ตอนที่ 67 : Chapter 65
Chapter 65
ที่ราบสูงลารันส์ ปากหลุม
ในป่าหนาทึบปรากฏเสียงพุ่งผ่านอากาศ ก่อนเหยี่ยววายุจะส่งเสียงตอบพร้อมร่อนลงมา
ชายหนุ่มในชุดอัศวินพเนจรผลักพุ่มไม้ไปด้านข้างและเดินต่อ สายของคันธนูสั้นในมือยังคงสั่นระริก เขาจับเหยี่ยวก่อนจะสะบัดมันไปด้านหลังให้มันร่อนลงบนแขนของนักรบร่างกำยำข้างหลัง
“เร็ทท์ ใกล้ถึงยัง?” อัศวินพเนจรหนุ่มรู้สึกว่ามือตัวเองที่ใช้เหนี่ยวคันธนูกำลังจะเป็นแผลพุพอง
“โบลล์ นายจ้างบอกว่าอยากกินปีกเหยี่ยวมังกร” เร็ทท์ยักไหล่
“ฉันจะไปหาเหยี่ยวมังกรมาจากไหนให้นายน้อยคนนี้! ถึงจะหาเจอ พวกเราทั้งกลุ่มแค่เดินผ่านก็คงตายกันหมดแล้ว! ” โบลล์รู้สึกคล้ายจะเป็นบ้า
นายจ้างไอโอนาสคนนี้ที่มอบเหรียญทองถุงหนึ่งให้เป็นค่ามัดจำ ภารกิจก็แสนจะเรียบง่าย ไม่ต้องเข้าไปในบริเวณหลุม แค่หาริมขอบของหลุม บอกเขาเมื่อหาสิ่งก่อสร้างแปลก ๆ เจอ ในตอนแรกพวกเขายังคิดอย่างปลาบปลื้มว่ากลุ่มตัวเองเจอแกะอ้วนตัวใหญ่ที่โง่และรวย นายน้อยผู้นี้คิดว่าบทกวียาวที่นักกวีพเนจรขับร้องกันไปทั่วเป็นเรื่องจริง
ที่ราบสูงลารันส์อันงดงาม!
ครั้งหนึ่งเคยเป็นถิ่นฐานของมังกร
แผ่นดินนี้ป่าเถื่อนทว่าสวยงาม
แผ่นดินนี้น่าพิศวงและเคลื่อนที่ได้
จนกระทั่งปาฏิหาริย์บังเกิด
เกาะมังกรลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า...
ผู้คนที่ไม่เชื่อพ่นลมหายใจอย่างเย้ยหยันตำนานนี้ การยกบริเวณที่กว้างขนาดนี้ให้กลายเป็นเกาะลอยฟ้าได้มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นแหละที่ทำได้ เทพเจ้าอาจจะเบื่อมากก็เลยทำสิ่งไร้สาระแบบนี้ ต่อให้มังกรอาศัยอยู่บนพื้นดินก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตหน้าไหนกล้าบุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมันหรอก แล้วพวกมันจะสร้างเกาะลอยฟ้าให้ยุ่งยากไปทำไม
ส่วนผู้ที่เชื่อก็มักจะมาที่ริมขอบของหลุมนี้ทีละคน ๆ พยายามวาดแผนที่มาเปรียบเทียบกับรูปร่างของเกาะมังกรบนฟ้า หากซ้อนทับกันได้พอดีก็จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แผ่นดินใหญ่
ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเคยวาดแผ่นที่หลุมลารันส์ได้สำเร็จ เนื่องจากหลุมลารันส์อันตรายเกินไป ภูมิประเทศซับซ้อน สัตว์อสูรอาละวาด ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่ามีคนเคยเห็นพวกกึ่งมังกรในส่วนลึกที่สุดของหลุม พวกกึ่งมังกรมีเชื้อสายของมังกร ตั้งแต่ที่มังกรหายไปจากแผ่นดินใหญ่ พวกกึ่งมังกรก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดบนแผ่นดินใหญ่
นายน้อยผู้สูงศักดิ์ที่ชื่อว่าไอโอนาสคนนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกนักกวีหลอกถึงได้อยากจะสืบหาความเกี่ยวข้องระหว่างที่ราบสูงลารันส์กับเกาะมังกร
กลุ่มหมาป่าโลหิตตั้งใจว่าจะพานายน้อยผู้สูงศักดิ์ไปเดินเล่นรอบริมขอบของหลุมเพื่อแสดงให้เห็นถึงอันตรายรอบ ๆ หลุมลารัสน์ เด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักโลกภายนอกเช่นนี้ย่อมต้องตื่นกลัวจนรีบหนีกลับไปอยู่ในที่ปลอดภัยของเมืองหลวงและไม่กล้าฝันกลางวันเรื่องการเป็นผู้กล้าอีก ตามกฎของสมาคมนักผจญภัยหากนายจ้างยกเลิกภารกิจต้องจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน
ช่างเป็นภารกิจที่แสนง่ายดาย เดินรอบหลุมไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเผชิญสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง พอกลับไปก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานพร้อมค่าจ้างกองโตแล้ว ทว่าทั้งกลุ่มกลับประเมินความเรื่องมากของนายจ้างคนนี้ต่ำเกินไป
สหายฟังสิ่งที่เขาต้องการสิ
“ข้าอยากกินปีกเหยี่ยวมังกรเป็นอาหารเย็นคืนนี้”
เหยี่ยวมังกร! นั่นมันเหยี่ยวมังกร นายน้อยคนนี้คิดว่ามันเป็นปีกไก่งวงย่างหรือไง? เหยี่ยวมังกรเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรบินได้ที่อันตรายที่สุดแทบจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากริฟฟินหรือสิ่งมีชีวิตที่ชอบอยู่เป็นฝูง แค่โจมตีหนึ่งในพวกมัน ฝูงเหยี่ยวมังกรทั้งฝูงก็จะหลั่งไหลออกมาจากรังเพื่อฆ่าคนที่มาก่อกวนไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว นั่นคือสิ่งที่เอลล่านักบวชผู้อ่อนโยนที่สุดในกลุ่มอธิบายให้นายจ้างฟัง แต่นายน้อยผู้นี้ตอบว่าอะไรน่ะหรือ
“เช่นนั้นก็แค่ฆ่าเหยี่ยวมังกรทั้งฝูง ไม่เป็นไร ข้ากินหมดอยู่แล้ว”
สีหน้าของเอลล่าบิดเบี้ยวทันที นักบวชผู้อ่อนโยนยังเกือบสำลักตายกับความต้องการของนายน้อยผู้นี้
เขามอบเหรียญทองให้และยังให้เหรียญทองเยอะมากอีกด้วย นี่คือสิ่งที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มหมาป่าโลหิตเน้นย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ ในช่วงหลายวันมานี้
หลังจากกักตุนของไว้ในแหวนเก็บของจนเต็ม เร็ทท์กับโบลล์ก็กลับไปที่แคมป์
เห็นทั้งสองคนกลับมา ไอโอนาสจึงยืนขึ้นด้วยความคาดหวัง “ล่าปีกเหยี่ยวมังกรของข้ากลับมาแล้ว?”
“ขออภัยจริง ๆ พวกเราลองหาบริเวณโดยรอบ แล้วแต่ไม่พบร่องรอยของเหยี่ยวมังกรเลย” โบลล์กล่าว “แต่เร็ทท์กับข้าล่าสัตว์อสูรอร่อย ๆ กลับมาได้หลายตัว”
แหวนเก็บของในมือเร็ทท์เปล่งแสง “ใช่ มีเหยื่ออยู่นี่เต็มเลย น่าจะเพียงพอให้ท่านเลือก”
ไอโอนาสพยักหน้าอย่างถือตัว “งั้นก็เอามาดูหน่อย”
หลังตรวจสอบกองซากสัตว์อสูรที่ร่วงลงมาจากแหวนเก็บของ ไอโอนาสพลันหันหน้าหนี “ไม่มีเหยี่ยวมังกรก็ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นอาหารทั้งหมดที่มีในแหวนเก็บของแล้วหรือ?”
ขออภัยที่กลุ่มของพวกข้ายากจนเกินไปจนไม่สามารถซื้อแหวนที่เก็บของที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ได้ นายน้อยคนนี้ทราบหรือเปล่าว่าแหวนเก็บของมันแพงขนาดไหน กลุ่มนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยมีเพียงกลุ่มหมาป่าโลหิตของพวกเขาเท่านั้นนะที่สามารถซื้อได้ สีหน้าของเร็ทท์และโบลล์บิดเบี้ยว
ในที่สุดลู่เหิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เจ้ามังกรตนนี้นอนหลับมาหลายหมื่นปีจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก ความเข้าใจเรื่องความแข็งแกร่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของเผ่ามังกรรอบตัว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการล่าฝูงเหยี่ยวมังกรเป็นเรื่องง่าย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป กลุ่มหมาป่าโลหิตคงได้กระอักเลือดเพราะความโมโหแน่ ๆ
“ไอโอ เนื้อของสัตว์อสูรพวกนี้สดและนุ่มมาก พอเอาไปย่างก็รสชาติไม่เลวนะ”
โบลล์เห็นนักบวชฝึกหัดที่สวมเสื้อคลุมปิดครึ่งหน้าเข้ามาใกล้และดูเหมือนกำลังกระซิบบางอย่างเสียงเบา นายน้อยผู้ที่กำลังสร้างปัญหาพลันมีสีหน้าผ่อนคลายลงทันทีและนั่งลงอย่างว่าง่ายไม่เรื่องมากอีก
โบลล์พบว่าไอโอนาสผู้เรื่องมากจะทำตัวเป็นเด็กดีก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้านักบวชฝึกหัดเท่านั้น นักบวชคนนี้เป็นพ่อทูนหัวเขาหรือ? ควรรู้ไว้ว่าเมื่อนักบวชฝึกเวทแสงศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดเดาอายุพวกเขาได้ บางทีชายที่ดูเหมือนอายุประมาณยี่สิบคนนี้จริง ๆ อาจจะไม่เด็กขนาดนั้น
ความจริงบางเรื่องก็ถูกตามที่นักอัศวินพเนจรหนุ่มคิด
โบลล์และเร็ทท์นำเหยื่อมาทำอาหารด้วยความเรียบร้อยและก่อไฟสำหรับอาหารเย็น แต่พวกเขากลับเห็นบิลลี่และกลุ่มเล็ก ๆ ของเขาเดินโซเซออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ อีกทั้งยังแบกเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้สติไว้ด้วย
สีหน้าของเร็ทท์เปลี่ยนอย่างฉับพลัน ก่อนจะวางเนื้อย่างในมือลงและเดินไปช่วย “เกิดอะไรขึ้น! ”
บิลลี่หอบและพูดคล้ายหายใจไม่ทัน “พวกเรา พวกเราเจอกึ่งมังกร! เอ็ดดี้ล่อกึ่งมังกรไป พวกเราจึงฉวยโอกาสหนีกลับมา”
เอ็ดดีเป็นนักเวทและคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคือเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกึ่งมังกร แม้แต่กึ่งมังกรที่ระดับต่ำที่สุดก็อันตรายเป็นอย่างมาก เร็ทท์และโบลล์จับอาวุธของตัวเองและรีบตามไปสนับสนุนพวกเขาหลังจากถามทางแล้ว แต่กลับเห็นพื้นที่ตรงหน้าบิดเบี้ยวอย่างกะทันหัน ทุกคนทราบในทันทีว่าเป็นเวทเคลื่อนย้าย นี่เป็นม้วนหนังสือเวทที่อาจารย์ของเอ็ดดี้ให้เขาไว้เพื่อใช้ในการเอาชีวิตรอด ตอนนี้เขาถึงกับใช้มันแสดงว่าชีวิตเขาต้องอยู่ในอันตรายจริง ๆ
ฉับพลันประตูปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดก็ปรากฏตัวที่แคมป์ นักเวทที่มักจะมีชีวิตชีวานอนหมดสติอยู่บนพื้นในเวลานี้ หน้าท้องของเขาขาดออกจากกันซึ่งน่าจะเกิดจากการโดนกรงเล็บของกึ่งมังกรตัวนั้นโจมตีเข้าจัง ๆ
“เอลล่า! มานี่เร็ว! ”
ทันทีที่โบลล์พูดจบ เอลล่าก็กระโดดพรวดมาทันที เขาคุกเข่าลงกับพื้นอยู่ในท่าภาวนา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ศิลาแห่งแสงบนยอดคทาก็ปลดปล่อยแสงสีขาวนุ่มนวลออกมา แสงสีขาวค่อย ๆ โอบรอบบาดแผลบนหน้าท้องของเอ็ดดี้ แล้วเลือดก็คล้ายจะไหลช้าลง
โบลล์และคนอื่น ๆ เพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลันสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเอลล่า รอยแตกปรากฏขึ้นบนศิลาแห่งแสงบนคทาแล้วในที่สุดมันก็ระเบิดเป็นเสี่ยง
เอลล่าทรุดลง “ไม่ไหว กลิ่นอายของกึ่งมังกรโอบล้อมบนบาดแผล ข้ากำจัดมันไม่ได้ ข้าช่วยอะไรเอ็ดดี้ไม่ได้แล้ว”
“บัดซบ! ” โบลล์เตะพุ่มไม้ด้านข้างอย่างแรง
เร็ทท์ที่มักจะเถียงกับเอ็ดดี้เป็นประจำมีปฏิกิริยาที่รุนแรงยิ่งกว่า เขายกกำปั้นต่อยพื้น ดวงตาแดงก่ำ “เอ็ดดี้! เจ้าตื่นขึ้นมาหาข้าเดี๋ยวนี้!"
ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด เสียงอันอ่อนโยนพลันดังแทรกขึ้นมา “ให้เราดูเขาหน่อย”
เร็ทท์เงยหน้าขึ้นมองนักบวชที่มักจะตามหลังไอโอนาส เขาสวมชุดคลุมนักบวชสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ บนข้อมือเสื้อซึ่งบ่งบอกว่าเขาเป็นเพียงนักบวชฝึกหัดเท่านั้น นักบวชฝึกหัดลดผ้าคลุมผมลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างธรรมดา
กระทั่งเอลล่ายังกล่าวว่าบาดแผลของเอ็ดดี้หมดทางเยียวยา เร็ทท์ควรจะตำหนินักบวชฝึกหัดที่ไม่รู้จักประมาณตนผู้นี้อย่างเกรี้ยวกราด แต่เมื่อเร็ทท์เห็นดวงตาที่ดูราวกับเมตตาทุกสรรพชีวิต ความเชื่อบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจว่าคนตรงหน้าสามารถช่วยเอ็ดดี้ได้จริง ๆ
เร็ทท์พยักหน้าอนุญาตและถอยไปด้านข้าง ทั้งร่างคล้ายปราศจากความโศกเศร้าและโทสะอีกต่อไป
เอลล่านั่งอยู่ด้านข้างอย่างโง่งม มองนักบวชฝึกหัดที่ไม่แม้แต่จะอยู่ในท่าภาวนา และทำเพียงแค่ตวัดนิ้วมือเบา ๆ แสงสีขาวทรงกลมลูกเล็กจากปลายนิ้วมือของเขาหล่นใส่บาดแผลของเอ็ดดี้ บาดแผลเริ่มผสานกันอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่งมันก็กลับมาเป็นผิวเรียบลื่นเหลือเพียงรอยสีชมพูที่แสดงให้เห็นว่าตรงนี้เคยมีบาดแผลฉกรรจ์เกิดขึ้นมาก่อน
-------------------------------------
ไม่ต้องฟินกับประโยคนี้ “เอ็ดดี้! เจ้าตื่นขึ้นมาหาข้าเดี๋ยวนี้!" เอ็ดดี้กับเร็ทท์ไม่ได้มีอะไรกันนะคะ55555 จริงๆมันอารมณ์ประมาณว่า " เอ็ดดี้! แม่มึงสิลุกขึ้นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้!" แต่มันก็ดูจะหยาบไปหน่อยก็เลยทำให้มันซอฟลง555555555
ปล ขอโทษที่หายนานเราไปต่างจังหวัดมาค่าาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#6788ไอโอนาสไม่ใช่พระเอกเหรอคะ?
บางทีชายที่ดูเหมือนอายุยี่สิบคนนี้จริงๆอาจจะไม่เด็กขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นคนที่นายคิดว่าเป็นนายน้อยควรจะอายุเท่าไหร่ดีล่ะ5555
เราคิดมากเกินไปสินะ โถ่คุณไรท์ เกือบแล้ววว
ว้า ความแตกต่างนี้ช่างมากเกินไป
ไรท์ไม่น่าเบรกเลย กำลังฟิน 5555+