ตอนที่ 65 : Chapter 63
Chapter 63
ก็อบลินก็เหมือนมังกรที่ไม่ได้เห็นพวกมันปรากฏตัวบนแผ่นดินใหญ่มานานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคนแคระในเหมืองยืนกรานว่าเห็นก็อบลิน ผู้คนบนแผ่นดินใหญ่งคงคิดว่ามอนสเตอร์สีเขียวตัวจิ๋วพวกนั้นสูญพันธุ์ไปแล้ว
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ ตั้งแต่ยุคของเทพเจ้าก็อบลินก็ไม่ได้ติดต่อกับเผ่าอื่นอีกต่อไป ว่ากันว่าพวกมันสร้างอาณาจักรใต้ดินขนาดใหญ่ใต้เทือกเขาหิน แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นตำนานที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
ก็อบลินหายตัวไปตั้งนานแล้ว แล้วของของก็อบลินมาอยู่ในกองสมบัติของไอโอนาสได้อย่างไร ถ้าลู่เหิงไม่เคยเห็นตราประจำแผ่นดินของเผ่าก็อบลินในบันทึกของพระสันตะปาปา เขาคงนึกไม่ถึงว่าของแปลก ๆ นี้มาจากมอนสเตอร์สีเขียวตัวจิ๋วเหล่านั้น
ถ้าอยากได้คำตอบของคำถามนี้ก็คงมีแต่ต้องถามเจ้าของของมัน ลู่เหิงก้าวออกมาจากวิหาร แล้วจึงเห็นเนินเขาสีทองนอนอยู่หน้าประตูวิหาร บนหลังของเนินเขานั้นขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ลู่เหิงเห็นแบบนั้นก็รับรู้ทันทีได้ว่าเจ้ามังกรทองหลับไปอีกแล้ว ลู่เหิงนำผลไม้สีม่วงแดงออกมาและบดมันใกล้ ๆ รูจมูกของมังกร นี่คือสิ่งที่ไอโอนาสมอบให้เขา มันบอกว่าเผ่ามังกรเกลียดกลิ่นของผลไม้เป็นอย่างมาก หากพวกมันได้กลิ่นจะตื่นขึ้นมาทันทีแม้จะหลับลึกแค่ไหนก็ตาม
เห็นรูจมูกของมังกรขยับ ลู่เหิงจึงขยับไปด้านข้าง การจามอย่างรุนแรงทำให้ใบไม้หลายใบด้านข้างปลิวไปหมด ผลลัพธ์ที่ได้จากผลไม้นั้นเห็นผลอย่างฉับพลัน มังกรที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่จามเสร็จ มันมองลู่เหิงแล้วเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์
“เจ้าสวดภาวนาเสร็จแล้วหรือ? เยี่ยม พวกเราจะได้ไปนอนต่อสักที”
แล้วเมื่อกี้นายทำอะไร? ลู่เหิงบ่นในใจ มังกรตัวนี้ขี้เกียจจริง ๆ ดูเหมือนมันจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากนอนทั้งวัน เก็บสะสมสมบัติเพียงเพราะจะทำเป็นเตียงให้นอนสบาย แต่เมื่อเห็นไอโอนาสถูจมูกไม่หยุด เขาจึงเอ่ยถาม “ท่านไม่สบายหรือ?”
“อืม” ไอโอนาสถูจมูกจนแดง “กลิ่นผลไม้ลูกนั้นกระตุ้นประสาทพวกเราเผ่ามังกรมากไปหน่อย”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงมอบผลไม้ลูกนี้ให้เราเล่า?” ลู่เหิงอดถามไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูรู้สึกไม่ดีนัก
“ข้ากลัวว่าจะเกิดเหตุอย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน อย่างที่รู้การปลุกมังกรที่หลับเป็นเรื่องยากมาก”
“เราสามารถใช้เวทแสงเหมือนคราวก่อนได้” ลู่เหิงพูด
“เอสมอนด์ตายไปแล้ว เพราะงั้นเก็บพลังแห่งแสงของเจ้าไว้เถอะ มีอะไรที่เจ้าอยากทำหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็กลับไปนอนกันเถอะ” ไอโอนาสไม่ได้สนใจกลิ่นที่ทำตัวเองแสบตั้งแต่จมูกยันดวงตา ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไปบนกองสมบัติแล้วนอนกอดสมบัติของเขาไว้เท่านั้น
ในใจของลู่เหิงสั่นไหว พฤติกรรมแบบนี้ที่ยอมให้ตัวเองเจ็บหรือรู้สึกไม่ดีดีกว่ายอมปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อยดูคุ้นมากจริง ๆ
“ขออภัย แต่เรามีบางอย่างต้องขอให้ท่านช่วย” เห็นดวงตาของไอโอนาสระคายเคืองและแดงเล็กน้อย แสงสีขาวบนนิ้วของลู่เหิงพลันเปล่งแสง ก่อนที่เขาจะสัมผัสจมูกของไอโอนาสอย่างอ่อนโยน
ไอโอนาสรู้สึกว่าอาการระคายเคืองหายไปอย่างฉับพลัน “เจ้านี่เป็นปัญหาจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะ เจ้าแห่งมังกรไม่ถือสากับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก”
เมื่อชินกับวิธีการพูดของมังกร ลู่เหิงจึงรู้ว่าอีกฝ่ายตกลงแล้ว ดังนั้นจึงนำสิ่งของ ๆ ก็อบลินออกมา “ขออภัยแต่กล่องใบนี้มาจากที่ใดหรือ?”
ไอโอนาสหยิบมันมาดูอยู่ครู่ใหญ่ เขาคิดว่ามันแปลกสุด ๆ เขาจะเก็บของแบบนี้ไว้ได้อย่างไร มันเป็นสีดำและไม่มีความแวววาวแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่ของที่ควรจะเตะตาเจ้าแห่งมังกรเลยสักนิด เขาคงเผลอยัดมันใส่ในคลังสมบัติของเขาโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ดี มันน่าจะซ่อนอยู่ใต้กองสิ่งของเหล่านั้น
“มันอยู่ในซากปรักหักพัง” ไอโอนาสเอ่ย “ตอนนั้นมังกรหลายตัวพบซากปรักหักพังบนเกาะมังกรและต่อสู้กันจนนองเลือดเพื่อแข่งกันว่าใครจะได้กองสิ่งของนี้ไป เพื่อที่จะรักษาความสงบของเผ่ามังกร ข้าจึงทุบตีพวกมันทั้งหมดแล้วเก็บกองสิ่งของนี้ไว้ในคลังสมบัติของข้า”
ลู่เหิงตะลึงกับวิธีแปลกประหลาดและดิบเถื่อนในการรับมือกับข้อพิพาทของเจ้าแห่งมังกร เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “เราอยากเห็นซากปรักหักพังนั่น”
ณ สุดขอบของเกาะมังกรมีซากวิหารตั้งอยู่ ตอนที่เกาะมังกรแยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่ วิหารนี้อยู่บนเส้นแบ่งพอดีทำให้ครึ่งหนึ่งของวิหารลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมเกาะมังกร ส่วนอีกครึ่งยังคงอยู่บนพื้นดิน
หมื่นปีผ่านไปภายใต้การกัดเซาะของกาลเวลา ครึ่งหนึ่งของวิหารจึงถูกปกคลุมด้วยวัชพืช ทว่าปกติวิหารมักจะสร้างขึ้นจากหินที่แข็งที่สุด ครึ่งหนึ่งของวิหารแห่งนี้จึงยังไม่พังทลายและโครงสร้างก็ยังค่อนข้างสมบูรณ์ มีเพียงเสาซึ่งแกะสลักอย่างสวยงามที่บรรยายความรุ่งโรจน์ของวิหารในอดีต
มังกรทองตัวใหญ่บินมาจากระยะไกลก่อนจะลงจอดบนพื้นที่โล่งหน้าวิหาร ทันทีที่แตะพื้น กรงเล็บมังกรที่กำเหนือหน้าอกอย่างระมัดระวังจึงคลายออก และร่างของนักบวชในชุดคลุมก็กระโดดลงมา
หนึ่งคนหนึ่งมังกรแน่นอนว่าต้องเป็นลู่เหิงและไอโอนาส
เห็นลู่เหิงมองสำรวจวิหารด้วยความตั้งอกตั้งใจ ไอโอนาสพลันตระหนักได้ว่าคนคนนี้คือพระสันตะปาปาแห่งแสง วิหารแห่งนี้เป็นสมบัติของพระสันตะปาปาแห่งแสง แต่เขากลับทำลายทรัพย์สมบัติของคนอื่นไปครึ่งหนึ่ง
“ตอนที่เกาะมังกรถูกยกขึ้น วิหารแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างแล้ว ขอโทษจริง ๆ ที่ทำลายของของเจ้า” ไอโอนาสอธิบายด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย หลังจากพูดจบ เขาพลันรู้สึกว่าการขอโทษจะจริงใจก็ต่อเมื่อมองตาของอีกฝ่าย เขาจึงหมอบลงและจ้องตาลู่เหิงด้วยนัยน์ตาขีดสีทอง
ลู่เหิงตบไอโอนาสเบา ๆ แล้วบอกว่าเขาไม่ได้ถือโทษ “เราอยากเข้าไปดูข้างใน”
“ข้าจะไปกับเจ้า” ไอโอนาสเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ เขาไม่อยากทิ้งสมบัติของเขาถ้าไม่จำเป็น
ทางเดินหน้าวิหารส่วนมากเสียหาย ส่วนที่เหลือก็ถูกปกคลุมด้วยวัชพืชแน่นหนาจนไม่สามารถเข้าไปได้ ลู่เหิงต้องใช้วิชาลอยตัวเพื่อเข้าไปในวิหารที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวนี้
ทันทีที่เข้ามาในวิหาร ลู่เหิงสามารถระบุอายุของวิหารจากเทคนิคการวาดภาพบนโดม นี่เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายของยุคเทพเจ้า วิหารที่สร้างขึ้นในยุคนั้นและม้วนภาพวาดทั้งหมดล้วนมีฉากเทพเจ้านำเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เข้าร่วมสงคราม
ใช่ ในการต่อสู้ครั้งแรกกับอันเดด อาณาจักรแห่งเทพยังไม่มีจริง เหล่าเทพหลายองค์ซึ่งอยู่ในกองกำลังแห่งแสงทั้งหมดอาศัยอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ และเทพเจ้าหลายองค์ก็ปกครองแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ ต่อมาเทพของกองกำลังแห่งความมืดได้รุกรานแผ่นดินใหญ่ด้วยกองทัพอันเดด เทพเจ้าแห่งแสงจึงลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เพื่อนำเผ่าพันธุ์ทั้งหลายต่อต้านกองทัพอันเดด
ด้วยความพยายามร่วมกันของเหล่าเทพและสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินใหญ่ กองทัพอันเดดจึงถูกเนรเทศไปยังดินแดนแห่งความตาย ทว่าแผ่นดินใหญ่ได้รับความเสียหายหนักเกินกว่าจะรองรับพลังอันยิ่งใหญ่ต่อไปได้ เพื่อป้องกันการล่มสลายของแผ่นดินใหญ่ เหล่าทวยเทพจึงร่วมกันสร้างอาณาจักรแห่งเทพและร่วมกันร่างข้อตกลงว่าต่อไปจะไม่สามารถใช้ร่างเทพบนแผ่นดินใหญ่ได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาร่างของเทพเจ้าจึงหายไปจากแผ่นดินใหญ่ และการสิ้นสุดของยุคเทพเจ้าก็ได้ถูกวาดลงไปทั่วทุกเผ่าพันธุ์บนแผ่นดินใหญ่ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเจ้าของแผ่นดินใหญ่แล้ว
“ไอโอ ท่านรู้เกี่ยวกับยุคเทพเจ้าโดยละเอียดหรือไม่?” อายุของเจ้าแห่งมังกรด้านหลังเขาน่าจะผ่านยุคนั้นมาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ตามเทพพวกนั้นไปอาณาจักรแห่งเทพ แต่อยู่ในร่างครึ่งเทพบนแผ่นดินใหญ่แทน
“หา?” ไอโอนาสที่กำลังจ้องใบหน้าด้านข้างของลู่เหิงอย่างเหม่อลอย หลังจากได้ยินเสียงลู่เหิงจึงค่อยได้สติ “เรื่องเป็นแบบนี้ ข้ากำลังหลับอยู่ตอนที่กองทัพอันเดดรุกราน จากนั้นตอนที่เอสมอนด์และคนอื่น ๆ จะจากไป พวกเขามาที่อาณาเขตนี้เพื่อตามหาข้า ข้าจึงตื่นขึ้นมา”
ลู่เหิงพอจะรู้แล้วว่าทำไมเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดถึงไม่เข้าร่วมในสงครามตอนที่อันเดดบุก เพราะผู้นำของพวกเขาหลับไม่ได้สติ เมื่อปราศจากคำสั่งของผู้นำ เผ่ามังกรจึงไม่แยแสต่อเรื่องของเผ่าอื่น กองทัพอันเดดไม่สามารถรุกรานเผ่ามังกรได้ ดังนั้นจึงไม่มีมังกรตนใดเข้าร่วมสงคราม
เห็นสีหน้าของลู่เหิง ไอโอนาสพลันรู้สึกว่าสิ่งที่ตนพูดเมื่อกี้ช่างเสียชื่อเจ้าแห่งมังกรเสียจริง เขาไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าสมบัติของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบอกความลับกับลู่เหิง “เจ้าแห่งมังกรไม่เคยกลัวการต่อสู้ แต่...”
“หืม?” ลู่เหิงได้ยินไอโอนาสเงียบไปครู่หนึ่ง
ไอโอนาสมีสีหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร “เจ้าแห่งมังกรมาที่โลกนี้เพื่อรอบางสิ่งบางอย่าง สัญชาตญาณของข้าบอกข้าแบบนั้นตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นไข่ แต่ช่วงเวลาแห่งการรอคอยยาวนานเกินไป ข้าจึงทำได้เพียงนอนหลับเพื่อให้เวลาผ่านไป”
“ท่านเป็นเทพเจ้าของเผ่ามังกร แล้วท่านอยู่บนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างไร?” ในใจลู่เหิงเข้าใจทุกอย่างดีเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาเกรงว่าเจ้าแห่งมังกรจริง ๆ แล้วคงจะเป็นเทพของเผ่ามังกร แต่เขากลับอยู่บนแผ่นดินใหญ่ในสภาพครึ่งเทพ นี่คงเป็นราคาที่ต้องจ่าย
“เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่จะสร้างปัญหาให้กับเจ้าแห่งมังกรผู้ฉลาดปราดเปรื่องและเก่งกาจได้อย่างไร ก็แค่ทำลายความเป็นเทพของตนเสียก็จบ” ไอโอนาสแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ แต่เขากลับไม่ได้รับสายเทิดทูนของลู่เหิง แต่กลับเห็นนัยน์ตาของคนตรงหน้าหดแคบลงและจับมือเขาด้วยความกังวล
“ได้โปรดอนุญาตให้ข้าตรวจสอบ” ลู่เหิงอธิบายด้วยความกังวลและส่งเวทแสงเข้าไปในร่างของไอโอนาส เป็นเขาจริง ๆ โชคดีที่ธรรมชาติของมังกรร่างกายแข็งแรง การทำลายความเป็นเทพจึงไม่ได้ทิ้งความเสียหายใด ๆ ไว้ในตัวไอโอนาส
ถึงแม้อัตราการไหลของเวลาระหว่างโลกจะแตกต่างกัน แต่ลู่เหิงคาดไม่ถึงว่าคราวนี้ซื่อคงจะมาถึงโลกนี้เร็วขนาดนี้ หลังจากหลายหมื่นปีแห่งการรอคอย ทั้งยังไม่รู้ว่ากำลังรออะไร ปราศจากทิศทางปราศจากจุดสิ้นสุด นี่อาจทำให้วิญญาณทรมานจนเป็นบ้าไปเลยก็ได้ แต่เขาก็ยังยืนอยู่ตรงนี้
“แต่ไม่เป็นไรหรอก ข้ารอจนได้รับสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดมาแล้ว โชคดีที่ข้าไม่โดนเอสมอนด์หลอกให้ไปสู่อาณาจักรเทพตอนนั้น” ไอโอนาสเห็นความเสียใจและความยินดีบนใบหน้าลู่เหิง เขาพลันรู้สึกว่าเขาควรพูดบางอย่างให้ลู่เหิงมีความสุข ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติจะงดงามที่สุดก็ต่อเมื่อพวกมันเปล่งประกายระยิบระยับ
ลู่เหิงมองใบหน้าพึงพอใจอย่างถึงที่สุดของไอโอนาส เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าอีกฝ่าย
ไอโอนาสที่ถูกลู่เหิงสัมผัสเป็นครั้งแรกทั้งร่างคล้ายถูกจุดไฟ เขาฉวยโอกาสนี้กอดลู่เหิงไว้ อืม ร่างมนุษย์ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกดีกว่าเวลากอด ไอโอนาสตัดสินใจกอดสมบัติหลับไปในร่างมนุษย์
ลู่เหิงชักมือกลับและกอดอีกฝ่ายแน่น ทั้งสองดื่มด่ำช่วงเวลาที่แสนอบอุ่น
สิบนาทีผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ไอโอนาสก็ยังไม่ปล่อย แต่เขายังมีธุระต้องทำ ลู่เหิงอยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอข้างหูขึ้นเสียก่อน
เจ้าแห่งมังกรตนนี้หลับขณะที่ยังยืนอยู่?
------------------------------------------------------
ทำไมพระเอกโผล่มาเร็ว เราจะไม่โดนนักเขียนแกงกันใช่มั้ย มันดูแฮปปี้แปลกๆ 5555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เขินโลกนี้เจอเร็ว
แต่จะมาหลับทั้งยืนแบบนี้ไม่ด้ายยยย