ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sinister

    ลำดับตอนที่ #1 : พรหมลิขิต หรือลางร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 48






        เฮ้อ....มีแต่พวกขุนนางขี้ประจบ คงจะหวังผลประโยชน์ให้ของกำนัลเพื่อจะได้เลื่อนขั้นแน่ๆ เลย



        นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ทอดมองผู้คนเบื้องหน้าอย่างหน่ายๆ ขณะนั่งอยู่บนโต๊ะเสวยที่มีพระกระยาหารจัดเรียงวางบนโต๊ะอย่างดีสำหรับราชวงศ์ซานทรีโอโดยเฉพาะ แต่กลับว่างเปล่าไปด้วยผู้คน เพราะต่างก็ออกไปรับแขกกันจนหมด....



        ให้ของกำนัลท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่พอ ยังจะมาให้เราอีก สงสัยอยากให้เราช่วยพูดให้ท่านพ่อละสิเนี่ย



        ความคิดที่คิดได้เท่านั้น เมื่อนัยน์ตาสีม่วงสบเข้ากับกล่องอะไรสักอย่างที่ถูกยื่นมาอยู่ข้างหน้าตน ก่อนจะมองไปยังคนที่ส่งเจ้ากล่องนี่มาให้ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีดำขลับดูมีเสน่ห์ กับผมซอยสั้นสีเดียวกัน กิริยาทุกท่วงท่าดูสง่างามราวกับเจ้าชาย ผิดแต่เครื่องแบบที่เหมือนทหารมากกว่าอย่างอื่น



        “อ้า....สวัสดีค่ะ พี่เซเรส”



        “นี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากกระหม่อม....ถึงจะไม่ค่อยมีค่าเท่าของที่ขุนนางคนเมื่อครู่ที่ให้ท่านพ่อของท่าน.....”



        “อะไรกัน ของอย่างนั้นเราไม่เห็นอยากจะได้ แล้วที่ท่านให้มันก็ต้องมีค่ากว่าที่ขุนนางคนนั้นให้อยู่แล้ว แล้วท่านก็ไม่ต้องพูดคำราชาศัพท์ก็ได้ค่ะ” เสียงใสๆ พูดขัดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเซเรสพูดไม่ทันจบประโยค “ว่าแต่มันคืออะไร....แล้วให้เนื่องในวันอะไรคะ”



        “สำหรับองครักษ์อย่าง.....ผม...ก็คงไม่ใช่ของแพงอะไรหรอกนะครับ แล้วที่ให้ในวันนี้ก็เนื่องจากวันเกิด.....”



        “หญิงไม่ได้เกิดวันนี้นะคะ วันนี้วันงานของท่านแม่ต่างหาก” เจ้าหญิงพูดคำแทนตัวเองด้วยความเคยชินจนคนฟังเผลอแย้มรอยยิ้มบาง



        “ใครบอก ผมจะบอกว่าวันเกิดอยากจะให้ต่างหาก”



        “อ้าว....แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกละคะ ปล่อยให้หญิงพูดอยู่นั่นแหละ” เจ้าหญิงเอ่ยพร้อมกับค้อนขวับอย่างเคืองน้อยๆ เล่นเอาองครักษ์หนุ่มถอนใจอย่างใจอ่อนก่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน....ปนเอ็นดู



        “อย่าเพิ่งกริ้วสิองค์หญิง ดูของขวัญก่อนนะครับ” เจ้าหญิงแห่งอินดิสเลยกลับมาคว้ากล่องไปพร้อมกับแกะมันออกด้วยมือเล็กๆ ก่อนจะร้องขึ้นมาอย่างดีใจ



        “สวยจังเลยค่ะ สร้อยเงินจี้เป็นไม้กางเขนซะด้วย”



        “จะใส่เลยรึเปล่า เดี๋ยวผมช่วยใส่”



        “ใส่เลยค่ะ” จบคำเซเรสก็เลยเดินไปข้างหลังพร้อมกับใส่สร้อยให้เจ้าหญิง ปัดผมสีทองสวยที่รวบครึ่งหัวออกเพื่อให้ใส่ได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นลอยๆ



        “แล้วเจ้าหญิงคามิลเลียจะไม่ไปร่วมงานกับเขาหรือ”



        “ไม่เอาดีกว่าค่ะ มีแต่ความวุ่นวาย ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหากัน.....แล้วพวกขุนนางที่มางานนี้จะมีซักกี่คนกันเชียวที่ตั้งใจทำงานให้กับเมืองเรา มีแต่พวกให้ของกำนัลหวังเลื่อนขั้น ขืนมีแต่อย่างนี้มากๆ เข้า เมืองอินดิสคงจะล่มสักวันแน่ๆ” ความคิดของเจ้าหญิงแห่งอินดิสกล่าวขึ้นนั้นทำให้เซเรสองครักษ์หนุ่มนึกในใจอย่างยกย่อง



        ความคิดขนาดนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นความคิดของเด็กอายุแค่สิบสองปี....



        “แล้วท่านจะนั่งอยู่เฉยๆ อย่างนี้น่ะหรือ”



        “ก็เบื่อๆ เหมือนกันนะคะ ท่านแม่ก็ไปรับแขกกับท่านพ่อซะด้วยสิ” คามิลเลียเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ทั้งที่ปกติเธอออกจะติดท่านแม่แจ ก็คงจะไม่เป็นเรื่องแปลกที่จะ...เบื่ออย่างตอนนี้



        “จะออกไปเดินเล่นในอุทยานมั้ยละครับ” ความคิดที่ทำให้เจ้าหญิงองค์น้อยยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วยก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “งั้นเราไปกันเลยนะครับ”



        “ค่ะ...” คามิลเลียก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินตามองครักษ์หนุ่มที่เดินนำอยู่ไม่ห่าง แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เซเรสคะ...ขอไปบอกท่านแม่ก่อนนะคะ” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ พลางเดินตามเจ้าหญิงที่กำลังเดินไปหาผู้เป็นมารดาอย่างร่าเริง



        “ท่านแม่คะ ลูกขออนุญาตออกไปเดินเล่นในอุทยานนะเพคะ” เจ้าหญิงเมืองใหญ่ว่าเสียงใส หญิงสาววัยกลางคนผู้ถูกเรียกเบือนพระพักตร์มาอย่างช้า เธอผู้เป็นเจ้าของดวงหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ ดวงเนตรสีน้ำเงินคู่สวยแลดูอบอุ่นยามจ้องมองเข้าไป พระเกศายาวสีทองที่บัดนี้ได้ถูกรวบเป็นมวยไว้อย่างประณีตงดงาม รูปร่างอรชรเกินกว่าหญิงงามคนไหนในชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์สะอาดตา



        “ได้สิจ๊ะ คามิลเลียลูกแม่” ผู้เป็นราชินีว่าเสียงหวาน ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นมาเก็บปอยผมด้านหน้าของเจ้าหญิงทัดไว้ที่หูอย่างใจเย็น “ตอนกลางคืนอากาศมันหนาวนะรู้มั้ย ลูกต้องเอาเสื้อกันหนาวไปด้วยล่ะ”



        “เพคะ ท่านแม่” เด็กสาวตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนหันไปหาชายวัยกลางคนแล้วเอ่ย “ท่านพ่อเพคะ เดี๋ยวลูกมานะคะ”



        “ระวังป่วยเอาง่ายๆ นา” กษัตริย์แห่งอินดิสตรัสเรียบๆ พร้อมกับรอยสรวลน้อยๆ ดวงตาสีม่วงอเมธิสต์ฉายประกายระริกอย่างคนขี้เล่น พระเกศาสีดำสนิทที่บัดนี้ถูกหวีจนเรียบ



        “ลูกจะระวังเพคะ” เธอว่าแล้วย่อกายลงในอากัปกิริยาของการทำความเคารพ แล้วเดินจากไป พร้อมกับรอยยิ้มของผู้เป็นบิดามารดา และข้าราชบริวารที่ต่างก็ชื่นชมในกิริยามารยาทของเด็กสาว...



        และยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าออกจากท้องพระโรงนั้น...



        เพล้ง!.....



        เสียงของแก้วตกลงสู่พื้นจนแตกก็ดังขึ้น



        วูบ....



        เทียนนับร้อยเล่มที่ถูกจุดเรียงรายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานนี้ขึ้นมา จากที่พากันส่องแสงสว่างไสว....บัดนี้ได้เหลือเพียงความมืดที่เริ่มครอบงำ เรียกเสียงฮือฮาให้ดังลั่นท้องพระโรงอย่างห้ามไม่อยู่ คนเป็นองครักษ์ก็ชักดาบขึ้นมากระชับไว้ในมืออย่างระวังภัยแล้วเอ่ย



        “อย่าขยับไปไหนนะองค์หญิง”



        “...ค่ะ”



        “ว้าย! ช่วยด้วย! กรี๊ด!.......” เสียงหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งร้องขึ้น และจู่ๆ เทียนทั้งหมดก็ถูกจุดให้สว่างอีกครั้ง และที่พบก็คือศพของคนที่กรีดร้องเมื่อครู่ ร่างของหญิงคนได้นอนอยู่กับพื้น จากชุดสีขาวสวยดูสะอาดตา ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยคราบโลหิตสีแดงสดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ความเงียบถูกเข้ามาแทนที่บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่ กษัตริย์แห่งอิสดิสตีพักตร์เคร่งขึ้นทันที ก่อนความเงียบนั้นจะถูกทำลายลงด้วยเสียงของชายชุดดำคนหนึ่ง



        “แหกปากอยู่ได้” ชายชุดดำในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย



        “พวกเจ้าเข้ามาในนี้ทำไม” กษัตริย์แห่งอินดิสเค้นคำกร้าวด้วยแรงโทสะ



        “ที่เข้ามาน่ะหรือฝ่าบาท....ก็เพื่อปลงพระชนม์ท่านและคนในราชวงศ์ซานทรีโอยังไงล่ะ”



        “อย่าหวังว่าจะได้แตะซักคนหรือแม้แต่ปลายเล็บเลย....ที่แท้ก็นักฆ่าไม่มีมารยาท” เซเรสเอ่ยพร้อมกับเดินมาหากลุ่มชายชุดดำที่ไม่มีใครเคยจับได้อย่างไม่กลัวเกรง แต่ก็ถูกเจ้าหญิงร้องห้ามอย่างเป็นห่วง



        “อย่าค่ะ มันอันตรายนะคะ”



        “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ทางนี้ผมจัดการเอง ท่านพาท่านพ่อกับท่านแม่ของท่านหนีไปในที่ปลอดภัยก่อนเถอะครับ ผมจะกันพวกนี้ให้เอง....แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป....” เหล่าทหารที่มาถึงได้ล้อมกลุ่มชายชุดดำไว้เกือบหมดก่อนที่เจ้าหญิงจะเอ่ยอีกครั้ง



        “แต่ว่า....”



        “ไม่มีแต่เจ้าหญิง” คามิลเลียได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่ทำตาม ในขณะที่ทหารนับร้อยเริ่มต่อสู้กันคามิลเลียก็เดินเข้าไปตรงทางลัดที่ได้สร้างมานานแล้วท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล....มาโผล่อีกทีก็อยู่ตรงส่วนหลังพระราชวังแล้ว



        “ทางนี้เพคะ” เสียงใสๆ เรียกให้ท่านพ่อและท่านแม่ตามมา



        “คอยดู!...ถ้าตั้งหลักได้เมื่อไหร่จะต้องจับตัวกบฏให้ได้” กษัตริย์ผู้โด่งดังรับสั่งด้วยพระสุรเสียงอันเกรี้ยวกราด ไม่มีวี่แววของกษัตริย์ที่อารมณ์ดีเมื่อครู่นี้เลยแม้แต่น้อย



        “แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีกบฏ” ผู้เป็นราชินีตรัสถามอย่างสงสัย



        “ถ้าไม่มีแล้วพวกมันจะเข้ามาได้ถึงท้องพระโรงเลยรึ” จบคำก็ต้องชะงักฝีเท้ากึกเพราะได้ยินเสียงแปลกๆ



        เพล้ง.....



        “หวา....รีบเผ่นดีกว่าแฮะ” เสียงๆ หนึ่งที่ไม่คุ้นหูสำหรับคามิลเลียดังขึ้น และที่แน่ๆ....ต้องเป็นผู้ชาย



        ใครน่ะ....คำพูดของคามิลเลียที่ทำได้เพียงพูดในใจเท่านั้น นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์จ้องเงาๆ หนึ่งที่กำลังเดินมาตรงทางเลี้ยวหัวมุมของทางเดิน



        กึก....



        ฝีเท้าของ.....เด็กหนุ่ม? ชะงักกึกเมื่อเห็นร่างสามร่างที่ใส่ชุดออกจะเต็มยศ เหมือนกับพวกเชื้อพระวงศ์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ผมสีน้ำตาลทองประบ่าดูยุ่งๆ เสื้อผ้าออกเก่าๆ ข้างหลังถือถุงใบใหญ่อยู่



        “เจ้าเป็นใคร” กษัตริย์แห่งอินดิสตรัสถามพระสุรเสียงเข้ม...แกมกริ้วจัด



        “เอ่อ....คะ คือ....ผม...ผมมาขอของไปนิดหน่อยแล้วก็ทำแจกันใหญ่ๆ แตกไปใบ....”



        “ขโมย....เป็นเด็กรึอ่านมาเป็นขโมยแล้วรึเนี่ย”



        “ไม่ได้เด็กนะ สิบสามแล้ว” เด็กหนุ่มเถียงเสียงแข็งแบบลืมไปว่ากำลังคุยกับใครอยู่ รอยยิ้มเยาะฉายชัดบนโอษฐ์ของผู้เป็นราชา



        “เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำละนะ....ยังไงซะข้าก็ต้องจับเจ้าไปลงโทษ”



        เอิ๊ก! ซวยบรม ไหนมันบอกว่าวันนี้ทางสะดวกไงวะ



        “เอ่อ....จะ จะเอาของคืนก็ได้นะ แต่ไม่ถึงกับต้องลงโทษก็ได้มั้ง....” เขาพูดพร้อมกับถอยไปทีละก้าวๆ อย่างช้าๆ..... แต่ก่อนที่คิงแห่งอินดิสจะได้ตรัสต่อ เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ



        “พวกมันใกล้เข้ามาแล้วนะเพคะ...ทำอย่างไรดี” ราชินีตรัสถามเสียงเครียด



        พวกมัน? นัยน์ตาสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มฉายแววสงสัย



        “พวกมันไม่น่าจะผ่านมาได้ง่ายอย่างนี้นี่ อืม....งั้นคราวนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า....”



        “ขอบคุณฮะ ไปก่อนล่ะนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมหันหลังเตรียมโกยเต็มที่ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ขณะนี้อยู่ก็ตามที เอาตัวรอดไว้ก่อนเป็นพอ.....



        “เดี๋ยว...ข้ายังพูดไม่จบ ข้าบอกว่ายกโทษให้เจ้าแต่ต้องพาลูกสาวข้าไปในที่ปลอดภัยด้วย”



        “หา!! ประสาทเปล่าลุง....”



        “ถ้าไม่ทำตามเจ้าก็ตาย” คำกล่าวนั้นเด็ดขาดเสียยิ่งกว่าอะไรดีถึงกับทำให้เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววครุ่นคิด....อย่างหนักชั่วครู่ก่อนจะตอบ



        “เอาก็เอา ไปกันเลยสิ”



        “แล้วท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะเพคะ” คามิลเลียเอ่ยเสียงเครียด เธอเคยออกนอกวังไปคนเดียวเสียที่ไหนกันเล่า แล้วอีกอย่าง....เธอไม่อยากจากท่านแม่เลย



        ราชินีคว้าร่างของผู้เป็นลูกมากอด แล้วกล่าวเสียงแผ่วอย่างเอ็นดู “ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอกจ้ะ....ไม่ต้องห่วง” ว่าจบก็ปล่อยร่างน้อยออกจากอ้อมแขน แย้มรอยสรวลนิดหนึ่ง



        “ไม่เป็นไรหรอกทางนี้พ่อจัดการเอง รีบไปซะ” เจ้าหญิงได้ยินดังนั้นก็เลยได้แต่ทำตามคำสั่ง.....อีกครั้ง แล้วก็ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน จนหัวขโมยผู้ลองดีต้องดึงมือให้วิ่งตามไป พร้อมกับเอ่ยเร่ง



        “ไปได้แล้ว”



        “แล้วเจอกันนะเพคะ” คามิลเลียเอ่ยขึ้นพร้อมกับวิ่งไปตามแรงของเด็กหนุ่มจนมาสุดที่ทางตันที่มีแต่หน้าต่างบานใหญ่อยู่ตรงหน้า



        “แล้วเราจะไปยังไง”



        “ก็กระโดดลงไปไงล่ะ”



        “กระโดดเนี่ยนะ ไม่ไหวหรอกเราทำไม่ได้ มันตั้งสองชั้นนะ”



        “ไม่ได้ก็ต้องได้แล้ว” เขาพูดก่อนบังอาจคว้าเจ้าหญิงขึ้นอุ้มแล้วกระโดดลงไปโดยไม่รีรอ



        ตุ้บ!!!!



        “นี่!....กลัวขนาดนั้นเลยหรอ” เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลร้องถามเมื่อถึงพื้นแล้ว เพราะเห็นว่าเจ้าหญิงคนสำคัญกำลังหลับตาปี๋แบบไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาเลยสักนิด



        “ไม่เอาอ่ะ อย่ากระโดดนะ” คำเอ่ยที่เรียกให้คิ้วเข้มของหัวขโมยเด็กเลิกขึ้นอย่างสงสัย



        “อย่ากระโดด....นี่ก็ถึงพื้นแล้วไง แล้วเธอก็รีบๆ ออกไปได้แล้วด้วย ตัวเบาซะที่ไหน” คามิลเลียเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเบิกตากว้าง ทำไมกระโดดลงมาแล้วไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยล่ะ....สงสัยขโมยตัวจริง มือเบาเท้าเบา คิดแล้วก็รีบลุกโดยเร็วก่อนจะพูดขึ้น



        “แล้วจะไปไหนกันต่อคะ”



        “ตามฉันมาแล้วกัน”



        “แล้วเธอชื่ออะไร”



        “ซีริน...”



        “ว้าว...ชื่อน่ารักจังเลย อย่างกับผู้หญิงแน่ะ” คำอุทานของเจ้าหญิงที่ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของนาม ‘ซีริน’ ถึงกับทำหน้าปั้นยากบวกกับหน้าร้อนฉ่าด้วยความอาย แต่ไม่มีใครเห็นเพราะว่ามันมืดมากแล้วเขาก็เดินนำทางให้เจ้าหญิงนั่นอยู่ด้วย



        “ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง...แล้วอย่าเรียกฉันว่าเธอด้วย”



        “ทำไมละคะ”



        “เรียกเธอแล้วมันเหมือนผู้หญิงไงไม่รู้อ่ะ เรียกว่านายเงี้ยะ หรือไม่ก็เรียกชื่ออย่างงี้ยังดีกว่าเยอะ”



        “ค่ะ จะพยายามเรียกก็แล้วกันนะคะพี่ซีริน” คามิลเลียเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง ส่วนซีรินถึงกับชะงักฝีเท้ากึกหันมามองหน้าเจ้าหญิงอย่างเอาเรื่อง หน้าของทั้งคู่เกือบจะชิดกันด้วยซ้ำ ทำให้คามิลเลียถึงกับหน้าแดงแจ๋จนซีรินเห็นลางๆ แม้จะอยู่ในความมืดก็เถอะเลยต้องรีบถอยออกห่าง



        “ฉันไม่มีน้องซะหน่อยมาเรียกฉันว่าพี่ได้ไง”



        “ก็เราห่างกันปีนึงนะคะ”



        “งั้นเธอก็สิบสอง?”



        “อ่า...ค่ะ”



        “งั้นก็ไม่ต้องเรียกพี่หรอกน่า แค่ปีเดียวเอง” ซีรินพูดจบก็หันกลับไปเดินต่ออย่างไม่สนใจคนข้างหลัง “ฉันพูดคำราชาศัพท์อะไรนั่นไม่เป็นหรอกนะ ยังไงก็อย่าถือสาเลยก็แล้วกันนะเจ้าหญิง....เออ ให้พูดเธอมาตั้งนาน เธอชื่ออะไรหรอ” ซีรินพูดเหมือนพูดอยู่คนเดียว นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองอย่างระวังภัยรอบด้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้เนื่องจากยังไม่ออกจากเขตพระราชวัง



        “เราก็ลืมแนะนำตัวไปเลยแฮะ....คามิลเลีย ซานทรีโอค่ะ”



        “คามิลเลีย....อืม....” เขาพูดเหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียวมาตลอดทาง







        เมื่อเดินมาได้พักใหญ่ๆ ก็ออกมาจากเขตพระราชวังจนได้ สองข้างทางมีบ้านเรือนตกแต่งน่ารักอยู่ตลอดทาง ตอนนี้ถนนมืดมากเพราะคนปกติก็ต้องเข้านอนกันหมดแล้ว เป็นครั้งแรกที่คามิลเลียได้เห็นบ้านเรือนหรือออกมานอกวังตอนดึกๆ มันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก....แทบจะลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดหมาดๆ เลยยังว่าได้ ซีรินก็ยังคงนำทางต่อไปนัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์กวาดมองบ้านเรือนที่มืดสนิทก่อนสายตาจะต้องสะดุดเข้ากับบ้านไม้เล็กๆ หลังหนึ่งที่ยังสว่างและอยู่ในสุดของถนนของหมู่บ้านนี้







        “ถึงแล้ว หวังว่าเธอคงจะอยู่ได้นะ” ซีรินเอ่ยเสียงห้วนก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กที่คามิลเลียเห็นนั่น ข้างในก็ไม่มีอะไรมาก นอกจาก....โซฟาเก่าๆ หนึ่งตัว โต๊ะไม้เล้กๆ ที่ใช้วางเทียนไขที่ให้แสงสว่าง ประตูเหมือนจะเป็นทางเข้าไปห้องไหนสักห้องสองบาน....แค่นั้น.....แค่นั้นจริงๆ นัยน์ตาสีม่วงกวาดมองไปรอบๆ อย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่ เราฝันไปรึเปล่านี่...จากที่เคยอยู่ในวัง มีเตียงนุ่มๆ ข้าวของเครื่องใช้ใหม่ๆ...เพียงเวลาชั่วข้ามคืนเราก็ต้องมานอนในบ้านอย่างนี้ซะแล้ว....ความคิดที่ทำให้รอยยิ้มสมเพชผุดขึ้นบนริมฝีปากบางได้รูป ก่อนจะคิดขึ้นได้ ความจริงแค่อยู่ได้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ อยู่แล้วมีความสุข อยู่แล้วสบายใจ มันคงจะไม่เกี่ยวกับข้าวของหรือความใหญ่โตหรอกมั้ง....แต่ตอนนี้...เราไม่มีความสุขเลย....



        “ไหนบอกวันนี้ทางสะดวกไง”



        “อ้าว...แล้วมันไม่สะดวกหรอ”



        “ก็เอออ่ะดิ” ซีรินเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนชายหนุ่มจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง



        “วันนี้ไปเอาอะไรมาได้บ้างเนี่ย....อ๊ะ...ไปขโมยสาวน้อยคนนี้มาด้วยหรือ นึกไม่ถึงว่าคิงเมืองนี้จะมีนางกำนัลเด็กขนาดนี้นะเนี่ย แล้วนายไปเอามาได้ไง....หรือว่าเขาขอตามนายมาด้วยละเนี่ย....นายไปโปรยเสนห์อีท่าไหนถึงได้สาวน้อยคนนี้มาได้ฮึ” คำถามที่ถูกส่งมาเป็นชุดของชายหนุ่มที่นั่งเอกขเนกอยู่ที่โซฟาทำให้ซีรินถึงกับทำหน้าเจื่อนไปสนิท แต่ประโยคหลังหน้าก็เริ่มขึ้นสีอีกรอบ สติหลุดขึ้นมาทันใด



        “โปรยเสน่ห์บ้าบอคอแตกอะไรเล่า!....นี่มันเจ้าหญิงนะโว้ยเจ้าหญิง...ไม่ใช่นางกำนัลโว้ย!”



        “อารมณ์ร้อนทั้งปีเลยสิน่า....อ๋อ...เดี๋ยวนี้นายริอ่านไปโปรยเสน่ห์เจ้าหญิงเลยหรือเนี่ย อย่างงี้ค่อยสมกับเป็นพี่น้องกันหน่อยละน้า” นัยน์ตาสีเขียวมรกตของชายหนุ่มหันมาสบนัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ก่อนจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับก้มลงต่ำโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ด้วยความสูงที่ต่างกันมาก จนผมสีชาที่รวบอย่างลวกๆ ไว้ด้านหลังร่วงลงมาด้านหน้า จนคามิลเลียรู้สึกว่าตัวเองหน้าเริ่มร้อนต้องถอนออกห่างเล็กน้อย “ยังไงก็อย่าไปสนใจไอ้ซีรินเลยนะครับ ไอ้นั่นน่ะเรื่องพวกนี้ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไรหรอกครับ หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไร ฉลาดก็ไม่ฉลาด....”



        “นายว่าอะไรนะ! ไอ้ฟีวิล!.....วันนี้ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้”



        “ฉันสิบหกนะ ไม่ใช่สิบสามอย่ามาเรียกอย่างงี้สิ” ฟีวิลยังคงกล่าวอารมณ์ดี ในขณะที่น้องที่ตัวต่างกันเกือบเจ็ดนิ้วเริ่มคุมอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่แล้ว



        “หยุดทะเลาะกันเถอะนะคะ ซีรินก็ไม่ได้น่าเกลียดซะหน่อย หญิงว่าซีรินน่ารักดีออก แล้วก็ไม่ได้โง่นะคะ ส่วนไอ้เรื่องพวกนั้นมันคืออะไรหญิงก็ไม่รู้หรอกนะคะแต่อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ” คามิลเลียร้องห้ามอย่างลืมตัว แล้วก็ใช้สรรพนามแทนตัวเองอย่างเคยชินบวกกับคำพูดที่ทำให้คนกำลังจะเปิดฉากทะเลากันถึงกับหยุดกึก โดยเฉพาะซีลินก็กับไอ้คำว่า ‘น่ารัก’ นี่แหละ แค่เท่านั้นหน้าก็แดงเหมือนลูกตำลึงสุกทันที



        “ฮ่าๆ เห็นมั้ยเรื่องผู้หญิงนี่ไม่เคยได้เรื่องซักทีละนะ” ฟีวิลหัวเราะอย่างถูกใจกับอาการของน้องตัวเองแล้วก็คำพูดของเจ้าหญิงองค์น้อย “ว่าแต่....ทำไมเจ้าหญิงถึงมากับนายได้ล่ะ”



        “อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในวังมันเกิดเรื่องอะไร คงต้องให้เจ้าหญิงเล่าเองแล้วละมั้ง”



        “เอ่อ...ค่ะ...ก็คือว่าในงานวันเกิดของท่านพ่อวันนี้มีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง ใหญ่มากเลยนะคะบุกมาแล้วบอกว่าจะฆ่าตระกูลซานทรีโอทั้งหมด แล้วพวกเราก็หนีมาจนกระทั่ง....มาเจอซีรินทำแจกันแตก...”



        “ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย แล้วยังมาว่าคนอื่นอีก....นายทำแจกันแตกเอง ก็ต้องมีคนรู้เป็นธรรมดามันถึงทางไม่สะดวกไง” ฟีวิลเอ่ยพร้อมกันตบป้าปเข้าให้ที่กลางหลังจนซีรินหน้าเกือบคว่ำ



        “แล้วเราก็ทะเลาะกันอยู่ตรงนั้นพวกโจรก็ตามมาจนได้ ท่านพ่อก็เลยให้ซีรินพาเราออกมาน่ะค่ะ”



        “นี่ก็แปลว่าคิงติดหนี้บุญคุณหัวขโมยอย่างเราแล้วละสิ....” ฟีวิลเอ่ยอย่างใจเย็นก่อนจะเปรยขึ้นอีกครั้ง “ยังไงซะคืนนี้เราก็นอนที่นี่กันก่อนก็แล้วกันนะครับ ห้องนอนมาสองห้องพอดีเลย เจ้าหญิงก็ไปนอนห้องของผมแล้วเดี๋ยวผมจะไปนอนกับไอ้ซีรินมันเอง”



        “ทำไมต้องเป็นห้องนายด้วยอ่ะ” ซีรินถามอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ



        “ก็ห้องนายมันสะอาดมากนักหรือไง”



        “สะอาดสิ”



        “เออนั่นแหละ ยังไงก็รีบๆ ไปนอนได้แล้วนะเจ้าหญิง....พรุ่งนี้จะได้รีบออกเดินทางแต่เช้า” คำพูดที่ทำให้หนึ่งหัวขโมยกับอีกหนึ่งเจ้าหญิงหัวคิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างงงๆ ก่อนจะพูดทวนคำขึ้นมาพร้อมกัน



        “เดินทาง?”



        “อ้าว....ทำไมล่ะ ถูกลอบฆ่า แล้วคิดว่าพวกนั้นจะไม่ตามหาเราพลิกแผ่นดินหรือไง” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลากคอน้องชายสุดรัก? เดินเข้าห้องนอนไป



        “ลอบฆ่า....งั้นหรอ” น้ำตาอาบสองข้างแก้มของเจ้าหญิงคามิลเลียผู้ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เรี่ยวแรงที่มีเหมือนกับหายไปหมดจนเธอต้องทรุดลงไปนั่งกับพื้น ความคิดเดิมๆ วนซ้ำไปซ้ามาอยู่ในหัว



        ท่านพ่อ...ท่านแม่.....หญิงจะทำยังไงดีคะ จะต้องหนีไปเรื่อยๆ อย่างนี้น่ะหรือ การหนีคงไม่ใช่การรรอดที่แท้จริง....แต่มันก็คงจะช่วยยืดเวลาไปได้...หน่อยนึง...เท่านั้น....





    ----------------------------------------------------------------------------



        สำหรับตอนนี้ก็ขอรีไรท์แก้คำผิดนะคะ แต่เนื้อเรื่องยังเหมือนเดิมค่ะ

        ไม่ดียังไงก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

        ช่วนกานคอมเม้นนะคะ ^^\"





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×