หลังจากการต่อสู้ของอิงเป่ยและตระกูลจินจบลง ความเสียหายครั้งนี้มีผลต่อตระกูลจินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านความแข็งแกร่ง การสูญเสียประมุขคนปัจจุบันและอาการบาดเจ็บเสียแขนเสียขาของผู้อาวุโสบางคนที่มาเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้
"เอาล่ะ! ข้าฟื้นฟูพลังได้5ส่วนแล้ว มาเริ่มทำการเปิดประตูมิติกลับตระกูลกันเถอะ"
เหล่าผู้อาวุโสที่ได้ยินก็ลืมตาขึ้น แล้วพากันลุกขึ้นและช่วยพยุงคนที่เสียขาไปข้าง แล้วทำการส่งไปพลังเพื่อเปิดประตูมิติขึ้นอีกครั้ง วิ้งงง!! ประตูมิติปรากฎขึ้นมา จินตงไป๋ยกร่างไร้ชีวิตบุตรชายตนขึ้นมก่อนจะกระโดดขึ้นไปที่ทางเข้าประตูมิติเหล่าผู้อาวุโสก็กระโดดตามขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ทวีปแดนเหนือ ตระกูลจิน
ประตูมิติปรากฎขึ้นเหนือลานกว้างของตระกูล จินตงไป๋ กับเหล่าผู้อาวุโสต่างทะยอยเดินกันออกมาในสภาพทุลักทุเล เสื้อขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เหล่าคนที่ทำการฝึกฝนอยู่ที่ลานกว้างต่างก็ตกใจกับสภาพที่เห็น จนแตกตื่นวุ่นวายกันไปทั่ว
"ท่านผู้นำจินตงไป๋เกิดเรื่องอันใดขึ้น ถึงได้มีสภาพแบบนี้กัน ขอรับ" อาจารย์ฝึกฝนวิชากล่าวถาม
"เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เอาไว้ข้าจะเรียกประชุมอีกที แล้วจะอธิบายให้ได้รู้"
"เข้าใจแล้ว ขอรับ"
หลังจากที่บอกกล่าวออกไปก็เดินไปยังห้องพักตนเอง เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อรักษาฟื้นฟูร่างกายตนเอง
ณ ลานประลองเมืองพยัคฆ์เมฆา
ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเหตุการณ์สงบลงก็เริ่มออกทะยอยเดินมาดูที่เกิดการปะทะกันที่ลานประลองทันที เมื่อมาถึงก็ตกตะลึงกับสภาพที่เห็นตรงหน้า ลานประลองแห่งนี้ได้ถูกทำลายลงจนไม่เหลือ กลายเป็นซากหักพังเกลื่อนกลาด กระจายไปทั่ว ที่นั่งคนดูที่ล้อมรอบก็พังไม่มีชิ้นดี
"นี่มันใช่การต่อสู้ของคนจริงรึเนี้ย ข้านึกว่าสัตว์อสูรสุดแกร่งมาเดินเล่นที่ลานประลองซะอีก"
"เจ้าก็พูดเป็นเล่นไป ถ้าสัตว์อสูรมันคงไม่เดินเล่นแค่ลานกรอกมั้ง น่าจะเดินเล่นแถวบ้านเจ้าด้วย"
"ก่อนจะเกิดการต่อสู้ที่นี่ ข้าเห็นชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับชายวัยกลางคนที่หน้าโรงเตี้ยมเซี๊ยะโหลด้วยล่ะ ก่อนจะมาลงเอ่ยที่นี่"
"แล้วเจ้าได้ตามาดูรึเปล่าว่ามันเป็นยังไงต่อจากนั้น"
"อันนี้ข้าก็ไม่รู้ ข้ากลัวว่าจะโดนลูกหลงน่ะเลยไม่ได้เข้ามาดู"
"ดีแล้วที่พวกเจ้าไม่ตามเข้าไปดูน่ะ ข้าเองก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน โดยเฉพาะการโจมตีของชายหนุ่มนั่น โชคดีของข้าที่ไม่ได้เข้าไปใกล้นักจึงหลบออกมาได้หวุดหวิด"
"งั้นเจ้าก็เห็นเหตุการณ์ที่ลานประลองทั้งหมดสินะ ช่วยเล่าให้ฟังซักนิดได้รึไม่"
"ข้าจะเล่ารวบรัดเลยละกันนะ ชายหนุ่มปะทะกับชายวัยกลางคน ชายหนุ่มชนะอย่างรวดเร็ว ซักพักก็มีชายชรา1คนออกมาจากประตูมิติ ก็สู้ชายหนุ่มไม่ไหว จากนั้นก็มีชายชราอีก10คนออกมาแต่ถูกทำให้บาดเจ็บไป2คนก่อนจะออกจากประตูมิติมา แล้วทั้งหมด 8 คนก็เข้าล้อมชายหนุ่มเอาไว้แล้วช่วยกันรุมกับชายหนุ่ม1คน แต่ระหว่างที่ชุลมุนอยู่นั้นชายชราที่มาคนแรกได้แอบลอบโจมตีชายหนุ่มจนได้รับบาดเจ็บ จนทำให้ชายหนุ่มโกรธจนใช้ท่าโจมตีบริเวณกว้างโจมตีออกมา สุดท้ายก็เป็นอย่างที่พวกเจ้าเห็น"
"นี่มัน9ต่อ1แล้วนะเว้ย! ไร้ยางอายสิ้นดี แล้วชายหนุ่มเป็นยังไงบ้างล่ะ เจ้ารู้ไหม"
"หลังจากที่ใช้ท่าสุดท้ายแล้ว เขาก็หลบหนีออกมาได้น่ะ แต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว"
พวกเขาที่โจมตีชายหนุ่มเป็นใคร มาจากไหนอย่างนั้นรึ
"อืม..ชายหนุ่มประกาศกร้าวออกมา น่าจะเป็น.. คนจากทวีปแดนเหนือ ตระกูลจิน นี่ล่ะ ที่ข้าได้ยินมา"
"ห่ะ เจ้าว่าทวีปแดนเหนืออย่างนั้นรึ นี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะ"
"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นไปแคว้นเราปลอดภัยแน่นอน เพราะพวกตระกูลจินคงกำลังหาทางรับมือชายหนุ่มนั่นไม่ว่างมาตีเมืองเราหรอก"
หลังจากที่พูดคุยกันอยู่นานก็พากันแยกย้ายกันไป ผ่านไปเพียง3วัน
ได้มีการพูดคุยกันจนกลายเป็นเรื่องที่สะเทือนไปทั่วแคว้นทั้งใกล้และไกล จนมีคนมาดูซากลานประลองที่ถูกทำลายลงด้วยการโจมตีเดียว กลายเป็นที่กล่าวขานของเมืองพยัคฆ์เมฆา จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปโดยปริยาย
ทั้งแคว้นพยัคฆ์เมฆามีเพียง2แห่งเท่านั้นที่พอจะเดาออกว่าเป็นใคร ซึ่งกลายเป็นเรื่องราชวงศ์และตระกูลหยางไปแล้ว
3 วันมาแล้วที่อิงเป่ยยังคงหมดสติอยู่ แต่ร่างกายและพลังปราณก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องจนกลับมาเป็นปกติ และลืมตาขึ้นมาทันที
"อึมม!!" อิงเป่ยลุกนั่งก่อนจะบิดตัวไปมา
"นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี้ย"
อิงเป่ยลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องเก็บสมบัติไปยังสุสานด้านนอกก็เห็นว่ามันสว่างจ้าจนแสบตาจึงได้ยกมือขึ้นมาบังเอาไว้
"เมอา นี่ข้าหลับไปกี่วันล่ะ"
"ประมาณ 3 วันได้ "
"ก็ดีกว่า1เดือนละนะ 5555!! ไปหาอะไรมาทำอาหารกินก่อนดีกว่า อุตส่าห์ได้เครื่องปรุงมา ส่วนเรื่องตระกูลจินค่อยกลับมาคิด ก็แล้วกัน"
อิงเป่ยใช้งานแหวนมังกรทองเปิดประตูมิติออกไปข้างนอกสุสาน จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปในประตุออกสู่ป่าหน้าภูเขา ก็พบเข้ากับพวกหนูสายฟ้าบางตัวที่ยังอาศัยอยู่ที่เดิม แต่อิงเป่ยก็ไม่ได้ลงมือสังหาร จึงได้เดินเข้าไปในป่าเพื่อหาไก่ป่า ปลา หมูป่า กระต่าย อะไรที่สามารถจับมากินได้ก็ลงมือสังหารทันที เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้ว ก็เดินหาแหล่งน้ำเพื่อใช้ทำความสะอาดก่อนจะทำการชำแหละ ไก่ป่า 1ตัว อิงเป่ยนำถังไม้ออกมาตักน้ำแล้วล้างไก่ให้สะอาด ก่อนจะใช้มีดผ่าเอาเครื่องในออกมา ล้างน้ำอีกครั้ง จากนั้นก็เอาเครื่องปรุงออกมา หยิบเอาถาดเหล็กออกมาใส่ไก่แล้วใส่เกลือลงไป ทำการหมักไว้ แล้วไปก่อไฟเพื่อย่างไก่ต่อไป เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เอาไม้มาเสียบตัวไก่ ให้ทะลุแล้วปักเสาไม้สำหรับวางไก่ย่างเหนือเปลวไฟเล็กน้อย แล้วนั่งหมุนไก่ไปมา ไม่นานกลิ่นอันหอมหวลก็ลอยฟุ้งกระจายออกมา มันหอมกว่าตอนที่ไม่ได้ปรุงจนแทบจะอดใจไม่ไหว
"นี่ขนาดใส่แต่เกลือกลิ่นมันยังขนาดนี้ ถ้ามีน้ำจิ้มล่ะก็" อึก!!เสียงกลืนน้ำลายลงคอ
"ตอนนี้ระดับสัตว์อสูรข้าเป็นยังไงแล้วหว่า ไม่ได้ดูเลยหลังจากที่ไล่ฆ่ากองกำลังมังกรฟ้า"
หนังสือเวทย์ปรากฎออกมา เพียงแค่อิงเป่ยนึกถึง
"ไหนดูสิเป็นยังไงกันบ้าง"
หมีเหมันต์ระดับทอง
ราชินีหนอนดินระดับทอง
หัวหน้าหนูสายฟ้าระดับทอง
งูสายรุ้ง?
"มีเพียงงูสายรุ้งสินะที่ยังไม่รู้ แต่ว่าระดับเลื่อนไหวกว่าไล่ฆ่าสัตว์อสูรด้วยกันอีกแหะ" หึหึ!! "รองูสายรุ้งวิวัฒนาการเสร็จก่อนเถอะ ข้าจะไปล้างบางตระกูลจินรับรองได้เลยว่าพวกเจ้าจะต้องเจอหายไปจากทวีปแดนเหนือแน่นอน"
อิงเป่ยคิดว่าต้องฝึกฝนร่างกายกับเพิ่มพลังปราณตนให้ถึงที่สุดก่อนจะไปเยือนตระกูลจิน "ต่อให้โดนรุมก็ไม่กลัวถ้าแข็งแกร่งจนไม่อาจจะกระทำอันใดได้"
"อาหารก็เสร็จแล้วกลับไปที่สุสานมังกรดีกว่า" วิ้งง!! ประตูมิติปรากฎขึ้นมาก่อนอิงเป่ยจะเดินเข้าไป ก่อนจะพุ่งทะยานไปยังห้องสมบัติแล้วนั่งกินไก่ย่าง และเรียก "หมีเหมันต์ ราชินีหนอนดิน หัวกน้าหนูสายฟ้า" ออกมา!
วิ้งง! วิ้งง! วิ้งง! ปรากฎสัตว์อสูรตัวใหญ่3ตัวในห้องสมบัติ อิงเป่ยหยิบผลึกจิตวิญญาณมังกรออกมา 3 ผลึกก่อนจะส่งไปให้สัตว์อสูรทั้ง3ตัว ตอนแรกก็กลัวเหมือนงูสายรุ้งแต่ก็มาคาบเอาไปอยู่ดี แล้วก็หายวับเข้าไปในหนังสือเองอัตโนมัติ
"ระหว่างรอ มาคิดค้นวิชาป้องกัน โจมตี หน่อยดีกว่า ตำราก็มีเยอะจนไม่รู้จะฝึกอันไหนดี"
เมื่อตัดสินใจแล้วอิงเป่ยทำการฝึกฝนวิชาอย่างหนักทั้งทางร่างกายและฝึกฝนพลังปราณ จนเวลาร่วงเลยมา3เดือน อิงเป่ยกำลังขัดเกลาวิชาที่ทำการคิดข้นขึ้นโดยการนำข้อดีของวิชาดาบมาหลอมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นวิชาใหม่ขึ้นมา คือ ดาบเดียวปลิดชีพ มี 10 ระดับ
เป็นการฟันดาบในท่าต่างๆเช่น การฟันด้านหน้า ด้านข้าง แนวราบ แนวเฉียง จะต้องส่งพลังปราณไปที่ตัวดาบความแรงนั้นขึ้นอยู่กับระดับฝึกฝนยิ่งระดับสูงยิ่งแรุนแรง เช่นระดับ 10 ฟันเพียง1ครั้ง จะมีคลื่นออก 10 คลื่น สามารถปลิดชีพได้ภายใน 1 ดาบนั้นเอง อิงเป่ยใช้เวลาคิดค้น1เดือนฝึกอีก1เดือนกว่าจนสามารถใช้ออกได้ตามใจนึกทั้ง10ระดับ
จากนั้นก็ฝึกวิชาป้องกัน อิงเป่ยคิดค้นง่ายๆเผื่อเหตุฉุกเฉินเท่านั้น เมื่อถูกลอบโจมตีเกราะปราณจะถูกเรียกใช้เองทันที วิชานี้คือ เกราะปราณป้องกันภัย ข้อดีคือใช้ปราณเพียงน้อยนิดเท่านั้น ซึ่งไม่มีผลต่อพลังปราณแม้แต่น้อย เหมือนกับการหายใจ ป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
ด้านพลังปราณนั้นก็เลื่อนมาที่ขั้นพลังปราณเซียน โดยการกลืนเม็ดยาสีทอง1เม็ด เมื่อเดือนก่อน วันนี้อิงเป่ยต้องการเพิ่มพลังให้ถึงขั้นพลังปราณเทพสงคราม จึงได้กลืนเม็ดยาสีทองลงไปอีกครั้ง พลังปราณที่มหาศาลนั้นเอ่อทะลักออกมาทันที อิงเป่ยรีบดูดซับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้
"หืม...ไม่เพียงพอให้ทะลวงขั้นจริงๆสินะ"
อิงเป่ยหยิบเม็ดยาแล้วกลืนลงไปทันที ครั้งนี้ใช้เวลาพอสมควรในการดูดซับ จนมาถึงการบีบอัดเกือบจะเกินขีดจำกัด อิงเป่ยรู้สึกอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว พลังที่ดูดซับมานั้นเหมือนมันจะมากเกินกว่าที่คิดไว้เหมือนกับว่ามันจะทะลวงผ่านขั้นพลังปราณเทพสงครามไปได้อีกหลายขั้น
"เอ๊ะ! ระดับพลังปราณมันไม่ได้หยุดอยู่ที่ปราณเทพสงครามหรอกรึ มันยังไงกันเนี้ย"
อิงเป่ยจึงทำการทะลวงระดับพลังปราณดูว่ามันจะจริงอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า
ปัง!! เสียงการเลื่อนระดับขึ้นเป็นปราณเทพสงครามสำเร็จ ความผันผวนของอากาศรอบตัวบิดเบี้ยวไปมา แรงกดดันที่ส่งออกมานั้นทำให้รอบๆสั่นไหว ร่างกายเกิดเป็นแสงสีทองเปล่งประกายห่อหุ้มเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นร่างกายเบาหวิวเหมือนได้จุติใหม่อีกครั้ง แสงสีทองค่อยๆหายกลับเข้าไปในตัว
ของอิงเป่ยอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นมา ก็เกิดแสงเปล่งประกายสีทองก่อนจะหายวับไป
อิงเป่ยทำการตรวจสอบพลังปราณตนเองก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีที่พลังปราณนั้นก้าวผ่านระดับเทพสงครามมาอีก 5 ขั้น
"ตอนนี้ข้ามีระดับพลังปราณเทพสงคราม ขั้นที่ 5 อาจเป็นเพราะยังไม่มีใครสามารถผ่านมาถึงระดับนี้ก็เป็นไปได้ ถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ขนาดความทรงจำที่ได้มาจากหยางซุนอี้ยังไม่กล่าวถึงเลยด้วยซ้ำไป แต่เราจะไปหาข้อมูลได้ที่ไหนกันล่ะ ถ้าเป็นทวีปหรืออาณาจักรใหญ่ๆที่มีประวัติยาวนานหลายหมื่นปีคงจะมีให้ข้าได้ศึกษา "
อิงเป่ยตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างนอกจากตามหาไข่ และเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนั่นเอง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย