ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ...โซเรน...
คำอธิบายเพิ่มเติม : บรรยายฉากต่อสู้ไม่เป็น...
                          ...มากๆ ...
--------------------------------------------------------
    เคร้ง!!!
    “โอย....” เสียงของผู้โจมตีที่ตอนนี้ถูกเป็นฝ่ายโจมตีเสียเอง เพราะมีของแข็งๆ กระทบปลายดาบให้เปลี่ยนทิศทางตวัดออกไปทางอื่น พร้อมกับแรงมากมายมหาศาลถึงกับทำให้ดาบเล่มใหญ่ที่กระชับแน่นในมืออย่างดีกระเด็นไปปักฉึกลงบนพื้นดินภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีได้ทันการ ก่อนที่ดาบคมๆ จะถึงคองามๆ ของคามิลเลียแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น!
    “เฮ้อ....” เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังมาจากด้านหนึ่งเรียกให้เปลือกตาที่ปิดแน่นเริ่มปรือขึ้นช้าๆ...
    ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นคือ....พวกคนที่เธอคิดว่าตายไปแล้วได้มายืนอยู่ตรงหน้า หากแต่อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ เสื้อผ้าขาดวิ่นจนดูไม่เป็นชิ้นดี...จากเสื้อสวยๆ กลายเป็นเสื้อที่ไม่ต่างอะไรกับขอทาน ซ้ำยังอาการหอบแฮ่กยิ่งช่วยเสริมให้ดูเหมือนกับสู้รบมาเป็นวันๆ แบบไม่ได้หยุดพักอย่างไรอย่างนั้น
    แท้ที่จริงนั้นเสียงเคร้งที่ได้ยินก็มาจากฟิคสตาร์ของซีรินนั่นเอง แล้วก็รวมถึงเสียงถอนหายใจนั่นด้วย...
    แต่พี่เอรีสท่าจะอาการหนักหน่อย เพราะพี่เซเรสถึงกับอุ้มมาเลย
    คิดได้เพียงเท่านั้นคามิลเลียก็ยิ้มแฉ่งขึ้นมาได้ทันที แต่ก็ต้องหุบยิ้มฉับลงแทบจะในทันใดเพราะเสียงทุ้มๆ ของหัวหน้ากองโจรได้ดังขึ้นอีกครั้ง
    “หึหึ เก่งเหมือนกันนี่ที่รอดมาได้...แต่จากนี้คงจะยากซักหน่อยนะ” เขาพูดด้วยใบหน้าที่ดูดุดันอยู่แล้วถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีอารมณ์โกรธเคืองอยู่เลย รอยยิ้มชมเชยปนสมเพชปรากฏบนใบหน้า ก่อนจะยื่นข้อเสนออย่างใจเย็น “ถ้าอยากจะได้ตัวเจ้าหญิงคืนมากนักก็ต้องเอาชนะข้าให้ได้ซะก่อน....จะเข้ามาทีละคนก็ได้...แต่ถ้าหากว่าไม่มั่นใจจะเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดนั่นเลยข้าก็ไม่ขัดข้อง” ว่าแล้วก็เดินไปจับคามิลเลียที่มือยังไม่ได้รับการแก้เชือกไปมัดไว้กับโคนต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วด้วยเชือกหนาๆ อีกเส้น จากนั้นก็เดินไปอีกทางก้มเก็บดาบและหยิบมันขึ้นมากระชับแน่นในมืออีกครั้งด้วยทีท่าที่ดูมั่นใจกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เด็กหนุ่มหัวขโมยตัวแสบ ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ดูฉุนกึกกับคำสบประมาทจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แทบลุกเป็นไฟ เท้าก็เริ่มก้าวเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว แต่ก่อนที่เขาจะได้ชกหน้ามันไปสักหมัด ฟีวิลก็วิ่งเข้ามาดึงกึ่งกระชากแขนของเขาไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกตัว แล้วยิ่งเจอสายตาที่ชักจะดุๆ ของผู้เป็นพี่เข้าไปก็สงบอารมณ์ได้ทันที...
    “รีบๆ ตัดสินใจซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนความคิด” ชายร่างใหญ่พูดขึ้นมาอีก เรียกให้อีกฝ่ายมีอาการร้อนรนน้อยๆ
    “พวกพี่กลับไปกันเหอะ ปล่อยคามิลเลียไว้คนเดียวก็ได้” คามิลเลียเอ่ยคำพูดที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตอนนี้ออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่พยายามกดให้มันเรียบที่สุด
    “ตกลง! เรารับข้อเสนอ” เซเรสตอบตกลงเสียงกร้าวพร้อมเดินไปใต้ต้นไม้ใหญ่แล้ววางเอรีสลง บอกให้เรริน่าช่วยดูแลไปก่อน ว่าแล้วก็เดินกลับมาที่เดิมกระชับดาบใหญ่ในมือเป็นการรับคำท้า
    “ไม่ถามความเห็นคนอื่นเขาบ้างเลยหรือ พ่อหนุ่ม? ข้าไม่ได้จะเป็นครูฝึกดาบนะ จะได้มาตกลงเอาง่ายๆ แบบนี้” คำพูดที่ทำให้ ‘พ่อหนุ่ม’ ขยับรอยยิ้มเย็นก่อนฟีวิลจะเอ่ยขึ้นบ้าง
    “ไอ้ภาษาข้าๆ เจ้าๆ นี่ข้า เอ้ย ผมก็ไม่ค่อยถนัดนักหรอกนะ....แต่วันนี้ไม่ข้าที่ฆ่าเจ้าก็ต้องเป็นเจ้าที่มอบวิญญาณให้แก่ข้า” รอยยิ้มเครียดปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย
    มันพูดบ้าอะไรของมัน เป็นถึง....
    “เฮ้ย! จะเริ่มได้รึยัง เดี๋ยวมันชิ่งหนีไปก่อนก็เหนื่อยเปล่าอ่ะดิ” ซีรินโพล่งขึ้นมาเสียงดัง เมื่อดูเหมือนมันจะเป็นสงครามเย็นมากกว่าจะเป็นสู้กัน
    “เหนื่อยเปล่า? พวกเจ้าทำอะไรถึงได้เหนื่อย” บุรุษเจ้าของใบหน้าดุดันเอ่ยทวนอย่างข้องใจ ก่อนที่ซีรินจะงึมงำกับตัวเองเป็นคำตอบ
    “ก็เป็นขโมยแต่มาช่วยเจ้าหญิงนี่มันไม่เหนื่อยหรือไงเล่า”
    แล้วจะยิ่งแย่ไปกว่าเก่าถ้าทำงานไม่สำเร็จ....ก็เท่ากับว่าทำงานฟรีๆ ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลยสักนิด...
    “เจ้าพูดอะไรนะ!”
    “พูดเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์” ฟีวิลเป็นคนตอบให้เองเสร็จสรรพ ก่อนจะกระชับดาบในมือแน่น พลันร่างของชายหนุ่มก็หายไปราวกับปาฏิหาริย์! เป็นฝ่ายโจมตีก่อนได้เปรียบเสมอ...เพราะเวลาไม่มีแล้ว
    เคร้ง!!!
    ทว่าอีกฝ่ายกลับยกดาบขึ้นมารับได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ช้าไปหน่อยนะเจ้าหนู”
    คำพูดที่ทำให้คนอื่นๆ อึ้ง เหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายบนใบหน้า...ขนาดช้าพวกเธอยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาของฟีวิลเลย แล้วขนาดไหนมันถึงจะเรียกว่าเร็ว?
    ชายร่างใหญ่ยกดาบของตนขึ้นมากระชับอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาฟีวิลด้วยความเร็วสูง ขนาดที่ว่ามองไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างใหญ่นั่นเลย ฟีวิลมองไปรอบตัวกลับพบแต่ความว่างเปล่า
    แควก!!
    ครืน....
    ดาบปักลงไปในพื้นที่แตกเป็นทางยาวตามแรงดาบที่ฟาดฟันลงไป พื้นหญ้ารอบบริเวณที่ถูกฟันก็เหี่ยวเฉาแห้งตายไปในทันที แทนที่จะเป็นฟีวิล! แต่ก็ยังไม่วายเพราะแรงของดาบทำให้เขาถอยกรูดไปหลายเมตร ทั้งๆ ที่ก็กระโดดหลบแล้วก็ตามที
    โอย...
    นัยน์ตาสีมรกตก้มมองดูแผลใหญ่ตามทางดาบที่ล่อเข้าไปตั้งแต่หัวไหล่ข้างขวาไปถึงเอวข้างซ้าย เรียกเลือดให้ไหลเป็นทางยาวจากรอยเสื้อผ้าที่ขาดตามรอยดาบไปด้วย
    บุรุษหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีชายืนขึ้นอีกครั้งด้วยเอาดาบช่วย พร้อมๆ กับนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา เอาจริง ดุดันเป็นยิ่งนัก...เขากระตุกรอยยิ้มเย็นขึ้นนิด ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยบ้าง ทำเอาคนที่ยืนดูอยู่ถึงกับอึ้งค้างแล้วค้างอีกไปตามๆ กัน
    ก็ไม่เคยเห็นมันจะเก่งขนาดนี้....
    มีเพียงแค่หัวหน้าโจรเท่านั้นที่ยืนยิ้มกริ่ม....แต่หารู้ไม่ว่าครั้งนี้ความรู้สึกของเขามันผิดไป
    ตอนแรกเขากะไว้ว่าเจ้าหนูนี่มันจะต้องมาโผล่ทางด้านหลังแน่...แต่ไม่ใช่ แม้จะมองไม่เห็นตัวของอีกฝ่าย แต่ก็รู้ว่าฟีวิลทำเพียงแค่วิ่งวนไปรอบๆ จนทำให้รู้สึกถึงแรงลมที่พัดเข้ามารอบตัวได้
    ชายร่างใหญ่กระชับดาแน่น มองไปรอบๆ ตัวอย่างระมัดระวัง
    .....จนในที่สุด ฟีวิลก็มายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเย็น
    ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวหน้ากองโจร...
    “เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ?” เจ้าของใบหน้าดุดันเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเหมือนเยาะเย้ย คิดว่ากับอีแค่นี้จะทำให้เขามึนหัวเล่นได้หรืออย่างไรกัน?
    รอยยิ้มเย็นฉายวาบบนดวงหน้าคมคายอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวมรกตฉายแววระริกน้อยๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยตอบ “ก็อย่างที่เห็น”
    นัยน์ตาสีเข้มของชายวัยกลางคนฉายแววฉงนเล็กน้อย ก่อนจะต้องทรุดฮวบลงไปแทบจะในทันที แล้วค่อยมองตามร่างตัวเองที่บัดนี้เต็มไปด้วยแผลบางๆ ที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้....ตามมาด้วยนัยน์ตาสีเข้มที่ฉายแววระริกอย่างถูกใจ
    “ใช้ลมเป็นอาวุธ ไม่เบานี่พ่อหนุ่ม” คนถูกเลื่อนยศจาก ‘เจ้าหนู’ เป็น ‘พ่อหนุ่ม’ กระตุกรอยยิ้มเครียดน้อยๆ ไม่ได้แสดงความยินดีที่ได้รับคำชมจากศัตรูเบื้องหน้า
    “งั้นข้าก็จะไม่ออมมือละนะ” เขาพูดอีกรอบ
    พลันดาบใหญ่ก็มีประกายไฟลุกโชนราวกับกองเพลิงร้อนแรง
    “ไฟเจอลม....เจ้าคิดว่ามันจะเป็นยังไง?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าดุดันของชายร่างใหญ่ขณะเอื้อนเอ่ยอย่างใจเย็น
    ก็ลุกยิ่งกว่าเดิมน่ะสิ
    คำตอบในใจที่เก็บเอาไว้ในใจท่าจะดีกว่า ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มแบบยั่วอารมณ์คนข้างหน้าได้ชะงัดนัก นัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววระริก เสแสร้งร่ายมนตร์สองสามคำให้เกิดพลังลมวิ่งวนรอบตัว
    อย่างนี้ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวตายชัดๆ
    ร่างใหญ่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเหมือนเคย แต่คราวนี้ฟีวิลให้ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมจากอาชีพหัวขโมยมาช่วยจนจับทิศได้ แม้ความเจ็บจากแผลที่เพิ่งได้สดๆ ร้อนๆ จะทำให้รับรู้ได้แย่ลงก็เถอะ
    ดาบใหญ่ฟาดเข้าใส่กำแพงลมที่เจ้าตัวจงใจสร้างขึ้นมาอย่างลองดี ไฟที่ดาบทั้งหมดถุกถ่ายไปผสมกับลมที่หมุนวนจนไฟลุกท่วมบริเวณนั้นจนเป็นสีแดง มองไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่อยู่ข้างใน ก่อนที่หัวหน้ากองโจรจะเอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าหาว่าข้าใจร้ายที่ทำให้เจ้าโดนเผาทั้งเป็นอย่างนี้ก็แล้วกัน”
    “แน่ใจหรือครับว่าจะเผาผมทั้งเป็นได้” เสียงแทรกขึ้นมาจากข้างในกองเพลิงเรียกให้อีกฝ่ายงงงวยยิ่งนัก ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้งในทุกสิ่งที่ได้เห็นกับตา
    .....จากกำแพงลมที่ถูกผสมเข้ากับไฟที่สร้างขึ้นมาจากเวท กลับกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งอย่างง่ายดาย....และรวดเร็ว!
    และแทบจะในทันทีที่กำแพงน้ำแข็งหาบวับไปกับตา
    “สงสัยข้าคงจะต้องพิจารณาเจ้าใหม่แล้วละมั้งเนี่ย” ชายร่างยักษ์พูดไว้เชิง ก่อนถอยออกห่างตั้งท่าเตรียมสู้อีกครั้ง
    “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นตั้งนานแล้ว”
    ใช่...น่าจะชนะตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ติดไอ้ตรงที่เพิ่งได้แผลนี่มาหมาดๆ
    ....หรือฝีมือเข้าอาจเทียบกับหัวหน้านั่นไม่ได้?
    ไม่ทันคิดอะไรมากกว่านั้น ดาบใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ฟีวิลใช้ดาบรับได้ทันการพอดี พร้อมๆ กับที่ขาของชายหนุ่มเตะเข้าที่ใบหน้าดุๆ ของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มๆ เล่นเอาดาบร่วงลงพื้นอัตโนมัติ มือใหญ่กุมเข้าที่ใบหน้าอย่างเจ็บปวด
    ไม่เอาด้วยดาบก็เอาด้วยเท้านี่ละวะ
    นัยน์ตาสีเขียวมรกตฉายแววพอใจ แต่ลมหายใจของเจ้าตัวดูจะติดๆ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหอบแฮ่ก เนื่องจากเลือดที่เสียไปมากพอดู เหงื่อเย็นเริ่มซึมชื้น โลหิตสีแดงเต็มตัวทำให้รุ้สึกเหนียวอย่างบอกไม่ถูก
    แบบที่ว่าถ้าโดนชกอีกสักเปรี้ยงก็คงจะจอด....
    “แสบนักนะ....” ยังไม่ทันจบประโยคหมัดงามๆ ของผู้เพิ่งโดนเตะก็อัดเข้าให้ที่ท้องของบุรุษที่ร่างเต็มไปด้วยเลือด รัวๆ เร็วๆ จนถอยกรูดออกไปกระแทกกับโคนต้นไม้ใหญ่เข้าเต็มๆ
    พลันเลือดสดๆ ก็กระอักออกมาจากปาก ฟีวิลสำลักค่อกแค่กอย่างเหนื่อยอ่อน
    ก่อนดวงตาจะปิดลงแทบจะในทันที...
    หัวหน้ากองโจรยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี แต่ดียังไม่เท่าไหร่ก็เจอเข้าให้กับดาบใหญ่ของเซเรสที่เข้ามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
    แรงดาบทำเอาพื้นที่ที่อีกฝ่ายเคยยืนอยู่แยกเป็นทาง ต้นไม้ด้านหลังถูกผ่าเป็นสองซีก หากแต่คนที่สมควรจะโดนดาบเมื่อครู่กระโดดหลบวูบได้อย่างเฉียดฉิว
    “จะเริ่มก็ไม่บอกกันเลยนะ พ่อหนุ่ม”
    “ถ้าไม่เริ่มอย่างนี้แล้วใครจะไปรับมือท่านหัวหน้ากองโจรไหวล่ะ” คำพูดเสียดสีปนประชดถูกส่งมาจากบุรุษเจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับที่ฉายแววเครียดจัด คนถูกพูดถึงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนเอ่ย
    “นั่นสินะ....เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าจะต่อให้เจ้า เลือกเอาอย่างที่ถนัดที่สุด...ดาบ เวท หรือมือเปล่า”
    นัยน์ตาสีเข้มของเซเรสฉายแววครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ยตอบเมื่อมีคนยื่นข้อเสนอให้ตรงหน้าเห็นๆ
    “มือเปล่า!”
    พลั่ก!!
    พูดจบก็ง้างหมัดส่งไปให้ที่ท้องด้วยท่าสวยๆ ทันที จนคนโดนชกถึงกับจุกไปชั่วครู่
    ....หากแต่มันไม่ใช่เซเรสที่ทั้งตอบและทั้งต่อย
    เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเมื่อปล่อยหมัดที่อยากจะส่งให้มันไปสักตั้งเรียบร้อย ก็กระโดดขึ้นสูง....สูงแบบที่คนธรรมดาๆ ไม่น่าจะทำได้ ก่อนจะส่งเท้าเข้าหน้าของอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดรวมกับแรงโน้มถ่วงของโลก...
    ทว่าบุรุษเจ้าของใบหน้าดุดันก็ยกแขนขึ้นมากันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ซีรินที่จะกระโดดถอยกลับก็โดนดึงข้อเท้าเอาไว้...แล้วด้วยขนาดร่างกายที่มันไม่เท่ากัน ก็ทำให้เขาเหวี่ยงซีรินได้สบายๆ
    ติดกับจนได้! ปัดโธ่โว้ย!
    ซีรินสบถด่าตัวเองในใจ แต่ก็ทำอะไรไปได้ไม่มากกว่านั้น....ร่างของเขาก็ถูกเหวี่ยงไปรอบๆ ด้วยแรงของชายร่างยักษ์ เซเรสได้แต่ยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว เร็วมากจนเขาทำอะไรไม่ถูก....ได้แต่ยืนอึ้ง หรือเรียกให้ง่าย...ช็อก
    คงต้องพิจารณาพี่น้องคู่นี้ใหม่ซะแล้ว....
    เมื่อเซเรสรวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง ก็พุ่งตัวเหวี่ยงดาบเข้าใส่ศัตรูเบื้องหน้าโดยเร็ว
    ...แต่อีกฝ่ายกลับกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่คิดว่าคงไม่ทันตั้งตัว....แล้วก็ปล่อยขาของซีรินไปด้วย!
    ปั่ก!!
    ร่างที่ลอยละลิ่วขึ้นสูงของซีรินกระแทกเต็มๆ เข้าให้ที่ยอดต้นไม้สูงลิบๆ ก่อนจะร่วงกรูดไถลลงมาตามลำต้นอย่างเร็วและแรง ในขณะเดียวกันก็กระแทกเข้ากับก้านไม้ใหญ่ไปหลายรอบ จนลงถึงพื้นด้วยสภาพไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
    เด็กหนุ่มยันตัวเองลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยแรงที่ลดลงไปมาก แม้แต่ยืนยังแทบจะไม่อยู่ เส้นผมสีน้ำตาลทองที่ปกติก็ยุ่งไม่เป็นทรงอยู่แล้วยิ่งยุ่งหนัก เศษกิ่งไม้ใบไม้ติดเต็มตัว
    เจ็บเป็นบ้า!
    คิดได้เท่านั้นเลือดสดๆ ก็ไหลออกมาจากปากเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่....และที่สำคัญกว่านั้น
    ...แขนขวาของเขาขยับไม่ได้!
    บุรุษอีกหนึ่งที่อยู่ในสภาพดีสุดก็เกือบจะไม่ดี เมื่อตอนที่เขากำลังได้แต่มองซีรินอย่างจับต้นชนปลาย เรียงลำดับเหตุการณ์รับรู้ของสมองที่ขณะนี้มันรู้สึกว่าจะช้าเกินขนาดไม่ถูกเลยจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมือใหญ่ๆ ของชายร่างยักษ์ซัดเข้าให้ที่ท้องเล่นเอาเกือบจุกไปทีเดียว แต่ยังดีที่เจ้าตัวกระโดดหลบก่อนที่จะโดนชกรอบสอง หมัดที่ทำเอาพื้นแห้งแตกระแหงเป็นรอยร้าวราวกับแผ่นดินจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
    ไปเอาแรงมาจากไหนวะ!
    เซเรสร้องในใจก่อนจะยกดาบขึ้นกันดาบของอีกฝ่ายที่หยิบมาฟันอย่างรวดเร็ว แรงที่ฟันลงมาถึงกับทำให้แขนของเซเรสสะท้านไปน้อยๆ และยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวดี ดาบใหญ่ก็แทงสวนเข้าให้ที่กลางท้องดังฉึก จนต้องทรุดฮวบลงไปด้วยความเจ็บ ร้องไม่ออก...
    รอยยิ้มกระตุกขึ้นที่มุมปากของชายร่างยักษ์ ก่อนเขาจะกระชากดาบออก เรียกให้เลือดทะลักออกมาตามปากแผลที่กว้างไม่น้อยเลย
    นัยน์ตาสีดำขลับฉายแววฉุนกึกอย่างไม่เคยเป็น ก่อนเจ้าตัวจะเอาดาบปักลงไปกับพื้นยันตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก.....
    พลั่ก!!!
    หมัดจากมือข้างซ้ายถูกส่งลุ่นๆ ไปเต็มๆ ใบหน้าของบุรุษเจ้าของดวงหน้าอันดุดัน ก่อนที่จะได้ฟันเซเรส
    “แก...มองหาใครอยู่ไม่ทราบ” เสียงอันแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของซีริน
    “ฮะๆ ยังมีแรงจะยืนอีกเหรอเจ้าหนู...แต่ตอนนี้เจ้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแล้วล่ะ” ว่าแล้วก็ตวัดดาบจะฟันซีรินอีกรอบ
    “โซเรน!”
    “นั่นใคร” ดาบใหญ่ถูกลดลงทันทีด้วยเสียงเรียก ก่อนตวาดกลับด้วยเสียงกร้าวไม่แพ้กัน
    “นั่นเจ้าคิดทำอะไรของเจ้าน่ะ หืม?” เสียงนั้นดังขึ้นอีกรอบ พร้อมๆ กับชายสูงอายุปรากฏตัวตรงหน้าจากอากาศธาตุที่ว่างเปล่า! “แค่เจ้าแหกกฎสารพัดยังไม่พอใจอีกอย่างนั้นสิ”
    “ท่านผู้เฒ่า!” เสียงของหัวหน้ากองโจรดังเกือบเป็นร้องเสียงหลง คนถูกเรียกว่าท่านผู้เฒ่าทำเพียงยิ้มเย็น พึมพำสองสามคำ พลันดาบใหญ่ก็ร่วงเคร้งลงพื้นทันที ก่อนร่างใหญ่จะทรุดฮวบสลบไป ว่าแล้วชายชราผมขาวก็เดินไปทางคามิลเลียก่อนเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ ดูใจดี
    “ท่านคงเป็นเจ้าหญิงคามิลเลียที่เขาล่ำลือกันให้ทั่ว”
    “เอ่อ....” คามิลเลียที่ยังสติค้างจากเหตุการณ์สยองขวัญเลือดสาดมากมาย พอได้ยินคำถามเข้าก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก...เหมือนคนความจำเสื่อมชั่วคราวอย่างไรอย่างนั้น
    “เรื่องเพื่อนท่าน...ท่านไม่ต้องห่วงนักหรอก ข้าจะช่วยให้ แต่เรื่องอื่นยังไงค่อยว่ากันอีกที” คำพูดราวกับชายชราเข้ามานั่งอยู่กลางใจเล่นเอาคามิลเลียอึ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ชายผมขาวก็ร่ายมนตร์ยาว พร้อมกับแสงสีขาวสว่างจ้ารอบบริเวณป่า....
    “ท่านวางใจได้ ข้าไม่ทำร้ายท่านหรอก”
    ...พลันสติที่รวบรวมกลับมาได้เพียงน้อยนิดก็หายวับไปในบัดดล...
----------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น