ตอนที่ 57 : Chapter 54
Chapter 54
ลู่เหิงพลิกตัว กระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วคว้าแขนฉินอี้ “รีบขับไล่ปราณปีศาจเร็ว”
ฉินอี้นั่งขัดสมาธิและหลับตาโคจรปราณ หมอกสีดำที่แพร่จากใบหน้าลามลงไปที่คออย่างเชื่องช้า มันช้าลงไปหนึ่งวินาทีแต่ก็ยังแผ่ขยายต่อไป
ลู่เหิงตะลึงแล้วนั่งหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายทันที ก่อนจะวางมือลงบนตันเถียนของฉินอี้ “ผมช่วยคุณเอง”
ทว่าความพยายามของลู่เหิงกลับไร้ประโยชน์ หมอกสีดำแค่เพียงช้าลง แต่มันยังไม่หยุดเคลื่อนไหว เมื่อกี้แหล่งพลังชีวิตของลู่เหิงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ตอนนี้เขาต้องใช้พลังวิญญาณของตัวเองกดมันไว้อย่างสุดความสามารถ เขาสัมผัสได้ถึงรสคาวหวานในปากก่อนที่มันจะไหลลงมาจากมุมปาก
ลู่เหิงรู้สึกได้ว่ามือของเขาถูกจับไว้ ก่อนแรงที่อ่อนโยนและมั่นคงจะเคลื่อนมันออกจากตันเถียนของฉินอี้
ลู่เหิงลืมตาและเห็นสีหน้าอ่อนโยนของฉินอี้ “ศิษย์พี่ ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันรู้สึกได้ว่าพลังปีศาจครั้งนี้แตกต่างจากซอมบี้ปกติ มันน่าจะเป็นปีศาจเหมือนกัน พลังฝึกตนของพวกเราไม่พอจะต่อต้านหรอก”
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของฉินอี้ถูกปกคลุมด้วยเลือด หมอกสีดำพัวพันรอบบาดแผลที่สาหัส ทั้งตัวอีกคนดูย่ำแย่ ทว่ารอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับดูนุ่มนวลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตาจดจ้องด้วยความรู้สึกล้ำลึกด้วยอยากจะจดจำคนรักของตัวเองเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย
ลู่เหิงไม่ตอบแล้วดึงฉินอี้ขึ้น
“คุกเข่า!”
ฉินอี้มองท่าทางเฉียบขาดราวสายฟ้ารวดเร็วราวสายลมของลู่เหิงและขยับตามคำสั่งของเขาด้วยความคิดว่างเปล่า
“พูดตามผม” ลู่เหิงพูด “ขอสวรรค์เป็นพยาน วันนี้ข้าอวิ๋นหลานและฉินอี้จะกลายเป็นคู่ซวงซิว จากนี้เป็นต้นไปพวกเราจะจับมือกันเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกตนไปด้วยกัน”
ฉินอี้พูดตามอย่างโง่งม
ลู่เหิงดึงฉินอี้ไปด้านข้างของต้นไม้ใหญ่ “วางค่ายกลซ่อนตัวไว้ใต้ต้นไม้”
ฉินอี้ทำตาม
จากนั้นลู่เหิงก็โอบเอวฉินอี้ ทั้งสองกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่หนาที่สุดด้วยกัน
จนกระทั่งลู่เหิงเริ่มถอดกางเกงของฉินอี้เขาถึงได้สติ “ศิษย์ ศิษย์พี่?”
“แค่การฝึกตนมันไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องใช้วิธีที่เร็วที่สุดในการบรรลุวิถีฝึกตน”
ณ เวลานี้แม้จะไม่เข้าใจมาก แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ฉินอี้คว้าเอวลู่เหิงและจับอีกฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อมเอวตนเอง
แกนคริสตัลหลายอันบนพื้นที่ใช้สร้างค่ายกลซ่อนตัวค่อย ๆ เรืองแสง แต่ไม่ช้าแสงนั้นก็ถูกใบไม้ที่ร่วงลงมาราวกับห่าฝนกลบฝังอย่างรวดเร็ว
ฐาน W
คนสองคนยืนอยู่เหนือหอคอยสูง ชายคนหนึ่งหล่อเหลาและสุภาพ อีกคนผิวขาวงดงาม
“ทำไมพี่อี้กับเสี่ยวมู่ถึงยังไม่กลับมาอีก” มู่เฟยมองรอบ ๆ อย่างเป็นกังวล เขาอยากตามฉินอี้และลู่เหิงไปปราบราชาซอมบี้ด้วยแต่ถูกปฏิเสธ ลู่เหิงบอกว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะตามความเร็วของพวกเขาได้ทัน
ภายใต้ความสิ้นหวัง มู่เฟยมาที่หอคอยนี้ตั้งแต่วันที่พวกเขาออกไป หวังจะได้พบพวกเขาทันทีพวกเขาที่กลับมา ตั้งแต่เมื่อวานคลื่นซอมบี้ค่อย ๆ ลดน้อยลง และมู่เฟยก็รู้ได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นเพราะฉินอี้ของพวกเขาทำสำเร็จแน่นอน
“อาจจะมีบางอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น” เจียงซือเล่อกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เสี่ยวเล่อ! นายพูดบ้าอะไร!”
“โอ้ ตอนพวกเขาออกไป ฉันลืมบอกพวกเขาบางอย่าง” เจียงซือเล่อยักไหล่ “ราชาซอมบี้เป็นปีศาจฝาแฝดที่หาได้ยาก ถ้าไม่ระวังอาจจะถูกพลิกกลับก็ได้”
“เจียงซือเล่อ! นายบ้าไปแล้ว!” มู่เฟยเริ่มโมโหเมื่อทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน
เจียงซือเล่อซ่อนใบหน้าเอาไว้ ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน มู่เฟยคิดว่าอีกฝ่ายเสียใจและกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน ใบหน้างดงามนั้นถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งความยินดี กระทั่งรอยยิ้มมุมปากยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ความกลัว ความโกรธ ความเจ็บปวดนี่มันอร่อยจริง ๆ คนพวกนั้นที่ติดค้างฉัน ความเจ็บปวดพวกนั้นที่ฉันได้รับจะถูกสนองคืนทีละคน ๆ !
มู่เฟยเองก็เห็นว่าเจียงซือเล่อผิดปกติไป แต่มันต่างจากสถานการณ์ตอนที่กลายเป็นปีศาจครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง รูปลักษณ์ของเจียงซือเล่อไม่มีอะไรผิดปกติ ริมฝีปากยังแดงและฟันยังขาว ยังดูเหมือนลูกคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย
“นาย นายไม่ใช่เจียงซือเล่อ” มู่เฟยก้าวถอยหลังและตั้งท่าป้องกัน
“แน่นอนฉันคือเจียงซือเล่อ พี่มู่เฟย นายพูดแบบนั้นฉันเสียใจนะ” เจียงซือเล่อเลิกคิ้วอย่างเย้ยหยัน “เวลาที่เสียใจฉันจะอยากระบายอารมณ์บางอย่างออกมา”
เจียงซือเล่อก้าวมาข้างหน้า ใบหน้างดงามที่เข้ามาใกล้มู่เฟย เลียกลีบปากของเขาอย่างแผ่วเบา “บอกซิว่าผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจะถูกฆ่าในฐานนี้เป็นที่ระบายอารมณ์ที่เหมาะหรือเปล่า?”
เจียงซือเล่อทำลายเถาวัลย์ที่ผุดขึ้นมาจากพื้น และมัดมู่เฟยอย่างแน่นหนาด้วยโซ่สีดำที่ปรากฏขึ้นมาบนอากาศ
“พี่มู่เฟย มองดูให้ดี ๆ ล่ะ นี่คือผลกรรมจากน้ำมือของนาย” เจียงซือเล่อเดินลงจากหอคอยด้วยรอยยิ้ม
หลังจากลงมาจากหอคอย เจียงซือเล่อยืนนิ่งอยู่กับที่ เนื่องจากเขาเห็นคนสองคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่
ชายที่ยืนตรงหน้ามีผ้าพันแผลพันครึ่งหน้า เหลือแต่ตาขวาที่โผล่ออกมาซึ่งดูคล้ายดาบที่แหลมคมและดุดัน ชายที่อยู่ข้างหลังถือดาบไว้ในอ้อมแขน ถ้าดูใกล้ ๆ จะเห็นว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งเกร็ง ทั้งร่างคล้ายอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมตอบสนอง
ทั้งสองคนย่อมต้องเป็นฉินอี้และลู่เหิง
ครั้งนี้ฉินอี้ยังมีความโชคดีในความโชคร้าย ไม่เพียงแต่ขับไล่ปราณปีศาจในร่างกายออกไปได้ แต่การฝึกตนยังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กระทั่งเกราะป้องกันรอบนอกของค่ายกลที่เคยทำให้เขามึนงงยังตอบสนองต่อเสียงและถูกทำลายลง
พลังวิญญาณและพลังปีศาจก่อให้เกิดกันและกัน คล้ายเงาที่อยู่ใต้แสงไฟ และขี้เถ้าที่เกิดหลังเปลวเพลิงลุกโชน
บนผนังภายในแกนคริสตัลของซอมบี้ สิ่งที่สลักคือค่ายกลที่เปลี่ยนพลังปีศาจให้เป็นพลังวิญญาณ ส่วนเรื่องที่ว่าค่ายกลนี้ปรากฏบนผนังภายในแกนคริสตัลได้อย่างไร ฉินอี้ได้เอ่ยถามลู่เหิง
ถึงแม้ลู่เหิงจะไม่แน่ใจนัก แต่ก็พูดความคิดของตัวเองออกมา โลกนี้มีสติปัญญาและตอนนี้พลังปีศาจจากต่างโลกได้รุกรานไปทั่วทั้งโลก โลกที่มีสติปัญญาแบบนี้คงไม่นั่งรอความตายอยู่เฉย ๆ เพื่อพยายามทำให้โลกนี้ปรับตัวให้เข้ากับโลกปีศาจ ค่ายกลสับเปลี่ยนนี้บางทีอาจเป็นการกระทำเพื่อเอาตัวรอดของโลกใบนี้
เจียงซือเล่อแค่หยุดชะงักและไม่นานก็พูดออกมา “กลับมาได้? อุตส่าห์คิดว่าปีศาจระดับต่ำจะรั้งพวกนายไว้ได้เสียอีก ยังไงก็เถอะผู้คนในโลกนี้อ่อนแอชะมัด”
“นายไม่ใช่เจียงซือเล่อ” ฉินอี้พูด
“ใครบอกว่าฉันไม่ใช่เขา ฉันคือความเกลียดชัง ความโกรธ ความอิจฉา ความสิ้นหวังของเจียงซือเล่อ แล้วทำไมฉันจะไม่ใช่เจียงซือเล่อ” เจียงซือเล่อยักไหล่
ตอนนี้ปีศาจตัวนี้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจียงซือเล่อแล้ว และก็ไม่อยากแสร้งทำเป็นตัวเขาอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมันกินความคิดชั่วร้ายจนอิ่มแล้ว พลังก็กลับคืนมามากกว่าครึ่ง นอกจากเจียงซือเล่อแล้วยังต้องขอบคุณคนที่ชื่อซ่งโหย่วเหรินที่ป้อนอาหารมื้อใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความเกลียดชังให้มันด้วยจริง ๆ
ฉินอี้และลู่เหิงมองตากัน
ฉินอี้พยักหน้าเล็กน้อย ลู่เหิงรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงให้ทำตามแผน เจียงซือเล่อหมดความอดทน เขากำนิ้วทั้งห้า เล็บมือยาวขึ้นหลายนิ้ว ขาขวาถูกรั้งไปข้างหลัง แผ่นหลังโค้งงอเล็กน้อย ถึงแม้จะถูกปกคลุมด้วยผิวหนังของมนุษย์ การเคลื่อนไหวของปีศาจตัวนี้ก็ยังไม่สามารถซ่อนร่องรอยของความเป็นอมนุษย์ได้อยู่ดี
เมื่อเห็นขาขวาย่ำลง มันก็กลายเป็นภาพติดตาพุ่งออกมาทันที เล็บของปีศาจคืออาวุธของมันซึ่งแข็งยิ่งกว่าเหล็กใด ๆ
ลู่เหิงจับดาบไว้ในมือขวา มือซ้ายชูนิ้ว* หลังจากที่การฝึกตนก้าวกระโดด ลู่เหิงก็ไม่จำเป็นต้องใช้เลือดของตัวเองในการกระตุ้นตี๋เฉินอีก เพียงแค่ต้องถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปเท่านั้น เมื่อตี๋เฉินปรากฏสีดำมืด เงาสีทองพลันปรากฏขึ้นเหนือใบดาบ
ทันทีที่เจียงซือเล่อเข้ามาใกล้ลู่เหิง เงาเหนือดาบตี๋เฉินพลันลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะแยกเป็นสองส่วนและจากสองเป็นสี่ เงาดาบสีทองหนาแน่นพุ่งไปที่ปีศาจอย่างต่อเนื่อง

ร่างเจียงซือเล่อถอยหลังอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังถูกเงาดาบบาดแก้ม บาดแผลปริออกแต่กลับไม่มีเลือดไหล มีแต่เป็นหมอกสีดำที่ซึมออกมา
“เห” เจียงซือเล่อลูบบาดแผลด้วยมือ ก่อนบาดแผลจะถูกรักษาอย่างเชื่องช้า “พัฒนาขึ้นนี่”
ทันทีที่พูดจบ ฝูงอีกาเพลิงพลันตอบสนอง อีกาเพลิงสีขาวทองบินล้อมอยู่กลางอากาศแล้วโจมตีเจียงซือเล่อ เจียงซือเล่อไม่หลบและเปิดปากพ่นหมอกสีดำออกมา หมอกสีดำกลายเป็นฝูงค้างคาวบนอากาศพุ่งไปเผชิญหน้ากับฝูงอีกาเพลิง
ตู้ม–
ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางอากาศ กำจัดกันและกัน ทิ้งไว้เพียงควันสีขาวที่ขโมงขึ้นมา ในควันสีขาวปลายดาบสีทองเรืองแสงเล็กน้อย ในที่สุดเจียงซือเล่อก็ไม่สามารถหลบหนีได้และถูกตี๋เฉินตัดแขนซ้ายไปครึ่งหนึ่ง
ลู่เหิงโจมตีได้สำเร็จและถอยออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงกรงเล็บแหลมคมที่ตามมาติด ๆ เจียงซือเล่อที่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าไม่ได้รู้สึกรำคาญ ชักมือกลับและจับบาดแผลที่แขนซ้าย เมื่อก้มมองบาดแผล หมอกหนาสีดำพลันปรากฏขึ้นมา หลังจากที่หมอกดำนั้นหายไป แขนซ้ายก็กลับมาติดกันเหมือนเดิมอีกครั้ง
“แปลกใจใช่ไหม?” ปากเจียงซือเล่อบิดเป็นรอยยิ้ม “ตราบใดที่ยังมีพลังปีศาจในโลกนี้ พวกนายไม่มีวันฆ่าฉันได้”
ลู่เหิงไม่ได้ตอบอีกฝ่าย ตี๋เฉินโคจรกลางอากาศเป็นอันหนึ่งกันเดียวกับสายลมสายฟ้า ในพริบตาก็พุ่งไปจู่โจมอีกครั้ง นอกจากนี้ฉินอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ยังให้ความช่วยเหลือโดยการใช้ไฟในการป้องกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีฝีมือพอ ๆ กัน
ทว่าปีศาจตัวนี้มีพลังปีศาจให้เติมไม่จำกัด ในขณะที่ฉินอี้และลู่เหิงเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้
ลู่เหิงและอีกคนไม่ใช่พวกสะเพร่า พวกเขาจะไม่เตรียมตัวเผชิญหน้ากับปีศาจที่ระดับสูงกว่าซึ่งมักจะอยู่ติดกับเจียงซือเล่อและเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร ตอนที่เจียงซือเล่อและลู่เหิงพัวพันกัน ความรู้สึกเจ็บจี๊ดในสมองพลันทำให้ร่างแข็งทื่อ เป็นการโจมตีทางจิตสัมผัสของฉินอี้นั่นเอง
จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ ข้อมือของลู่เหิงสั่นระริก ตี๋เฉินทะลุช่องท้องของปีศาจ
เจียงซือเล่อแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ก็บอกนายแล้วว่าไม่มีประโยชน์”
เจียงซือเล่อจับดาบตี๋เฉินด้วยมือขวา ไม่สนว่าฝ่ามือของตนจะถูกสายฟ้าย่างเกรียม ลู่เหิงไม่สามารถต่อต้านพละกำลังนี้ได้ ได้แต่มองตี๋เฉินถูกอีกฝ่ายดึงออกมาจากช่องท้องทีละนิด ๆ อย่างทำอะไรไม่ได้
เวลานั้นเอง ในที่สุดลู่เหิงก็กล่าวออกมาเป็นประโยคแรก “คุณน่ารำคาญชะมัด”
ทันทีที่พูดจบ ฉินอี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากด้านหลังลู่เหิง ปลายนิ้วเรียวที่คีบแกนคริสตัลขนาดเท่าลูกท้อไว้แทงเข้าไปในช่องท้องของเจียงซือเล่อ ทว่าคาดไม่ถึงว่าแกนคริสตัลหายไปกลางอากาศแบบนี้
จี้หยกของเจียงซือเล่อซึ่งเดิมทีเป็นสื่อกลางในการเข้าไปในพื้นที่มิตินั้นไม่ใช่สิ่งธรรมดาสามัญ จี้หยกนี้สามารถให้กำเนิดพลังวิญญาณได้แล้ว เมื่อกี้ตอนที่ลู่เหิงแทงเข้าไป วิถีดาบพลันถูกพลังทำลายอันไม่มีที่สิ้นสุดโอบล้อม ไม่นึกว่าจี้หยกนี้จะเปิดพื้นที่มิติเพื่อให้หลบหนีจากภัยคุกคามเข้าไปอยู่ข้างใน
ฉินอี้ฉวยโอกาสนี้ก่อนที่รอยแยกของมิติจะหายไปยัดแกนคริสตัลที่ได้จากสมองของราชาซอมบี้เข้าไป แน่นอนว่ามันย่อมไม่ใช่แกนคริสตัลธรรมดาแต่เป็นค่ายกลย้อนกลับที่ฉินอี้ซึ่งผ่านบทเรียนขั้นต้นมาแล้วเขียน
รอยแยกที่ยังไม่หายไปจู่ ๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นพลังวิญญาณก็ระเบิดออกมา มิติลึกลับนี้พลันปรากฏขึ้นเหนือฐานทัพ
โลกใบเล็กอีกใบปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างกลับหัวกลับหาง ดังนั้นทุกคนที่อยู่ข้างล่างจึงสามารถเห็นโลกใบเล็กนี้ได้อย่างชัดเจน เหนือความโกลาหลสีเทาปรากฏพื้นดินแห้งแล้งขนาดเล็กลอยอยู่ บนเกาะเล็ก ๆ นั้นไม่มีสิ่งมีชีวิต พื้นดินแตกเป็นหุบเขาลึกคล้ายบาดแผลที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างน่าเกลียด
ฉินอี้จำได้ทันทีที่เห็น กึ่งกลางพื้นดินนั้นคือค่ายกลขนาดใหญ่ อย่างที่พวกเขาเคยคาดเดา นี่คือเก้าค่ายกลสับเปลี่ยนที่สนับสนุนกันและกัน ตรงหน้าคือแกนคริสตัลสีเขียวมรกตทรงสี่เหลี่ยมขนาดหนึ่งฉื่อ ถ้าไม่ใช่ต้นกำเนิดพลังวิญญาณที่ถูกขโมยไปของสำนักคุรุเทพจะเป็นอะไรไปได้อีก
พลังวิญญาณที่หลั่งไหลออกมาจากต้นกำเนิดพลังวิญญาณกำลังกลายเป็นพลังปีศาจด้วยค่ายกลนี้ หัวใจสีดำลอยอยู่เหนือต้นกำเนิดพลังวิญญาณ หัวใจสีดำราวกับน้ำหมึกดวงนั้นยังคงเต้นตุบ ๆ หากมองชัด ๆ จะเห็นว่าผิวเนื้อรอบ ๆ นั้นกำลังเติบโตอย่างช้า ๆ
หัวใจของปีศาจ ปีศาจตัวนี้หลบซ่อนอยู่ในตัวเจียงซือเล่อมาเนิ่นนานเพื่อสร้างความวุ่นวายทั้งหมด และในที่สุดมันก็เผยร่างที่แท้จริง หลังจากที่ปีศาจตัวนี้สร้างหัวใจขึ้นมาใหม่ได้ หากใช้เวลานานกว่านี้น่ากลัวว่าร่างกายก็จะได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์เช่นกัน หากปีศาจระดับสูงถูกคืนชีพขึ้นมาบนโลกใบนี้ ทุกชีวิตบนโลกคงตกไปอยู่ในท้องมันอย่างแน่นอน
โชคดีที่ลู่เหิงและฉินอี้เตรียมการป้องกันเรื่องนี้ไว้แล้ว
แกนคริสตัลของราชาซอมบี้ลอยอยู่กลางอากาศในโลกใบเล็กกำลังเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อง ๆ จนกลายเป็นพระอาทิตย์ดวงเล็ก เมื่อความสว่างพุ่งถึงจุดสูงสุด แกนคริสตัลพลันระเบิดเป็นผุยผง
ผงพวกนั้นไม่ได้ตกลงสู่พื้นดินแต่ลอยอยู่ในอากาศ เปล่งแสงเรืองรองเล็กน้อย และค่อย ๆ ก่อร่างเป็นค่ายกล ค่ายกลที่เพิ่งก่อร่างเสร็จเมื่อกี้ค่อย ๆ หล่นลงไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลขนาดใหญ่บนพื้น
พลังปราณของค่ายกลขนาดใหญ่เปลี่ยนไป หมอกสีดำม้วนตัวขึ้นแล้วค่อย ๆ หายไปถูกแทนที่ด้วยพลังวิญญาณสีเขียว แสงสลัวเหนือต้นกำเนิดพลังวิญญาณค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสว่างขึ้น
ค่ายกลย้อนกลับ
หน้าที่ของมันคือการสับเปลี่ยน ต้นกำเนิดพลังวิญญาณจากที่เป็นผู้ให้เปลี่ยนเป็นผู้รับ ในค่ายกลขนาดใหญ่นั้นพลังปีศาจในหัวใจปีศาจถูกดึงออกไปอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ และเติมเข้าไปในต้นกำเนิดพลังวิญญาณ
ต้นกำเนิดพลังวิญญาณที่อ่อนล้าจนแทบไม่มีพลังวิญญาณเหลือเปล่งประกายราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง ต้นกำเนิดพลังวิญญาณสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไป พริบตาต่อมาจึงเริ่มดูดซึมพลังปีศาจจากหัวใจปีศาจผ่านค่ายกลขนาดใหญ่ หัวใจปีศาจที่เมื่อกี้ยังเต้นอย่างรุนแรง ในที่สุดก็กลายเป็นผงหายไปในอากาศ
--------------------------------------------------------
ขออภัยที่สปีดเต่าคลาดเหลือเกิน อีก3ตอนจบอาร์คแล้ว! เราะสู้!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

'หยางหยวน'ที่ว่า พอดูบทสนทนาถัดไป อาจจะแปลได้ว่า คู่ชีวิต? รึป่าว แบบให้อารมณ์ประมานนี้อ่ะ เราไม่รู้เรื่องภาษาจีนเลย5555 แค่รู้สึกเอาน่ะ ผ่านๆกะได้
อ้าว สรุปซือเล่อตายแล้ว ปีศาจก็ยึดร่างและกินความรู้สึกด้านมืดของซือเล่อแล้วแสดงเป็นซือเล่อสินะ
ขอบคุณค่า
ลุ้นสุดๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
สู้ๆค่ะ