ตอนที่ 21 : Chapter 21
Chapter 21
หลังจากที่ชิงคงจื่อตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเสียใจในยามนี้และกดความรู้สึกนั้นลงไปชั่วคราว ในขณะเดียวกันลู่เหิงที่ถูกสุยซินนำไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักก็มีทัณฑ์สายฟ้าที่น่าชังติดตามมาด้วย เมฆดำมืดในอากาศเริ่มจับตัวรวมกันอีกครั้ง
ลู่เหิงนึกถึงสภาพผิดปกติของไป๋หลีตอนนางจากไปจึงค้นเสื้อคลุมตนเอง ก่อนจะพบแกนปีศาจที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำสนิท แกนปีศาจอันนี้เป็นแกนของปีศาจที่ฝึกตนทางมารซึ่งได้พรากชีวิตคนไปนับพันชีวิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจู่ๆ ทัณฑ์สายฟ้าจึงปรากฏอย่างกะทันหันนัก อีกทั้งยังตามติดเขาไปตลอดทางอย่างไม่ลดละ
ลู่เหิงมองมันแล้วบดขยี้เป็นผง เมฆลงทัณฑ์ที่ได้เริ่มก่อตัวไปแล้วนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง เมฆเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ และชั้นเมฆเองก็เริ่มปรากฏประกายสายฟ้าสีม่วงแลบออกมาจางๆ อาจเพราะมันมีโทสะจากการพยายามที่จะหลบหนีของลู่เหิง เสาสายฟ้าแท่งแรกที่ผ่าลงมาอย่างคาดไม่ถึงจึงกินเส้นรอบวงขนาดใหญ่
ทัณฑ์สายฟ้า 99 สายนั้นไม่เคยมีใครในเผ่าปีศาจสามารถต้านทานได้สำเร็จถึง 99 สายเลยสักคน หัวใจของลู่เหิงพลันรู้สึกขมขื่นขึ้นมา เขาไม่ได้คาดคิดว่าการใช้สุยซินในการหลบหนีจากทัณฑ์สายฟ้าจะทำให้เกิดผลที่เลวร้ายตามมาเช่นนี้ หลังจากที่ทัณฑ์สายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงมาอีกสายก็ตามมาทันทีไม่มีหยุด สภาพลู่เหิงเริ่มดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงครั้งที่ 70 เขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องกลับคืนร่างดั้งเดิมของตน
ท่ามกลางสายฟ้าที่ผ่าลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าปรากฏร่างงูขนาดใหญ่ที่มีส่วนหัวสีเขียวแกมน้ำเงินลำตัวสีดำ เกล็ดสีดำถูกพันด้วยเส้นไหมสีทองดูงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทว่างูที่งดงามและน่าเกรงขามยามนี้กลับอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูนัก เกล็ดสีดำดุจอัญมณีบนตัวไหม้เกรียมก่อนจะค่อยๆ หลุดลอกออกมาพร้อมเลือดที่ไหลซึมออกมาจากรอยแผล
การลงทัณฑ์ไม่หยุดแม้เพียงเสี้ยววินาที หางของลู่เหิงฟาดสายฟ้าที่พุ่งมาที่ศีรษะของตนออกไปทำให้ปลายหางแวววาวสีดำสนิทฉีกขาดและเจิ่งนองไปด้วยเลือด
ยังเหลือทัณฑ์สายฟ้าอีกสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับครั้งแรกลู่เหิงขบฟันและพยายามต่อต้านด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจ
ครั้งที่สองลู่เหิงเปิดปากและพ่นแกนปีศาจออกมาจากท้อง แกนปีศาจสีทองหมุนวนและบินขึ้นไปบนหัวของลู่เหิง ความสุกใสของมันเปล่งประกายแวววาวราวกับว่ามันกำลังต่อสู้กับสายฟ้าอันน่าครั่นคร้าม หลังจากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือน สายฟ้าเองก็หายไปเช่นกัน ความสว่างไสวของแกนปีศาจริบหรี่ลงทีละน้อย หากตรวจสอบใกล้ๆ จะเห็นรอยแตกเล็กๆ บนนั้น
สายฟ้าครั้งที่สามยังไม่ฟาดลงมา และเมฆแห่งการลงทัณฑ์ก็ยังไม่สลายตัวไปตรงกันข้ามสีของมันกลับเข้มขึ้นเรื่อยๆ ลมที่พัดผ่านบ้านเรือนบ่งบอกถึงพายุที่กำลังจะเกิดบนภูเขา บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมัว ลู่เหิงไม่กล้าประมาท วิสัยทัศน์ของเขาพุ่งไปที่เมฆลงทัณฑ์สีดำมืดที่มีสายฟ้าหนาพอๆ กับถังเก็บน้ำเริ่มผ่าลงมา
ในช่วงระหว่างความเป็นความตาย ลู่เหิงทำได้เพียงยอมเสียสละสุยซินและนำพลังที่เหลืออยู่ของตนทั้งหมดใส่เข้าไปในนั้น สุยซินเริ่มมีแสงปะทุออกมาก่อนจะกลายเป็นสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายวัวพร้อมปากที่อ้าออกกว้างซึ่งสามารถกลืนทัณฑ์สายฟ้าลงไปได้ แต่อย่างไรก็ตามทัณฑ์สายฟ้าครั้งที่ 99 ไม่ใช่สิ่งที่จะจัดการได้ง่ายๆ มังกรอัศนีพลันโผล่ออกมาจากร่างของสัตว์อสูร แล้วทั้งสองก็เริ่มบินวนรอบๆ และปะทะกัน หลังจากแลกเปลี่ยนการโจมตีกันเล็กน้อยพวกมันก็ระเบิดออก แสงสีขาวสว่างจ้าปกคลุมทั่วทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ ส่วนลู่เหิงผู้ที่พลังปีศาจถูกดูดออกไปจนแห้งเหือดก็หมดสติลงในที่สุดและล้มลงกับพื้น
ลู่เหิงถูกบังคับให้ตื่นเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อเขาได้สติเขาก็พบว่าตนเองอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช เขารู้สึกว่ากระดูกทั้งหมดของเขาแตกและกำลังฟื้นฟู เวลานี้เขาไม่สามารถขยับได้แม้กระทั่งนิ้ว
ฉันยังไม่ตาย? ฉันถูกชนจนปลิวไป 20 เมตร เป็นไปได้ยังไงที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากนั้น? ลู่เหิงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด ทั้งร่างรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่ายินดีมากที่เขายังมีชีวิตอยู่ ลู่เหิงอยากยกมือนวดขมับเพื่อบรรเทาความรู้สึกปวด
แล้วมือของฉันล่ะ? ลู่เหิงมองไปที่หางปลายแหลมสีดำวาวตรงหน้าแล้วรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาต้องการนวดหน้าผากตัวเองจากนั้นเขาก็เห็นปลายหางที่กำลังขยับไปมาเล็กน้อย เกล็ดที่ปลายหางแหลมเปิดขึ้นและมีรอยเลือดตรงช่องว่าง สภาพช่างน่าอเนจอนาถ เกล็ดที่เปล่งประกายราวอัญมณีสีดำมีเส้นไหมสีทองจางๆ ล้อมรอบซึ่งดูงดงามเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นหางของงู! ลู่เหิงรู้สึกเหมือนทั้งร่างกำลังจะพังครืนลงมา
ใบไม้ร่วงผ่านสายตาลู่เหิง เขามองใบไม้ที่ดูใหญ่กว่าศีรษะของตัวเองและค้นพบความจริงอันน่าเศร้าที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะตัวหดเล็กลงเหลือตัวเท่าตะเกียบ
ฉันถูกรถชนแล้วก็กลายเป็นงู
ลู่เหิงที่สติยังไม่ค่อยชัดเจน เห็นมือเรียวสวยที่ดูแข็งแกร่งและหยาบกระด้างปรากฏตรงหน้า จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในฝ่ามือที่อบอุ่น ก่อนที่มุมมองของเขาจะค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนดุจสายลมเย็นสบายและสว่างไสวดุจดวงจันทราปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา
ชายคนนี้เป็นนักบวช รอยแผลเป็นจากการงดเว้นจากบาปทั้งเก้าด้านบนศีรษะของเขาแสดงให้เห็นความจริงข้อนี้อย่างชัดเจน เบ้าตาของเขาลึก ขนตายาวเป็นแพ ดวงตาของเขาดูละม้ายคล้ายคลึงกับหนึ่งบุปผาหนึ่งใบไม้หนึ่งโลก
ซื่อคงกำลังสำรวจเจ้างูตัวน้อยในอุ้งมือของตน แม้ว่าร่างกายของมันจะมีรอยแผล แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเกล็ดสีดำสนิทดุจอัญมณีได้ หากเขาปล่อยมันไปไม่ช้ามันก็จะถูกจับโดยนักล่า
ลู่เหิงสังเกตเห็นสายตาของนักบวชรูปนี้หลุบลงมาที่มือและสำรวจเขาสักพัก ดวงตาของอีกฝ่ายเป็นสีอ่อนให้ความรู้สึกเย็นชาเล็กน้อย จากนั้นลู่เหิงก็พบว่าตัวเองอยู่ในเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยกลิ่นธูป ก่อนที่เสียงเย็นๆ จะดังก้องในหัว “อาตมามีนามว่าซื่อคง จนกว่าโยมจะหายดีโยมควรจะอยู่กับอาตมาไปก่อน”
เขากำลังถูกหยิบไปด้วยหรือ? ลู่เหิงรู้สึกจิตใจสงบลงทันใดนั้นอาการง่วงนอนก็เริ่มตามมา ไม่นานลู่เหิงก็หลับลึกโดยไม่ฝืนอีกต่อไป
เมื่อลู่เหิงตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว ตรงหน้าเขามีห้องทำสมาธิอยู่ห้องหนึ่งและแสงเทียนสลัวที่ไหววูบ ซื่อคงกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงและแสงจันทร์ที่ลอดผ่านบานกระจกทำให้บนใบหน้าเขามีเงาพาดผ่าน
ความงามสามารถทำให้บุรุษมัวเมา ลู่เหิงมองอีกฝ่ายก่อนจะพยายามเข้าไปใกล้คนที่สว่างไสวราวกับดวงจันทร์โดยไม่รู้ตัว แต่จู่ๆ ก็ร่วงลงพื้นอย่างแรงจากความสูงของโต๊ะโดยที่เอาหัวลง เมื่อเห็นพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลู่เหิงก็ได้แต่หลับตาและพยายามหลอกตัวเองให้คิดเสียว่า ไหนๆ หางของเขาก็บาดเจ็บแล้ว ถ้าหัวของเขาเจ็บเช่นกันก็ค่อนข้างสมมาตรดี
ความเจ็บปวดที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ลู่เหิงรู้สึกว่าหัวของเขาพุ่งลงไปบนบางอย่างนิ่มๆ น้ำเสียงสบายๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ “อาตมาเพิ่งทายาให้โยมเอง อย่าเพิ่งทำให้ตนเองบาดเจ็บอีกครั้งสิ”
ลู่เหิงค้นพบว่าความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกแผดเผาหายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกเย็นสบาย เขาขยับและมองปลายหางของตัวเอง ก่อนจะเห็นเกล็ดแต่ละเกล็ดที่เปิดขึ้นถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้งสีเขียวอ่อน
“ขี้ผึ้งจะช่วยกระจายพลังวิญญาณ ร่างกายของโยมจะดีขึ้นในวันพรุ่งนี้” ซื่อคงวางงูสีดำตัวเล็กลงบนเตียงแล้วกลับไปทำสมาธิต่อในท่าขัดสมาธิ เขาเห็นดวงตาเป็นประกายของเจ้างูสีดำตัวจ้อยที่จ้องเขานิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่งูแต่เขาก็มักจะเผลอพูดกับมันโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตขนาดนี้
ซื่อคงตั้งแต่เกิดก็มีฮุ่ยเกิน* ทุกๆ คนกล่าวว่าเขาจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ตั้งแต่เขาจำความได้บรรดาพี่ชายหรือกระทั่งอาจารย์จะให้เกียรติเขาเป็นอย่างมากเมื่อพบเจอ ซื่อคงไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรแปลก นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาลืมตาดูโลก เขามองโลกใบนี้เหมือนมองผ่านผ้าโปร่งบาง เส้นทางชีวิตและความตาย ความสุขและความทุกข์ ความไม่จีรังของชีวิตก็ไม่สามารถสร้างระลอกคลื่นในหัวใจเขาได้แม้แต่น้อย
(*จากที่เราได้ไปตามหาความหมายมา คิดว่าฮุ่ยเกินน่าจะแปลว่า ปัญญา เป็นผู้เจริญพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คล้ายๆ เหตุการณ์ตอนที่มีพราหมณ์มาทำนายพระพุทธเจ้าตอนประสูติ)
จนกระทั่งได้พบงูสีดำตัวเล็กในวันนี้ ตอนที่มองเห็นมันนอนตายบนหญ้า ซื่อคงเผลอกระทำตามความปรารถนาของตนและวางเจ้างูน้อยไว้ในเสื้อผ้าโดยไม่คาดคิด
ซื่อคงออกเดินทางในโลกภายนอกมาเป็นเวลานานแล้ว ในวันที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด เขาพบสถานที่สำหรับทำสมาธิและฝึกฝน ผู้ที่ฝึกตนนั้นไม่จำเป็นต้องกินและเสื้อผ้าก็สามารถทำความสะอาดได้ด้วยวิธีทำความสะอาดฝุ่น ดังนั้นถึงแม้ว่าจะต้องนอนบนภูเขาหรือที่ราบซื่อคงก็ไม่สนใจ วันนี้เขาดูแลเจ้างูดำตัวน้อยและค้นหาวัดเพื่อจะพักที่นั่น
ซื่อคงสัมผัสศีรษะของงูดำตัวเล็กด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาเย็นราวกับหยก “พรุ่งนี้อาตมาจะส่งโยมกลับไปที่ป่า”
หัวใจของลู่เหิงทรุด ผู้มีพระคุณต้องการทิ้งฉัน เขาปฏิเสธที่จะไปจากซื่อคงโดยสัญชาตญาณ ไม่ใช่แค่เพราะรูปร่างหน้าตาหรืออุปนิสัยของซื่อคง แต่เพราะเวลาที่ภิกษุรูปนี้ทำสมาธิลู่เหิงรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากเมื่อได้อยู่รอบตัวเขา ถึงแม้ว่าลู่เหิงจะกลายเป็นงูอย่างลึกลับ แต่สัญชาตญาณในตัวบอกเขาว่าต้องอยู่ข้างซื่อคง
ถึงกระนั้นความต้องการของงูตัวหนึ่งก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ในวันถัดมาลู่เหิงถูกนำมาปล่อยในป่าที่ไม่มีคนอาศัย
“ไปเสีย” ซื่อคงลูบศีรษะงูสีดำตัวเล็กอีกครั้ง ก่อนจะวางมันลงบนหญ้า
หัวใจของลู่เหิงเต้นด้วยความวิตก เขาเปิดปากงับที่นิ้วของซื่อคงเบาๆ พยายามใช้ดวงตาส่งสัญญาณว่าไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่อีกคนกลับบีบปากเขาเบาๆ และเอานิ้วออกไป
ซื่อคงเหลือบมองและเห็นงูสีดำตัวเล็กที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตหลังจากได้รับการรักษา ท้ายที่สุดจึงหมุนตัวจากไปโดยไม่มีอาการอาลัยอาวรณ์
ลู่เหิงตัดสินใจตามซื่อคงไปลับๆ หวังจะตามนักบวชที่ดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งรูปนี้ให้ทัน อีกอย่างเกล็ดเขาก็ยังดูดีมากและหากทำงานอย่างหนักบางทีเขาอาจกลายเป็นบริวารของนักบวชอาวุโสก็ได้ อย่างไรก็ตามอุดมการณ์อันสวยหรูของเขายังไม่ทันได้ถูกเติมเต็ม ร่างตรงหน้าเขาก็หายไปแล้ว เหลือเพียงเสียงดังวุ่นวายของนกภูเขาที่เย้ยหยันความไร้เดียงสาของลู่เหิง
ที่นี่ดูเหมือนจะมีเซียน? ลู่เหิงขยี้ตาอย่างแรง เมื่อกี้ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีขาวตรงหน้าเขาเพิ่งจะก้าวไปได้แค่สามก้าวจากนั้นก็หายไปจากสายตาเขา นี่คือการย่นระยะทางในตำนานหรือเปล่า? ลู่เหิงรู้สึกว่ามุมมองทั้งสามโลกของเขาพังทลาย เขาถูกชนกลางอากาศจากนั้นก็กลายเป็นงู เขายอมรับได้อย่างหมดใจ และตอนนี้ฉันพบว่ามีเซียนอยู่บนโลกนี้?
ลู่เหิงนอนลงบนหญ้าอย่างงุนงงพักใหญ่ก่อนจะรู้สึกหิว งูควรกินอะไร กบ? ลืมมันไปซะ มันน่าขยะแขยงจะตาย ลู่เหิงเงยหน้าขึ้นและพบรังนกบนต้นไม้ ไข่นกน่าจะโอเค
หลังจากดิ้นรนด้วยความยากลำบากและปรับตัวให้ชินกับการเคลื่อนไหวโดยไม่มีเท้า ในที่สุดลู่เหิงก็มาถึงข้างรังนก มองไข่สีขาวในรังแล้วลู่เหิงก็ค้นพบอย่างเศร้าๆ ว่าเขาดูเหมือนจะไม่อยากอาหาร อีกทั้งยังมีความรู้สึกรังเกียจในหัวใจอีกด้วย
ลู่เหิงพยายามอย่างหนัก ฝืนความพะอืดพะอมและกลืนไข่นกลงไป แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ เมื่อเขาเอาไข่เข้าปาก สัญชาตญาณของเขาดูเหมือนจะเตือนว่าทันทีที่เขากลืนมันลงไปจะมีบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้น
ฉันกำลังจะกลายเป็นงูหิวโซจนตายหรือเปล่า? เขาใช้หางเกี่ยวกับกิ่งไม้และแกว่งไปแกว่งมาในอากาศโดยเอาหัวลง แล้วคิดเกี่ยวกับชีวิตและความตายของตัวเอง ลู่เหิงคิดว่าตอนที่เขาอยู่กับซื่อคงเขาก็ไม่เคยได้กินอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นเวลาซื่อคงทำสมาธิลู่เหิงจะเกิดความรู้สึกอบอุ่น จากนั้นความรู้สึกหิวก็จะหายไป
เมื่อพิจารณาได้ถึงประเด็นสำคัญ เพื่อที่จะปกป้องชีวิตตนเอง ลู่เหิงจึงออกเดินทางเพื่อตามหาซื่อคง
—————————————————————————————
พระเอกใช่มั้ย!?!?! ถ้าเป็นพระเอกจริงๆน้องน่าจะได้ไปทัวร์นรกยาวๆ เขากำลังจะตรัสรู้แล้วด้วยไปทำเขาละทางโลกไม่ได้นี่น่าจะบาปหนักอยู่นะ55555555
หาข้อมูลพระพุทธหนักมาก ตอนเรียนยิ่งไม่เคยฟังด้วยความรู้เรื่องนี้เป็นศูนย์ค่ะ555555 แต่แปลไปแปลมาเริ่มสงสัยว่ามันเกี่ยวกับกำลังภายใน หรือสำนักปราบมารแบบมีพระมีปีศาจกันแน่
—————————————————————————————
คำศัพท์
Detestable = น่าชิงชัง
Relentless = ไม่ยอมผ่อนผัน, ไม่ไว้หน้า
Prevail = มีอำนาจเหนือกว่า, ชนะ
Lacerate = ฉีกขาด
Pane = บานกระจกหน้าต่าง
Befuddle = ทำให้สับสน, ทำให้มึนตึง
Ointment = ขี้ผึ้ง
Gauze = ผ้าโปร่ง, ผ้าแพร
Thoroughfare = ทางสัญจร
Vicissitudes = การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
Volition = การตัดสินใจด้วยตัวเอง, ความปรารถนา
Clamorous = เสียงดังวุ่นวาย
Nausea = อาการพะอืดพะอม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

//พนมมือรับ sin รับ porn😂
รู้สึกร้อนๆหนาวๆแบบแปลกๆยังไงไม่รู้ เฮ้อ สงสัยจะเป็นไข้ไม่สบาย 😶 // เลิ่กลั่ก
พี่พระ : ใจเย็นโยม ( ยืนเป็นพระปางห้ามญาติ )
เรือบาปแล่นแล้วจ้า ตกนาโร้กก กันหมดนี่แหละ