"ที่ไหนกันเนี้ย มีแต่เสาหินเต็มไปหมด" อิงเป่ยอุทานออกมากับสิ่งที่เห็น
เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบกับลานหินกว้างมีเสาหินสูงมากมายเต็มไปหมด ถ้าจะบอกว่ากว้างขนาดไหนนั้น อิงเป่ยตัวเท่ามดก็ได้เมื่อเทียบกับลานกว้างตอนนี้ อิงเป่ยเดินสำรวจไปทั่วอยู่นานก็ไปพบเข้ากับ แผ่นอะไรบางอย่างขนาดเท่าฝ่ามือกองท่วมหัวอยู่ข้างเสาหิน เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่ามันมีอยู่หลายกอง
เมอาเห็นสิ่งที่กองอยู่บนพื้นก็ตกใจ
"นายท่าน นายท่าน นี่มัน.....เป็นเกล็ดมังกร"
"หาาา!! เจ้าว่าอะไรนะ เกล็ดมังกรอย่างนั้นเร๊อะ"
"เจ้าดูไม่ผิดจริงๆนะ ว่ามันเป็นเกล็ดมังกรน่ะ"
"แน่นอน ข้ารับรองได้นายท่าน"
"แล้วมันเอาไปทำอะไรได้ล่ะไอ้เกล็ดนี่"
"ท่านก็รู้อย่ามาถามข้าสิ แต่มันเป็นของล้ำค่ามากสำหรับยุคกาลก่อน"
"หืม...ถ้านี่เป็นรังมังกรแล้วข้าจะทำยังไงล่ะเมื่อมันกลับมา ข้าจะไม่โดนมันกินเป็นอาหารรึไง"
"ท่านจะไปกลัวทำไมก็แค่เดินกลับไปทางเดินก็สิ้นเรื่อง"
"จ้าๆเมอาคนเก่ง"
อิงเป่ยทำการเก็บเกล็ดมังกรที่กองบนพื้นทั้งหมด ก่อนจะเดินสำรวจที่อื่นต่อเรื่อยๆจนมาพบเข้ากับโครงกระดูกสภาพสมบูรณ์มากอยู่ตรงหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่อิงเป่ยได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นถึงแม้จะเป็นแค่โครงกระดูกก็ตาม แต่ความตื่นตะลึงยังไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อกวาดสายตามองรอบๆก็พบว่ามีเหล่าโครงกระดูกมังกรอยู่เต็มไปหมด บางอันก็ทรุดโทรมไปแล้วก็มี คาดว่าน่าจะตายมานานหลายแสนปีก็ได้
"สถานที่แห่งนี้ หรือว่า จะเป็นสุสานมังกร! ใช่แน่ๆไม่ผิดแน่นอน"
อิงเป่ยตื่นเต้นสุดๆเมื่อคิดว่าเป็นสุสานมังกร ดวงตาแทบจะกลายเป็นรูปเงิน ปรากฎให้เห็น
"สมบัติที่มังกรสะสมไว้จะต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่นอน ข้าจะต้องหามันให้พบ อาจจะมีสิ่งที่ข้าต้องการก็ได้"
อิงเป่ยไม่สนใจซากกระดูกมังกรอีกต่อไปแล้ว รีบเดินค้นหาที่ซ่อนสมบัติไปทั่ว จนเวลาผ่านไปนาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบเลย
"ให้ตายสิ ข้าเดินไปเดินมาจนแทบจะหลับตาเดินได้เลยนะเนี้ย ยังมีแถวไหนที่ยังไม่ได้ไปหว่า"
อิงเป่ยหันไปรอบๆก็สังเกตุเห็นว่าเสาหินรอบๆมันผิดปกติ เสาหินบางเสามีเงา บางเสาไม่มีแต่จะมีโครงกระดูกมังกรอยู่ จึงทำให้ไม่เอ่ะใจกับตรงนี้ จากนั้นจึงเดินหาเสาหินที่มีเงาแล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดเสาหินแล้วมองพื้นที่รอบๆอีกครั้ง ก็พบว่า เสาหินที่มีโครงกระดูกมังกรจะไม่มีเงา แต่เสาที่อิงเป่ยเหยียบมีเงาจึงเป็นเสาหินของจริง จึงมองไปอีกเสาหินที่อยู่ข้างๆก็เป็นเหมือนกับเสาหินเสานี้
จึงกระโดดลงจากเสาหินแล้วเดินมาหยุดระหว่างกลาง 2เสาหินนี้ทันที ก่อนจะทดสอบ ยื่นมือไปข้างหน้าก็พบว่ามันทะลุผ่านไปได้จริงๆอิงเป่ยยิ้มจนแก้มแทบฉีก
"ในที่สุดก็หาทางเข้าได้ซะที สมบัติจ๋า ข้ามาแล้ว 5555!!!"
อิงเป่ยรีบเดินผ่านเข้าไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติ เมื่อคิดว่าหลังม่านนี้จะมีสมบัติกองโตๆให้ได้เห็น แต่ว่าสิ่งที่เห็นกับเป็นรูปปั้นมังกรคู่ ยืนอยู่ที่หน้าประตูขนาดใหญ่
"เหวอ!! ตกใจหมดนึกว่ามังกรจริงๆซะอีก แต่....มันก็เหมือนมังกรจริงๆให้ตายสิ"อิงเป่ยบ่นอุบอิบ
"ว่าแต่...ประตูนี่ ข้าจะเปิดมันยังไงกันล่ะ "
"เจ้าก็ผลักประตูเข้าไปสิ"
"ใครมันจะไปผลักได้กันประตูใหญ่ขนาดนี้ เจ้าบ้ารึเปล่า"
"5555!!" เจ้านี่ก็มีความอดทนสูงเหมือนกันนะที่ยังอุตส่าห์หาทางเข้ามายังที่แห่งนี้ได้"
"หืม...?"
อิงเป่ยกวาดสายตาไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอใคร จึงค่อยๆถอยออกห่างจากประตูพร้อมกับมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา
"นี่ข้ากำลังโดนผีหลอกจริงๆรึเนี้ย"
"ผีบ้านเจ้าน่ะสิ อย่ามาพูดเองเออเองนะเจ้าหนู"
"ถ้าไม่ใช่ผี ข้าก็มองเห็นตัวไปแล้วน่ะสิ"
"เห้อ...ช่างมันเถอะ แล้วเจ้าจะเลิกตัวสั่นได้รึยัง ข้าไม่ใช่ผี แต่ข้าคือราชันย์มังกรที่คอยดูแลเหล่ามังกรทั้งหลาย และได้ตายไปเมื่อแสนปีมาแล้ว "
"......ราชันย์มังกร ตายมาแล้วแสนปี .....แล้วท่านมาจะมาพูดกับข้าได้ไงกันเล่า"
"สำหรับข้ามันก็เป็นเรื่องง่ายๆที่จะทำ ก่อนตายข้าได้สร้างจิตวิญญาณข้าไว้ที่นี่ คอยดูแลสุสานไว้จนกว่าจะพบคนที่สามารถเข้ามาที่แห่งนี้ได้และนั่นก็คือ เจ้ายังไงล่ะ"
"ข้าอย่างนั้นหรอ แล้วมันยังไงกันล่ะ"
"อืม...เอาง่ายๆก็แล้วกัน เจ้าจะกลายเป็น ผู้สืบทอด ของเผ่ามังกรยังไงล่ะ"
"แค่ข้าเข้ามาได้ ข้าก็ได้เป็นแล้วอย่างนั้นหรอ"
"แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด เจ้าคงไม่ใช่คนจากโลกนี่สินะ แถมในร่างกายเจ้ายังมีทั้งพลังปราณและพลังเวทย์"
"นี่ท่านรู้อย่างนั้นหรอว่าข้าไม่ใช่คนจากโลกนี้"
"แน่นอนว่าข้ารู้แต่ข้าก็ไม่ทราบว่าเจ้ามาด้วยวิธีไหน หรือพบของวิเศษอะไรเข้าโดยบังเอิญจนต้องมาที่นี่"
"โอ้ ท่านก็เดาได้เก่งเหมือนกันนะ ท่านอยู่มานานเคยเห็น หนังสือเวทย์อัญเชิญ บ้างรึเปล่า"
"เจ้าไปรู้ชื่อหนังสือนั่นมาจากไหนกันล่ะ ถ้าเผ่าอสูรรู้เข้าละก็ เจ้าคงโดนตามล่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่นอน"
อิงเป่ยถึงกับหน้าถอดสี เหงื่อผุดที่หน้าผากทันที เมื่อได้ยิน
"นี่ข้าไปรับตัวอันตรายมาไว้กับตัวอย่างนั้นรึเนี้ย ฉิบหายแล้ว"
"นี่เจ้าหนู เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ หน้าซีดเชียว ไม่สบายรึไง"
"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่คิดว่าท่านเล่ามามันหน้ากลัวเท่านั้นเอง"
"แล้วท่านรู้ไหมว่าทำไมเผาอสูรถึงต้องตามล่าด้วยล่ะ"
"อืม...ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เพราะหนังสือนี่ละมั้งทำให้เผ่าอสูรเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว"
"มันไม่เกินไปหน่อยหรอ แค่หนังสือเล่มเดียวจะทำให้สูญพันธ์ได้"
"ว่าแต่ ดูเจ้าจะสนใจมันมากเลยนะ หรือว่าเจ้ามีมัน"
"เอ่อ...ข้าก็แค่ไม่เชื่อเท่านั้นล่ะ ว่ามันจะเป็นไปได้ "
"เอาล่ะ นอกเรื่องกันมามากพอแล้ว เข้าเรื่องของข้าดีกว่า เจ้าจะเป็น
ผู้สืบทอด รึเปล่า เจ้าหนู"
"ถ้าข้ากลายเป็น ผู้สืบทอด ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ"
"ข้าอยากให้เจ้าช่วยตามหา ไข่มังกรทอง ที่ถูกส่งผ่านประตูมิติเพื่อมายังสุสานแห่งนี้ เพื่อซ่อนจากเผ่าอสูรที่มาโจมตี แต่เกิดถูกแทรกแซงทำให้มิติเกิดความคลาดเคลื่อนไป จนไม่สามารถระบุได้ว่า มิตินั้นส่งไข่มังกรทอง ไปที่ใดบนโลกนี้ ข้าเดินทางมาจากโลกของเผ่ามังกรเพื่อตามหา แต่ก็ยังไม่พบ และได้ตายลง เผ่ามังกรกับเผ่าอสูรทำสงครามกันมายาวนานอาจจะถึงปัจจุบันก็ได้"
"ขนาดท่านยังหาไม่พบแล้วข้ามีอายุสั้นกว่าจะหาพบได้ไงกันล่ะ"
"เจ้าไม่ต้องกังวล แหวนมังกรทอง วงนี่เจ้าต้องสวมใส่ไว้ตลอด อย่าทำหายเด็ดขาด ถ้าทำหาย ข้าจะตามมาหลอกหลอนเจ้าทุกคืน "
"นี่ท่านจะตลกเกินไปล่ะ"
"อีกอย่างแหวนมังกรทองจะช่วยเตือนเจ้าเอง"
แหวนมังกรทอง ปรากฎออกมาที่ด้านหน้าของอิงเป่ย อิงเป่ยยื่นมือไปหยิบแหวนนั่นแล้วสวมที่นิ้วกลางทันที
"ในเมื่อเจ้าสวมใส่แหวนแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็น ผู้สืบทอด หวังว่าเจ้าจะตามหาพบนะ ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ ขอให็เจ้าโชคดี"
"เห้ย!ไปง่ายๆแบบนี้เลยเร๊อะ"
พอสิ้นเสียงประตูด้านหน้าก็เปิดออก แสงสีทองสาดส่องออกมากระทบเข้ากับตาของอิงเป่ยจนต้องหลับตาลง แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ด้านหน้าปรากฎกองทองสูงท่วมหัว อาวุธระดับเทพ ระดับตำนาน มากมาย ชุดเซ็ตสวมใส่ก็มี เกราะ รองเท้า ปลอกแขน ผ้าคลุม กล่องใส่เม็ดยาสีทอง จำนวน5เม็ด สีแดง5เม็ด สีขาวอีก5เม็ด และผลึกพลังวิญญาณของมังกรที่ตายไปก็มีอยู่หลายสิบชิ้น อิงเป่ยดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปมา เสียงหัวเราะดังไปทั่วห้อง
"5555!! ข้ารวยแล้ว ข้ารวยแล้ว"
"ว่าแต่แถวนี้มีแหวนมิติอยู่รึเปล่านะ อิงเป่ยกวาดสายตามองหาอยู่นานมากกว่าจะเจอ"
อิงเป่ยตรวจดูแหวนมิติที่ได้มาก็พบว่ามันเก็บของได้ไม่จำกัด
"โห้ นี่มันสุดยอดแหวนมิติแล้วเห้ย แบบนี้ก็...เก็บให้เรียบ"
อิงเป่ยใช้เวลาอยู่ 1 ชั่วยามในการเก็บของทั้งหมดลงแหวนมิติวงใหม่ที่ได้มา
"ข้าชักจะสนุกกับโลกใบนี้ขึ้นมาซะแล้วสิ มีอะไรให้ค้นหาอยู่ตลอดเวลา"
อิงเป่ยคิดในใจ
"นี่เมอา เจ้าได้ยินที่มังกรนั่นพูดแล้วสินะ แสดงว่าราชันย์อสูรที่ถูกผนึกและสะกดพลังเอาไว้พวกนั้น คงจะแค้นเจ้าน่าดู"
"ข้าก็ไม่รู้หรอกจนกว่าจะได้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณครบ แต่ละเศษเสี้ยวนั่นจะทำให้ข้าได้ความทรงจำบางส่วนเท่านั้นเอง"
"คงต้องหลังจากปราบราชันย์อสูรอันดับ9เสร็จ ข้าจะออกเดินทางไปค้นหา ไข่มังกรทอง และเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเจ้าพร้อมๆกันเลย"
อิงเป่ยเดินออกจากห้องสมบัติแล้วรีบเดินออกไปข้างนอกทันที เมื่อเดินมาถึงตรงที่อิงเป่ยเข้ามา ก็เกิดแสงสว่างปรากฎขึ้นที่แหวนมังกรทอง แล้วก็ปรากฎประตูมิติขึ้นตรงหน้า อิงเป่ยอ้าปากค้าง ตาโต กับความสามารถของแหวนมังกรทอง
"นี่มันสุดยอดจริงๆไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะหลงทางอีก"
อิงเป่ยก้าวเท้าเข้าประตูไป ก็มาโผล่ตรงที่ต่อสู้กับหนูสายฟ้าเมื่อก้าวออกมา ประตูมิติก็หายไป อิงเป่ยมองดูสภาพรอบๆแล้วก็พุ่งทะยานกลับไปที่เมืองพยัคฆ์เมฆาทันที
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เริิ่มสนุกละกลัวทิ้งไปไม่อัปต่อ
ปล.1 เอาไปเปย์หญิงต่อแน่ๆ
ปล.2 รอตอนตบกับ3 ทวีปอยู่น๊าา