ตอนที่ 3 : Chapter 3 [RW]
Chapter 3
ร้านอาหารของหน่วยสายลมและสายฟ้าถูกสร้างอย่างหรูหราเป็นพิเศษ อาหารจากทุกดวงดาวสามารถหาได้ที่นี่ สมกับเป็นไอเดียของฮิววิตต์ที่ว่า ‘สนุกสนานกับชีวิตอย่างเต็มที่และต่อสู้อย่างจริงจัง’ ความจริงตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น แต่สมาชิกทั้งหมดของหน่วยรบที่สามกลับมารวมตัวกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องอาหาร ตรงกลางฝูงชน คาร์โลกำลังน้ำตาไหลอยู่เงียบๆ
“เกิดอะไรขึ้น ไม่เอาน่า บอกพวกเรามาเถอะ” อัลฟ่าผมบลอนด์ที่เห็นคนน่ารัก ๆ ดูเศร้า ยิ่งมีความกระตือรือร้นอย่างที่จะลูบหูลูบแก้มเขา
คาร์โลเงยหน้ามองอีกฝ่าย ในตอนที่เกือบจะหลุดปากพูด เขาก็ปิดปากลงแล้วส่ายหัวเบา ๆ
อัลฟ่าผมบลอนด์ยังอยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ไหล่ของเขากลับถูกกดโดยใครบางคน “ได้ยินเสียงนายดังมาตั้งแต่หน้าประตูเลย เกิดอะไรขึ้น?”
“หัวหน้า มีคนรังแกคาร์โลน้อยของพวกเรา”
คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาคือหัวหน้าของหน่วยรบที่สาม– แอนดริว คนที่มีรอยยิ้มอบอุ่น แอนดริวเกิดมาพร้อมกับภาพลักษณ์สุภาพบุรุษที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ และทำให้คนรอบตัวเผลอลดการป้องกันลงโดยไม่รู้ตัว
เขานั่งลงตรงข้ามคาร์โลและพูดอย่างนุ่มนวล “คาร์โลไม่ต้องกังวล พวกเราหน่วยรบที่สามจะคอยสนับสนุนเธอเสมอ”
คล้ายเขาจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นจากคำพูดเหล่านั้น คาร์โลจึงค่อย ๆ เริ่มพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาเผชิญในห้องบัญชาการ ก่อนจะสูดน้ำมูก “ผมผิดหรือเปล่า? ผมได้ทำอะไรที่ทำให้รองผู้บัญชาการไรเนอร์โกรธหรือเปล่า ทำไมเขาไม่ชอบผม?”
“ไร้สาระ คาร์โลของพวกเราน่ารักจะตาย เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนไม่ชอบ? รองผู้บัญชาการไรเนอร์นี่เข้มงวดกับทุกคนจริง ๆ ครั้งก่อนฉัน...”
แอนดริวที่รู้จักทหารใต้บังคับบัญชาของตัวเองดีใช้สายตาส่งสัญญาณให้อัลฟ่าผมบลอนด์ และตัดบทสนทนายืดยาวไร้สาระ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อเพื่อปลอบคาร์โลต่อ “คาร์โล เธอเป็นคนที่โดดเด่นมาก ตราบใดที่เธอพยายามอย่างหนัก เธอจะเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน”
“ครับ แต่ถ้ารองผู้บัญชาการไรเนอร์ไม่อนุญาตผมล่ะ?”
“ในยานลำนี้การตัดสินใจสุดท้ายขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการ ไม่ใช่รองผู้บัญชาการไรเนอร์” อัลฟ่าผมบลอนด์อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด “ผู้บัญชาการปฏิบัติต่อนายดีเป็นพิเศษ ตั้งแต่ฉันเข้าหน่วยสายลมและสายฟ้าฉันยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการแนะนำสมาชิกใหม่ให้ปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการด้วยตัวเองมาก่อนเลย!”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ฮิววิตต์อาจจะคิดว่าผมเงอะงะและทนความลำบากไม่ค่อยไหวได้” คาร์โลก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ใบหูของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู
แอนดริวยิ้มและตบเบา ๆ ที่ไหล่คาร์โล “เพื่อให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการคาดหวัง เธอต้องร่าเริงแล้วก็พยายามให้มากขึ้นนะ”
ดวงตาของคาร์โลสว่างวาบและตัดสินใจเงียบ ๆ
ฟริเซียนไม่ใช่ดาวเคราะสำหรับอยู่อาศัย มันอยู่ใกล้ดาว ZR-21 เกินไปทำให้อากาศร้อนตลอดทั้งปี ทั้งดาวเป็นทะเลทรายและไม่มีแร่มีค่าอะไรอยู่บนดาวดวงนี้เลย อีกทั้งยังมีพายุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปะทุเป็นครั้งคราว ดาวเคราะห์เช่นนี้ไม่ว่าประเทศไหนในสหพันธ์ก็ไม่สนใจทั้งนั้น ดังนั้นมันจึงกลายเป็นโซนชายแดนที่เป็นสวรรค์ของพวกอาชญากร
นาเบียเป็นการคงอยู่ที่ไม่เข้ากันเลยกับสถานที่ที่ว่างเปล่าเช่นนี้ ท่ามกลางทะเลทรายที่นี่เป็นเมืองที่มีตึกสูงตั้งตระหง่านรายล้อมไปด้วยความเสื่อมโทรมและความหรูหรา อุตสาหกรรมหลักในนาเบียคือการค้าขายสินค้าที่ถูกขโมยมา และทุกอย่างที่คนไม่รู้จักหรือถูกห้ามจำหน่ายโดยสหพันธ์มนุษย์สามารถหาได้ที่นี่
รูปปั้นตาเดียวของล็อค เรด มองลงมาเล็กน้อยและสถานที่ที่เขามองคือหลังคาคริสตัลโปร่งแสงของหอประมูลกลาง หัวขโมยระหว่างดวงดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นผู้ก่อตั้งโรงประมูลแห่งนี้ขึ้นมา วันนี้ที่หอประมูลกลางนำลูกค้ารายใหญ่เข้ามาด้วย เหล่านักเดินทางอิสระในฮอลล์ล้วนพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งของหรือกระซิบกระซาบกัน
“นับสิบห้า มีใครให้มากกว่าบ็อกหมายเลข 18 ไหม?”
“เจ้าเศรษฐีใหม่พวกนี้เป็นใครกัน หรือพวกเขาเพิ่งค้นพบแร่ดวงดาว?”
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าหัวขโมยคนนี้เพิ่งจะโชคหล่นใส่ พวกมันเลยอยากจะกำจัดอาวุธกับทรัพยากรบางอย่างทิ้งผ่านงานประมูล”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยไม่โชว์อะไรน่าตื่นเต้นเลย ของฟีนาเล่คราวนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของมาสเตอร์โอ๊ค ผลงานเพิ่งปรากฏหลังจากที่เขาตายไป– หยาดน้ำตาที่พร่างพราวบนท้องฟ้า ดูเหมือนหมายเลข 18 จะยังไม่ตกรอบไปนะ ฉันได้ยินมาว่าคนโปรดคนใหม่ของดาฮานก็อยู่ที่นี่ด้วยวันนี้ หล่อนอยากได้เปียโนคลาสสิคตัวนี้มากกก”
“หืม ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจความลึกซึ้งของศิลปะด้วยซ้ำ แกล้งทำเป็นคนมีวัฒนธรรมทั้งที่ยังทำตัวติดกับเขาแบบนั้น ถ้าหล่อนได้มันไป ฉันคิดว่ามาสเตอร์โอ๊คจะต้องดิ้นทุรนทุรายในหลุมแน่ ๆ”
ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น ในที่สุดของรอบฟีนาเล่ของการประมูลก็เผยออกมาให้ได้ยลโฉม พิธีกรไม่พูดอะไรยืดยาวและกดปุ่มทันที กล่องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามค่อย ๆ เปิดออก เปียโนที่ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจปรากฏตรงหน้า สีน้ำเงินเข้มอมดำคล้ายท้องฟ้าตอนกลางคืนภายใต้แสงที่สว่างไสว พร่างพราวไปด้วยแสงเรืองรองราวกับดวงดาวในกาแล็กซี พูดได้เลยว่านี่เป็นผงที่ได้จากการขัดหินเนบิวลาจำนวนมากแล้วเคลือบผิวภายนอกเอาไว้เพื่อที่จะทำให้มันมีลักษณะสวยงามเหมือนชื่อของมัน– หยาดน้ำตาที่พร่างพราวบนท้องฟ้า เปียโนหลังนี้สวยมาก กระทั่งหลังจากที่เอาผ้าคลุมออกไปแล้ว ผู้คนยังไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ ทุกคนที่เห็นมันรู้สึกเหมือนความสามารถในการเล่นเปียโนของพวกเขาดูด้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเปียโนหลังนี้
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกอ่อนไหวเช่นเดียวกับพวกนักดนตรี หญิงสาวที่เซ็กซี่และเต็มไปด้วยเสน่ห์ซึ่งได้ยินเสียงเพลงรอบฟีนาเล่ของการประมูลยืดตัวนั่งอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวางตัวเองลงบนร่างกายล่ำ ๆ ของชายคนหนึ่ง ก่อนจะลากเสียงตัวเองอย่างออดอ้อนด้วยท่าทางเอาแต่ใจ “ที่รัก~”
ดาฮานที่เอื้อมมือไปออกไปคว้าร่างที่งดงามและบอบบางเอาไว้ “ปีศาจน้อย ฉันสัญญาแล้วว่าจะซื้อให้เธอ เธอยังคิดว่าฉันคนนี้จะไม่รักษาสัญญาอีกเหรอ ฉันเตรียมเงินมาแปดล้านสเตลล่าดอลลาร์ มันเพียงพอที่จะซื้อทุกอย่างที่นี่แน่นอน!”
แต่ถึงอย่างนั้นเครื่องสำอางที่ทำให้ใบหน้าสวยงามก็ไม่คงอยู่ตลอดไป เสียงดาฮานตกร่องทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังออกมาจากบ็อกหมายเลข 18 “สิบล้านสเตลล่าดอลลาร์”
ตอนนี้ในบ็อกหมายเลข 18 มีชายหนุ่มผอมบางสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงขายาว แต่งตัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไปยืนอยู่หน้าหน้าต่าง นั่นคือลู่เหิงที่แต่งตัวไม่พิถีพิถัน
เขาหันหลังแล้วบ่น “ผู้บัญชาการ คุณซื้อของชิ้นนี้ไม่ได้ พวกเราสามารถซื้อได้แต่อาวุธและทรัพยากรเท่านั้น”
“นายกังวลเกินไปแล้ว” ฮิววิตต์ชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วกระดิกไปมา “อันนี้เป็นการซื้อของส่วนตัว”
เพราะมันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฮิววิตต์ ลู่เหิงจึงไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ ถึงแม้เข้าจะไม่เข้าใจว่าฮิววิตต์ต้องการจะทำอะไรกับเปียโนที่ซื้อไปก็ตาม ฮิววิตต์มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ และเขาไม่จำเป็นต้องกังวลตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจ แต่แค่เพราะลู่เหิงไม่แคร์ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่แคร์เช่นกัน
“ฮิววิตต์ คุณจะซื้อเปียโนไปทำไม? คุณจะเล่นมันเหรอ? นั่นวิเศษไปเลย” ดวงตาของคาร์โลเป็นประกายตอนที่เขาจ้องไปที่ฮิววิตต์
“ฉันไม่มีความเป็นศิลปินในเซลล์แม้แต่น้อย เปียโนหลังนี้มีเจ้าของที่คู่ควรจะเล่นแล้ว” ฮิววิตต์ยิ้มอย่างลึกลับ
คาร์โลคิดบางอย่างก่อนที่ใบหน้าสีซีดของเขาจะแดงระเรื่อ ลู่เหิงมองการโต้ตอบระหว่างคนสองคน แล้วจำได้ว่าในข้อมูลของคาร์โลโชว์ว่าเขาเคยเรียนในวิทยาลัยศิลปะช่วงหนึ่งก่อนจะมาเข้าโรงเรียนทหาร ที่ชำนาญเป็นพิเศษแน่นอนว่าต้องเป็นเปียโน ดูเหมือนว่าความรู้สึกระหว่างพวกเขาสองคนจะงอกเงยขึ้นมาตั้งนานแล้ว
“พูดไปพูดมา นานาน้อย วันนี้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก นายใส่อะไรของนายน่ะ?” ฮิววิตต์คล้ายจะไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ต่อ เขาเพียงถอนหายใจใส่ลู่เหิงและปิดตาด้วยท่าทางโอเวอร์
วันนี้ฮิววิตต์แต่งตัวโดดเด่นเป็นพิเศษ ร่างกายท่อนบนถูกคลุมด้วยเสื้อผ้าหนังและเครื่องประดับที่ทำจากโลหะ ส่วนล่างสวมกางเกงยีนขาดๆ บนใบหน้าถูกวาดด้วยรอยสักแปลกๆ สีแดง ส่วนคาร์โลเขาสวมเสื้อผ้าแนวเรโทรกอธิค เสื้อเชิ้ตลายลูกไม้ที่ดูยุ่งเหยิงทำให้ใบหน้าเขาดูบอบบางยิ่งขึ้น
“ถึงการแต่งตัวของผมวันนี้จะค่อนข้างต่างจากทุกวัน มันก็ไม่มีผลกับงานอยู่ดี” ลู่เหิงพูด
“ไม่ ๆ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับงาน มันเกี่ยวกับรสนิยมในชีวิตนายต่างหาก ทำไมชีวิตนายถึงได้น่าเบื่ออย่างนี้นะ!” ฮิววิตต์ถอนหายใจอย่างโอเวอร์ และกดปุ่มประมูลในมือ
ภารกิจของพวกเขาในตอนนี้คือการโปรยเงินทิ้งอย่างบ้าคลั่งในการประมูลทั้งสินค้าชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กที่หอประมูลกลางของนาเบียเพื่อที่จะได้รับตั๋วเชิญสำหรับการประมูลระดับแพลตตินัม
หลังจากได้หยาดน้ำตาที่พร่างพราวบนท้องฟ้ามา ประตูห้องก็ถูกเคาะ ก่อนที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นสีดำแบบนักบัลเล่ต์จะเดินเข้ามา เธอถือกล่องที่ดูสวยงามในมือและมีจดหมายวางอยู่บนนั้น
“ท่านแขกผู้มีเกียรติ ในนามของหอประมูลกลางดิฉันขอเป็นตัวแทนกล่าวเรียนเชิญท่านเข้าสู่การประมูลระดับแพลตตินัมที่จะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าค่ะ” หญิงสาวค้อมตัวลงเผยให้เห็นลำคอยาวระหง ฟีโรโมนแสนดึงดูดลอยอยู่ในอากาศบางเบา ช่างเป็นโอเมก้าที่ดูสูงส่ง
“สมแล้วที่เป็นหอประมูลกลาง มีโอเมก้าที่ล้ำค่าขนาดนี้เป็นพนักงานด้วย” ฮิววิตต์หยิบกล่องมา ก่อนที่จะเชยคางหญิงสาวขึ้นเพื่อเชยชม “เป็นสตรีที่งดงามจริง ๆ”
หญิงสาวพยายามที่จะทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของฮิววิตต์ทันที สำหรับการดึงความสนใจแขกผู้มีเกียรติแค่บัตรเชิญเข้างานประมูลระดับแพลตตินัมคงไม่เพียงพอ เห็นได้ชัดว่าโอเมก้าสาวแสนสวยคนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของของขวัญเช่นกัน ฮิววิตต์ไม่สามารถขยับได้และไม่สามารถผลักเธอออกไปได้เพื่อที่จะทำตัวให้สมกับเป็นโจรสลัดอวกาศ
ใบหน้าของฮิววิตต์ยังคงรักษามาดเสเพลไว้ในขณะที่โอบกอดคาร์โลเข้ามาชิด ก่อนจะเสนอ “เบบี๋ พวกเรามาลองทรีซัมกันหน่อยไหม?”
คาร์โลหน้าแดง เขากลัวจริง ๆ ว่าเขาจะพูดตะกุกตะกัก “นี่มัน เอ่อ...”
ฮิววิตต์ผลักพนักงานสาวออกไปอย่างเสียดาย “โอ้ ดูเหมือนเบบี๋ของผมจะอาย สาวสวย... ผมจะมาหาคุณคนเดียวในครั้งหน้านะครับ”
พนักงานสาวโค้งตัวก่อนจะออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูปิดลงฮิววิตต์ก็ปล่อยตัวคาร์โล “ฉันขอโทษ สถานการณ์มันจำเป็น”
ถึงแม้ว่าคาร์โลจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่กลับดูกระอักกระอ่วน
ลู่เหิงเปิดปากเพื่อทำลายบรรยากาศแปลกประหลาดในห้อง “ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการเข้าร่วมการประมูลระดับแพลตตินัมแล้วนะ งั้นพวกเราก็กลับได้แล้ว”
----------------------------------------------------------
คำศัพท์/ (•ㅅ•)
Vigorously = แข็งแรง, กระฉับกระเฉง
Incompatible = เข้ากันไม่ได้
Desolate = ว่างเปล่า, หดหู่ใจ
Usher = นำทาง
Nouveau riche = เศรษฐีใหม่
Posthumous = หลังจากการตาย
Sturdy = แข็งแกร่ง, เด็ดเดี่ยว
Dissolute = เหลวแหลก, เสเพล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนูจะไร้อารมณ์เกินไปแล้วลูกกกกก
เนื้อเรื่องเราอ่านได้เข้าใจดียุนะ
ตัวเอกดูแบบ…เอิ่ม
ชอบไรเนอร์อ่ะ คนเคร่งขรึมนี่น่าเอ็นดูจริงๆ
ไม่ชอบทั้งพระเอกทั้งนายเอก(คาร์โล) เลยอ่ะ คนนึงก็ใช้อารมณ์ในการตัดสินภารกิจ อีกคนก็อวดเก่ง จอมแอ๊บแบ๋ว เออ เหมาะสมกันดีนะ.
ส่วนลู่เหิงนี่หาคนอื่นให้นางแทนเถอะ คนดีๆมีสมองอย่างงี้สมควรได้คนที่ดีกว่านี้