ตอนที่ 33 : Chapter 33
Chapter 33
เมื่อคนจากวัดฟ่านหยินมาถึงก็ปรากฏร่างผู้คนนับร้อยบนของวิเศษซึ่งมีรูปร่างเป็นฐานดอกบัวขนาดใหญ่ คนที่เดินนำมาสวมเสื้อคลุมสีแดงทองให้ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทั้งยังมีระดับการฝึกตนที่ยากจะหยั่งถึง คนคนนี้คืออาจารย์ของซื่อคง หยวนเจิน เจ้าอาวาสวัดฟ่านหยิน
ซื่อคงก้าวไปข้างหน้าและแสดงความเคารพด้วยความกตัญญู “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”
หยวนเจินหลับตาสวดพระธรรม ด้านหลังเขาหัวหน้าหมู่ตึกรักษากฎที่มีใบหน้าดำเป็นแถบตะโกนออกมา “ซื่อคงสมรู้ร่วมคิดกับปีศาจชั่วและทำร้ายมนุษย์ เจ้ารู้หรือยังว่าทำสิ่งใดผิด!”
หัวหน้าหมู่ตึกไม่มีความแยแสต่อเผ่าปีศาจซึ่งไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของตน เขาไม่อยากเสียน้ำลายกับอีกฝ่าย “อาจารย์ ศิษย์สามารถรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดได้”
ในที่สุดหยวนเจินก็เปิดปาก “ซื่อคง ทางสำนักได้ตัดสินลงมาแล้ว ช่วยอาจารย์ในสำนักจับกุมปีศาจตนนั้นเสีย แล้วความผิดทุกอย่างของโยมจะเป็นเพียงอดีตเท่านั้น”
ซื่อคงยังคงเงียบและเอื้อมมือออกไปเพื่อกันลู่เหิงไว้ข้างหลัง แสดงให้เห็นถึงความคิดของเขาอย่างชัดเจน
“ช่างดื้อด้านนัก” หัวหน้าหมู่ตึกแสดงสีหน้าบูดบึ้งด้วยโทสะ และตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เช่นนั้นก็จับไปทั้งคู่! พวกเราจะจับกุมปีศาจชั่วตนนี้ไปพร้อมกับเจ้า!”
ลู่เหิงดึงแส้ยาวออกมาและเดินไปยืนข้างซื่อคง แต่เขาก็ลังเลเพราะอย่างไรพวกเขาก็มาจากสำนักเดียวกัน
“นี่เป็นอาคมปราบวัชรปาณีที่ทรงพลังที่สุดของนิกาย พวกเขาจะปลอดภัยภายใต้กระบวนนั้นโดยไม่ต้องแม้แต่ยกมือขึ้นด้วยซ้ำ” ซื่อคงคล้ายได้ยินความคิดของลู่เหิงจึงอธิบาย ทันใดนั้นลูกประคำที่พันรอบมือเขาก็เปล่งแสง
มีคน 108 คนบินออกมาจากแท่นดอกบัว ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากแต่ก็ไม่ได้หนักหนาแม้แต่น้อย ในพริบตาพวกเขาก็สร้างอาคมเสร็จ
ถึงแม้ว่าลู่เหิงจะมีประสบการณ์ต่อสู้มากมายกับเหล่าผู้ฝึกตนตั้งแต่ที่เขามาที่โลกนี้ แต่ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ ลู่เหิงยังไม่เคยสัมผัสกับพลังการต่อสู้ระดับสูงจากพรรคชั้นยอดอย่างวัดฟ่านหยิน ภายในใจเขาพลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
“ข้าไม่รู้วิธีจัดการกับอาคมนี้” ลู่เหิงพูดกับซื่อคงอย่างเยือกเย็น
“ไม่ต้องกลัว แค่ฟังคำแนะนำจากอาตมาก็พอ” ซื่อคงบีบมือลู่เหิงเบาๆ และคลายออกอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน เงาของหลัวฮั่น*ที่โกรธจัดก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมกระบองปราบปีศาจ ดวงตาคู่นั้นดูคล้ายระฆังทองแดง ทั้งร่างปลดปล่อยแรงกดดันอันหนักหน่วงออกมา มือขวาของหัวหน้าหมู่ตึกที่อยู่ใจกลางอาคมทำท่ากำอากาศไว้ก่อนจะทุบลงมา เงาเสมือนจริงของหลัวฮั่นเลียนแบบท่าทางนั้นโดยการกำกระบองปราบปีศาจในมือและโจมตีทั้งคู่โดยพุ่งเป้ามาที่ศีรษะของพวกเขา (*จากที่หาความหมายมาคิดว่าน่าจะแปลว่าพระอรหันต์นะ)
เมื่อซื่อคงขยับนิ้ว ลูกประคำทั้งแปดลูกก็บินออกไปจากมือของเขา แต่ละลูกขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์และโอบล้อมตัวเขาและลู่เหิงไว้ ของวิเศษแห่งชีวิตของซื่อคงคือทุกข์ 8 ซึ่งมาจากทุกข์ทั้ง 8 ประการคือ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การประสบกับสิ่งที่ชัง การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา และการยึดมั่นในขันธ์ 5
ลูกประคำสีเขียวของทุกข์ 8 กระจัดกระจายออกไปกลายเป็นเถาวัลย์ที่รัดกระบองนั้นไว้แน่น ก่อนจะเลื้อยขึ้นไปพันรอบหลัวฮั่น
เมื่อเห็นสิ่งที่เหมือนพืชพันร่างนั้นไว้และทำให้มันหยุดเคลื่อนไหว หัวหน้าหมู่ตึกคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แสงสว่างวาบพุ่งออกมาจากคนที่ลอยอยู่ในอากาศ เงาหลัวฮั่นอีกตนปรากฏขึ้นในอากาศ
เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ลู่เหิงก็บินออกไปข้างหน้าแล้วกวัดแกว่งแส้ของตัวเอง แส้ยาวในมือเขาได้รับการฟื้นฟูแล้วและพลังแห่งกฏเกณฑ์ก็ถูกซ่อนไว้ในแส้ยาวอันนี้
ทั้งสองร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี และแล้วภาพมายาของหลัวฮั่นอีกตัวจะกระจัดกระจายหายไปทำให้คนของวัดฟ่านหยินไม่หลงเหลือทางเลือกใดๆ อีก
การต่อสู้หยุดชะงัก
ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่ตึกก็หันกลับไปกล่าวว่า “ศิษย์พี่! อย่าได้ลังเล! หากปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่เป็นสาเหตุแห่งกรรมนี้ดำเนินต่อไปจะเป็นอันตรายต่อซื่อคง!”
หยวนเจินที่ได้ยินแบบนั้นลืมตาในที่สุด เขาพึมพำบทสวดและยื่นมือไปข้างหน้า ก่อนจานส่องกรรมปรากฏจะบนฝ่ามือของเขา
พลังของจานส่องกรรมของสำนักชิ้นนี้ ความสามารถของมันไม่ได้มีเพียงการคำนวณกรรมของมนุษย์ เลือดหยดหนึ่งของหยวนเจินหยดลงบนจาน ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นหมอกเลือดแล้วถูกดูดซึมเข้าไป ใบหน้าของหยวนเจินเผือดสีไปชั่วขณะ เลือดจากหัวใจแตกต่างจากเลือดธรรมดา สำหรับผู้ฝึกตนการสูญเสียเลือดเพียงหยดหนึ่งนับเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจริงๆ หยวนเจินย่อมไม่มีทางใช้เลือดของตนเป็นแน่
ทันใดนั้นแสงไฟหลากหลายสีก็ปรากฏรอบตัวหยวนเจิน เขาหยิบแสงสีฟ้าออกมาดวงหนึ่งและถือมันไว้ในมือ แสงที่เหลือค่อยๆ หายไปในอากาศ แสงสีฟ้านั้นเชื่อมต่อไปที่ปลายของอีกด้านซึ่งก็คือซื่อคง
หยวนเจินขยับนิ้ว แสงสีฟ้านั้นพุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะมัดซื่อคงอย่างแน่นหนา พลังของกรรมย่อมไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์เยี่ยงศิษย์และอาจารย์ระหว่างซื่อคงและหยวนเจินจะตื้นเขิน แต่มันก็สามารถจับกุมซื่อคงได้อย่างง่ายดาย
เมื่อซื่อคงถูกจับ ความกดดันทางฝั่งลู่เหิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก และทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อหยวนเจินบังคับให้เลือดอีกหยดตกลงบนจาน แสงสีแดงที่ปรากฏขึ้นบนร่างซื่อคงที่ถูกจับอยู่นั้นแตกต่างจากแสงไฟสลัวๆ ของแสงสีฟ้า สีของมันสดใสแพรวพราวจนแทบละเลงสีแดงไปครึ่งท้องฟ้า
หยวนเจินดึงมันออกมาก่อนที่จะเป็นแบบเดิม แสงสีแดงพุ่งเข้ามามัดลู่เหิงไว้ หัวหน้าหมู่ตึกที่เห็นทั้งสองคนถูกจับพลันรู้สึกเบิกบานในใจ การควบคุมจานส่องกรรมต้องใช้พลังมากเกินไป กระทั่งเจ้าอาวาสหยวนเจินแห่งวัดฟ่านหยินยังไม่สามารถใช้ได้นาน
โดยไม่ปล่อยให้เสียโอกาส หัวหน้าหมู่ตึกเริ่มดำเนินการต่อโดยสัญชาตญาณ ในอาคมขนาดใหญ่ศิษย์ทั้งหมดปลดปล่อยแสงสีทองออกมาจากร่างทำให้ภาพมายาของหลัวฮั่นที่เหลืออยู่ในอาคมค่อยๆ รวมเข้าด้วยกัน ก่อนที่ภาพมายาของพระพุทธรูปจะปรากฏขึ้นในอากาศ ดวงตาที่ปิดเพียงครึ่งเดียวดูมีความเมตตาแต่ก็เฉยเมย รูปปั้นนั้นยกมือขึ้นและสร้างแรงกดดันอันหนักหน่วงให้ลู่เหิง
ฝ่ามือนี้หนักอึ้งราวกับภูเขา หากมันเข้ามาใกล้ กระทั่งร่างกายที่แข็งแกร่งของงูปาเสอก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
ในช่วงเวลาสำคัญจู่ๆ ลูกประคำรอบตัวซื่อคงก็ระเบิดออกและตัดแสงสีฟ้าที่พันรอบร่างเขาทิ้ง ราคาของการทำลายของวิเศษแห่งชีวิตเพื่อที่จะบังคับตัดด้ายแห่งกรรม ปากและจมูกของซื่อคงเริ่มมีเลือดไหลออกมาทว่าเขาไม่มีเวลาจะสนใจมันยามนี้ เขาหันหลังรีบวิ่งไปหาลู่เหิง
ลู่เหิงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากตั้งแต่เขาถูกแสงสีแดงมัด อีกทั้งฝ่ามือขนาดใหญ่ยังเคลื่อนเข้ามาใกล้ซื่อคงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสถานการณ์ย่ำแย่มากเท่าไหร่ ความคิดเขาก็ยิ่งแหลมคมมากเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็จำวันที่เขาและไป๋ตกอยู่ในอันตรายได้
ในตอนนั้นของวิเศษลึกลับบนหูซ้ายของเขาช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ เมื่อคิดเช่นนั้นลู่เหิงก็รวบรวมพลังปีศาจในร่างเขาทั้งหมดใส่ของวิเศษชิ้นนี้ คิดถึงเพียงวิธีที่จะหลุดออกจากสถานการณ์ยากลำบากนี้
แสงสีขาวระเบิดออกมาอย่างล้นทะลัก ครั้งนี้ลู่เหิงไม่ได้หมดสติ เขารู้สึกว่าตนเองและซื่อคงถูกห่อหุ้มอยู่ในน้ำวนที่เต็มไปด้วยพลังอันรุนแรง ซื่อคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ ลู่เหิงจับซื่อคงไว้แน่นด้วยชีวิตของตนเองและพยายามต่อสู้กับพลังมหาศาลที่พยายามแยกพวกเขาออกจากกัน หลังจากพยายามได้ไม่นาน เนื่องจากพลังปีศาจที่หมดลงความรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจอย่างรุนแรงก็พุ่งเข้าโจมตีลู่เหิง ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปและถูกดูดเข้าไปในความมืด
[เสี่ยวลู่ เสี่ยวลู่ คุณโอเคไหม?]
ลู่เหิงตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงของผู้ช่วยตัวน้อย เขารู้สึกราวกับว่าเขาไม่ได้ยินมันมานานมาก ลู่เหิงลุกขึ้นนั่งด้วยความไม่เต็มใจ ในหัวรู้สึกเหมือนจะระเบิด
ความคิดเขาสับสนมึนงงราวกับว่าเขาเพิ่งจะผ่านการฝันอย่างยาวนานมา ลู่เหิงไม่สามารถโฟกัสไปที่การให้คำตอบผู้ช่วยตัวน้อยได้ แต่กลับกล่าวแบบขอไปทีเพื่อทำให้มันสงบลงชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มจัดลำดับความคิดยุ่งเหยิงในสมองตัวเอง
เขาย้อนเวลากลับไปเมื่อร้อยปีก่อนและสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับการเข้าแผนกชำระล้างวิญญาณ จากนั้นเขาก็พบพ่อของไป๋หลีที่เป็นบุตรแห่งโชคชะตาซึ่งเขาติดหนี้ชีวิต จากนั้นเขาก็ถูกล้อมโดยวัดฟ่านหยินซึ่งทำให้เขาได้กลับมาอย่างที่เขาอธิษฐาน สิ่งเหล่านี้ยังคงชัดเจนในความทรงจำแต่ลู่เหิงกลับรู้สึกว่าชิ้นส่วนสำคัญในจิ๊กซอว์หายไป
จิ๊กซอว์ชิ้นที่หายไปทำให้ความทรงจำทั้งหมดคล้ายถูกปกคลุมด้วยม่านสีขาว และไม่มีความสมจริงคล้ายกำลังดูเรื่องราวของคนอื่น อะไรหายไป? ลู่เหิงพยายามนึกให้ออกแต่เขากลับรู้สึกราวกับหัวกำลังจะระเบิด
[ผู้ช่วยตัวน้อย ทำไมนายไม่ปรากฏตัวตอนที่ฉันย้อนเวลาไปเมื่อ 100 ปีก่อน? แล้วนายได้บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ไหม?]
[อะไรนะ! คุณย้อนเวลากลับไปเมื่อเมื่อ 100 ปีก่อน?! หลังจากของวิเศษปล่อยแสงสีขาวออกมาผมก็ถูกขังในห้องปิดที่ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้จู่ๆ ก็เกิดรอยแตกขึ้นในพื้นที่นั้น ผมคงไม่มีโอกาสหนีออกมา]
ผู้ช่วยตัวน้อยก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สถานการณ์มันแปลกมาก ลู่เหิงคุยกับผู้ช่วยตัวน้อยเกี่ยวกับความทรงจำส่วนที่หายไปและสถานที่แปลกๆ ในสมองเขา
[ผมเดาว่าของวิเศษชิ้นนี้มีพลังในการเคลื่อนย้ายไม่ใช่เพียงในพื้นที่แต่รวมถึงเวลาด้วย แต่การใช้พลังของเวลาย่อมมีราคาแพง บางทีราคานั้นอาจจะเป็นความทรงจำที่สำคัญอะไรอย่างนั้น]
[มันน่าจะเป็นแบบนั้นนะ การคงอยู่ของระบบเชื่อมต่อกับความทรงจำของคุณในแผนกชำระล้างวิญญาณในปรโลก ดังนั้นผมจึงถูกผนึกในพื้นที่แปลกๆ พร้อมกับความทรงจำนั้น ถ้าผมไม่สบโอกาสหนีออกมา ความทรงจำของคุณเกี่ยวกับแผนกชำระล้างวิญญาณก็คงไม่มีวันกลับมา] ผู้ช่วยตัวน้อยรู้สึกภูมิใจมาก
[ไม่กลับมาก็ดีนะที่จริง คงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้อยู่โลกนี้ในฐานะราชาปีศาจที่มีพลังมหาศาล] ลู่เหิงเถียงในเชิงจิตวิทยาด้วยความดีใจ
[คุณคิดอย่างนั้นได้ยังไง? เมื่อถึงเวลาที่ราชาปีศาจต้องตายแล้วคุณไม่ตาย โลกทั้งโลกจะพังทลาย]
[พูดถึงเรื่องนี้ ฉันย้อนเวลากลับไป 100 ปี ก็ไม่ได้ทำให้โลกนี้พังนี่ ตอนฉันไปแทนที่เจิงเมื่อ 100 ปีก่อน ฉันติดหนี้บุญคุณไป๋แทนเจิงจากนั้นก็กลับมาปัจจุบัน ถ้าอย่างนั้นใครเลี้ยงดูไป๋หลี?]
[ไม่ต้องกังวล รอฐานข้อมูลผมตอบกลับมาก่อน] ผู้ช่วยตัวน้อยเกือบถูกยิงตายด้วยคำถามของลู่เหิง
ในขณะที่รอผู้ช่วยตัวน้อยเช็คฐานข้อมูล ลู่เหิงก็มองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ใกล้กับแทนบูชาในแดนต้องห้ามของเผ่าปีศาจ สุ่ยซินกำหนดหรือเปล่าว่าต้องส่งฉันมาที่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด?
ด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ลู่เหิงเดินไปทางซ้ายและเริ่มเดินออกไป เขามีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์คล้ายมีบางอย่างที่สำคัญมากที่นั่น สุดทางคือน้ำพุ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนแต่ลู่เหิงกลับรู้ว่าน้ำพุตรงหน้าเย็นมาก
ลู่เหิงย่อตัวลงและทดสอบด้วยมือของตัวเอง แล้วก็จริงมันหนาวเข้าไปถึงกระดูกเลยทีเดียว ทำไมน้ำถึงได้เย็นขนาดนี้? มันไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนี้ตอนที่เขาแช่ครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้าย? ลู่เหิงชะงัก เขาเคยมาแช่ในสระน้ำเย็นนี้เมื่อไหร่?
ลู่เหิงเริ่มปวดหัวอีกครั้ง ชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่หายไปในความทรงจำของเขาทำให้หัวใจเขาเคว้งคว้างในอากาศและว่างเปล่า
--------------------------------------------------------------------------
อุตส่าห์ว่าจะลงตั้งแต่เมื่อคืนเพราะตอนมันสั้น สรุปคือฉันเสียเวลากับไอ้พวกหลักธรรมคำสอนนานมาก 55555 ศาสนาตัวเองเคยศึกษาขนาดนี้มั้ยถามใจดูวววว
ในที่สุดเรื่องย้อนอดีตหรือความจำเสื่อมก็เฉลยแล้วนะคะ //ตบมืออออ และน้องก็ความจำเสื่อมอีกรอบ //เฮ้ออ
--------------------------------------------------------------------------
คำศัพท์
Unfathomable = ยากหยั่งถึง, ล้ำลึก
Filial = ความสัมพันธ์บุตรกับพ่อแม่, กตัญญู
Deadlock = ทำให้ชะงัก, อยู่นิ่งกับที่
Perfunctory = ที่ทำเป็นประจำจนชินเลยไม่ใส่ใจ, ขอไปที
Placate = ทำให้สงบ, ปลอบโยน
Mishmash = สิ่งที่ผสมกัน, ความยุ่งเหยิง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ให้ครองรักกันนานๆหน่อยได้ไหม
พระเอกล่ะ!? พระเอกหายไปไหนแล้ว
เจ้าของวิเศษพาหนีย้อนอวลาไปนี่เอง ฮือออออ สงสาร แล้วสามีบาปของน้องจะเป็นไงนี่