อิงเป่ยไม่ได้หยุดพักเลยหลังจากที่ได้ลงมือไล่ล่าสังหารกองกำลังทหารทั้ง3แคว้น สัตว์อสูรทั้ง 4 ตัว ก็ไล่ล่าทหารลาดตระเวนจนมาถึงเขตพักทหารรอบนอกค่าย
เมื่อเห็นสัตว์อสูรทหารก็วิ่งกระจายกันไปทั่ว เพื่อเอาตัวรอด จนไม่สามารถรักษาแนวป้องกันที่ตนเองอยู่ได้ อิงเป่ยอยู่ใกล้กับเหล่าอสูรของตน ทำการไล่ฆ่าทหารที่วิ่งหนีเพราะความกลัว
ถึงแม้ทหารจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก ย่อมต้องตื่นกลัวเมื่อเจอสัตว์อสูรอยู่แล้ว เพราะว่าความแข็งแกร่งมันต่างกัน เมื่อถูกโจมตีก็พบกับความตายแน่นอน
"อ๊ากกกก! ตู้ม!! เปรี้ยง!! แปล๊บๆ! "นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมข้าไมรู้มาก่อนเลยว่าแถวนี้มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้กัน"
"ข้าไม่เอาแล้ว ข้าจะกลับ ถึงจะโดนไล่ออกจากทหารข้าก็ไม่สน"
"พวกเจ้าทุกคนจงฟังใครหนีจากหน้าที่ตนเองจะได้รับโทษสูงสุด ถ้าใครไม่ฟัง ข้าจะสังหารทันที"
เสียงของแม่ทัพตะโกนมาด้วยความเกรี้ยวกราด ที่เห็นทหารพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่เมื่อมาถึงสถานที่เกิดเหตุกลับไม่พบสัตว์อสูรแม้แต่เงา ทำให้แม่ทัพ ขมวดคิ้วแน่น จ้องมองสภาพเหล่าทหารที่นอนตายกันเกลื่อนกลาด สภาพศพนั้นขาดเป็นชิ้นๆกระจายเต็มพื้น กลิ่นคาวเลือดพุ่งไปทั่ว น่าสะอิดสะเอียนสุดๆแทบจะกดข่มการเอาไว้ไม่ไหว
ทหารที่รอดตายเหล่านั้นขวัญดีหนีดีฟ่อหวาดระแวง ตัวสั่นน่าซีดเผือด เพียงแค่ได้ยินเสียงดังเล็กน้อยก็วิ่งเตลิดอย่างเอาเป็นเอาตายทันที
"พวกเจ้าพอจะอธิบายให้ข้าฟังได้รึเปล่าว่าทำไมพวกเจ้าถึงถูกโจมตีด้วยสัตว์อสูรกันล่ะ"
"เอ่อ..คือว่า พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนว่าสัตว์อสูรพวกนั้นมาได้ยังไง เหมือนจู่ๆมันก็โผล่ออกมาไล่ฆ่าพวกเราแล้ว แต่มีทหารบางคนบอกว่า เห็นเงาของคนลอบโจมตีทหารลาดตระเวนก่อนหน้านี้ด้วยเหมือนกัน"
"ห๊ะ เจ้าว่าเงาของคนก่อนหน้านี้อย่างนั้นรึ เจ้าแน่ใจนะว่ามีคนเห็นจริงๆ
ใช่ ขอรับ มีคนเห็นจริงๆ"
"นี่มันแปลกเกินไปแล้ว สัตว์อสูรที่ออกมาโจมตีพวกเจ้ามีทั้งหมดเท่าไหร่ พวกเจ้าพอจะบอกได้ไหม"
"ที่พวกข้าเห็นมี3ตัว แต่ก็อาจจะมีอีก็ได้เพราะมันมืดเป็นบางที่แสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองได้ชัดเจน"
ผ่านไปครึ่งชั่วยามความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ แต่กำลังใจทหารเหล่านนี้นั้น พังทลายกันไปจนหมด แทบจะไม่เหลือเค้าของคนปกติดีๆเลย เพียง2คืนเท่านั้น ทหารก็ตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า500คน ถึงแม้จะจำนวนน้อย แต่ก็ทำให้หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่อาจอยู่ในสภาพพร้อมรบได้
อิงเป่ยมองดูผลงานตัวเองห่างออกไปไม่ไกล
"นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ที่พวกเจ้าจะมาคิดร้ายต่อแคว้นของข้า คืนพรุ่งนี้จะเป็นเหล่าแม่ทัพที่จะต้องได้รับความหวาดกลัวกันเสียที หึหึ!!"
ร่างอิงเป่ยหายไปจากต้นไม้ที่เคยอยู่ พุ่งทะยานหาที่หลบซ่อนเพื่อพักผ่อนนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นสำหรับการสร้างความวุ่นวาย นี่เป็นข้อได้เปรียบของอิงเป่ยที่ทำการลอบโจมตีแล้วฝ่ายศัตรูไม่สามารถระบุตัวตนได้นับว่าสร้างความหวาดระแวงให้กับทางนั้นเป็นอย่างดี
"พวกเจ้าที่เหลือช่วยกันก่อไฟให้ทั่วบริเวณรอบๆซะ ข้าจะไปปรึกษาหาลือกับองครักษ์ว่าจะเอายังไงต่อไปในวันพรุ่งนี้"
ทหารได้ทำการก่อไฟทำให้รอบๆสว่างขึ้นมา บางส่วนก็ทำการเก็บกวาดพื้นที่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เศษซากของศพผู้เคราะห์ร้ายนั้นเละแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเป็นของใครกัน ความเศร้าความสงสารนั้นไม่อาจจะแสดงออกมาได้ มีเพียงความกลัวที่ยังไม่อาจจะทำให้สงบลงได้
"ข้าเป็นทหารมาหลายปี มีครั้งนี้ล่ะที่ทำให้ข้าหวาดกลัวได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เข้ารบกับศัตรูเลย"
"ข้าก็ไม่ต่างจากเจ้าหรอก ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเลยซักนิดที่ต้องทำสงครามกับแคว้นพยัคฆ์เมฆา ทั้งๆที่แคว้นพยัคฆ์เมฆาไม่เคยรุกรานแคว้นของพวกเราเลย"
"อืม..ตั้งแต่งานประลองจบลง ก็เกิดความวุ่นวายภายในแคว้น แม้ข้าจะไม่รู้อะไรมาก แต่ก็คงเป็นเพราะพวกตระกูลที่ออกมากดดันจนทำให้เกิดสงครามขึ้นก็ได้"
"ข้าไม่ชอบพวกตระกูลเหล่านั้นจริงๆพอมีปัญหาไม่พอใจก็รวมตัวกันกดดันราชวงศ์ทั้งๆที่ตนไม่เข้าร่วม ถ้าราชวงศ์ไม่กดดันกลับว่าถ้าไม่เข้าร่วมก็จะไม่ทำสงคราม จึงทำให้ตระกูลเหล่านั้นต้องจำใจเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย"
"นี่มันก็2วันแล้วข้ายังไม่เห็นตระกูลเหล่านั้นจะมาซักที นี่มันเกินไปหน่อยแล้วนะ คงคิดว่าชนะแน่นอนถึงได้ชะล่าใจกันสินะ"
"ถ้ามาเห็นสภาพที่พวกเราเจอพวกตระกูลเหล่านั้นจะทำหน้ายังไง ข้าละอยากรู้จริงๆ"
"รีบๆกันดีกว่าบ่นไปก็เท่านั้นล่ะ"
เช้าวันใหม่มาเยือน
เหล่าตระกูลที่มาสมทบกองกำลังก็มาถึง ทำให้ทหารบางส่วนเริ่มมีกำลังใจขึ้น ในที่สุดเหล่าตระกูลก็มาถึงซะที แต่กว่าจะมาได้ก็ไม่ได้ทำให้ทหารที่หวาดกลัวมีกำลังใจฮึดสู้เลยซักนิด เมื่อเหล่าตระกูลมองเห็นสิ่งผิดปกติจึงได้เอ่ยปากถามทันที
"นี่พวกเจ้าเป็นอะไรกันถึงได้ทำหน้าเหมือนกับคนตายกันซะล่ะ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่อย่างนั้นรึ"
"พวกเราถูกลอบโจมตี2คืนแล้ว แถมเมื่อคืนยังมีสัตว์อสูรออกมาโจมตีด้วยทำให้มีทหารตายไป500กว่าคน"
"แล้วพวกเจ้ารู้รึเปล่าว่ามันเป็นใคร ที่กล้ามาโจมตีค่ายกองกำลังที่ตั้งค่ายที่นี่"
"พวกข้าไม่รู้หรอก เพราะไม่มีร่องรอยให้ค้นหาเลย แถมสัตว์อสูรที่มาโจมตีก็หายไปไร้ร่องรอยเช่นกัน"
"นี่มันแปลกเกินไปแล้ว อสูรมันจะหายไปไร้ร่องรอยได้ไง "
"แล้วตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่ไหน พวกข้าจะไปพบซะหน่อย"
"พวกท่านเดินไปที่กระโจมด้านนั้นได้เลย ตอนนี้คงจะประชุมกันอยู่"
เหล่าตระกูลก็พากันเดินทางที่กระโจมตั้งอยู่ และกวาดตามองไปรอบๆก็ต้องตกใจกับสภาพของทหารที่นั่งตัวสั่น บางคนขาขาด แขนขาด นั่งเหม่อลอยดวงตามืดหม่นไร้จิตวิญญาณ พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดฟุ้งลอยมาตามสายลมกระทบเข้ากับจมูกของเหล่าตระกูลที่พึ่งมาถึงไม่นานนี้
ต่างแสดงอาการออกทางสีหน้าแทบจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
ทางด้านหน้ากระโจมมีทหารคอยคุ้มกันอยู่ เมื่อเห็นเหล่าตระกูลมาก็รีบแจ้งให้แม่ทัพทราบทันที
"ในที่สุดพวกท่านก็มา จะได้เริ่มโจมตีแคว้นพยัคฆ์เมฆากันซะที ขืนรอนานไปกว่านี้คงไม่เป็นผลดีต่อทหาร"
"งั้นที่บอกว่ามีคนมาลอบโจมตีกองกำลังแต่ไม่สามารถหาร่องรอยได้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ"ฝ่ายตระกูลถามออกไปทันที
แม่ทัพหัน ควับ ไปยังคนที่พูดแล้วกล่าวด้วยความฉุนเฉียว
"พวกเจ้ามันก็ดีแต่กดดันคนอื่นเท่านั้นล่ะ ถ้ามาเจออย่างพวกข้าพวกเจ้าจะกล้าพูดแบบนี้ไหม กว่าจะมากันได้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ"
"พอกันแค่นี่ล่ะ จะมาทะเลาะกันทำไม เตรียมตัวรับมือคืนนี้ไม่ดีกว่ารึไงที่จะมาทำตัวไรสาระเช่นนี้"
เมื่อทุกคนได้ยินก็แยกย้ายกันไป เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยาม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
#แน่ใจนะว่านายเป็นนักสำรวจ ไม่ใช่นักฆ่า