หลังจากที่อิงเป่ยหลับไป3วัน3คืนก็ได้สติกับมาอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องแถมชุดที่ใส่ยังถูกเปลี่ยนออกไปด้วยอิงเป่ยลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ ก่อนจะนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น
"รู้สึกว่าข้ากำลังคุยกับทหารคนนึงนี่หว่าจากนั้นก็...ฉิบหายล่ะ!!
เราดันหมดแรงล้มลงก่อนจะหมดสติไป ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คงจะเป็นจวญของทหารคนนั้นสินะ"
อิงเป่ยกวาดตามองไปรอบๆก็พบว่าผ้าคลุมเงาภูติกับชุดที่ใส่ถูกทำความสะอาดและพับวางอยู่ที่โต๊ะข้างๆ
"เห้อ..ค่อยยังชั่วหน่อย"
จากนั้นก็มีหญิงสาวเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถังทรงกลมครึ่งใบใส่น้ำกับผ้าสีขาววางพาดที่ขอบถังเดินตรงมาที่เตียง
"คุณชายฟื้นแล้ว ข้าจะไปเรียนให้องครักษ์ไป่หลงทราบก่อนนะเจ้าค่ะ"
"เอ่อ..."
หญิงสาวก็รีบวิ่งออกไปทันที
"ให้ตายสิยังไม่ได้ถามก็ดันวิ่งออกไปซะล่ะ"
ไม่นานหญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาหาอิงเป่ย
"ดูเหมือนคุณชายจะแข็งแรงดีแล้วสินะ !5555!!"
"เอ่อ..คือว่าท่านเป็นคนพาข้ามาที่นี่อย่างนั้นสินะ"
"ใช่แล้ว อยู่ดีๆคุณชายก็ล้มฟุบลง ข้านึกว่าคุณชายบาดเจ็บหนักจึงเข้าไปตรวจดูก็พบว่า บาดเจ็บไม่มาก แต่ใช้พลังเกินขีดจำกัดไปเลยหมดสติลง"
"แล้วข้าหมดสติไปนานเท่าไหร่กันล่ะ"
"แค่3วัน3คืนเท่านั้นเอง"
"ห๊า! 3วัน3คืน "
"ดีแล้วที่แค่หลับไป3วัน3คืน ไม่ได้หลับยาวตลอดชีวิต"
"โอ้วว ท่านก็พูดตลกเป็นเหมือนกันสินะ ถ้าตอนนั้นข้าไม่อยู่แถวนั้นท่านคงต้องหลับยาวแทนข้าแล้ว"
"ไม่นึกว่าคุณชายก็เป็นคนอารมณ์ขันเหมือนกัน !5555!!"
"ว่าแต่ว่า ระหว่างที่ข้าหลับไปมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรึเปล่า"
"ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องคุณชายที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรตนนั้น เป็นเรื่องที่กำลังดังเลยตอนนี้"
"ไม่ต้องมาพูดประชดข้าก็ได้นะ งั้นก็มีคนรู้ตัวจริงข้าหมดแล้วนะสิ"
"คุณชายไม่ต้องกังวลมีแค่ข้าและคนของข้าเท่านั้นที่เห็นหน้าตาของคุณชาย"
"ดีแล้วล่ะที่ไม่มีใครเห็นหน้าตาข้า เพราะข้าไม่ชอบเรื่องวุ่นวายเท่าไหร่"
"ข้าขอทราบนามของคุณชายได้รึไม่"
"เอ่อ...ข้ามีชื่อว่า อิงเป่ย เป็นนักสำรวจน่ะหรือที่พวกท่านเรียกว่า นักล่าสมบัตินั่นล่ะ"
"ข้าเกิดมาพึ่งจะเคยเจอนักล่าสมบัติอายุน้อยเท่าคุณชาย ครั้งแรกนี่ล่ะ"
"เรื่องนี่เอาไว้ก่อนนะ ข้าอยากทราบว่าพวกท่านจะแก้ปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงนั่นมันราชันย์สัตว์อสูรเลยนะ ตอนที่มันสู้กับข้า มันยังอ่อนแออยู่
ถ้ามันอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนเมื่อครั้งหลายพันปีก่อน ข้าคงจะตายไปแล้ว"
"เรื่องนี้ข้าแจ้งให้ฝ่าบาททราบแล้ว แต่ติดตรงที่ระดับพลังต่ำเกินไป ถึงแม้จะมีเม็ดยาโอสถทลายฟ้า แต่จำนวนทหารนั่นมีมากเกินไป จึงทำให้มีแค่ส่วนน้อยที่ได้รับมัน"
คิดเป่ยคิดในใจ "ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดข้าอยู่เหมือนกัน คงต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นแคว้นนี้ได้ล่มสลายแน่นอน"
"ข้าคงต้องไปแล้ว มีสิ่งที่ต้องทำ นี่มันก็3วันมาแล้ว ข้าต้องออกไปค้นหาร่องรอยเจ้าราชันย์สัตว์อสูรนั่นซะหน่อย"
อิงเป่ยรีบหาข้ออ้างเพื่อออกจากจวญอย่างรวดเร็ว เพื่อหาทางแก้ไขกับสิ่งที่เกิดขึ้น อีกใจหนึ่งก็อยากจะช่วยอยู่หรอกแต่เขาไม่ชอบเรื่องวุ่นวายเนี้ยสิ
"คุณชายจะไปแล้วอย่างนั้นรึ"
"ข้ามีสถานที่ที่ต้องไปอยู่จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าราชันย์สัตว์อสูรมันฟื้นตัวเร็วล่ะก็มันจะไม่ทันการ"
"อืม...แล้วแต่คุณชายเลยละกัน ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้วด้วย"
อิงเป่ยลุกออกจากเตียงเปลี่ยนกับไปใส่ชุดเดิมแล้วเดินออกมาพร้อมกับองครักษ์ไป่หลง
"ไว้โอกาสหน้าข้าจะมาเยี่ยมท่านอีกครา"
อิงเป่ยหายวับไปจากสายตาของไป่หลงทันที ไป่หลงได้แต่ยืนตะลึงกับความเร็วของอิงเป่ย เมื่อมาเทียบกับตนแล้วช่างห่างไกลกันยิ่งนัก ทั่วทั้งแคว้นนี้คงไม่มีใครทำได้อย่างเขาแน่นอน
อิงเป่ยออกจากจวญองครักษ์ไป่หลงมุ่งตรงกลับไปที่ตระกูลหยางทันที ด้วยความสามารถของผ้าคลุมเงาภูติเป็นเรื่องง่ายมากที่อิงเป่ยจะแอบเข้าไปที่ห้องพักภายในตระกูล เมื่อมาถึงหน้าห้องก็เปิดประตูเข้าไป
"แกร๊ก! เอี๊ยดด!!" "หืม..มีคนอยู่รึ!" เมื่อมองดีๆก็พบว่าเป็นอี้หลิวที่มาดูแลทำความสะอาดห้องอยู่ทุกวัน
อี้หลิวตกใจที่เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องนี้
เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาที่นี่ได้
"อี้หลิว นี่ข้าเอง"
อิงเป่ยนำมือไปเปิดฮู๊ดที่คลุมหัวออกเพื่อให้อี้หลิวได้เห็น
"อ๊ะ! คุณชายทำไมท่านมาถึงมาเงียบๆล่ะเจ้าค่ะ"
"เอ่อ..พอดีข้าเจอปัญหานิดหน่อยเลยกลับมาเร็ว"
"เจ้าสบายดีสินะ "
"เจ้าค่ะคุณชาย"
"เจ้าช่วยไปตามท่านประมุขและคุณหนูเจ้ามาพบข้าที่นี่ที ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ"
อี้หลิวเดินออกจากห้องไป อิงเป่ยนั่งลงที่เก้าอี้แล้วถามเมอาว่า
"นี่เมอา เจ้าบอกว่าจะบอกรายละเอียดข้าไม่ใช่หรอ รีบออกมาอธิบายได้แล้ว"
!วิ้งงง!! เมอาปรากฎตัวออกมา
"เริ่มจากตรงไหนก่อนดีละ"
"เท่าที่เจ้ารู้ก็แล้วกัน ขอเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าค้างคาวนั่นยิ่งดี"
"สถานที่แห่งนั้นคือตระกูลหวางเมื่อพันปีก่อน เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมากเลยล่ะ ได้ทำการต่อสู้กับราชันย์อสูรอันดับที่9 หัวหน้าตระกูลคนก่อน นามว่า หวางเซาจิน ก็เคยใช้ข้าต่อสู้ด้วย กองทัพสัตว์อสูร นำโดยราชันย์อสูรอันดับ9 ได้เข้ามารุกรานตระกูลหวาง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้จนถูกจับผนึกเอาไว้ที่ตระกูลหวาง ข้าได้นำเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้าออกมาเพื่อทำการสกดพลังมันเอาไว้ แต่หลังจากนั้นก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ จนต้องย้ายถิ่นฐานไป โดยไม่สามารถนำสมบัติติดตัวไปด้วย เพราะมันเกิดขึ้นกระทันหันแค่ช่วยเหลือครอบครัวนับว่าสุดกำลังจึงทิ้งไว้แบบนั้นจนมาถึงปัจจุบัน ข้าเล่าย่อๆให้แล้วนะ"
"ถ้าจากที่ข้าเข้าใจ ไอ้ที่ราชันย์อันดับ9 นี่มันยังมีอีก8ตัวสินะ นี่ข้าต้องมาสู้กับไอ้พวกนี้มันไม่ตลกนะเห้ย"
"นายท่านก็ฝึกให้เยอะๆสิเจ้าค่ะ จะได้สู้พวกมันได้ คริๆ"
"เอ่อ..นี่มันใช่เรื่องที่ต้องมาตลกไหม"
"ถ้าท่านชนะไอ้ราชันย์อันดับ9ได้ท่านก็จะได้มันมาเป็นเบ้ด้วยนะไม่สนใจหรอ"
"นี่ไม่ต้องมายุเลย อยากได้เจ้านายใหม่รึไง"
"!แกร๊ก! !เอี๊ยดดด!!"ประมุขหยาง หยางซุยหลิง อี้หลิว ก็เข้ามาพร้อมกันก็เห็นอิงเป่ยนั่งรออยู่เก้าอี้อยู่
"มากันแล้วสินะ เชิญนั่งก่อนค่อยพูดคุยกัน"
"เจ้ามาแบบกระทันหันแบบนี้คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสินะ รึว่าจะเป็นเรื่องที่ป่าเพลิงตะวันเขตป่าอสูรเขาเขียว"
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ปัญหามันแย่กว่านั้นอีก เพราะราชันย์อสูรมันหนีไปได้ ข้าคิดว่ามันจะกลับมาอีกแน่นอน แต่ก็ยังมีเวลาให้พัฒนากองกำลังอยู่ ถึงจะสู้มันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสัตว์อสูรที่มากับราชันย์อสูรคงจะไม่กังวลเท่าไหร่"
"แล้วเจ้ามีแผนยังไง ลองบอกมาหน่อยได้ไหม"
"ข้าจะสร้างกองกำลังขึ้นมา เพื่อใช้ต่อสู้กับราชันย์สัตว์อสูร ข้าจึงมาเริ่มจากที่นี่ก่อน จากนั้นจะสร้างสำนักขึ้นมา"
"การที่จะทำแบบนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้แต่ราชวงศ์ยังคิดเลยด้วยซ้ำ เพราะแค่กำลังทหารก็หนักหนาแย่พอแล้ว ทรัพยากร ก็ไม่ได้มีมากมาย จึงไม่มีใครคิดจะสร้างกันไงล่ะ"
"นั่นมันก็เป็นเรื่องของราชวงศ์ว่าจะทำได้หรืไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับข้า"
เมื่อได้ยินที่อิงเป่ยพูด ทั้ง3ถึงกับแสดงอาการไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะทำได้จริงๆ
อิงเป่ยยิ้ม แล้วถามหยางซุยหลิงไปว่า
"รู้สึกว่าพลังของคุณหนูจะเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ ข้ามีของขวัญจะมอบให้"
อิงเป่ยหยิบกระบี่เสี้ยวจันทราออกมาจากแหวนมิติแล้วยื่นให้หยางซุยหลิงไป พร้อมกับตำราวิชาสายกระบี่ให้อีกอย่าง
เมื่อมองเห็นกระบี่ที่อิงเป่ยมอบให้บุตรสาวตน หยางฟงถึงกับอ้าปากค้างพูดตระกุกตระกัก
"นั่นน...มัน...อาวุธระดับจักรพรรดิ์ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าข้าจะได้มาเห็นที่นี่"
หยางซุยหลิง นั้นนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไปแล้ว นี่มันเกินกว่าที่หยางซุยหลิงจะควบคุมตัวเองได้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
กะทันหัน