"ตอนนี้ข้ายังไปไหนไม่ได้จนกว่าสัตว์อสูรจะวิวัฒนาการเสร็จก่อน นี่มันก็3เดือนมาแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่ได้ซะที"
วิ้งงง!! จู่ๆเมอาก็โผล่ออกมาแล้วพูดว่า
"นายท่านใจร้อนเกินไปแล้วนะ ถ้าเป็นผลึกจิตวิญญาณธรรมดา คงเสร็จสิ้นไปนานแล้ว นี่เล่นให้ผลึกจิตวิญญาณมังกรที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มันก็ต้องใช้เวลามากกว่าหลายเท่าอยู่แล้ว"
"ข้าลืมไปได้ยังไงกัน ถามจากเมอาก็ได้นี่หว่า ถ้าเมอาไม่โผล่ออกมาก็ลืมไปเลยนะเนี้ย"
เมอาทำหน้างุนงงจ้องมองไปที่อิงเป่ย.....?
"นี่เมอาพลังปราณมันมีระดับที่สูงกว่าปราณเทพสงครามอีกรึไม่?"
"น่าจะมีนะแต่ก็ไม่แน่ใจเพราะตอนที่ได้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณมาตอนไปสำรวจที่ตระกูลหวางก็รู้เพียงแค่ถึงระดับเทพสงคราม แต่ถ้าเป็นพลังเวทย์ล่ะก็ข้ารู้ดีกว่าอีกนะจะฟังรึเปล่า ข้าจะเล่าให้ฟัง"เมอาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
"เอาไว้ทีหลังล่ะกัน ว่าแต่ข้าจะฝึกเวทย์มนต์ได้รึเปล่านอกจากเรียกสัตว์อสูรออกมา ถ้าข้าสามารถฝึกได้คงจะสุดยอดไปเลย"
"ก็ข้ากำลังจะพูดให้ฟัง แต่นายท่านไม่อยากฟังเอง ข้าไปล่ะ"
อิงเป่ย.........."มีงอลด้วยให้ตายสิ แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี้ย คงต้องหาของมาให้เดี๋ยวคงหายเองล่ะ "อิงเป่ยไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
"นี่มันก็นานมากแล้วนะที่ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลหยาง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ข่าวคราวก็ไม่ค่อยมีคงต้องไปสืบซักหน่อย"
อิงเป่ยเปิดประตูมิติด้วยแหวนมังกรทอง แล้วมุ่งหน้ากลับสู่ตระกูลหยาง เมื่อมาถึงตระกูลหยางก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่เคยรู้จักแผ่ขยายออกมา
"หืม..พลังระดับนี้นี่มัน หรือว่าจะเป็น....."
ความร้อนรน กังวลใจทำให้อิงเป่ยรีบพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อมาถึง ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือ ภาพผู้คนบาดเจ็บร้องครวญครางนอนดิ้นไปมา อยู่ที่ลานฝึกสำนัก
ความโกรธเกรี้ยวของอิงเป่ยทำให้ควบคุมตัวเองไม่อยู่กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นได้เล็ดรอดออกมาพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรง แล้วค่อยๆลอยตัวขึ้นไปบนฟ้า เคลื่อนตัวไปเหนือตระกูลอย่างทันที กวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะตะโกนออกมาด้วยโทสะอันมากล้นสั่นสะท้านไปทั่วแคว้นพยัคฆ์เมฆา
เหล่าผู้ที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านหายใจติดขัด
"เจ้ายังกล้ามาโจมตีตระกูลหยางอีกไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!! ชอบแส่หาความตายนักใช่ไหม ข้าจะไปหาเจ้าเอง"
อิงเป่ยสัมผัสถึงพลังปราณได้ที่ภายในตระกูลหยางจึงหาบวับไปทันที แล้วก็มาโผล่ที่ห้องโถง และยืนกั้นระหว่างประมุขหยางฟงกับผู้บุกรุกทันที
"ท่านประมุขเป็นอย่างไรบ้าง แล้วทุกคนไปไหนหมด อิงเป่ยรีบกล่าวถามทันที"
"หืม...ในที่สุดเจ้าก็มา" อึก!! พรวดด!!
"ดูเหมือนท่านจะได้รับบาดเจ็บหนัก เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
อิงเป่ยหันหน้าไปทางผู้บุกรุก เมื่อเห็นก็จำได้ ว่ามันเป็นใคร
"เจ้าอีกแล้วรึ! อุตส่าห์ปล่อยให้มีชีวิตยังจะมาสร้างความเดือดร้อนอีกตระกูลจินเจ้าจะต้องหายไปเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ"
จินเปียวเมื่อเห็นอิงเป่ยก็ถึงกับตัวสั่นทันทีเมื่อสัมผัสได้กับพลังที่มันนั้นไม่อาจไฝ่ฝันถึง ต่อให้เป็นตระกูลมันทั้งหมดก็ไม่อาจทำอันใดได้ เมื่อเจอกับคนๆนี้ ความหึกเหิม หยิ่งยโสพันมลายหายไปจนสิ้นเหลือแต่เพียงความหวาดกลัว จินเปียวก้าวถอยหลังไปจนสะดุดล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นแสดงอาการหวาดกลัวออกทางใบหน้า ยกมือขึ้นมาป้องกันไว้
"อย่าเข้ามานะ อย่าฆ่าข้าเลย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ตระกูลนี้ จึงได้มาทำร้ายคนที่นี่ ข้ากลัวแล้ว ข้าจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ "
"เจ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว"
อิงเป่ยพูดออกไปด้วยความเฉยเมยไม่สนคำกล่าวใดๆเลยซักนิด แล้วยื่นมือหยิบดาบเทพมารออกมาจากแหวนมิติ เดินตรงเข้าไปหาจินเปียวพร้อมกับชักดาบออกมา แล้วแทงไปที่หน้าอกของจินเปียวทันที
ฉึก!! อ๊ากกกก!!! "ถ้าเจ้าฆ่าข้าตระกูลข้าจะมาสังหารเจ้า"
5555!! ตระกูล นี่เจ้าไม่ได้รู้อะไรเลยอย่างนั้นสินะ ว่าตระกูลเจ้าเสียหายหนักแค่ไหนหลังจากที่เจ้าสลบไป ไม่มีใครเล่าให้เจ้าฟังเลยรึไง"
"เรื่องนั้นข้ารู้ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนตระกูลหยางนี่ต่างหากเล่า"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ตอนนี้ก็รู้แล้วสินะ เพราะความโง่เขลาถึงได้ทำตัวแบบนี้ สมควรตาย!!"
จินเปียวจู่ๆก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมาจึงสำรวจร่างกายของตนเองก็พบว่ามีพลังปราณความมืดกลุ่มหนึ่งกำลังแทรกแซงพลังปราณของตนอยู่ และเริ่มดูดซับพลังปราณตนที่ละน้อย ก่อนจะหันมาจ้องหน้ากล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
"เจ้าทำอะไรข้ากันแน่ ไอ้พลังปราณความมืดนี่มันอะไรกัน"
"มันคือสิ่งที่จะเอาชีวิตของเจ้าไปทีละน้อยจนกว่าเจ้าจะตายไปยังไงล่ะ"
จินเปียวหน้าซีดเผือด หน้าตาบูดเบี้ยวแสดงอาการหวาดกลัวออกมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แสดงออกทางใบหน้า
อึก! อ๊ากกก!! จินเปียวเอามือคว้าจับดาบแล้วดึงออกจากหน้าอกตัวเอง ก่อนจะนอนดิ้นไปมา ร่างกายเริ่มซีดผอมลงเรื่อยๆจนในที่สุดก็แน่นิ่งไป
ประมุขหยางที่เห็นถึงกับขนลุกซู่กับการตายของจินเปียว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป อิงเป่ยหันมาทางประมุขหยาง จึงหยิบยาออกมาจากแหวนส่งไปให้
"นี่ท่านประมุขพอจะอธิบายให้ข้าฟังได้รึเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ สำนักคงถูกโจมตีก่อนแล้วก็มาตระกูลซึ่งข้ากำลังจะไปที่สำนักก็มาเจอเข้ากับมันนี่ล่ะ ข้าจึงถามมันไปว่า เจ้าเป็นใคร มาที่นี่ได้ยังไง มันก็พูดลอยๆว่าสำนักแห่งนี้มีดีแค่นี้เองหรอ น่าเบื่อจริงๆ หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็นนั่นล่ะ"
"แล้วบุตรสาวท่านกับอี้หลิวไปไหนทำไมข้าไม่เห็นพวกนางเลยล่ะ"
"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พวกนางเข้าไปในเมืองเพื่อสืบหาข่าวคราวเจ้านั่นล่ะ"
อิงเป่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเกาหัวตัวเองเบาๆ
"คงเป็นเจ้าสินะที่ก่อเรื่องไว้แล้วหายหัวไปเลย"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นหรอกแต่พวกมันไม่หยุดมารบกวนข้าซะที เลยลงมือหนักไปหน่อยเท่านั้นเอง"
"มันไม่หน่อยแล้ว เล่นพังสนามประลองไปทั้งสนามแบบนั้น แถมได้ยินมาว่าเจ้าสู้กับพวกนั้น1ต่อ9เลยรึ"
"ก็อย่างที่ท่านได้ยินมา แต่ก็ตึงมืออยู่เหมือนกัน ถูกลอบโจมตีจนบาดเจ็บเลยต้องหนี จึงได้ถล่มพวกมันซะเลยก่อนจะหลบหนีออกมา"
ตระกูลจิน
จินตงไป๋ที่กำลังนั่งฝึกฝนอยู่นั้นก็ได้ลืมตาขึ้น เมื่อหยกพลังชีวิตของ
จินเปียวอยู่ๆก็แตกสลายไป
แกร๊ก!เพล้ง!! จินตงไป๋มองดูหยกที่แตกไปถึงกับหน้าซีดร่างกายอ่อนแรงทรุดลงกับพื้นน้ำตาเอ่อไหลทะลักออกมาทันที
"จินเปียววว! ไม่นะ! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้ากัน"
หลังจากที่หยกแตกไปก็เกิดเป็นแสงสีขาวเล็กๆลอยขึ้นมา ปรากฎเป็นร่างจิตวิญญาณของจินเปียวขึ้นมาให้เห็น จินตงไป๋จ้องมองภาพตรงหน้าก่อนจะค่อยๆคลานเข้าไปหาร่างจิตวิญญาณของจินเปียว
"ท่านปู่ช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย"
ก่อนจะปรากฎภาพสุดท้ายให้เห็นว่า ใครเป็นคนฆ่า ก่อนภาพนั้นจะหายไป
จินตงไป๋ขมวดคิ้วแน่ เอ่ยออกมาเบาๆ
"เป็นเจ้าอีกแล้วรึ!"
ถ้าปั่นทัน จะมาลงให้อีกตอน ถ้าไม่ก็รอพรุ่งนี้นะครับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย