เมื่อเดินมาถึงประตูเมืองแดนเหนือ ก็พบกับทหารที่ยืนอยู่คอยตรวจสอบคนที่จะเข้าเมืองนั่นเอง ซึ่งก็มีทุกเมืองเป็นเรื่องปกติ เมื่อทหารเห็นกลุ่มของอิงเป่ยเดินมาถึงก็บอกให้อยู่ก่อน
"พวกเจ้าหยุดก่อน ถ้าต้องการจะเข้าเมืองจะต้องมีแผ่นหยกก่อนถึงจะเข้าได้ ถ้ามีป้ายนี่แล้วครั้งต่อไปให้แสดงก็ป้ายให้ดูก็เข้าเมืองได้เลย 1 แผ่นหยก มีราคา 20 ทอง "
"งั้นข้าเอา5อัน นี่เงิน100ทองสำหรับค่าแผ่นหยก
ทหารยื่นแผ่นหยกมาให้ 5 อันก่อนจะรับเงินจากอิงเป่ยไป แล้วเปิดทางให้เข้าไปในเมืองทันที
อิงเป่ยยื่นแผ่นหยกให้ผู้ติดตามทั้ง 4 ทีละคน
รูปภาพน่ารัก
อิงเป่ย หลงเทียน
หลงหลิง หลิงหลิว หลงฟาง
"นี่เป็นแผ่นหยกสำหรับเข้าเมืองพวกเจ้ารับไปสิ เอ่อ..พวกเจ้ามีแหวนมิติเก็บของกันหรือเปล่า"
"ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ" หลงหลิงกล่าวตอบ
"งั้นไปหาที่พักก่อนก็แล้วกัน ค่อยไปหาซื้อแหวนมิติให้พวกเจ้า"
เมื่อเดินเข้ามาได้ไม่นานก็พบกับภาพที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์องเป่ยเท่าไหร่ มันทำให้อิงเป่ยหงุดหงิดขึ้นมาทันที
นี่มันเมืองแห่งการกดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอกว่ารึไงกัน อิงเป่ยเดินเข้าไปหากลุ่มคนพวกนั้นก่อนจะกล่าวให้หยุดมือ
"พวกท่านหยุดทำร้ายเขาได้แล้ว เมืองนี่มันไม่มีกฎอะไรเลยรึไงกัน"
"กฎรึ พวกข้านี่ไงล่ะคือกฎ คนแข็งแกร่งกว่าคือผู้เขียนประวัติศาสตร์เจ้าไม่เคยได้ยินรึไง ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง"
อิงเป่ยเดินเข้าไปพยุงเด็กหนุ่มอายุน่าจะ15ปี แต่งตัวด้วยผ้าหยาบๆเนื้อตัวมอมแมม รูปร่างสมส่วนมีกล้าเนื้อแสดงให้เห็นว่าเป็นคนทำงานหนักมานาน หน้าตาธรรมดา
"เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ไปกับข้าก่อนก็แล้วกัน"
"คุณชายไปเถอะ ขอรับ ข้าไม่อยากให้คุณชายมาเดือดร้อนเพราะข้า"
"5555!! อย่างที่เจ้านั่นว่า อย่ามายุ่งจะดีกว่า ถ้าไม่อยากตาย"
อิงเป่ยลากแขนเด็กหนุ่มเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วถามว่า
"เจ้าชื่ออะไร ทำไมถึงถูกรังแกได้ล่ะ"
"ข้าชื่อ ซุนอ้าวเหลียง รับจ้างทำงานทุกอย่างที่เขาให้ทำ"
"เฮ้ย เจ้ากล้าที่จะเมินเฉยกับพวกข้าแบบนี้อยากตายนักใช่ไหม"
พวกเจ้านี่ น่ารำคาญจริงๆ หลงเทียนจัดการหุบปากพวกนั้นที
เมื่อได้ยินที่อิงเป่ยสั่ง หลงเทียนก็หายวับไปทันทีพร้อมกับฟาดฝ่ามือเข้าที่ปากของพวกนั้นที่ละคน ผั๊วะ!! ผั๊วะ!! ผั๊วะ!! เพียงฝ่ามือธรรมดาก็สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ระดับปราณฟ้าตายได้ แรงตบทำให้พวกมันกระเด็นลอยไปไกลตกกระแทกพื้น ตุบ! ตุบ! ตุบ! นอนสลบเลือดกลบปากฟันหักไปหลายซีกเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ต่างมองไม่ทันเห็นเพียงแค่มีคนบินได้เท่านั้น
"เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว พวกเราต้องไปหาที่พักผ่อนก่อน"
ผู้คนที่ยืนดูอยู่ตั้งแต่แรกล้วนซะใจในสิ่งที่พวกมันโดนกระทืบ จากนั้นก็พากันเดินจากไปโดยไม่ช่วยเหลือพวกนั้นเลย
"สมน้ำหน้าพวกมันจริงๆ โดนซะบ้างจะได้หลาบจำ"ชาวบ้านคนนึงกล่าวเบาๆ
"เมืองนี้นับว่าน่าอยู่จริงๆ ถ้าไม่นับพวกนั้นล่ะก็นะ"อิงเป่ยพึมพำเบาๆ
อิงเป่ยกล่าวอย่างเฉยเมยแล้วเดินหาโรงเตี้ยมต่อ ไม่นานก็มาพบ
โรงเตี้ยมหิมะจันทรา มีผู้คนเดินเข้าออกไม่ขาดสาย เป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองแดนเหนือแห่งนี้
"นี่คงจะเป็นโรงเตี้ยมที่ใหญ่สุดในเมืองนี้แล้วล่ะนะ"
อิงเป่ยมองไปที่ ซุนอ้าวเหลียงก่อนจะบอกไปว่า
"พรุ่งนี้ให้เจ้ามารอข้าที่หน้าโรงเตี้ยมแห่งนี้ตอนสายๆข้าไปไปเดินดูรอบๆเมืองนี้หน่อยข้าจะให้เจ้ามานำทางให้"
"ได้ ขอรับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะมาที่นี่ แต่ตอนนี้ข้าอยากกลับไปหาท่านแม่กับน้องสาวก่อน"
อิงเป่ยหยิบเงินออกมา20ทอง ก่อนจะยืนให้ซุนอ้าวเหลียงไป
"นี่เป็นเงินค่าจ้างเจ้าในวันพรุ่งนี้ เอาไปซื้อชุดใหม่ใส่และซื้ออาหารไปกินกับแม่และน้องสาวเจ้าซะ"
"เอ่อ..นี่มันมากเกินไป ขอรับ สำหรับข้าเพียง1ทองก็นับว่ามากแล้ว"
"ข้าให้เจ้าก็รับไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก อย่าลืมใส่ชุดใหม่มาด้วยละพรุ่งนี้"
"ขอบคุณ ขอรับ" พร้อมกับรับเงินจากอิงเป่ย แล้วโค้งตัวคำนับก่อนจะเดินจากไป
"พวกเราเข้าไปกันเถอะ เดี๋ยวห้องพักมันจะเต็มซะก่อน"
อิงเป่ยเดินนำหน้าเข้าไปด้านในก็มีพนักงานมาต้อนรับทันที
"คุณชายท่านต้องการที่พัก สั่งอาหาร หรือเจ้าค่ะ"
"ข้าต้องการทั้ง 2 อย่าง ทั้งที่พักและอาหารสำหรับ 2 วัน ห้องพักขอเป็นห้องติดกันเลยนะ จะได้สะดวก"
"ได้เจ้าค่ะ คุณชาย"
"พวกเราไปนั่งที่ริมระเบียงทางนั้นกันเถอะ" อิงเป่ยกล่าวต่อผู้ติดตามทั้ง4 คน
สายตาทุกคู่ต่างจ้องมองมายังกลุ่มของอิงเป่ย เหมือนต้องมนต์ ต่างซุบซิบกันพูดคุยกันไปมาระหว่างกลุ่มของตัวเอง แต่อิงเป่ยไม่สนใจเดินไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะนั่งลง
"เอิ่ม...พวกเจ้านั่งสิ จะยืนทำไมกัน ข้าไม่ถือหรอก ทำตัวตามสบายเลย"
หลงเทียนกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลงพร้อมกับ3สาว แต่ก็ยังเกรงอยู่นิดๆ
"พวกเจ้าสั่งอาหารได้ตามต้องการเลย มื้อนี้ข้าจะเลี้ยงต้อนรับที่พวกเจ้าติดตามข้าก็แล้วกัน และอีกอย่างให้เรียกข้าว่า คุณชาย ไม่ต้องเรียก นายท่าน เข้าใจนะ"
"เข้าใจแล้ว ขอรับ/เจ้าค่ะ คุณชาย"
อิงเป่ยเรียกพนักงานมาสั่งอาหารหลังจากที่ตกลงกับผู้ติดตามเสร็จแล้ว
เมื่อเห็นอิงเป่ยเรียกพนักงานก็เดินมา
"ต้องการสั่งอาหารอะไรหรือเจ้าค่ะ"
"ข้าขอเป็นของขึ้นชื่อโรงเตี้ยมแห่งนี้ก็แล้วกัน ซัก 3-4อย่าง ขอน้ำชามาด้วยนะ"
หลงเทียนมองหน้าพนักงานก่อนจะสั่ง
"ไก่อบน้ำผึ้ง ปลาผัดสามรส เจ้าทั้ง3จะเอาอะไรไหม"
"ขอเป็นผัดผักรวมมิตร ไก่ตุ๋นน้ำผึ้ง ปลานึ่งขิง หมั่นโถ"
เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย พนักงานก็เดินจากไป
"นี่จะเป็นการเปิดหูเปิดตาครั้งแรกของพวกเจ้า ที่ได้ลองใช้ชีวิตแบบมนุษย์ทั่วไปดูซักครั้ง" อิงเป่ยยิ้มเล็กเมื่อกล่าวจบคำ
ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาถึง แต่ละอย่างนั้นน่ากินยิ่งนัก จัดแต่งได้สวยงาม สมกับที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่จริงๆ ยิ่งเมื่อได้เห็นกิริยาท่าทางของทั้ง4แล้วยิ่งทำให้อิงเป่ยแทบจะอดขำออกมาไม่ได้
"พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจลงมือกินอาหารได้ไม่ต้องรอข้าหรอก"
หลงเทียนหันมองซ้ายมองขาวอยู่หลายครั้งก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วทำการคีบอาหารที่อยู่ในจานขึ้นมาชิมดู เพียงคำแรกก็ทำให้หลงเทียนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วทำการคีบอาหารอย่างอื่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อทั้ง 3สาว เห็นหลงเทียนทำให้ดูเป็นแบบอย่างก็เริ่มทำตามทันที หลังจากที่ชิมครั้งแรกก็มีอาการแบบเดียวกันกับหลงเทียน อิงเป่ยเห็นท่าทางมีความสุขของทั้ง4ก็ชื่นชมในความฉลาดของหลงเทียนและการเรียนรู้ที่รวดเร็วของทั้ง 4 ตน อิงเป่ยกินอาหารที่จัดวางอยู่หน้าด้วยความพึงพอใจ จนอาหารใกล้หมด อิงเป่ยก็วางตะเกียบ แล้วหยิบถ้วยน้ำชา ขึ้นมาจิบ
"อืม..รสชาติดีกว่าที่ข้าคิดไว้อีกนะน้ำชานี่"
"พวกเจ้าจะสั่งอาหารเพิ่มก็ได้นะ"
หลงหลิวทำตาลุกวาวเมื่อได้ยินสิ่งที่อิงเป่ยกล่าวออกมา พร้อมกับหันหน้าไปทางพนักงานแล้วกวักมือเรียก เมื่อพนักงานเห็นก็รีบเดินมาหา
"ต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือเจ้าค่ะ"
"ข้าต้องการอาหารที่เหมือนคุณชายของข้าสั่งน่ะ"
พนักงานมองไปยังอาหารบนโต๊ะ แล้วกล่าวว่า
"อ๋อ อาหารขึ้นชื่อของโรงเตี้ยมเราเจ้าค่ะ กรุณารอซักครู่เดี๋ยวข้าจะไปสั่งให้เจ้าค่ะ"
อิงเป่ยสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้พร้อมกับคิดในใจ
"นี่ข้ากำลังมีคนมาช่วยผลาญเงินข้าแล้วสินะ เหอะๆ"
ผ่านไปครึ่งชั่วยามทุกอย่างก็จบลง โดยค่าอาหารทั้งหมดนั้นเกือบ 1 พันทอง พนักงานยังตกใจกับสิ่งที่เห็น นี่มันสำหรับ10คนเลยนะอาหารที่ถูกสั่งมาโต๊ะนี้
พนักงานหันหน้าไปหาอิงเป่ย เหมือนกับจะถามว่า "นี่พวกท่านกินหมดกันได้ยังไง?" อิงเป่ยเดาความคิดของพนักงานได้ทันที ก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
อิงเป่ยรีบบอกให้พนักงานพาไปยังห้องพักทันที เมื่อเริ่มมีสายตาหลายคู่จ้องมา
"พาข้าขึ้นไปยังห้องพักที่จ้องไว้ทีสิ"
"อ่ะ ได้ๆเจ้าค่ะ เชิญทางนี้เลย"
อิงเป่ยเดินตามพนักงานขึ้นมาที่ชั้น2 เดินเลี้ยวไปทางขวานิดเดียวก็มาถึงห้อง 5 ห้องติดกันที่ทำการจองเอาไว้ อิงเป่ยหยิบเงินออกมา100ทอง ให้พนักงานไป
"เชิญคุณชายพักผ่อนตามสบายถ้ามีอะไรต้องการ ก็เรียกได้เลยเจ้าค่ะ"
อิงเป่ยหยิบเหรียญทองออกมา5เหรียญก่อนจะส่งให้พนักงานไป
"นี่เป็นค่าดูแลข้า เจ้ารับไว้สิ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชาย"
เมื่อพนักงานจากไป อิงเป่ยก็บอกให้เลือกห้องตามสบายจะอยู่ห้องไหนก็ได้ แล้วบอกให้พักผ่อนก่อนอิงเป่ยจะเปิดประตูห้องเข้าไป
หลังจากที่ถูกตบจนสลบอยู่นานก็เริ่มมีคนได้สติก่อน
อึก!! อูยย!! "ทำไมข้ามานอนตรงนี้กัน โอ๊ยย!! ปากข้าไปโดนอะไรมากันว่ะเนี้ย!" เมื่อมองไปรอบตัวก็พบกับคนคุ้มกันนอนสลบเลือดแห้งติดปากอยู่ข้างๆ จึงได้นำมือมาจับดูที่ปากตนก็มีเลือดติดมือออกมา
"ข้าจำได้ว่ากำลังทุบตีไอ้เด็กนั่นอยู่นิ จากนั้นก็มีคนมาห้ามแล้วก็พาเด็กนั่นไป จากนั้นก็เหมือนถูกอะไรกระแทกเข้าที่ปากอย่างรุนแรง จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย"
จึงได้กล่าวถามผู้คนที่ผ่านไปมาว่าเห็นใครทำร้ายเขารึเปล่า แต่กลับไม่มีใครเห็นเลยซักคน
"นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครลอบทำร้ายข้า หรือว่าจะเป็นพวกนั้นกันนะ แต่ข้าก็จำได้ว่าเขาแค่ช่วยเด็กนั่นเองนี่หว่า แล้วใครกันล่ะ"
จากนั้นก็เดินไปเตะคนคุ้มกันที่นอนสลบอยู่จนได้สติคืนมา
ตุบ!! ตุบ!! "พวกเจ้าจะนอนไปถึงไหนกัน ตื่นได้แล้ว"
อึก!! อ่ะ! "คุณชายรองปากท่านทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกันล่ะ ขอรับ
"เหอะ! เจ้าก็ไม่ต่างจากข้านักหรอก กลับตระกูลกันได้แล้ว"
"ขอรับ คุณชายรอง"
คุณชายรองกับคนคุ้มกันก็เดินกลับตระกูลกันแบบงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนกันแน่ "ความสงสัยนี่จะต้องได้รับความกระจ่างในไม่ช้าแน่นอน" คุณชายรองคิดในใจ
ซุนอ้าวเหลียง หลังจากที่แยกกับอิงเป่ยแล้ว ก็รีบเดินกลับไปยังบ้านเก่าๆหลักเล็กๆที่อยู่ติดกับกำแพงด้านหลังของตึกตระกูลจินที่ได้ย้ายออกไปแล้วโดยการขายให้กับทางราชการ และยังไม่มีใครจะซื้อต่อเพราะมันราคาแพงมาก
ตึกตระกูลจินนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยความละเอียดพิถีพิถันทุกตารางนิ้ว
มีเนื้อที่กว้างใหญ่เป็นรองแค่ตระกูลชิว มีกำแพงกั้นรอบทั้งบริเวณตัวตึกทำให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย
ก่อนจะกลับมาบ้าน ซุนอ้าวเหลียงได้แวะซื้ออาหารหลายอย่าง พร้อมกับชุดใหม่ที่ร้านขายเสื้อมาด้วย
"ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว ข้ามีอะไรจะให้ท่านแม่และน้องสาวด้วยล่ะ"
ซุนอ้าวเหลียงกล่าวออกมาด้วยความดีใจยิ้มแก้มปริอยู่ตลอดเวลา จนลืมอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี่ไป
เมื่อซุนหลินเฟยกับซุนเหมยลี้ได้ยินก็พากันออกมาดูก็ต้องตกใจ
เมื่อเห็นบาดแผลตามตัวของซุนอ้าวเหลียง ต่างรีบวิ่งเข้ากอดพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง
"เจ้าไปโดนใครทำร้ายมากันถึงได้มีแผลเต็มตัวขนาดนี้" ฮือออ!! ฮือออ!!
"ข้าไม่เป็นอะไรหรอกท่านแม่ ข้าสบายดี ท่านหยุดร้องไห้เถอะ ท่านยิ่งไม่สบายอยู่เดี๋ยวอาการจะทรุดหนักลงไปอีก"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย