความแออัด
ทั้งสิ่งของทั้งผู้คนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ มีทุกเพศทุกวัย แต่งตัวด้วยเสื่อผ้าเก่าขาดๆ น่าตามอมแมม ร่างกายซูบผอม นอนตามพื้นทางเดิน อิงเป่ยทำหน้าเศร้าสร้อยแทบอดกลั่นน้ำตาแทบไม่ไหว
"นี่มันเกินไปแล้วนะ เมืองออกจะใหญ่โต แค่ดูแลประชาชนของตัวเองยังทำไม่ได้เลยรึไง"
"นี่อ้าวเหลียงเจ้าช่วยไปบอกคนเหล่านี้ให้มารวมตัวกันตรงนี้ได้รึเปล่า ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกเขาเหล่านี้หน่อยน่ะ"
ซุนอ้าวเหลียง รีบเดินไปหาเหล่าผู้คนที่อยู่ใรสลัมแห่งนี้ พร้อมกับตะโกนบอกกล่าวไปเรื่อยๆ
"พวกท่านทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ ข้าอยากให้พวกท่านไปรวมตัวกันตรงที่มีคุณชายท่านนั้นยืนอยู่ พวกท่านอาจจะโชคดีแบบข้าก้ได้นะ"
เหล่าผู้คนที่ได้ยินก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินไปทางอิงเป่ยทันที เมื่อดูจากสถานที่แห่งนี้แล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า200คนน่าจะได้ ไม่นานผู้คนก็มารวมตัวกัน อาจจะมีบางคนที่ออกไปหาอาหารเพื่อช่วยประทังชีวิตครอบครัวที่ยังไม่กลับมาอยู่อีกหลายคน
"คุณชายน่าจะเกือบครบทุกคนแล้ว บางคนน่าจะออกไปหาอาหาร ทำงานจึงไม่อยู่ที่นี่"
"ไม่เป็นไร ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะช่วยเหลือทุกคนที่อยู่นี่ให้ได้รับสิ่งที่ดีๆไม่ต้องมาลำบากอยู่กันที่นี่อีก เพราะข้าจะให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ย้ายไปอยู่ที่ตระกูลข้า ซึ่งข้าได้ซื้อตึกที่เคยเป็นของตระกูลจินมาก่อนไว้แล้ว ซึ่งข้ายังขาดคนคอยช่วยดูแล จึงต้องมาชวนพวกท่านทุกๆคนที่นี่ไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน พวกท่านจะไปอยู่กับข้ารึไม่"
เมื่ออิงเป่ยพูดจบทุกคนต่างนิ่งเงียบ ดวงตาที่เคยหมองมัวก็ค่อยๆกลับมามีชีวิตขึ้น น้ำตาเอ่อล้นหลั่งไหลออกมาจาก2ตาไหลอาบแก้ม เสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ดังระงมไปทั่ว จนในที่สุดก็หยุดลง
"ขอบคุณ คุณชายมากที่มองเห็นคุณค่าชีวิตของพวกข้าเหล่านี้ไม่รังเกลียดพวกข้าเลยแม้แต่น้อย และยังช่วยให้พวกข้าได้มีที่อยู่อาศัยดีๆได้พักกัน พวกข้าไม่คิดเลยว่า วันนี้สวรรค์เห็นใจพวกข้าแล้วถึงได้ส่งคุณชายมาปลดปล่อยชีวิตที่ยากแค้นแก่พวกข้าที่นี่"
"ข้าก็ช่วยได้เท่าที่ข้าทำได้เท่านั้นล่ะ ไม่ต้องคิดมาก ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจที่จะไปอยู่กับข้า ก็พากันเดินไปที่ตระกูลจินในอดีตได้เลย ข้าจะทำการเปลี่ยนที่ตรงนั้นให้เป็น ตระกูลอิง ของข้าแล้วล่ะ"
ซุนอ้าวเหลียงนำทางทุกคนไปยังตระกูลจินเก่าทันที ทุกคนในตอนนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมากว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
"เจ้าก็ไปพาแม่และน้องเจ้ามาเถอะ จะได้ไปพร้อมกัน"
ซุนอ้าวเหลียงได้ยิน ก็รีบวิ่งไปที่บ้านตนทันที จากนั้นไม่นานก็พาแม่และน้องเดินเข้ามารวมกลุ่มแล้วเดินไปยังตึกตระกูลจินเก่าทันที
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย