หลังจากที่หยางชุนหลับไปหลายวันในที่สุดหยางชุนก็รู้สึกตัวและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่สายตายังพร่ามัวอยู่จึงต้องหลับลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ แล้วภาพที่มัวๆอยู่ก็ค่อยๆชัดขึ้น ซึ่งภาพที่เห็นนั้นมันไม่ใช่ผนังที่ทำจากหินเลย ทำให้อิงเป่ยที่อยู่ในร่างของหยางชุนงุนงงทันที
แล้วทบทวนความทรงจำของตนเองซึ่งได้ไปสัมผัสกับจี้รูปจันทร์เสี้ยวที่ทำจากหยกจากนั้นก็มีแสงสีขาวพุ่งเข้ามาหา แล้วได้รับความรู้ต่างๆมากมายทั้งสร้างอาวุธ สกัดยาโอสถ ทักษะวิชายุทย์ การฝึกฝนกำลังภายใน การฝึกฝนจิตวิญญาณและอื่นๆอีกมากมาย จากนั้นก็เป็นหนังสือเล่มนั้นที่ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาซึ่งเป็นอี้หลิวนั่นเอง ซึ่งได้ออกไปเปลี่ยนน้ำที่ใช้เช็ดตัวของหยางฟงใหม่
"แกร๊ก!! แอ๊ดดด!!" เสียงประตูที่เปิดออกมานั้นทำให้อิงเป่ยหันไปมองก็พบกับหญิงสาวคนนึงกำลังถือภาชนะเข้ามาพร้อมกับผ้าผืนเล็กๆที่พาดอยู่ขอบภาชนะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่ออี้หลิวปิดประตูเสร็จแล้วก็หันหน้าเดินไปที่เตียงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายน้อยหยางชุนมองมาที่ตน จึงอุทานออกมาว่า
"นายน้อยท่านฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ "
แต่กลับไม่ได้ยินคำตอบของนายน้อยตอบกลับมา
"นายน้อยเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า อี้หลิวจะได้ไปเรียกท่านหมอมาตรวจอีกครั้ง"
เมื่ออิงเป่ยได้ฟังก็ลุกขึ้นมาแล้วมองสำรวจไปรอบๆแล้วกล่าวว่า
"นี่มันที่ไหนกัน ข้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร แล้วเธอเป็นใครกัน นายน้อยที่ว่าใครรึ!"
อี้หลิวได้ยินถึงกับพูดอะไรไม่ออกทันที แล้วพูดว่า
"นายน้อยท่านจำอะไรไม่ได้เลยหรือเจ้าค่ะ ที่นี่คือตระกูลหยาง ข้านั้นเป็นสาวใช้ส่วนตัวนายน้อยยังไงเจ้าค่ะ"
อิงเป่ยมองหน้าสาวใช้แล้วพูดออกมาว่า
ตระกูลหยางหรอ สาวใช้ นี่มันเรื่องอะไรกันละเนี้ย
อี้หลิวเมื่อเห็นท่าทีของนายน้อยนั่นก็คิดว่านายน้อยความจำเสื่อม จึงได้รีบวิ่งออกไปบอกแก่ท่านประมุขทันที พร้อมทั้งไปเชิญท่านหมอมาตรวจดูอาการ
"เรียนท่านประมุขหยางฟง คุณชายหยางชุนฟื้นแล้วเจ้าค่ะ แต่ดูเหมือนว่าคุณชายจะจำอะไรไม่ได้เลยเจ้าค่ะ"
เมื่อประมุขหยางได้ยินก็รีบไปทันที เมื่อมาถึงก็เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นบุตรชายของตนกำลังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง จึงได้เดินเข้าไปหาและกล่าวกับบุตรชายของตนว่า
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหยางชุน เห็นอี้หลิวบอกว่าเจ้าจำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอิงเป่ยก็หันหน้าไปมองแล้วพูดว่า
"ข้าชื่อหยางชุนอย่างนั้นหรอ?"
"ใช่แล้ว เจ้าชื่อ หยางชุน เป็นบุตรชายคนโตของข้า"
อิงเป่ยคิดในใจว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่เขาจะชื่อ หยางชุน ก็ในเมื่อข้า ชื่ออิงเป่ย
เอ๊ะ! หรือว่าข้าตายแล้วมาอยู่ในร่างของคนอื่นกัน แล้วร่างข้าละอยู่ที่ไหน หรือว่าจะเป็นเพราะไอ้หนังสือลึกลับเล่มนั้นกันที่ทำให้ข้าต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าบุตรชายตนเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างจึงได้ถามออกไปว่า
"เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ"
"เอ่อ...คือ ข้าจำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อได้ยินคำตอบหยางฟงถึงกับนิ่งค้างไปเลย บุตรชายเขาที่จำอะไรไม่ได้
"ข้าจะทำยังไงดี ข้าจะทำยังไงดี"อิงเป่ยรีบคิดหาทางออกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ๆก็มีไอความมืดแผ่ออกมาปกคลุมร่างของหยางชุนเอาไว้
หยางฟงที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็นิ่งค้างตาถลนอยู่ข้างเตียงบุตรชายตน หลังจากนั้นไม่นานไอความมืดสีดำก็จางหาย
พร้อมกับปรากฏชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ดังในภาพ
เมื่อหยางฟงได้เห็นถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จึงได้นำมือมาขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากับไม่ใช่บุตรชายตนอีกแล้ว แต่กับเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม หล่อเหลา นั่งอยู่บนเตียง จึงได้ถามออกไปว่า
"เจ้าไม่ใช่บุตรชายข้านิ เจ้าเป็นใครกันแน่"
เมื่อได้ยินคำถามของหยางฟง อิงเป่ยก็ได้แต่ทำหน้า งงๆ เพราะเขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรหลังจากที่ไอความมืดสีดนั้นหายไป จึงได้หันมองไปรอบๆก็พบกระจกที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ก็เห็นใบหน้าของตนเองปรากฎให้เห็น ซึ่งเป็นหน้าของเขาเองไม่ใช่หน้าคนอื่น ก็ตกใจจนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ก็ได้แต่ลองเสี่ยงดูซักครั้ง
"เอ่อ...คือว่าข้าคงจะแก้ตัวไปไปไม่ได้แล้ว ก็จะตอบคำถามท่านตามตรงก็แล้วกัน"
"เจ้าเป็นใคร แล้วเจ้ามาอยู่ที่ห้องนี้ได้ยังไง"
"ข้าก็ไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่ ว่าข้ามาอยู่ในร่างบุตรชายท่านได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะหนังสือลึกลับเล่มนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ซึ่งข้าเป็นนักสำรวจและได้ไปสำรวจสุสานโบราณเก่าแก่แห่งหนึ่งและได้พบกับกลไกลทางลับโดยบังเอิญจนไปพบเข้ากับโครงกระดูกเข้า ซึ่งข้าก็ได้เห็นจี้ห้อยคออันนึง เป็นรูปจันทร์เสี้ยวทำจากหยกชั้นดี ข้าได้ยืนมือไปสัมผัสกับหยกชิ้นนั้นและก็ได้มีแสงสีขาวพุ่งเข้าสู่หน้าผากของข้า ทำให้ข้าได้รับความทรงจำมากมายและชื่อของเขานั้น คือ หยางซุนอี้ หลังจากนั้นข้าก็บังเอิญไปสัมผัสกับหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนเตียงหินข้างโครงกระดูก สติของข้าก็ดับวูบลงพอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีข้าก็อยู่ในร่างนี้แล้ว"
เมื่อหยางฟงได้ฟังเรื่องที่อิงเป่ยเล่านั้นก็ทำให้เขายิ่งตกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้ยินคำว่า หยางซุนอี้
"เมื่อกี้เจ้าบอกว่า หยางซุนอี้ อย่างนั้นหรือ แล้วจี้หยกรูปจันทร์เสี้ยวนั้น เป็นแบบนี้รึเปล่า"
หยางฟงหยิบจี้หยกรูปจันทร์เสี้ยวออกมาจากแหวนมิติ แล้วยื่นส่งให้
อิงเป่ยดู
เมื่ออิงเป่ยเห็นหยกชิ้นนี้ ก็ตกใจทันที แล้วพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
"ใช่แล้ว จี้หยกรูปจันทร์เสี้ยวนี่ละที่ข้าเจอ"
เมื่ออย่างฟงแน่ใจแล้วว่า จี้หยกรูปจันทร์เสี้ยวเหมือนกัน ร่างกายของหยางฟงสั่นเทาเล็กน้อย พร้อมกับทรุดเขาลงทันที น้ำตาค่อยๆไหลซึมออกมา แล้วพูดว่า
"ข้าไม่นึกเลยว่าท่านพ่อของข้าจะตายไปแล้ว ข้านึกว่าท่านเก็บตัวฝึกฝนพลังปราณซะอีก"
"ท่านบอกว่า หยางซุนอี้ เป็นบิดาท่านอย่างนั้นหรอ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าทำไมท่านพ่อของท่านถึงไปอยู่ที่สุสานโบราณนั่น คงเป็นเพราะหนังสือลึกลับเล่มนั้นแน่นอน ที่ข้าเจออยู่ข้างๆร่างโครงกระดูกของท่านพ่อของท่าน เมื่อข้าสัมผัสกับมันข้าก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว"
"ตกลงเจ้ามีชื่อว่ายังไง"
"เอ่อ..ข้าชื่อ อิงเป่ย ข้าไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ"
หยางฟงหลับตาลงก่อนจะกล่าวว่า
"ช่างมันเถอะข้าก็ไม่ได้จะโทษเจ้าหรอก คงเป็นลิขิตจากสวรรค์ที่นำเจ้ามายังที่แห่งนี้ก็ได้"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
อีกอย่างนี่ก็เป็นปมเริ่มต้นในแนวของไรคเค้าคุณจะบ่นซะเยอะเพื่อ
#พระเอกช่วยงงช่วยเเสดงท่าทีตกใจมากกว่านี้หน่อย
#เเต่ถ้าตัดเรื่องพวกนี้ออกไปไม่คิดมาก มันก็สนุกน่าสนใจ