ซุนอ้าวเหลียงหยิบของบางอย่างขึ้นมาแล้วส่งให้ท่านแม่ของเขากับน้องสาวตัวน้อยไป ทั้ง2เมื่อได้เห็นก็ตกใจหนักเข้าไปอีก จ้องมองหน้าอ้าวเหลียงอย่างจริงจัง ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามออกไป "อ้าวเหลียงนี่เจ้าไปเอามาจากไหน หรือว่าเจ้าไปขโมยเขามาถึงได้มีของเช่นนี้ งั้นบาดแผลพวกนี้ก็.."
"ท่านไม่ต้องกังวลท่านแม่ ข้าเอาเงินซื้อมาน่ะ และนี่ก็อาหารที่พวกเราทั้ง3จะได้กินกันในวันนี้"
อาหารที่ซุนอ้าวเหลี่ยงซื้อมานั้นไม่แพงเหมือนกับที่ขายในโรงเตี้ยมหรูๆเป็นเพียงร้านอาหารเล็กๆข้างทางเท่านั้น แต่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วที่พวกเขาทั้ง 3 ได้กินมา
ซุนหลินเฟยจ้องมองบุตรชายตนอย่างลึกซึ้งก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเศร้าสร้อยน้ำตาคลอ
"แม่ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก ถ้าเป็นไปได้แม่ก้อยากจะช่วยแบ่งเบา
ภาระเจ้าอยู่เหมือนกันแต่สภาพตอนนี้คงทำไม่ได้ ภาระดูแลครอบครัวจึงตกไปอยู่ที่เจ้า แม่ขอโทษจริงๆ"
"ข้าว่าเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มากินอาหารก่อนที่มันจะเย็นชืดหมดก่อน"
ซุนหลินเฟยยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะยิ้มออกมา แล้วช่วยอ้าวเหลียงจัดอาหารใส่จาน ส่วนน้องสาวนั้นยังเล็กอยู่จึงไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดจา จากนั้นก็เดินไปนั่งตักของพี่ชายตนก่อนจะหยิบอาหารขึ้นมากิน ยิ้มอย่างมีความสุขกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าวันนี้
5555!! อ้าวเหลียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นน้องสาวตัวน้อยมีความสุข
"พรุ่งนี้ข้าจะซื้อยามาให้ท่าน หลังจากที่พาคุณชายไปชมสถานที่ภายในเมืองแล้ว"
ซุนอ้าวเหลียงหยิบเงินออกมา 5 เหรียญทองยื่นให้ท่านแม่ของเขา
"นี่เป็นเงินค่าจ้างที่คุณชายท่านนั้นให้ข้าไว้ ข้าได้ซื้อชุดใหม่และอาหารมาโดยได้ใช้เงินไปแล้วส่วนนึง ข้าให้ท่านเก็บไว้5ทองส่วนอีก5ทองข้าจะไปซื้อยามาให้ท่าน"
"ทำไมค่าจ้างมันถึงได้เยอะขนาดนี้กันล่ะ ปกติแค่1ทองก็มากเกินไปด้วยซ้ำ"
"เอ่อ..ข้าบอกไปแล้ว แต่คุณชายกล่าวกับข้าว่า"
"ข้าให้เจ้า เจ้าก็รับไปเถอะอย่าคิดมาก"
"ข้าก็ไม่เคยเห็นคุณชายท่านนี้มาก่อน น่าจะมาจากที่อื่น แต่ถ้าเป็นคนจากทวีปแดนเหนือคงจะไม่เข้ามาช่วยข้าเอาไว้ตอนถูกทำร้ายจากคุณชายรองตระกูลชิวอย่างแน่นอน ทำให้ข้าเกลียดตระกูลเหล่านี้ยิ่งนัก"
ซุนอ้าวเหลียงกล่าวออกมาด้วยความคับแค้นใจที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับชะตากรรมที่เกิดมาอ่อนแอ
"หากข้ามีโอกาสได้ฝึกฝนข้าจะไขว่คว้ามาให้ได้เลยคอยดูเถอะ"
กองคาราวานของตระกูลจิน
นี่ก็ผ่านมาเกือบ20วันแล้วที่ทำการย้ายออกมาจากเมืองแดนเหนือ เนื่องจากเป็นขบวนขนาดใหญ่จึงทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าปกติ เพราะต้องคอยระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทางจึงได้มีการส่งผู้อาวุโสไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้าไว้ ก่อนขบวนจะไปถึง
"เอาล่ะ พวกเราจะทำการพักกันที่นี่ แบ่งหน้าที่กันทำก่อนจะมืดค่ำซะก่อน มันจะลำบากเอาได้ถ้าเตรียมที่พักไม่ทัน"ผู้อาวุโสสั่งการออกไป
"ถ้าเราเดินทางกันระดับนี้ คงจะถึงป้อมปราการทมิฬได้ในอีก 2 เดือน ข้าหวังว่าคงไม่มีเหตุอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงจุดหมายก็พอแล้ว"
จินตงไป๋กล่าวออกมาด้วยความกังวล พวกท่านไปพักเถอะ
"ทุกคนพักผ่อนกัน อย่าลืมเปลี่ยนเวรยามด้วยล่ะ เพื่อจะได้เปลี่ยนกันพักผ่อน พรุ่งนี้จะออกเดินทางกันแต่เช้า"
จินตงไป๋กล่าวก่อนจะหันหลังเดินไปพักในกระโจม
ยามเช้ากองคาราวานของตระกูลจินเก็บสัมภาระทั้งหมดเสร็จก็ออกเดินทางต่อทันที
อิงเป่ยลืมตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าก่อนจะลุกจากเตียงเดินเข้าห้องอาบน้ำชำระล้างร่างกายตนเอง ก่อนจะสวมใส่ชุดสีขาวไม่มีลวดลายแล้วสวมใส่ผ้าคลุมเงาภูติทับลงไปอีกชั้น ไม่ได้เอาฮู๊ดคลุมหัว ทำให้ดูแปลกตาไปอีกแบบ
สัตว์อสูรที่ตอนนี้อยู่ในรูปแบบมนุษย์นั่งสมาธิฝึกฝนพลังปราณก็ได้ลืมตาขึ้นเมื่ออิงเป่ยเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก
หลงเทียน หลงหลิน หลงหลิว หลงฟาง ก็เปิดประตูห้องออกมาพร้อมกัน อิงเป่ยก็กล่าว
"ลงไปกินหารอาหารกันเถอะ จะได้ไปสืบข่าวตระกูลจินว่าอยู่แถวไหน จะได้จบๆไปซะที"
ขอรับคุณชาย
อิงเป่ยเดินนำลงไปด้านล่างชั้นแรกตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่จึงมีที่ว่างเยอะ จึงได้เดินไปนั่งที่โต๊ะเดิมพร้อมสั่งอาหารเหมือนเดิม ทุกอย่างเป็นเหมือนครั้งแรกที่ทั้ง4ตนได้มากินอาหารแบบนี้ อิงเป่ยก็เริ่มที่จะทำใจได้แล้ว จึงนั่งกินส่วนของตนไป เมื่อกินอาหารเสร็จกิงเป่ยก็จ่ายเงิน พร้อมกับลุกขึ้นเดินออกมาที่หน้าโรงเตี้ยม ก็พบซุนอ้าวเหลียงกำลังยืนรออยู่
"เจ้ามานานแล้วรึ"
"ข้าพึ่งจะมาถึงได้ไม่นานนี่ล่ะ ขอรับ คุณชาย"
"เจ้าพาข้าไปที่ร้านขายพวกแหวนมิติทีสิ "
"ได้ ขอรับ ตามข้ามาเลย"
"อ้าวเหลียงเจ้าพอจะรู้ไหมว่า ตระกูลจินอยู่แถวไหนในเมืองนี้กัน"
"อ๋อ ตระกูลจินย้ายออกไปแล้วขอรับ เมื่อครึ่งเดือนก่อน"
อิงเป่ยถึงกำลังนิ่งอึ้ง เมื่อรู้ว่าตระกูลจนย้ายออกไป รีบหันควับไปถามอ้าวเหลียงทันที
"ห่ะ เจ้าว่าย้ายไปแล้วอย่างนั้นรึ เจ้าพอจะรู้ไหมว่าทำไมถึงย้าย แล้วย้ายไปไหน"
"เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน จู่ๆพวกเขาก็ย้าย ทั้งเมืองนี้ยังไม่มีใครทราบเลยว่าทำไมถึงย้าย"
"ข้ามาช้าไปรึเนี้ย ข้าไม่นึกเลยว่าจะถึงกับย้ายออกจากเมืองนี้เลยนิ"
"คุณชายรู้จักกับตระกูลจินรึ ขอรับ"
"อืม...จะว่าอย่างไรดีล่ะ เจ้าอย่ารู้เลย"
อิงเป่ยยอมรับในความฉลาด สุขุมของจินตงไป๋ที่ตัดสินใจหนีออกจากเมืองแดนเหนือไป เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่อาจจะมีชัยได้ก็ต้องถอยไปตั้งหลักนับได้ว่าคิดถูกแล้ว
"ถึงข้าจะตามไปคงไม่ทันแล้วสินะ คงต้องปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน เราเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน"
"ถึงแล้ว ขอรับ คุณชาย นี่เป็นร้านขายอาวุธอุปกรณ์ต่างๆของเมืองแห่งนี้"
อิงเป่ยมองเห็นร้านที่อยู่ตรงหน้าก็แปลกใจเล็กๆว่าทำไมร้านมันถึงได้เงียบเชียบแบบนี้มีผู้คนเข้าออกน้อยเกินไปแล้ว ต่างจากเมืองพยัคฆ์เมฆาที่มีผู้คนเดินเข้าออกแทบจะทุกเวลา
"แล้วทำไมถึงมีคนเข้าออกน้อยหรือว่ามันยังเช้าอยู่"
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ขอรับ ที่เป็นแบบนี้เพราะมีกฏห้ามขายให้กับคนธรรมดาหรือตระกูลเล็กๆ ถ้าจะซื้อราคาจะแพงกว่าทั่วไป"
อิงเป่ยได้ฟังก็เข้าใขได้ทันที ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา จึงได้เินเข้าร้านไป ก็พบเข้ากับพนักงานคอยต้อนรับ เพียงคนเดียวเป็นหญิงสาวที่หน้าตาธรรมดา ผมยาว อายุน่าจะ18ปี
"ยินดีต้อนรับ ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการสิ่งใดเจ้าค่ะ"
"เอ่อ....คือข้าต้องการดูแหวนมิติ เจ้าพอจะพาไปดูได้รึไม่"
"เชิญทางนี้เจ้าค่ะ"
อิงเป่ยเดินตามพนักงานไป หันมองดูของที่อยู่ในตู้ตลอด2ฝั่งก็พบเพียงแค่อาวุธและอุปกรณ์ธรรมดาเท่านั้น เมื่อสงสัยจึงได้ถามออกไป
"นี่ข้าถามอะไรเจ้าได้รึเปล่าว่าทำไมอาวุธและอุปกรณ์ถึงได้มีระดับต่ำนักล่ะ"
"คุณชายพึ่งมาเมืองนี้ครั้งแรกรึเจ้าค่ะ"
"ใช่แล้วล่ะ ข้าพึ่งมาถึงเมื่อวานนี่เอง"
"ข้าก็ไม่ค่อยรู้หรอก แต่ที่เมืองนี้มันถูกควบคุมโดยตระกูลชิว แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังไม่กล้าขัดใจ ยิ่งตอนนี้ตระกูลจินได้ย้ายออกไปทำให้ความสมดุลของอำนาจเด็ดขาดขึ้น ตอนนี้ร้านค้าต่างๆเริ่มทนไม่ไหวจนต้องออกไปเปิดกิจการที่เมืองอื่นแทน"
"แล้วทำไมร้านค้านี้ยังอยู่อีกละไม่ย้ายไปแบบร้านอื่นรึ"
"ตอนนี้ก็กำลังถูกกดดันอยู่ตลอดเวลาเพื่อควบคุมร้านนี้ให้เป็นของตระกูลชิว แต่ท่านตาข้าไม่ยอม จึงเป็นแบบที่คุณชายเห็นไม่มีใครกล้าเข้ามาร้านนี่เลย"
"เจ้าไปเรียกท่านตาเจ้าออกมาพบข้าได้หรือเปล่า ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"
"ถ้างั้น รอซักครู่ เจ้าค่ะ"
ไม่นานก็มีชายชราผมขาว เครายาวถึงหน้าอก สวมชุดสีขาวทั้งตัวคล้ายนักพรต หนังมือเหี่ยวย่น อายุน่าจะ100ปีน่าจะได้เดินออกมาพร้อมกับพนักงานที่เป็นหลานสาวนั่นเอง
"เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าอย่างนั้นรึ ถึงได้ให้หลานสาวข้าไปตามข้ามา"
"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองสินะ ร้านนี้ถึงไม่ได้ถูกโจมตีหนักเหมือนร้านอื่นๆ เพราะมีท่านนี่เอง"
"โอ้ ไม่นึกว่าชายหนุ่มเช่นเจ้าจะรู้ระดับพลังข้าได้ แต่ข้ากับไม่รู้ระดับของเจ้าเลย"
"ข้ามีความจำเป็นต้องปิดบัง ต้องขออภัยที่ไม่อาจแสดงให้ท่านรู้ได้"
"เอาเถอะ นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวเจ้าข้าไม่บังคับเจ้าหรอก"
"ขอบคุณที่ท่านเข้าใจข้า"
"แล้วเจ้ามีอะไรจะคุยกับข้ากันล่ะคงไม่ใช่เรื่องแย่ๆหรอกใช่ไหม"
"ข้ามีของมาขายให้ท่านจะรับซื้อรึเปล่าล่ะ หรือจะใช้แลกกับแหวนมิติ 4 วงก็ได้ท่านเห็นว่ายังไง"
"โอ้ งั้นข้าขอดูหน่อย ว่าจะเอาอะไรมาขายคงไม่ต่ำกว่าของที่แสดงอยู่หรอกใช่ไหม"
อิงเป่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หยิบอาวุธระดับเซียนออกมายื่นให้ชายชราไป
เพียงแค่ชายชราเห็นก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เพียงยิ้มเล็กน้อยออกมาเท่านั้น
"อาวุธระดับเซียนอย่างนั้นรึ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีของแบบนี้จริงๆ"
"ข้าจะเอากระบี่เล่มนี้แลกกับแหวนมิติท่านจะตกลงรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่พอก็บอกข้าได้"
ขณะที่กำลังจะตอบตกลง ข้างนอกก็พลันมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมา
"ใครมันกล้าเข้าร้านนี่กัน ไม่กลัวตายรึไงถึงไม่ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้าเข้าไปลากตัวมันออกมาให้ข้าเร็วๆ"
"ขอรับ นายน้อยชิวเฟยหยู"
ชายชราถอนหายใจทันที เมื่อได้ยินเสียง
"เฮ้อ...ไม่จบไม่สิ้นซักที ข้าไม่รู้จะทำยังไงดี เจ้าหลบไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าออกไปจัดการเอง"
ชายชราเดินเนิบๆออกมาจากในร้าน แล้วมายืนมองดูคนที่มาก่อความวุ่นวายในครั้งนี้
"ข้าก็บอกพวกเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่าข้าไม่รับข้อเสนอที่พวกเจ้าให้ กลับไปได้แล้ว"
"ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะทนได้ถึงไหนกัน แต่ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะลูกน้องข้ามารายงานว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่ร้านเจ้า"
"ที่แท้ก็ต้องการพบข้า เจ้ามีเรื่องอันใดรึ!"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย