ตอนที่ 20 : Chapter 20
Chapter 20
ลู่เหิงนั่งเท้าคางขณะที่อยู่บนร่างของนกเผิงที่มีปีกสีทองซึ่งบางครั้งก็ปล่อยพลังที่ควบแน่นเป็นดาบเพื่อโจมตีเกราะป้องกันภูเขาไปด้วย ตอนแรกลู่เหิงใช้แขนเสื้อของเขาในการปัดการโจมตี แต่ต่อมาเขาก็ขี้เกียจจัดการเอง อย่างไรมันก็ไม่สามารถทำให้ร่ายกายเขาบาดเจ็บได้แม้แต่นิดเดียว มันไม่สามารถกระทั่งจะทำให้ขนนกของม้าชั่วคราวของเขากระเพื่อมด้วยซ้ำ
“ความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์ในเวลานี้ย่ำแย่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? กระทั่งพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ก็ยังเป็นเพียงพรรคระดับกลาง” ลู่เหิงหาวเงียบๆ หากเขาไม่กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายไป๋หลี เขาคงจะทำลายเกราะกำบังที่บางดุจแผ่นกระดาษนี้ให้สิ้นซากไปแล้ว
“ทูลองค์ราชา ยกเว้นพรรคระดับสูงที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์ในยามนี้นั้นไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงแม้แต่น้อย” นกเผิงปีกทองที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นม้าชั่วคราวของลู่เหิงตอบ ต้องรู้ว่ามันดิ้นรนพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้มากมายเพียงใดกว่าจะได้รับเกียรติให้กษัตริย์ประทับลงบนแผ่นหลังของมันได้ นกเผิงปีกทองบันทึกช่วงเวลาอันมีเกียรติของมันไว้ในลูกปัดรูปภาพอย่างลับๆ และวางแผนที่จะเอากลับไปให้นกตัวอื่นๆ ในกลุ่มอิจฉาเล่น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเกราะป้องกันของภูเขาขนาดใหญ่ก็เผยให้เห็นชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดขาวทั้งตัว รูปลักษณ์ภายนอกและลักษณะหน้าตาของอีกฝ่ายทำให้เจ้าตัวดูเหมือนตัวอย่างของผู้รอบรู้เรื่องเต๋าอมตะ
“สาวกเต๋าผู้ต่ำต้อยผู้นี้มีนามว่าชิงคงจื่อ ขออนุญาตถาม สหายเต๋าท่านนี้มีธุระอันใดที่นี่หรือ?” ชายชราค้อมตัวทักทายลู่เหิงด้วยความนอบน้อม
ลู่เหิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องมารยาทของเผ่ามนุษย์และให้นกเผิงปีกทองเป็นคนตอบแทน
“สาวกเต๋าชราผู้นี้คิดว่าตนเป็นคนรุ่นเดียวกับราชาของเราและคู่ควรที่จะได้รับการทักทายจากพระองค์เป็นการส่วนตัวหรืออย่างไร?” นกเผิงปีกทองก็เป็นสัตว์ที่ทรงพลังในเผ่าปีศาจเช่นกัน ปากของมันพ่นเปลวเพลิงออกมา เพลิงนั้นเคลื่อนตัวเร็วมาก ทำให้ชุดหางเสือท่อนล่างของชิงคงจื่อไหม้เกรียม
(คิดว่าชุดหางเสือน่าจะหมายถึงเสื้อคลุมสีส้มอันนี้ของลัทธิเต๋านะคะ)
ไม่แปลกใจเลยที่นกเผิงปีกทองตัวนี้จะเจ้ากี้เจ้าการมาก เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าปีศาจและมนุษย์ไม่ค่อยลงรอยกันนัก แม้ว่าไป๋หลีจะถูกช่วยโดยพรรคของมนุษย์แต่ไป๋หลีก็ใสซื่อ ดังนั้นแม้เผ่าปีศาจจะคิดว่าพรรคผู้ฝึกตนพรรคนี้ซ่อนเร้นเจตนาร้าย แต่องค์ราชาให้ความใส่ใจไป๋หลี และด้วยความแข็งแกร่งขององค์ราชาจึงไม่มีปีศาจตนใดยื่นคำคัดค้านต่อพระองค์ที่ต้องการไปรับไป๋หลีด้วยตนเอง
ใบหน้าชิงคงจื่อเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบแสดงภาพลักษณ์ถ่อมตัวอย่างรวดเร็ว “สาวกเต๋าผู้ต่ำต้อยผู้นี้ล่วงเกินแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองมีคำกล่าวแนะนำอันใดหรือไม่”
มองสาวกเต๋าที่แก่ชราทำตัวเป็นผู้เยาว์แล้วนกเผิงปีกทองรู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ข้าได้ยินมาว่าไป๋หลีของเผ่าข้าอยู่ที่นี่กับเจ้า? บอกนางว่ามีคนมารับนางกลับ”
“นางฟ้าผู้สูงศักดิ์ไป๋หลีเป็นแขกของพรรคเรา แต่นางฟ้าไป๋หลีกล่าวว่านางเพียงต้องการพบราชาปีศาจ”
“ได้” ลู่เหิงเปิดปาก นกเผิงปีกทองที่กำลังจะมีโทสะสงบลงทันที “เจ้ารอที่นี่ ข้าจะนำตัวไป๋หลีออกมา”
“ขอรับ” คำสั่งของราชาปีศาจไม่เคยมีใครในเผ่าปีศาจเคยกล่าวคำคัดค้าน ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครในเผ่าปีศาจเชื่อว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้จะสามารถทำร้ายกระทั่งเส้นผมของราชาได้ด้วยซ้ำ
ชิงคงจื่อพาลู่เหิงตรงไปยังด้านหลังของพรรค ก่อนจะเห็นไป๋หลีที่อยู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมของนางถูกห่อหุ้มด้วยเกราะสีทองเปล่งประกาย รูปลักษณ์ดั้งเดิมของไป๋หลีคือกระต่ายหิมะสีขาวซึ่งดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวกับหยก ดวงตากลมโตของกระต่ายที่เห็นลู่เหิงมีน้ำตาเอ่อคลอทันที
“เจิง ท่านมาแล้ว ข้ารู้สึกเจ็บปวดไปหมด” หางของไป๋หลีตั้งขึ้นเล็กน้อยและเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความเจ็บใจ ในอดีตเมื่อนางถูกรังแกโดยเผ่าปีศาจนางก็จะไปหาลู่เหิงแบบนี้เช่นกัน
เผ่าปีศาจเป็นสถานที่ที่ยึดถือในเรื่องความแข็งแกร่ง ปีศาจตัวเล็กๆ เช่นไป๋หลีจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก บ่อยครั้งที่คนเหล่านั้นมีปัญหากับไป๋หลีและทำร้ายนางเตือนนางให้อยู่ห่างจากราชา ถึงแม้ว่าลู่เหิงจะสอนนางบำเพ็ญเพียรอย่างถ้วนถี่และจัดหาทรัพยากรมีค่ามาให้ทั้งหมด แต่เกี่ยวกับจริยธรรมของเผ่าปีศาจ ตราบใดที่ไป๋หลีไม่ได้ถูกคุกคามเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป เพราะเหตุนี้ไป๋หลีจึงไม่อยากแต่งงานกับลู่เหิง นางรู้สึกว่าลู่เหิงไม่รู้วิธีดูแลภรรยาในอนาคตของเขาเอาเสียเลย
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” ลู่เหิงพยักหน้าและเหลือบตามองไป๋หลีผ่านๆ
“ข้าถูกผู้ฝึกตนฝั่งอธรรมโจมตีเพื่อแย่งชิงแกนปีศาจ เมื่อข้าตื่นมาข้าก็พบว่าตนเองถูกประมุขพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ช่วยไว้” การทำจมูกฟุดฟิดของไป๋หลีรวมกับดวงตากลมโตฉ่ำน้ำทำให้นางดูน่าสงสารจนสามารถทำให้คนละลายได้จริงๆ “เจิง จากนั้นข้าก็พบว่าร่างข้ากลับสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว ประมุขชิงคงจื่อกล่าวว่าพวกเขาไม่รู้วิธีรักษาปีศาจ ข้าเชื่อใจท่านเท่านั้น ข้าไม่เชื่อใจปีศาจตนอื่น ข้ากลัว...”
มุมปากของลู่เหิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ทัศนคติของเขาที่มีต่อไป๋หลียังคงเป็นเช่นเดิม “ไร้ฝีมือและยังออกจากเผ่าอาจหาญ ไม่ใช่ว่าความเจ็บปวดของเจ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้หรือ?”
ไป๋หลีที่เจ็บปวดจากความอยุติธรรมกระโดดไปข้างหน้าก้าวหนึ่งและหยุดลง “ข้าไม่สามารถออกจากกระบวนนี้ได้ตอนนี้ ผู้อาวุโสบอกว่าข้าบาดเจ็บมากเกินไปหากข้าออกไปแกนปีศาจของข้าจะพังทลาย”
“ไม่ใช่ปัญหา ข้าจะช่วยและปกป้องเจ้าด้วยปราณปีศาจของข้า” พูดจบลู่เหิงก็ก้าวเข้าไปในใจกลางของกระบวน
เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โซ่สีทองหลายเส้นระเบิดออกมาจากกระบวนนั้นและจับกุมลู่เหิงอย่างแน่นหนา ภายนอกกระบวน นอกจากชิงคงจื่อที่ยืนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือแล้วในอีกเจ็ดตำแหน่งก็มีคนยืนอยู่เช่นกัน ผู้ฝึกตนเหล่านั้นสวมชุดพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ก้าวเข้ามาทางประตู ลักษณะโอ่อ่าของกระบวนทั้งหมดเปลี่ยนไปกะทันหัน มันกลายเป็นกระบวนสังหารจากการรวมพลังของพวกเขา
“ประมุขชิงคงจื่อ ท่านกำลังทำอะไร!?” ไป๋หลีร้องไห้
“อะแฮ่ม เจ้าและปีศาจตนอื่นๆ ไม่ได้ฆ่าเพียงครอบครัวของข้า แต่ยังฆ่าพลเมืองในเผ่าเราอีกด้วย พวกเราจะกำจัดปีศาจร้ายเดี๋ยวนี้! เริ่มเลย!” ชิงคงจื่อตอบคำถามของไป๋หลีตรงๆ
ลู่เหิงเลิกคิ้วและสะบัดแขนเสื้อ โซ่กลายเป็นจุดแสงเล็กๆ ก่อนจะหายไปในอากาศ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวช้าๆ ยกหูไป๋หลีขึ้นและยัดนางเข้าไปในช่องเก็บของของชุดที่สวมอยู่ นิ้วของเขาโบกไปในอากาศฉีกหลุมขนาดใหญ่ให้เปิดออก
ใบหน้าของชิงคงจื่อเปลี่ยนและกัดปลายลิ้นของตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพ่นเลือดลงบนค่ายกลขนาดใหญ่ ที่เหลืออีกเจ็ดคนก็ทำตาม กระบวนที่ริบหรี่ในตอนแรกกลับมาเสถียรอีกครั้ง หลังจากนั้นชิงคงจื่อก็เอาของวิเศษรูปร่างคล้ายเชือกออกมาโยนขึ้นในอากาศ ทันใดนั้นเชือกก็กลายเป็นมังกรฟ้าและว่ายวนอยู่ในอากาศ
“น่าสนใจนิดหน่อย” ลู่เหิงพูด พรรคน้ำพุพิสุทธิ์มีชิ้นส่วนของเชือกวิเศษระดับเซียนอยู่จริง ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ก็ตามแต่พลังของมันก็ไม่สามารถประมาทได้
มังกรฟ้าคำรามทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นไหวจากนั้นก็พุ่งโจมตีลู่เหิง ลู่เหิงไม่กล้าทำตัวเอื่อยเฉื่อย เขาพลิกฝ่ามือและแส้ยาวสีดำที่มีแสงสีทองแผ่ออกมาก็ปรากฏขึ้นมา นี่คือของอาวุธวิเศษของราชาปีศาจงูปาเสอซึ่งมีนามว่าซื่อเฉิน (弑神 shì shén : ผู้ฆ่าพระเจ้า)
ลู่เหิงคว้าแส้ยาวและพุ่งเข้าจู่โจมมังกรฟ้าทันที แส้ที่สะบัดผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงลมที่พัดแหวกอากาศและเสียงฟ้าร้องดังครืนขึ้นพร้อมกัน มังกรฟ้าพลิกตัวกลางอากาศพยายามที่จะหลบหลีกแส้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตดังนั้นการตอบสนองของมันจึงค่อนข้างช้า เมื่อลู่เหิงเปลี่ยนตำแหน่ง ปลายแส้ก็ตบเข้าที่คอของมังกรฟ้าอย่างมุ่งร้าย ทำให้มันกลิ้งตลบไปหลายสิบจั้ง* ก่อนที่ร่างกายของมันจะค่อยๆ จางลง ในตอนที่มันเคลื่อนตัวผ่านเขานั้นเขาได้เคลื่อนไหวตอบโต้ไปหลายร้อยครั้งเป็นการตอบแทน (จั้ง แปลว่า ฟุต)
เมื่อเห็นมังกรฟ้าร่วงลงมา ทุกคนในพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ก็รีบเพิ่มพลังวิญญาณเพื่อตรึงค่ายกลเอาไว้และสร้างโซ่เพิ่มขึ้นเพื่อจับกุมลู่เหิง ลู่เหิงไม่ได้รู้สึกกลัวแต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เขาพลันรู้สึกถึงแรงสั่นไหวที่แขน
ลู่เหิงมองลงและเห็นว่ากระต่ายหิมะในเสื้อคลุมกำลังสั่นราวกับตะแกรงร่อนแกลบ หลักฐานคือเลือดที่ไหลออกมาจากรูจมูกของนาง ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะครอบงำจิตใจของนาง ไป๋หลีที่ยังไม่ได้รับการรักษาเพียงพอทำให้นางไม่สามารถทนได้
“ข้าจะส่งเจ้าออกไปก่อน” ลู่เหิงทำให้โซ่แตกกระจายและกระซิบบอกไป๋หลี
“นั่น... เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร ข้าทิ้งท่านไว้คนเดียวไม่ได้” ไป๋หลีหอบและกล่าวเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง คนพวกนี้ไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกกลัวแม้แต่น้อย หลังจากออกไปจะเห็นนกเผิงปีกทอง ตามเขากลับไปที่แดนปีศาจเสีย” หลังจากนั้นลู่เหิงก็จงใจเผยจุดอ่อนทำให้มังกรฟ้ารีบพุ่งเข้ามาโจมตีทันที จากนั้นเขาแหวกช่องว่างในค่ายกลขนาดใหญ่ แล้วส่งไป๋หลีออกไปหาปีศาจที่อยู่ข้างนอกพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ด้วยปราณปีศาจของเขา
ในตอนที่ไป๋หลีจากไป ลู่เหิงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในเสื้อผ้าของเขาเพิ่มขึ้นมา แต่เขายังไม่มีเวลาจะสนใจมันและหันไปจดจ่อที่มังกรฟ้าและพรรคน้ำพุพิสุทธิ์แทน
เมื่อเวลาผ่านไปมังกรฟ้าและพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ก็ค่อยๆ ถูกลู่เหิงกำราบลงช้าๆ รูปร่างของมังกรฟ้าเริ่มโปร่งใสขึ้นเรื่อยจนเกือบจะหายไป ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง หมู่เมฆดำมืดครึ้มพลันเริ่มรวมตัวกันกลางอากาศ เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องเป็นระยะ
ทัณฑ์สายฟ้า! หายใจของลู่เหิงตกอยู่ในความบ้าคลั่งเพราะสถานการณ์นี้มันไม่ถูกต้อง นี่ไม่ควรเป็นเวลาที่เกิดการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สายฟ้าแปลกๆ นี้โผล่มาจากไหน? มันเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ลู่เหิงจะทำให้เกิดปฏิกิริยามากเกินไปจนก่อให้เกิดทัณฑ์สายฟ้า สายฟ้าสีม่วงจากเมฆดำผ่าลงมาที่จิตวิญญาณของลู่เหิง มังกรฟ้าและพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ที่พบเจอโอกาสทองเช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร การกระทำอันอุกอาจของพวกเขาจู่ๆ ก็ได้รับการต่อชีวิตใหม่ ทันใดนั้นพวกเขาก็แสดงท่าทีดุร้าย
หลังจากสายฟ้าสามสายผ่าลงมา ที่ปากของลู่เหิงก็ปรากฏเลือดซึมออกมา นอกจากการลงทัณฑ์ที่เป็นอันตรายแล้วยังมีศัตรูที่จ้องมาที่เขาด้วยความละโมบ ดูจะไม่ฉลาดนักที่จะอยู่แบบนี้เป็นเวลานานๆ
โชคดีที่ลู่เหิงมีแผนสำรองฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดที่จะทำให้ผิวหนังของเขาถูกเฉือนซ้ำๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี ลู่เหิงเลือกที่จะหายตัวด้วยพลังเวทเมื่อสุยซินตอบสนองต่อเขา นี่ไม่ใช่เวทเคลื่อนย้ายธรรมดาๆ ไม่ว่ากระบวนเวทที่ทรงพลังแค่ไหนที่กักขังเขาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเวทของสุยซินเขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้อยู่ดี
ไม่มีความต้องการในเวลานี้แต่จะทำทันทีที่ท่านพูด วินาทีที่ลู่เหิงอธิษฐาน ของวิเศษของเผ่าปีศาจก็บินออกมาจากหูเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงคำอธิษฐานของลู่เหิง สุยซินก็ปลดปล่อยแสงสีขาวแพรวพราวออกมาครอบคลุมลู่เหิง รอจนกระทั่งแสงสีขาวกระจายออกไป ค่ายกลกักขังปีศาจก็กลับกลายเป็นความว่างเปล่า เหลือเพียงคนของพรรคน้ำพุพิสุทธิ์ที่เผชิญหน้ากัน มังกรฟ้าเองก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน หลังจากโซเซสองสามครั้งมันก็หายไปในอากาศและกลับเป็นเชือก มัดเชือกเซียนที่ยังไม่ทันตกพื้นพลันกลายเป็นผง ของวิเศษระดับเซียนที่ไม่สมบูรณ์ท้ายที่สุดก็สลายเศษผงเสี้ยวสุดท้ายระดับเซียนที่เหลืออยู่ไปและหายไประหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์
ชิงคงจื่อที่เห็นแบบนั้นกระอักเลือดออกมาและล้มลงบนพื้น เขาไม่ได้ทราบเลยว่าใบหน้าของเขาตอนนี้ดูแก่ขึ้นเป็นสิบปี คราวนี้ในขณะที่รับมือกับเรื่องต่างๆ เขาได้ฝืนใช้พลังฝึกตนของตนเองเพื่อสนับสนุนของวิเศษระดับเซียน แต่สุดท้ายก็ยังล้มเหลวในการจับกุมราชาปีศาจอีกทั้งยังทำลายอาวุธเซียนลงอีกด้วย ชีวิตของชิงคงจื่อมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เวลานี้พลังชีวิตของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก น่ากลัวว่าเขาอาจจะจากไปในวันถัดไปเลยก็ได้ พรรคน้ำพุพิสุทธิ์ที่สูญเสียประมุขและของวิเศษระดับเซียน การจะหาจุดยืนในเทือกเขาหยกลอยน้ำนั้นเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย พรรคชั้นกลางขนาดใหญ่เริ่มจะลดขนาดลงอย่างช้าๆ
---------------------------------------------------------------------
คำศัพท์
Decimate = ทำลายยับเยิน, สังหารหมู่
Garb = แต่งตัว, สวมเสื้อผ้า
Courtesy = ความมีมารยาท, ความนอบน้อม
Domineering = ครอบงำ, ควบคุม
Ethos = ลักษณะพื้นฐานทางด้านสังคมที่มีร่วมกันของกลุ่มคน
Harbor = เก็บไวในใจ, ซ่อนเร้น
Juncture = ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
Sieve = ตะแกรง, คนเก็บความลับไม่อยู่
Chaff = แกลบ, เปลือกข้าว
Billow = ลูกคลื่น, คลื่นยักษ์
Intermittent = เป็นพักๆ, ไม่ต่อเนื่อง
Frenzy = ความบ้าคลั่ง
Covetously = ละโมบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

//ตัวเอกนี่มันโง่ทุกโลกเลยเนาะ😏
กลับไปนี่ต้องตบนางเอกออกไปนอกโลกนะ
อ่านเรื่องไหนๆพรรคธรรมะก็หาเรื่องรังแกมารทุกเรื่อง สมหน้า โลภนัก