ตอนที่ 24 : Chapter 24
Chapter 24
บุปผาสองดอกเบ่งบานบนมือแต่ละข้าง
ในขณะเดียวกันลู่เหิงที่กำลังตั้งใจบำเพ็ญเพียรจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนจนแทบไหม้ที่ปลายหายของตน เขาเปิดเปลือกตาก่อนจะพบว่าหางของเขาเผลอไปโดนลูกประคำที่ซื่อคงทิ้งไว้โดยบังเอิญ จู่ๆ ลูกประคำร้อนขึ้นได้ยังไง? ลู่เหิงพลันนึกขึ้นได้ว่าซื่อคงเคยบอกเขาครั้งหนึ่งว่าลูกประคำนี้เป็นของวิเศษแห่งชีวิตซึ่งเชื่อมต่อกับหัวใจของอีกฝ่าย
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
ลู่เหิงวิตกและกลับเป็นร่างมนุษย์อย่างรวดเร็ว เขาคว้าลูกประคำแล้วรีบค้นหาซื่อคง ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงลานเล็กด้านนอกเรือนของหลินหยางจวิ้นจู่แต่เขากลับไม่สามารถหาทางเข้าไปได้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม นี่น่าจะเป็นค่ายกลมายาซึ่งมีเพียงคนที่อยู่ด้านในเท่านั้นที่สามารถออกมาได้ น่ากลัวว่าหากพยายามฝืนทำลายค่ายกลจากด้านนอกจะทำให้คนที่อยู่ในภาพลวงตาพลอยได้รับอันตรายไปด้วย
ทันทีที่ลู่เหิงรู้สึกว่าตัวเองหมดหนทางลูกประคำก็เปล่งแสงออกมาห่อหุ้มร่างเขาไว้ จากนั้นก็มีดอกไม้ปรากฏขึ้นตรงหน้าลู่เหิง เมื่อทัศนวิสัยของเขากลับมาชัดอีกครั้ง เขาก็มายืนอยู่ด้านในลานเล็กๆ เรียบร้อยแล้ว
ลู่เหิงเดินตรงไปทางปีกห้องหลักของหลินหยางจวิ้นจู่ทันทีโดยไม่สนใจผู้คนที่นอนอยู่บนพื้น เขากระแทกประตูเปิดและก้าวยาวๆ เข้าไปในห้อง ทว่าเขากลับเห็นภาพที่ค่อนข้าง… แปลกประหลาด ซื่อคงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้อง ส่วนหลินหยางจวิ้นจู่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงในชุดน้อยชิ้น มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนชุดชั้นในราวกับว่ากำลังจะถอดชิ้นถัดไป
ลู่เหิงตะลึง
ฉันควรขอโทษสำหรับความไร้มารยาทจากนั้นก็ปิดประตูแล้วหันหลังกลับออกไปหรือเปล่า... ไม่สิ! ซื่อคงเป็นพระ เขาจะร่วมประเวณีได้ยังไง! ลู่เหิงรู้สึกขมขื่นในใจ เขาคิดข้ออ้างที่จะโน้มน้าวตัวเองแล้วรีบตรงไปข้างหน้า
ด้วยความรีบเร่ง เนื่องจากวิ่งในชุดโบราณเขาจึงสะดุดชายเสื้อผ้าตัวเองและชนโครมเข้าที่ร่างกายของซื่อคง
ทันใดนั้นลู่เหิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายของซื่อคงร้อนผ่าวและใบหน้าราวกับหยกของเขาก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง จังหวะการหายใจของเขาเร็วกว่าปกติ อีกทั้งหลินหยางจวิ้นจู่ก็ยังนิ่งสนิทเป็นเวลานาน ลู่เหิงที่เคยดูละครเลือดสุนัข* ในสังคมสมัยใหม่มานับไม่ถ้วนก็ยังจับต้นชนปลายสถานการณ์ตอนนี้ไม่ถูก นี่มันก้านยาที่มีอัตราการปรากฏตัวสูงในละครเลือดสุนัขหลายๆ เรื่องชัดๆ!**
(*เป็นคำแสลงหมายถึงละครหรือหนังที่ซ้ำซากจำเจไร้ความสมเหตุสมผล อย่างเช่นฉากที่ตัวละครกำลังจะตายแต่กลับไม่เคยมีเวลาเหลือพอที่จะบอกความจริงหรือชื่อคนร้าย หรือเวลาที่เกิดบางอย่างแย่ๆ ขึ้นอยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
**ตัวร้ายที่ใช้ยากระตุ้นกำหนัดกับตัวเอกเพื่อให้พระเอกตกหลุมรักแต่ก็ล้มเหลว แล้วพระเอกก็ไปตกหลุมรักตัวเอกอีกคนแทน)
ลู่เหิงเด้งออกมาก่อนจะลากผ้าปูเตียงมาห่อตัวหลินหยางจวิ้นจู่อย่างแน่นหนา จากนั้นเขาก็คว้าข้อมือซื่อคงและส่งพลังปีศาจของตนเข้าไปตรวจสอบสภาพของอีกฝ่าย
ลู่เหิงที่มีความรู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวกับการฝึกตนไม่ได้รู้เลยว่าการถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของผู้ที่มีพลังสูงกว่านั้นเป็นอันตรายอย่างมาก จิตวิญญาณในร่างของมนุษย์ที่ฝึกตนนั้นมีการโคจรเป็นของตนเอง หากมีพลังวิญญาณจากภายนอกพยายามเข้ามาแทรกแซงโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันจะโต้กลับด้วยพลังวิญญาณของตนทันที สำหรับคนที่ไม่มีไหวพริบและหุนหันพลันแล่นเช่นลู่เหิงมันเพียงพอที่จะทำให้เขาหยุดหายใจได้เลยทีเดียว
โดยไม่คาดคิดพลังปีศาจของลู่เหิงกลับสามารถเข้าสู่เส้นลมปราณของซื่อคงได้อย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดๆ หลังจากโคจรจนครบตั้งแต่บนลงล่างลู่เหิงก็พบว่าสภาวะของซื่อคงยามนี้มีการบันทึกไว้ในมรดกของเผ่าปีศาจที่เขาได้รับ
ความสามารถแต่กำเนิดของจิ้งจอกปี้จงคือการทำให้เคลิบเคลิ้ม นี่ไม่ใช่อาคมประเภทที่กระตุ้นแค่เพียงความปรารถนาพื้นฐานของร่างกายมนุษย์เหมือนยาเสพติดระดับต่ำอย่างเดียวเท่านั้น มีรายงานว่ามันสามารถทำให้จิตใจและร่างกายของคนสับสนวุ่นวาย อีกทั้งยังไม่สามารถแยกจากผู้ที่ใช้อาคมได้อีกด้วย ร่างกายของพวกเขาจะรู้สึกถึงความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด และพวกเขาจะยินดีที่จะอยู่และตายเพื่อให้ได้รับความเมตตาจากคนคนหนึ่งโดยสมบูรณ์
ลู่เหิงอดไม่ได้ที่จะมองซื่อคง อีกฝ่ายดูเหมือนยามปกติยกเว้นก็แต่แก้มที่ขึ้นสีเท่านั้น สมแล้วที่เป็นนักบวช มีปณิธานที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าอย่างแท้จริง ลู่เหิงรู้สึกลึกซึ้ง
เมื่อรู้ว่ามันคืออะไรวิธีแก้ปัญหาก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับลู่เหิง เขาเปิดปากและคายแกนปีศาจของตนออกมา ก่อนจะเทแสงสีทองของแกนปีศาจใส่ปากและจมูกของซื่อคง ผลคือควันสีแดงถูกดูดออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากควันสีแดงถูกสูบเข้าไปในแกนปีศาจมันก็ส่องประกายระยิบระยับและกลับมาเป็นปกติ
ซื่อคงลืมตาก่อนที่ใบหน้าเขาจะกลับมาเป็นปกติ “เจ้าเด็กดื้อ จัดการกับสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ เหตุใดถึงได้ประมาทนัก?”
ลู่เหิงกลืนแกนปีศาจลงไปและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เผ่างูปาเสอไม่กลัวแม้แต่พิษนับหมื่นชนิดหรอกนะ”
ซื่อคงจับข้อมือของลู่เหิงและตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อเขาพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงค่อยวางใจ
ชายทั้งสองหันไปสนใจด้านหลินหยางจวิ้นจู่ที่ได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นตอไม้จากพวกเขาทั้งคู่ นางควันออกหูด้วยความโมโห นางมักเป็นจุดสนใจของทุกคนเสมอมา จะให้นางอดทนต่อความเมินเฉยเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าหนึ่งในนั้นยังเป็นคนที่นางรักอีกด้วย
“หลินหยางจวิ้นจู่ใช้พลังแต่กำเนิดของเผ่าจิ้งจอกปี้จงได้อย่างไร? สัมผัสได้หรือไม่ว่าปีศาจจิ้งจอกปี้จงได้ช่วยนางทำให้คนอื่นหลงเสน่ห์หรือเปล่า?” ลู่เหิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อาตมาไม่เห็นปีศาจจิ้งจอกเลย”
ลู่เหิงสังเกตเห็นว่าตอนหลินหยางจวิ้นจู่ได้ยินคำว่าปีศาจจิ้งจอกปี้จง สายตานางเบนไปทางมุมชั้นตำราโดยไม่รู้ตัว ลู่เหิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินตรงไปทางชั้นตำราเพียงเพื่อให้เห็นสีหน้าวิตกของหลินหยางจวิ้นจู่
ลู่เหิงยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่ามีความลับบางอย่างที่ชั้นตำราและซื่อคงก็ก้าวเข้ามา หลังจากชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันเลื่อนชั้นวางตำราพวกเขาก็พบประตูลับที่ซ่อนเอาไว้
หลังประตูมีบันไดแคบๆ ที่ยาวลึกลงไป ซื่อคงยกสิ่งที่กีดขวางออกจากนั้นพวกเขาก็เดินลงไปในห้องลับ
ทางเดินวนลงไปเรื่อยๆ จึงต้องใช้เวลาสักพัก จวนของกงชินอ๋องไม่ใช่จวนใหม่แต่เป็นมรดกที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน ก่อนจะถูกปรับปรุงโดยองค์ชายรุ่นแล้วรุ่นเล่าของอาณาจักร ห้องลับนี้โดยพื้นฐานใช้สำหรับจัดการเรื่องในครอบครัวที่ไม่สามารถกระทำในที่สว่างได้ แต่ใครจะรู้ว่าเหตุใดทางเข้าจึงตั้งอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของหลินหยางจวิ้นจู่
สิ่งที่อยู่ในห้องลับนั้นเกินความคาดหมายของซื่อคงและลู่เหิงไปมาก เห็นได้ชัดว่าจากด้านบนของห้องลับนี้มีโซ่ห้อยอยู่หลายเส้น โซ่โลหะเต็มไปด้วยอักขระลึกลับที่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น กลางห้องลับปรากฏร่างจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ที่แขนขาถูกโซ่ล่ามเอาไว้นอนอยู่
เมื่อได้ยินเสียงมนุษย์จิ้งจอกขาวก็กระดิกหูและเปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นดูราวกับหยกเขียว กระจ่างใสและเย็นเยียบ แวววาวดุจมรกต เมื่อเห็นดวงตาของจิ้งจอกขาวลู่เหิงก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือปีศาจจิ้งจอกปี้จง
“เจ้าคือจิ้งจอกที่หนีออกมาจากหอกักขังปีศาจ?” ลู่เหิงถาม
จิ้งจอกขาวเปิดปากแต่กลับมีเพียงเสียงเห่าหอนเยี่ยงสัตว์ป่าออกมา ซึ่งมันแปลกมาก หลังจากเผ่าปีศาจเปลี่ยนร่างได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ดั้งเดิม พวกเขาก็สามารถพูดได้เหมือนเดิม แต่จิ้งจอกขาวตัวนี้ดูเหมือนจะพูดไม่ได้ หมายความได้อย่างเดียวว่าแกนปีศาจได้ถูกนำออกไปแล้ว
เมื่อนึกถึงความสามารถก่อนหน้าที่หลินหยางจวิ้นจู่แสดงแล้ว ลู่เหิงพลันรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าปีศาจที่แข็งแกร่งซึ่งฝึกตนมาเป็นพันๆ ปีจะสามารถถูกมนุษย์พรากเอาแกนปีศาจไปได้
ปีศาจจิ้งจอกปี้จงค่อนข้างระแวงพวกเขาทั้งคู่ มันยืนขึ้นและคำรามเสียงต่ำ โซ่ตรวนส่งเสียงดัง การเคลื่อนไหวของมันทำให้อักขระบนโซ่เริ่มกระพริบ ทันใดนั้นปีศาจจิ้งจอกก็ถูกกระแทกลงกับกระพื้นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
“เอาค่ายกลกับดักนั่นออก”
ลู่เหิงที่ได้ยินเสียงของซื่อคง แม้จะไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาก็ทำลายค่ายกลนั้นอย่างเชื่อฟัง ทันทีที่โซ่ตรวนที่ข่มมันไว้ถูกปลดออกจิ้งจอกปี้จงก็เงยหน้าขึ้นมองลู่เหิงทันที
จากนั้นลู่เหิงก็รู้สึกถึงความคิดของปีศาจจิ้งจอกปี้จงในหัวของเขา “เจ้าเป็นคนของเผ่าปีศาจ เจ้ามาจากเผ่าอะไร”
ลู่เหิงจ้องซื่อคงเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นซื่อคงพยักหน้าให้ เขาก็โล่งใจและสนทนากับปีศาจจิ้งจอกต่อ “เผ่างูปาเสอ นามของข้าคือเจิง”
“หมิน” ปีศาจจิ้งจอกบอกนามของตน เผ่าปีศาจนั้นเป็นเผ่าที่สามัคคีกันมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น หาได้ยากมากที่พวกเขาพวกเขาจะทำร้ายพวกเดียวกันเอง การแลกเปลี่ยนนามของเผ่าปีศาจเป็นสัญญาพื้นฐานของการไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“เหตุใดเจ้าจึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้” ลู่เหิงถาม
หมินเงียบไปพักใหญ่และสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “เรื่องมันยาว”
จากนั้นลู่เหิงก็เห็นความทรงจำในหัวของเขา
หมินเป็นปีศาจที่มีแนวความคิดสวนทางกับปีศาจตัวอื่นๆ ที่มักจะแยกตัวออกไปในภูเขาจิตวิญญาณรกร้างที่ห่างไกล เขาชอบที่จะอยู่ในโลกนี้มากกว่า หมินชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อความเพลิดเพลิน เมื่อใดก็ตามที่เขาพบสถานที่ที่ชอบโดยบังเอิญ เขาก็จะหยุดอยู่ที่นั่นสักพักบางทีก็สองสามปีบางทีก็หลายสิบปี
เมืองหลินเจียงเป็นสถานที่ที่เข้าตาเขา หมินชอบสุราและการกลั่นสุรา เขาเปิดร้านสุราร้านหนึ่งในเมืองหลินเจียงเพื่อให้มันเป็นสักขีพยานถึงความไม่จีรังของชีวิต ไม่นานหลังจากนั้นร้านของเขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังซึ่งดังยิ่งกว่าโรงเตี๊ยมเสียอีก ในที่สุดเขาก็กลายเป็นนายจ้างใหญ่ของร้านขายสุรา เผ่าปีศาจจิ้งจอกมีชื่อเสียงในเรื่องความงามอยู่แล้ว และหมินเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่งดงามที่สุด ในงานเทศกาลชมบุปผาประจำปี เรือสำราญของร้านสุราของหมินเต็มไปด้วยหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายที่ละเล่นและพนันขันต่อกันราวกับบุปผาแรกแย้ม
เขาอยู่ในเมืองหลินเจียงเป็นเวลานานและวางแผนที่จะอยู่ที่นี่ตลอดช่วงอายุขัยหนึ่งของมนุษย์ จากนั้นค่อยหาสถานที่ที่น่าสนใจอยู่อีกครั้ง
จนกระทั่งปีนั้นที่เมืองหลินเจียงกลายเป็นที่ดินศักดินาของกงชินอ๋อง เขาก็ได้ประสบกับความยากลำบากที่ชื่อว่าหลินหยางจวิ้นจู่ เช่นเดียวกับนักบวชที่บำเพ็ญเพียรมาเป็นพันๆ ปี หมินได้พบเจอผู้คนมานับไม่ถ้วนและได้เห็นสิ่งต่างๆ มามากมาย มนุษย์สตรีธรรมดาอย่างหลินหยางจวิ้นจู่แม้ว่าจะงดงามประมาณหนึ่ง แต่ในสายตาของหมินนางไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์คนอื่นเลยแม้แต่นิด
ถึงกระนั้นหลินหยางจวิ้นจู่ก็เป็นคนที่แตกต่าง แค่แวบแรกที่มองเขาก็จำวิญญาณที่แสนคุ้นเคยของนางได้ทันที นานมาแล้วตอนที่มันยังเป็นเพียงปีศาจธรรมดาที่ไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้ นอกจากการบำเพ็ญเพียรประจำวันแล้ว สิ่งที่มันโปรดปรานที่สุดคือการซ่อนอยู่หลังต้นไม้ริมแม่น้ำเพื่อแอบดูคนในหมู่บ้านตักน้ำซักผ้าและเล่นสนุก
มีครั้งหนึ่งที่เขาเพิ่งจะผ่านด่านเคราะห์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นเขาที่เข้าไปติดในกับดักของนักล่าเข้านั้นอ่อนแอเกินไป กระทั่งจะขยับตัวยังทำแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ จากนั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ นางพาหมินไปซ่อนในถ้ำใกล้เคียงและใช้สมุนไพรรักษาเขาทุกวัน ทุ่มเทดูแลจนเขาหายดี
หลังจากนั้นหมินและเด็กสาวคนนั้นก็เติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งนางกลายเป็นสาว ในปีนั้นในที่สุดหมินก็สามารถเปลี่ยนร่างได้ ไม่นานทั้งสองตัดสินใจออกไปเสี่ยงโชค หลังจากเปลี่ยนร่างได้หมินก็กลับไปที่เผ่าเพื่อรับมรดกของตน โดยไม่คาดว่าระหว่างที่รอเขากลับไปคนรักของเขาจะประสบกับความทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ในตลาดเด็กสาวได้ไปต้องตาบุตรชายคนเดียวของผู้พิพากษาประจำเขตเข้า เขาต้องการจะนำนางไปเป็นอนุของตน แต่เนื่องจากมีคนรักแล้วนางจึงปฏิเสธไป และเรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนละครน้ำเน่าทั่วๆ ไป ชายหนุ่มเจ้าสำราญได้คุกคามชีวิตคนในครอบครัวของนาง เด็กสาวจึงต้องถูกพาตัวไปยังคฤหาสน์ของผู้พิพากษาด้วยเกี้ยวขนาดเล็ก สิ่งที่ต่างจากละครน้ำเน่าคือคนรักของเด็กสาวไม่สามารถช่วยนางจากกรงเล็บอันแหลมคมไว้ได้ เด็กสาวผู้เด็ดเดี่ยวจึงตัดสินใจแขวนตัวเองบนคานในคืนนั้น ก่อนจะถูกเผาเป็นขี้เถ้าด้วยโทสะของผู้พิพากษาประจำเขต เมื่อหมินรีบกลับมาเขาก็ไม่พบกระทั่งร่างของคนรักแล้ว
ด้วยความโกรธแค้นเขาเกือบคลั่งแล้วลงมือสังหารหมู่พวกมันอย่างไร้สติ แต่โชคดีที่พวกพ้องของเขาจับเขาไว้และนำเขากลับไปที่บ้านเกิดเสียก่อน หลังจากที่เขาสงบสติได้เขาก็พยายามตามหาร่องรอยวิญญาณของนางแต่ก็ไม่พบ กระทั่งการกลับมาเกิดใหม่ของนางเขาก็หาไม่พบเช่นกัน หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็อาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยโลกีย์นี้มาตลอด คาดไม่ถึงว่าในที่สุดวันหนึ่งสวรรค์ก็เห็นใจให้เขาได้พบเด็กสาวที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
--------------------------------------------------------------------------
คำศัพท์
Stride = เดินก้าวยาวๆ, ก้าวข้าม
Celibacy = การละเว้นจากการร่วมเพศ
Make head or tail of = จับต้นชนปลาย
Aphrodisiac = ยากระตุ้นกำหนัด
Arouse = กระตุ้น, ปลุกให้ตื่นขึ้น
Longing = ความปรารถนา
Cold shoulder = อาการเมินเฉย, อาการไม่ใส่ใจ
Incredulous = เหลือเชื่อ, ไม่อยากจะเชื่อ
Maverick = ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายได้, ผู้แยกตัว
Eccentric = ผิดปกติ, แปลกประหลาด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนตัวผู้แปลก็กราบไว้บนหิ้ง ที่เมตตาแปลนิยายสนุกๆให้ 55555
แต่น้องต้องโตขิมิ
ชอบความดูแลกัน><
แล้วนางก็ถูกหลอก TT^TT