อี้หลิวอึ้งจนพูดแทบไม่ออก แต่ก็ยังพยายามพูดกับอิงเป่ย
"คุณชายท่านไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งท่านกินหรอก เดี๋ยวข้าจะไปเอาอาหารมาให้อีกก็ได้"
"อ่ะ โทษที มันหิวจนหน้ามืดไปหน่อย ว่าแต่เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าหลับไปนานเท่าไหร่"
"เอ่อ...น่าจะ1เดือนเต็มเจ้าค่ะ"
"ห่ะ! 1เดือน มิน่าข้าถึงหิวมากขนาดนี้ ถึงแม้จะฝึกฝนพลังปราณก็เถอะ แต่มนุษย์ยังไงก็ต้องกินบ้าง"
ระหว่างที่นั่งจิบชาอิงเป่ยก็ได้ถามเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับอี้หลิว และก็ได้รับรู้ว่า
"หลังจากที่คุณชายอยู่ในห้องนั้นไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปช่วยท่านได้เลยซักคน มันเหมือนมีเกราะป้องกันเอาไว้ ท่านประมุขจึงได้สั่งให้คนมาเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าดูความปลอดภัยให้"
"นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกรึเปล่า"
"อืม...น่าจะไม่มีแล้วล่ะเจ้าค่ะ นอกจากว่าอีกไม่กี่วัน ทางแคว้นมังกรฟ้า เต่าทมิฬ วิหคราชันย์ จะมาทำข้อตกลงกับแคว้นพยัคฆ์เมฆาในการขอเป็นพันธะมิตรพร้อมกับนำของมาแสดงน้ำใจเล็กๆน้อยๆอีกด้วย"
"เลือกที่จะสงบศึกอย่างนั้นรึ ถือว่าเลือกได้ดี แต่ถ้าคิดก่อสงครามอีกจะไปถล่มถึงแคว้นเลยคอยดู" อิงเป่ยบ่นพึมพำ
"ดีแล้วล่ะที่พวกนั้นยังห่วงประชาชนของแคว้นตัวเอง ไม่โง่พอที่จะก่อสงครามต่อ ข้าจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง"
"คุณชายก็พักมาตั้ง1เดือนแล้ว ยังต้องการพักผ่อนอีกหรอเจ้าค่ะ"
"อิงเป่ย.........."
"ว่าแต่ตระกูลหยางตอนนี้ก็แข็งแกร่งที่สุดล่ะตอนนี้ คงจะได้เวลาข้าออกสำรวจอีกครั้งแล้ว"
"คุณชายจะออกสำรวจแล้วหรอเจ้าค่ะ"
"ก็ใช่อะนะ แต่ยังติดเรื่องสำคัญบางอย่างจึงยังไปไม่ได้ตอนนี้ รอให้จบเรื่องก่อนถึงจะออกเดินทาง"
"เจ้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวข้าจะฝึกสมาธิหน่อย"
"ได้เจ้าค่ะคุณชาย"
เมื่ออี้หลิวออกไปแล้ว จึงเดินไปนั่งที่เตียงก่อนจะนั่งสมาธิสำรวจร่างกายตนอีกครั้ง อิงเป่ยคิดจะลองกลืนเม็ดยาที่ได้มาตอนไปสุสานมังกรดูอีกครั้ง
"ลองดูก็ไม่นาจะเสียหายอะไร ยังไงซะ ข้าก็ได้เสี่ยงมาแล้วครั้งนึง จัดอีกครั้งจะเป็นไรไป"
อิงเป่ยหยิบกล่องที่มีเม็ดยาสีทองออกมา 1 เม็ดก่อนจะกลืนลงไปทันที
พลังปราณที่อัดแน่นอยู่ในเม็ดยาระเบิดออกมาเหมือนคลื่นพายุที่จะพัดกวาดล้างให้พินาศไปทั่ว อิงเป่ยตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้
"นี่มันเกินกว่าที่ข้าคาดไว้หลายเท่าอีกนะเนี้ย ถ้าเป็นข้าคนก่อนคงตกตายไปตั้งแต่คิดจะกลืนยาเม็ดนี้ลงไปแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อยที่จะดูดซับพลังเหล่านี้"
อิงเป่ยทำการดูดซับอย่างรวดเร็ว พลังปราณที่ก่อตัวเป็นดังพายุเมื่อกี้ก็ค่อยๆสงบลง ความยืดหยุ่นของเส้นชีพจรมังกรนี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก มีขนาดที่ใหญ่และหนาทำให้ทนต่อพลังอันบ้าคลั่งของเม็ดยาได้
เมื่อถึงจุดๆนึงอิงเป่ยทำการทะลวงระดับขั้นทันที ด้วยพลังปราณที่ดูดซับไว้จนถึงขีดจำกัด และใช้ทะลวงขั้นในครั้งเดียว
ปัง!ปัง!เสียงการทะลวงขั้นสำเร็จ อิงเป่ยยิ้มอย่างพอใจในผลลัพธ์นี้
"สุดยอดจริงๆสมแล้วที่ได้มาจากเผ่าพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่ง คงต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งกว่านี้ก่อนค่อยทำการเลื่อนระดับอีกครั้ง"
อิงเป่ยลุกจากเตียงแล้วไปอาบน้ำก่อนจะมานั่งปรับสมดุลพลังปราณให้เสถียรที่สุด เพียงไม่นานก็ลืมตาขึ้น ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ พลังเวทย์ข้าก็เพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าแต่ก่อนมาทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
อิงเป่ยตอนนี้มีระดับพลังปราณขั้นราชันย์แต่สามารถสู้กับระดับนักบุญได้ พลังเวทย์อยู่ขั้นนักรบเวทย์แล้ว
จู่ๆความคิดที่อยากจะทดลองอะไรบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว อิงเป่ยยิ้มก่อนจะพูดเบาๆว่า "น่าสนใจ"
อิงเป่ยหยิบผลึกจิตวิญาณมังกรออกมาจากแหวน1อัน ก่อนจะเรียก
งูสายรุ้งออกมา อิงเป่ยเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วยื่นส่งผลึกไปให้งูสายรุ้ง
เมื่องูสายรุ้งสัมผัสกับพลังแปลกๆที่แผ่ออกมา ก็ตัวสั่นเลื้อยหนีห่างทันที
"เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะให้เจ้ากลืนมันลงไป มันจะทำให้เจ้าวิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้นน่ะ"
ตอนแรกงูสายรุ้งก็ลังเลใจอยู่นานก่อนจะค่อยๆเลื้อยเข้ามาหาผลึกจิตวิญญาณมังกร แล้วคาบเอาผลึกจิตวิญญาณมังกรจากมือของอิงเป่ย แล้วกลืนมันลงไปจากนั้นก็หายวับเข้าไปในหนังสือทันที
"อ้าวเห้ย....ช่างมัน! รอดูผลลัพธ์เลยก็แล้วกันว่าจะเป็นยังไง"
อิงเป่ยคาดเอาไว้ว่าน่าจะใช้เวลานานอยู่เหมือนกันที่จะวิวัฒนาการข้ามขั้นรวดเดียว จึงลองถามเมอาดู
"เมอาข้ามีเรื่องจะถามหน่อย ออกมาทีสิ"
"ท่านมีอะไรจะถามอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ"
"เจ้างูสายรุ้งมันจะวิวัฒนาการข้ามขั้นไปเป็นอย่างอื่นนอกจากงูรึเปล่า ข้าพึ่งเอาผลึกจิตวิญญาณมังกรให้มันกินไป"
"ข้าว่าไม่น่าจะนะ มันก็จะเป็นงูนั่นล่ะ แต่อาจจะกลายพันธุ์มีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ แต่ก็ยังเป็นงูอยู่ดี"
"อืมๆเข้าใจละ แล้วถ้าข้าจะไปที่อื่นนอกจากแคว้นเล็กๆเหล่านี้คงจะมีทวีปอื่นๆอีกสินะ"
"แน่นอนเจ้าค่ะ มีเยอะมากเลย แต่ข้าไม่อธิบายนะ ถ้าท่านอยากรู้ก็ต้องออกไปค้นหาเอง รับรองได้เลยว่าท่านต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าแคว้นที่ท่านอยู่ตอนนี้มันเล็กขนาดไหน"
"เอาเถอะ ยังไงข้าก็ต้องออกไปสำรวจซักวัน ถ้าถึงตอนนั้นคงไม่ตกใจแล้วล่ะ"
"ไปเดินเล่นในเมืองหน่อยดีกว่าเผื่อจะมีอะไรให้ข้าคิดจะทำอีกก็ได้"
อิงเป่ยเดินออกจากห้องไปทันที "นี่เมอาเจ้าอยากได้อะไรรึเปล่า ข้าจะหาให้
"ข้าอยากได้เตียงนอนนุ่มๆกับชุดใหม่เจ้าค่ะ"
"หืม..เจ้าไม่มีกายเนื้อจะนอนได้หรอ หรือว่าเจ้าปิดบังอะไรข้าไว้อีก"
"ท่านจะรู้ไปทำไมเจ้าค่ะ ว่าข้าจะนอนได้หรือเปล่าใส่ได้ไหม นี่มันเรื่องส่วนตัวนะเจ้าค่ะ"
"เอ่อ....ช่างมันเถอะ เดี๋ยวข้าจะหาให้ก็แล้วกัน"
หลังจากพูดจบเมอาก็หายเข้าไปในหนังสือเหมือนเดิม ถึงแม้อิงเป่ยจะสงสัยอยู่ แต่จะทำไงได้ล่ะ "คงต้องรอให้เจ้าตัวบอกเองก็แล้วกัน"
"วันนี้ทำไมถึงเงียบผิดปกติจังฟ่ะ ปกติคนจะเดินเพ่นพ่านเต็มถนนเลยนี่หว่า หรือว่าจะมีงานอะไรจัดขึ้นอีกแล้วล่ะ"
อิงเป่ยรีบเดินอย่างเร็วเพื่อจะสอบถามผู้คนแถวนี้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่พบใครเลย จนมาถึงโรงเตี้ยมเซี้ยะโหลที่อิงเป่ยเคยมาพักอยู่ครั้งหนึ่ง ปกติจะมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย แต่วันนี้กับเงียบเหงา ไม่มีใครเลย มีแต่คนคุ้มกันจากตระกูลไหนไม่รู้ แต่งตัวไม่เหมือนที่นี่เลย ยืนเฝ้าอยู่หน้าโรงเตี้ยม
"ลองเข้าไปดูซักหน่อยก็แล้วกัน"
อิงเป่ยเดินไปที่หน้าทางเข้าโรงเตี้ยมเซี้ยะโหล แล้วเดินเข้าไป แต่ก็ถูกขัดขวางเอาไว้ก่อน
"ที่นี่ห้ามเข้า เจ้าไสหัวกลับไปซะ!"
"เอ่อ...แล้วทำไมถึงเข้าไม่ได้กันล่ะก็นี่มันโรงเตี้ยม ใครๆก็เข้าได้ไม่ใช่หรอ"
"เห้ย!! พูดไม่รู้เรื่องรึไง ว่าห้ามเข้า ก็ห้ามเข้าสิว่ะ!"
"หนอยย ไอ้พวกนี้ ข้าอุตส่าห์ถามดีๆตอบมาแบบนี้ เดี๋ยวจบไม่สวยนะเว้ย"
อิงเป่ยคิดในใจ
"ข้าถามดีๆตอบแบบนี้อยากตายรึไง!"
"เหอะ! อย่างเจ้าเนี้ยนะ เพียงแค่ข้าเอานิ้วชี้สะกิด เจ้าก็ไม่รอดแล้ว" 5555!!!
ความอดทนของอิงเป่ยก็หมดลง เปรี้ยง!! ตู้ม!! ชายที่หัวเราะเมื่อกี้ถูกซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างรุนแรง ปลิวไปกระแทกกับพื้นกระเด้งกระดอนไปกว่า10เมตร
การลงมือของอิงเป่ยครั้งนี้ขนาดชายอีกคนยังมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำไป
("ได้แต่เหลียวมองไปสุดฟ้าไกล มันช่างน่าเสียดาย ที่เจ้าไปไม่ถึงขอบฟ้าาาา" 5555!!! เข้ากับตอนนี้จริงๆ) กลับเข้าเรื่องล่ะกัน
ชายอีกคนที่ยืนอยู่ หันไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อกี้ นอนบนพื้นเลือดไหลออกจากปากอยู่ที่พื้นไปซะแล้ว
"เอ๊ะ! เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน ชายอีกคนรีบวิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนทันที เมื่อมาถึงก็ตรวจอาการดูก็รู้ว่าเพียงแค่สลบไปเท่านั้นเอง"
"เจ้าทำอะไรกันเมื่อกี้"
"ข้าไม่ได้ทำอะไรนิ เจ้าก็เห็นว่าข้ายืนอยู่เฉยๆไม่ใช่รึไง"
"เจ้า......!"
"เกิดอะไรขึ้น ใครมันกล้าทำร้ายคนจากทวีปแดนเหนือกัน"
เสียงที่หยิ่งยโส อวดดี กล่าวออกมา เมื่อเห็นคนคุ้มกันของตนถูกทำร้าย
"เจ้านั่นมันทำร้ายจิวสงจนบาดเจ็บ ขอรับ"
"เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล ข้ายืนอยู่เฉยๆ เจ้าก็เห็นไม่ใช่รึไงไม่นึกเลยว่าคนจากแดนเหนือจะพูดจาใส่ร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉยจริงๆ"
"มู่เทียน จริงอย่างที่เจ้านั่นพูดรึเปล่า"
"เอ่อ...คือว่า ข้าไม่เห็นก็จริง แต่อยู่ดีๆจิวสงจะมานอนสลบอยู่นี่ได้ยังไงกันล่ะ ขอรับ ถ้าไม่ใช่มันทำ"
"เจ้าคงไม่รู้จักทวีปแดนเหนือสินะ แคว้นเล็กๆเช่นนี้ไม่คณามือข้าหรอก เพราะข้าแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเจ้าทุกคนยังไงล่ะ"
"บิดาเจ้าไม่เคยสอนรึไงว่าอย่าดูคนแค่เพียงภายนอกน่ะ"
อิงเป่ยยืนมือไขว้หลังยิ้มให้กับคุณชายจากแดนเหนือเมื่อกล่าวจบคำ
เจ้า..............!!
"เจ้าไม่ต้องพูดหรอก ข้าไม่อยากฟัง และอีกอย่างเจ้าอย่ามาทำตัว
น่ารำคาญที่นี่อีก มันไม่ใช่ถิ่นของเจ้า รีบไสหัวออกไปซะ!!"
ครืนนนน!! คลื่นพลังอันรุนแรงระเบิดออกมาจากชายหนุ่ม ทวีปแแดนเหนือทันที
คงไม่ทัน รออ่านต่อพรุ่งนี้นะ ไปละ ฟิ้วว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย