หยางฟงก็ได้แต่ทำใจยอมรับว่า บุตรชายของตนได้ตายไปแล้วจริงๆ แต่ก็อดที่จะเศร้าใจไม่ได้ แล้วพูดว่า
"ข้าจะอธิบายยังไงให้บุตรสาวของข้าและคนอื่นๆเข้าใจยังไงกันละเนี้ย ว่าบุตรชายข้าได้ตายจากไปแล้ว"
หลังจบคำ ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ซึ่งก็เป็นบุตรสาวของตนและเหล่าผู้อาวุโสและสาวใช้ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อมองเห็นบุรุษรูปงาม นั่งอยู่บนเตียง แถมมีประมุขนั่งอยู่ข้างๆทำเอาหยางซุยหลิงร้องตะโกนออกมาว่า
"เจ้าเป็นใครทำไมถึงมานั่งบนเตียงของพี่ชายข้า"
ขณะที่หยางซุยหลิงกำลังจะเข้าไปหาอิงเป่ย บิดาของนางก็ยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้ พร้อมกับบอกว่า
"พี่ชายของเจ้าได้ตายจากไปแล้ว และบุรุษหนุ่มผู้นี้มีนามว่า อิงเป่ย ซึ่งเป็นแขกของข้า ส่วนรายละเอียดข้าจะบอกเจ้าทีหลัง"
"ท่านพ่อท่านพูดว่าอะไรนะ พี่ใหญ่ข้าตายแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ก็ข้ายังเห็นเขาหายใจอยู่เลยนิเจ้าค่ะ"
"เรื่องนั้นข้าจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจทีหลัง ตอนนี้พวกเจ้าออกกันไปก่อน ส่วนเจ้าก็พักผ่อนอีกวัน ข้าจะให้อี้หลิวคอยดูแลเจ้า ถ้ามีอะไรก็บอกนางได้เลย"
จากนั้นหยางฟง ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง ซึ่งหยางซุยหลิงและ
ผู้อาวุโสก็เดินตามออกไปทีหลัง เหลือเพียง อี้หลิวสาวใช้เท่านั้น
อี้หลิวมองไปที่อิงเป่ยที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วถามว่า
"ท่านต้องการอะไรหรือไม่ "
อิงเป่ยส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับล้มตัวลงนอนแล้วหลับตา
จากนั้นก็เริ่มคิดเกี่ยวกับหนังสือลึกลับนั่น เพียงแค่คิดหนังสือลึกลับก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมทั้งยังเข้าใจในภาษานั่นอีกด้วย ซึ่งอิงเป่ยก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะตอนที่พบครั้งแรกนั้น เขาอ่านไม่ออกเลยซักนิดเดียว แล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงอ่านมันได้ละ หรือว่าจะเป็นเพราะข้าไปสัมผัสหนังสือด้วยมือที่เปื้อนเลือดกัน หรือว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ช่างมันก่อนละกัน ขอดูรายละเอียดของหนังสือก่อนดีกว่า รูปหนังสือลึกลับ
ดังในรูปภาพ สมมุติเอานะครับ
ที่หน้าปกเป็นตัวอักษรแปลกๆแต่ข้าก็สามารถอ่านได้
ซึ่งมันแปลว่า "เวทย์อัญเชิญอสูร" ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
จึงได้เปิดอ่านดูเนื้อหาข้างในเล่มนั้น ซึ่งก็มี
- บทเวทย์อัญเชิญ
บทร่ายเวทย์อัญเชิญ คือ ความมืดมิดจงมาสถิตย์ที่ตัวข้า สัตว์อสูรพันธะสัญญาจงออกมา ณ บัดนี้
-การจับสัตว์อสูร
คือ จะต้องโจมตีสัตว์อสูรให้อ่อนแอลงก่อนถึงจะสามารถ ใช้เวทย์จับได้ ซึ่งเพียงแค่ เราพูดว่า พันธนาการอสูร และ การนำผลึกวิญญาณอสูร 9 ผลึกวิญญาณมาผสมกัน ซึ่งเราแค่พูดว่า ก่อกำเนิดอสูร ซึ่งอสูรที่ได้จะสุ่มออกมา 1 ตัว ถ้าดวงดีก็ได้อสูรสุดโหด แต่ถ้าดวงซวยก็ได้ สุดกาก นั่นเอง
-การเพิ่มระดับสัตว์อสูร
คือ การอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาต่อสู้กับสัตว์อสูรตนอื่น สัตว์อสูรนั้นจะได้รับความแข็งแกร่งขึ้น นั้นก็คือเลเวลนั่นเอง
-การวิวัฒนาการแต่ละขั้นของสัตว์อสูร
คือ จะต้องหาวัตถุดิบตามธาตุของแต่ละสัตว์อสูรนั่นๆเพื่อมาใช้ในการวิวัฒนาการให้สัตว์อสูรก้าวไปสู่ระดับต่อไป ซึ่งระดับขั้นนั้นคือ 25 50 75 100 ซึ่งหลังจาก100ไปจะเพิ่มขึ้นจาก25เป็น50 ซึ่งความยากนั้นจะเพิ่มเป็นเท่าตัวนั้นเอง
- การจำแนกสัตว์อสูรตามธาตุต่างๆ
ไฟ ชนะ ดิน
ดิน ชนะ ลม
ลม ชนะ น้ำ
น้ำ ชนะ ไฟ
น้ำแข็ง อยู่ในกลุ่ม น้ำ
สายฟ้า อยู่ในกลุ่ม ลม สายฟ้าชนะดิน
ส่วน แสงสว่างนั้นจะตรงข้ามกับความมืด
(ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ถ้าผิดตรงไหน บอกด้วยครับ จะมาแก้ไขให้)
- บทสุดท้ายนั่นสำคัญมาก นั่นคือ การเพิ่มพลังเวทย์และการเปลี่ยนพลังปราณให้เป็นพลังเวทย์ ซึ่งอ่านแล้วก็งงอยู่เหมือนกัน
หินพลังเวทย์นั้นจะได้จากสัตว์อสูรที่เป็นสัตว์เวทย์ที่สามารถใช้ธาตุต่างๆได้
แต่โอกาสที่จะมีนั้นน้อยมาก แล้วแต่ดวงว่างั้น
หลังจากที่อิงเป่ยได้อ่านเนื้อหาในนั้นแล้วก็เปิดไปต่อ แต่ก็ไม่พบคำอธิบายอะไรเลยนอกจากรูปภาพเงาสีดำของสัตว์อสูรทั้งนั้น ถ้าจะให้พูดกันตรงๆเลยก็คือ ผมยังไม่มีสัตว์อสูรเลยนั้นเอง
ถ้าจะให้รูปเงานี้เป็นภาพอสูรขึ้นมา คงต้องไปจับสัตว์อสูรนั่นเอง
แล้วข้าจะไปสู้กับสัตว์อสูรได้ยังละ มันจะตลกมากไปแล้วนะเว้ย สัตว์อสูรซักตัวก็ไม่ให้มา รู้บทเวทย์อัญเชิยแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเล่า เฮ้อ คงต้องหาทางทำอะไรซักอย่างก่อนสินะ หลังจากนั้นอิงเป่ยก็ลืมตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วจน อี้หลิวที่นั่งเก้าอี้อยู่สะดุ้งตกใจ
"ว๊ายยย!!!คุณชายเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ ถึงได้ลุกพรวดขึ้นมาแบบนั้น ข้าตกใจแทบแย่" อี้หลิวเอามือกุมไว้ที่หน้าอกตัวเองและถอนหายใจออกมา
"เอ่อ ขอโทษที ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วยนิดหน่อย"
"คุณชายจะให้ช่วยอะไรอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ"
"ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือเปล่า"
เมื่อได้ยินคำขอ อี้หลิวก้ตอบตกลงและได้เริ่มเล่าเรื่องราวให้อิงเป่ยฟัง
ที่นี่คือเมือง ไป๋ฟง เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางตอนใต้ของของแคว้นพยัคฆ์เมฆา มี4แคว้น ดังนี้
แคว้นมังกรฟ้า
แคว้นพยัคฆ์เมฆา
แคว้นวิหคราชันย์
แคว้นเต่าทมิฬ
ส่วนระดับปราณ แบ่งระดับ1-9
กำเนิดปราณ
หลอมรวมปราณ
ปราณแท้จริง
ปราณปฐพี
ปราณฟ้า
ปราณจักรพรรดิ์
ปราณราชันย์
ปราณนักบุญ
ปราณเทพสงคราม
สัตว์อสูร
อสูรระดับทองแดง
อสูรระดับเงิน
อสูรระดับทอง
อสูรระดับปฐพี
อสูรระดับตำนาน
อสูรระดับเทพ
อาวุธ
ระดับมนุษย์
ระดับเซียน
ระดับวิญญาณ
ระดับจักรพรรดิ์
ระดับตำนาน
ระดับเทพ
ยาโอสถ
ระดับมนุษย์
ระดับเซียน
ระดับตำนาน
ค่าเงิน
ทองแดง 100ทองแดงเท่ากับ 1 เงิน
เงิน 100เงินเท่ากับ 1ทอง
ทอง 100ทองเท่ากับ 1 เพชร
เพชร
เมื่อฟังอี้หลิวเล่า อิงเป่ยก็พยักหน้าทำความเข้าใจ และก็คิดไปถึงความทรงจำของ หยางซุนอี้ ที่อิงเป่ยได้รับมา ล้วนมีประโยชน์กับเขาทั้งนั้นเลย จากนั้นอิงเป่ยก็กล่าว "ขอบคุณ" อี้หลิวที่ช่วยเล่าให้ฟัง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" อี้หลิวตอบกับไป
จากนั้นอิงเป่ยก็เริ่มนั่งสมาธิแล้วนึกถึงวิธีการฝึกฝนพลังปราณที่อยู่ในความทรงจำนั่นเอง
ซึ่งหลักการฝึกนั้นไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ให้นั่งสมาธิแล้วจับสัมผัสพลังปราณที่อยู่รอบตัวเองให้ได้ซะก่อน เมื่อสัมผัสได้แล้วก็ให้ชักนำเข้ามาสู่ร่างกายตนเอง แล้วบังคับให้เข้าไปที่ตันเถียนจากนั้นค่อยๆส่งไปตามจุดชีพจรตามร่างกายซึ่งมี 52 จุด ให้ทำการทะลวงจุดชีพจรเหล่านั้น ซึ่งแต่ละจุดนั้นต้องใช้เวลาในการทะลวงพอสมควร จึงต้องค่อยๆเปิดที่ละจุด และยิ่งเปิดจุดชีพจรได้มากเท่าไหร่ การฝึกฝนก็จะยิ่งเร็วเท่านั้น
อิงเป่ยนั่งอยู่แบบนั้นอยู่นาน เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผาก ใบหน้าแสดงออกมาถึงความเจ็บปวดเป็นแบบนี้อยู่นาน จนในที่สุดอิงเป่ยก็ลืมตา พร้อมกับหายใจหอบเหนื่อยให้เห็นแต่ก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี ข้าทำสำเร็จแล้ว ข้าเปิดจุดชีพจรครบทั้ง 52 จุดแล้ว ฮ่าๆฮ่าๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ลมปราณอะไรบ้างหรอกครับ
ขอบคุณครีบ