ตอนที่ 2 : Chapter 2 [RW]
Chapter 2
หลังจากฝึกเสร็จ ไลท์เบรนที่ข้อมือของลู่เหิงก็ส่งเสียงดังขึ้นมาให้เห็นว่ามีสายเข้า เขาสามารถจดจำปลายสายได้ทันทีและดูเหมือนจะเป็นคนคุ้นเคยเสียด้วย
ทันทีที่กดปุ่ม ในอากาศพลันปรากฏภาพโฮโลแกรมของทหารหนุ่มขึ้นมา ใบหน้าเขาดูกระปรี้กระเปร่าและเป็นมิตร จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเป็นเบ้าลึก เส้นผมสีแดงของเขายุ่งเล็กน้อย กระดุมบนเสื้อสองสามเม็ดแรกถูกปลดออกเผยให้เห็นกล้ามหน้าอกที่แข็งแรง เครื่องแบบทหารถูกวางพาดไว้บนไหล่ องค์ประกอบทั้งหมดทำให้ชายนี้ดูดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด คนคนนี้คือฮิววิตต์
“โย่ว นานาน้อยกำลังฝึกเหรอ แก้มแดงก่ำเลย ทำให้ฉันนึกถึงอดีต...”
“ท่านผู้บังคับบัญชา มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ลู่เหิงขัดจังหวะเขาด้วยใบหน้าว่างเปล่าทันทีที่ฮิววิตต์เริ่มพูดเกี่ยวกับอดีต เขาไม่อยากให้บทสนทนากลับไปที่หัวข้อนี้ในช่วงนี้
“ฉันว่าตอนนี้เรามีเวลาเยอะมาก เราสามารถพูดถึงอดีตเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้นะ” ฮิววิตต์เหมือนกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง เหมือนเขาอยากจะแสดงออกมาแต่ไม่สามารถแสดงออกมาทั้งหมดได้
“ท่านผู้บังคับบัญชา มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ลู่เหิงพูดย้ำเสียงเย็น
ฮิววิตต์ทำท่าเหมือนกำลังจะพูดบางอย่าง ก่อนที่เสียงนุ่มจะเอ่ยขัด “ฮิววิตต์ จะดีมากถ้าคุณระมัดระวังกว่านี้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นรองผู้บัญชาการไรเนอร์อาจจะวางหูใส่คุณอีกครั้งก็ได้”
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปชั่วขณะ และคล้ายมันจะย้ำเตือนถึงฉากการสนทนาครั้งก่อน หลังจากนั้นครู่หนึ่งฮิววิตต์ก็สวมรอยยิ้มบนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว “ไรเนอร์ มาที่ห้องบัญชาการหน่อยสิ มีข้อมูลสำคัญจะบอก”
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
น่าแปลกใจที่คนบุคลิกต่างกันสุดขั้วอย่างสองคนนี้สามารถเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ลู่เหิงหยิบแว่นตาบนโต๊ะมาวางบนดั้งก่อนจะเดินออกจากห้อง
ลู่เหิงเดินข้ามสะพานยาวไปที่ห้องบัญชาการซึ่งอยู่ส่วนหน้าของยานอวกาศ แผ่นหลังเหยียดตรง ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างระมัดระวัง รองเท้าบูตทหารที่เหยียบลงบนพื้นแข็ง ๆ ทำให้เกิดเสียง “เอี๊ยดอ๊าด” ตลอดทาง
ทหารที่เห็นลู่เหิงยกมือทำความเคารพตลอดทาง บางทีน่าจะเกี่ยวกับบุคลิกของผู้บัญชาการ หน่วยสายลมและสายฟ้าไม่ได้เข้มงวดเท่ากองทัพอื่นๆ โดยปกตินอกเวลาภารกิจบรรยากาศในยานจะค่อนข้างผ่อนคลายและเป็นกันเอง แต่นั่นไม่รวมถึงตอนที่ลู่เหิงปรากฏตัว ด้วยการวางตัวที่เคร่งขรึมและไร้อารมณ์ตลอดเวลาทำให้เขาเป็นตัวอย่างของความเคร่งครัดในสายตาคนอื่นอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับตลอดเวลายิ่งทำให้เขาเหินห่างจากคนอื่น ความจริงในหน่วยสายลมและสายฟ้าก็มีเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นกันที่ไม่พอใจเขา
ทหารที่เพิ่งทำความเคารพลู่เหิงเสร็จมองแผ่นหลังของเขาและหายไปที่มุมทางเดิน ทันทีที่ลับสายตาเขาก็ดึงหางตาขึ้น ล้อเลียนใบหน้าเย็นชาของลู่เหิง เพื่อนร่วมงานของเขาไหล่สั่นและยิ้มเล็ก ๆ แต่เขาไม่กล้าที่จะหัวเราะเสียงดัง พวกเขาไม่คิดที่จะท้าทายความสามารถในการได้ยินระดับ 3S หรอกนะ
หลังจากที่วางสาย ฮิววิตต์ก็ตบโต๊ะด้วยสีหน้าบึ้งตึงและพูดกับตัวเองว่า “นี่ดูน่าสนุกขึ้นเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกอยากแกล้งนานาน้อยจนกว่าเขาจะหน้าแดงจริง ๆ”
“ฮิววิตต์ คุณกับรองผู้บัญชาการไรเนอร์สนิทกันมากเหรอ?” เด็กหนุ่มคนที่กล่าวดูบอบบางเป็นอย่างมาก ผิวเขาขาวและละเอียดราวกับครีม ริมฝีปากราวกลีบดอกไม้ ลาดไหล่เล็ก และเอวเพรียวบาง นี่คือความงดงามของโอเมก้า
“ใช่ พวกเรารู้จักกันตั้งแต่สามขวบ ตอนนั้นนานาน้อยน่ารักพอ ๆ กับคาร์โลน้อยเลยล่ะ” ยิ่งพูดเขายิ่งคิดถึงไรเนอร์ตัวน้อย ๆ ที่เชื่อฟังและหลอกง่าย ตอนนั้นอีกฝ่ายช่างน่ารักและขี้อาย ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้กัน... เหมือนชายแก่ที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัยทางการทหาร
แม้ไรเนอร์ตอนเด็กจะขี้อาย แต่ก็ค่อนข้างดื้อทีเดียว ฮิววิตต์ถอนหายใจในใจหลายครั้ง
คาร์โลเบิกตากว้าง ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอ? ผมคิดว่ารองผู้บัญชาการไรเนอร์เป็นคนเคร่งขรึมมาก ตอนผมเจอเขาครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนกำลังมองผู้บัญชาการอยู่เลย”
“ได้ยังไง! ตอนนั้นพวกเรายังอยู่ในสถาบันอยู่เลยนะ ไอเดียแย่ ๆ ต่าง ๆ ก็มาจากนานาน้อยทั้งนั้น ช่วงเวลาเหล่านั้นช่างเต็มไปด้วยความสุขจริง ๆ” ฮิววิตต์ยืนขึ้น จู่ ๆ ก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ “นายรู้ไหม ตอนพวกเราอยู่ในค่ายฝึกอาจารย์...”
“ตอนผมอยู่ในสถาบัน ผมได้ยินหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับหัวหน้า นั่นทำให้ผมตัดสินใจที่จะเข้าหน่วยสายลมและสายฟ้า” คาร์โลเอ่ยขัดฮิววิตต์ด้วยความอึกอัก
เพราะเหตุการณ์ในอดีตถูกขัดถึงสองครั้ง ฮิววิตต์จึงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่เขาค่อนข้างมีความอดทนกับคาร์โลมาตลอด พอคิดตามคำพูดของคาร์โล ฮิววิตต์ก็พูดบางสิ่งที่น่าสนใจในสถาบันทหารขึ้นมา และนั่นทำให้อีกฝ่ายฟังแล้วหัวเราะไม่หยุด
ในขณะที่ทั้งคู่พูดคุยด้วยความสนุกสนาน ประตูห้องบัญชาการก็เปิดออกทำให้คาร์โลเงียบลงทันที
บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ลู่เหิงที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่ได้รู้สึกอะไร เขาทำความเคารพฮิววิตต์และนั่งลงที่ขวามือของอีกฝ่าย
“งั้นมาเริ่มกันเลยเถอะ” ฮิววิตต์ให้สัญญาณด้วยการพยักหน้า ก่อนจะกดสวิตช์จอโฮโลแกรม
สิ่งที่ปรากฏกลางอากาศคือดาวเคราะห์สีเหลือง นั่นเป็นดาวเคราะห์กลางที่ไม่ได้เป็นของสหพันธ์มนุษย์ซึ่งมีทรัพยากรเพียงน้อยนิดและทรายสีเหลือง นี่เป็นสวรรค์สำหรับอาชญากร นักต้มตุ๋น ขโมย กลุ่มผู้ก่อการร้าย และฆาตกรทุกคน สถานที่แห่งนี้ไม่มีทั้งกฎและข้อบังคับ
“จากข้อมูลที่เชื่อถือได้บอกว่าตอนนี้เอเรดานซ่อนตัวอยู่ในนาเบียเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฟริเซียน” ฮิววิตต์ซูมดาวเคราะห์เข้าไปจนเห็นที่ตั้งของเมืองทางทิศเหนือ
“เขาต้องการกำจัดแผนที่เส้นทางดวงดาวที่ขโมยไปในการประมูล?” ลู่เหิงขมวดคิ้ว
“บิงโก! นานาน้อยฉลาดจริง ๆ” ฮิววิตต์หัวเราะ เขาดูลู่เหิงจ้องไปที่ภาพฉายด้วยความจริงจังและเมินคำพูดของเขาอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะยักไหล่และเริ่มพูดต่อ “พวกเราต้องตามหาเขาก่อนการประมูล และเอาแผนที่กลับมา”
“ด้วยฐานะกองทัพ พวกเราไม่สามารถเข้าไปในฟริเซียนอย่างเปิดเผยได้ ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่มีปัญหา สภาก็ได้มีคำสั่งอย่างจริงจังลงมาที่สำนักงานทหาร” ลู่เหิงพูด
“เรื่องนี้ได้ปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว” คาร์โลที่เงียบมาสักพักพูดขึ้น “ฮิววิตต์เสนอว่าพวกเราสามคนสามารถหลบเข้าไปเงียบๆ ได้”
ลู่เหิงที่ได้ยินแบบนั้นยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมแทนที่จะคลายออก
ภารกิจนี้เป็นงานที่อาการติดสัดของคาร์โลจะทำให้สถานะของอีกฝ่ายถูกเปิดเผยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเวลาที่เพื่อนและเส้นทางชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เอเรดานเป็นกบฏที่ขโมยแผนที่ดวงดาวทางการทหารที่เพิ่งถูกวาดไป แร่ดวงดาวหลายชนิดที่ยังไม่ถูกค้นพบถูกมาร์กลงในแผนที่ทำให้มันเป็นของที่ค่อนข้างมีราคา ภารกิจนี้คือการตามล่าเอเรดานและหาแผนที่ดวงดาว
พ่อของคาร์โลเสียสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตฮิววิตต์ นั่นจึงทำให้เขาชื่นชอบอีกฝ่ายเป็นพิเศษ แต่นั่นเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลเกินไปที่จะพาสมาชิกใหม่ไปทำภารกิจที่สำคัญอย่างนี้
คาร์โลที่สังเกตเห็นท่าทางไม่อนุญาตของลู่เหิง หันไปมองตาฮิววิตต์ด้วยความเจ็บปวดจากการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม เมื่อเห็นท่าทางเหมือนจะไม่ทำอะไร เขาจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมา “ถึงแม้ว่านี่จะเป็นภารกิจแรกของผม แต่ผมจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอนครับ”
ลู่เหิงเคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ “ผู้บัญชาการ นี่เป็นภารกิจที่สำคัญมาก คุณควรพิจารณาสมาชิกที่จะร่วมทีมอย่างรอบคอบ”
คาร์โลก็ยืนขึ้นและเบิกตากว้างทันที แต่ตาของเขากลับมองไปที่ฮิววิตต์ “ฮิววิตต์ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยครับ”
ลู่เหิงที่รู้สึกเพลิดเพลินกับการต่อต้านกระตุกยิ้มมุมปาก พวกเขาคู่ควรกับการเป็นคู่แห่งโชคชะตาจริง ๆ เหรอ? คาร์โลซึ่งเป็นแค่ทหารชั้นสองสามารถเรียกชื่อผู้บัญชาการห้วน ๆ ได้ด้วย?
ฮิววิตต์ตบเบา ๆ ที่ไหล่ของอีกฝ่ายแล้วปลอบใจ “นายไม่ต้องกังวลคาร์โล ไรเนอร์ให้คาร์โลไปจะเป็นประโยชน์กับภารกิจนี้มากกว่านะ พวกเราต้องปลอมตัวเป็นหัวขโมยระหว่างดาว แล้วหัวขโมยประเภทไหนที่จะไม่มีโอเมก้าสวย ๆ คอยร่วมงานด้วยกัน?”
เขาแบมือออก “ดูทีมเราสิ ใครจะแสร้งทำเป็นโอเมก้าได้นอกจากคาร์โล”
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคิดว่าคาร์โลไม่เหมาะอยู่ดี เขาใช้โควตาพิเศษในการสมัครเข้าหน่วยสายลมและสายฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นคาร์โลเป็นทหารชั้นสองที่เคยปฏิบัติแค่สามภารกิจ อีกทั้งยังเป็นภารกิจระดับเอฟที่แค่ต้องรอเคลียร์สนามรบเท่านั้น และที่สำคัญระดับของเขายังอยู่ในระหว่างการฝึก ความสามารถของเขาไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วมภารกิจระดับเอ”
คาร์โลหน้าแดงเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลู่เหิง กระทั่งดวงตาเขาก็ยังแดง เขาขบริมฝีปากแล้วกล่าวอย่างต่อต้าน “ผมทำได้ ผมจะพยายาม”
“ไรเนอร์ นาย...” ฮิววิตต์รู้สึกว่ามันวุ่นวายไปหมด แล้วขยี้ผมตัวเองทำท่าคล้ายกำลังกลืนบางอย่างที่ไม่น่าอภิรมย์ “สมรรถภาพของคาร์โลในโรงเรียนดีมาก การให้โอกาสเขาได้ฝึกปฏิบัติจริงจะทำให้เขาเติบโตเร็วขึ้น”
“รองผู้บัญชาการไรเนอร์ ผมจบการศึกษาด้วยเกรด A+...” คาร์โลพูดตะกุกตะกัก
ลู่เหิงที่ได้ยินแบบนั้นกดลงบนไลท์เบรนที่ข้อมือ หน้าจอโปร่งแสงเด้งขึ้นมาเผยให้เห็นใบแสดงผลการศึกษาของคาร์โล “จากใบแสดงผลการศึกษาของนายทหารชั้นสองคาร์โล เม็ก คะแนนภาคทฤษฎีคือ S ภาคปฏิบัติ B คะแนนโดยรวมคือ A+ ระดับความเสี่ยงของฟริเซียนในสารบัญดาวเคราะห์คือ A”
เขาไม่ได้แคร์ว่าคาร์โลจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร ลู่เหิงยังตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับเกี่ยวกับดาวฟริเซียนอีกด้วย
“อย่างแรกพายุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การประจันหน้ากับมันครั้งแรกสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของสมอง อย่างที่สองฟริเซียนเป็นดาวที่ปกครองตนเอง กฎระเบียบยุ่งเหยิงวุ่นวายเป็นอย่างมาก และเกือบครึ่งของอาชญากรระดับ 3S ที่มีค่าหัวซ่อนอยู่ที่นั่น สรุปได้ว่าหากสมาชิกใหม่ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวมีมากกว่า 80%”
มองใบหน้าเฉยเมยของลู่เหิง และฟังน้ำเสียงห่างเหินที่กล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว ฮิววิตต์พลันรู้สึกจนปัญญาและค่อนข้างโมโห ภายใต้อารมณ์ที่ผสมปนเปกัน ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าทุกอย่างที่ลู่เหิงพูดเป็นความจริง แต่ปากเขากลับพูดไปโดยไม่คิด “ตามระเบียบข้อบังคับทางการทหาร รองผู้บัญชาการมีสิทธิแค่ทำการเสนอแนะเท่านั้น แต่การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ในมือผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการสามารถปรับเปลี่ยนการตัดสินใจได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น!”
กระทั่งก่อนจะพูดจบประโยค ฮิววิตต์ยังรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างเกินไป เขาเกาศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก
“น้อมรับคำสั่งครับท่าน” ลู่เหินไม่ได้รู้สึกอะไร เขาพยักหน้าแล้วเก็บข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการประมูลลงไลท์เบรน “เนื่องจากสมาชิกได้ถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราจะประชุมเกี่ยวกับรายละเอียดภารกิจกันเลย”
เห็นการแสดงออกของลู่เหิงแล้ว ความหงุดหงิดในใจของฮิววิตต์ก็ยิ่งหนักขึ้นจนเผลอเหม่อลอย แต่อย่างไรการเตรียมตัวเกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ก็เป็นหน้าที่ของรองผู้บัญชาการอยู่แล้ว การเหม่อลอยของฮิววิตต์จึงไม่ได้มีผลกระทบต่องานของลู่เหิง
---------------------------------------------------------
คำศัพท์ ^ↀᴥↀ^
Adjutant = ผู้ช่วย, นายทหารคนสนิท
Cursory = อย่างรวดเร็ว, คร่าวๆ , ลวกๆ
Demeanor = พฤติกรรม, การวางตัว
Epitome = บุคคลตัวอย่าง, การสรุปความ
Impeccable = ไม่มีข้อบกพร่อง
Sullen = บึ้งตึง, มืดครึ้ม
Gullible = โดนหลอกง่าย
Pedantic = อวดความรู้, ชอบคุยฟุ้ง
Unceasingly = อย่างต่อเนื่อง, ไม่รู้จบ
Shrug = ยักไหล่
Diverge = แตกต่างกัน, เปลี่ยนทิศทาง
Perseverance = ความมานะอุตสาหะ
Hasten = รีบเร่ง, กุลีกุจอ, ผลุนผลัน
Stutter = พูดตะกุกตะกัก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบมากคะ
ย้อนกลับมาอ่านก็อิหวังวะ เหมือนเดิม
ไรต์น่ารักมากเลยค่ะ มีแถมคำศัพท์ให้ด้วย
แบบเหมือนจริงๆแล้วฮิวก็แคร์ไรเนอร์อยู่นะแต่ก็นั่นแหละเหมือนถูกจำกัดด้วยบทอยู่ 55555+
น่าสนุกจัง อิอิ