คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : วันที่ 5
วันที่ 5
เมื่อคืนนี้โยฮันหลับไปในร่างของเขาเอง ดังนั้นตื่นเช้ามาวันนี้คงจะได้พบกับแจนแน่นอน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” เทวดาหนุ่มทักทายเสียงใส ยาหยียิ้มรับ
“อรุณสวัสดิ์” เธอจัดการเก็บที่นอน ซึ่งแจนก็เข้ามาช่วยเหมือนเช่นเคย
“วันนี้ก็ตั้งใจหาเหมือนเดิมนะ”
“แน่นอนครับ อ้อ
ใช่ โยฮันจัดการเรื่องโปสเตอร์ให้แล้วเหรอครับ” ชี้ไปที่โปสเตอร์ยามะพีที่กลับมาเหมือนเดิมแล้ว
“อื้อ
ขานั้นเขานึกว่าเป็นผู้หญิงน่ะ แต่พอได้รู้ว่าเป็นผู้ชายล่ะก็ช็อกไปเลย หน้าหมอนั่นตอนนั้นตลกมากเลย” แจนยิ้มพยักหน้ารับรู้ ยาหยีบอกให้ชายหนุ่มไปเจอกันข้างล่างเหมือนเดิมแล้วเดินลงไป
“จะไปทำให้เหมือนเดิมทำไมนะ”
“วันนี้ต้องนั่งรถเมล์ไปรึเปล่าครับ” แจนถามสีหน้าหวาดๆ ไม่เอาแล้วนะ
“ก็นะ นั่นรถมาพอดี” ยาหยีลากชายหนุ่มขึ้นรถเมล์ไปด้วยความเร็ว โดยไม่ได้หันมามองหน้าที่ซีดเซียวของเขาสักนิดเลย
“โอ
ไม่เอาแล้วครับ ขากลับนั่งรถแอร์เถอะนะครับ” ชายหนุ่มขอร้อง หลังจากลงจากรถมานั่งพักอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ยาหยีมองด้วยความสงสารปนตลก ซาวิตี้หัวเราะเยาะเย้ยวนเวียนอยู่รอบๆ แต่แจนที่สภาพย่ำแย่จนไม่มีแรงตอบโต้ ได้แต่มองด้วยความเคียดแค้น
“เคะ เคะ เคะ” ซาวิตี้หัวเราะอย่างน่าเกลียด ตบก้นล้อเลียน เห็นแล้วน่าฆ่าทิ้งนัก
“กะ
แก
ไอ้เจ้า อุ อุ อุแหวะ” ของเก่าถูกปล่อยออกมาทางปาก ชายหนุ่มอาเจียรออกมา ทำเอายาหยีตกใจ แต่สำหรับตัวเขานั้นรู้สึกสะใจเล็กน้อยเพราะว่า
“เลว!!! อ้วกใส่เลว” ซาวิตี้ที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยอ้วกแหวะๆของแจน ร้องออกมาด้วยความโกรธ
“ฮะ ฮะ ฮะ เฮ้อ
อ้วกแล้วรู้สึกดีขึ้นนะเนี่ย” แจนหัวเราะด้วยความสะใจ
“นายนี่อะไรก็ไม่รู้” ยาหยีส่งสายตาตำหนิให้“แต่ก็ไม่ได้เปื้อนเสื้อผ้าใช่มั้ย” เด็กสาวว่า
“เปื้อน!!!” ซาวิตี้ตะโกน ยาหยีมองมันขำๆ
“เอาเจ้านี่ไปล้างตัวก่อนแล้วค่อยหากันก็แล้ว แบบนี้มันเหม็นอ้วก นายเดินไหวแล้วใช่มั้ย” แจนพยักหน้า
“ไหวแล้วครับ อุ อุ อุ
”
“เฮ้ย”
“ล้อเล่นน่ะครับ”
“เล่นอะไรบ้าๆน่ะ”
“เลวเหม็น!!! ล้างตัวเร็วๆ” ซาวิตี้ตะโกน ทำท่าพร้อมที่จะสะบัดตัว ทั้งคู่จึงต้องพาเจ้าจอมยุ่งไปหาที่ล้างตัวโดยด่วน
สถานที่ที่มาหากันในวันนี้ เป็นแหล่งของร้านอาหาร มีตั้งแต่ภัตตาคารหรูๆจนถึงรถเข็นปอนๆ คนเดินกันให้ขวักไขว่ อากาศวันนี้ไม่ร้อนมาก จึงเดินกันได้อย่างสบายๆ ดูท่าทางซาวิตี้จะสนอกสนใจร้านรวงต่างๆมากเป็นพิเศษ จนบางครั้งแจนต้องดึงตัวมันเอาไว้ก่อนที่มันจะไปทำน้ำลายหกใส่หัวชาวบ้านเสียก่อน
“ดูสิ ดูสิ เค้กน่ากินเนอะ” ยาหยีว่าหลังจากหยุดยืนดูเค้กที่โชว์อยู่หน้าร้านเค้กร้านหนึ่ง แจนยืนมอง ก็น่ากินจริงๆนั่นแหละ ท่าทางจะถูกใจซาวิตี้จัด เพราะมันเอาหน้าแนบกับกระจกเสียชิดจนจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าไม่มีกระจกนี่ สงสัยเค้กคงชุ่มน้ำลายไปแล้วแน่ๆ
“สวัสดีครับ ร้านแอนทีคยินดีต้อนรับครับ ถ้ายังไงขอเชิญข้างในดีกว่านะครับ” เสียงทักข้างหลังทำเอาเด็กสาวตกใจ ชายอายุประมาณ 30 ต้นๆ มีหนวดเล็กน้อยในชุดสูทบริกรทักขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ดูเฉยๆน่ะค่ะ” ยาหยีปฏิเสธอย่างสุภาพ หันหลังเดินออกไป
“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้เรามีเทศกาลเค้กผลไม้สุดอร่อยจากพ่อครัวอัจฉริยะของร้านเรา ถ้าสนใจก็แวะได้ทุกเมื่อนะครับ”
“เมนูครับ” ชายคนนั้น(รู้สึกจะเป็นเจ้าของร้าน)ยื่นเมนูให้ ในที่สุดทั้งสามก็เข้ามานั่งในร้านนี้จนได้ ช่วยไม่ได้นี่นะ พอได้ยินคำว่าเค้กผลไม้แล้วมันอดใจไม่อยู่นี่นา
“ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยคะ” เด็กสาวรับเมนูมาอ่าน เมนูมีแต่ชื่อแปลกๆทั้งนั้นเลย
“ได้ครับ งั้นขอเชิญที่ตู้โชว์เลยครับ” เจ้าของร้านผายมือไปทางตู้กระจกในร้านที่มีเค้กเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งสามตามไปด้วยความตื่นเต้น
“เค้กที่ขอแนะนำวันนี้นะครับเริ่มจากชิ้นทางขวาเลโมนี่ เป็นเค้กช็อกโกแลตกับเลมอนครีม ฟังดูแล้วอาจจะคิดว่าไม่เข้ากันแต่ถ้าลองชิมดูแล้วจะต้องตกใจกับความกลมกลืนที่แสนจะลงตัวระหว่างช็อกโกแลตกับเลมอน ชิ้นถัดมาเป็นสตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูสซึ่งข้างในเต็มไปด้วยสตรอเบอร์รี่คอมโพท เนื้อเค้กชุ่มโชกด้วยไลม์ไซรัปบรรเลงด้วยสุดยอดความนุ่มละมุนของไวท์ช็อกโกแลตมูส และชิ้นสุดท้ายบลูเบอร์รี่ชีสพาย ดื่มด่ำกับความชุ่มช่ำของบลูเบอร์รี่กับครีมชีสรสชาติกลมกล่อมครับ นอกจากนี้ ร้านเรายังมีชากาแฟและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ” เจ้าของร้านพูดแนะนำได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำเอาน้ำลายยืด อยากกินไปหมดทุกชิ้นเลย!
“เอาสตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูสกับชาเอิร์ลเกรย์ละกันค่ะ” เด็กสาวสั่ง
“แล้วคุณผู้ชายล่ะครับ”
“เอ่อ
เลโมนี่ก็แล้วกันครับ”
“ครับ สตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูสกับชาเอิร์ลเกรย์และเลโมนี่ กรุณารอสักครู่นะครับ” เจ้าของร้านทวนรายการ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว
“ขอโทษนะแจน ขอเสียเวลาที่นี่นิดนึง” ยาหยีว่า
“ไม่เป็นไรครับ”
“เค้กที่สั่งได้แล้วครับ สตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูสกับชาเอิร์ลเกรย์และเลโมนี่ครับ” เด็กผู้ชายหน้าตาดีในชุดพ่อครัวสีขาวเป็นคนเอาเค้กมาเสริฟ เค้กที่สั่งมาถึงเร็วทันใจ สตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูสที่ตกแต่งเพิ่มด้วยซอสสตรอเบอร์รี่และช็อกโกแลต ส่วนเลโมนีก็ถูกตกแต่งด้วยเลมอนฝานและวิปปิ้งครีม ดูเหมือนงานศิลปะมากกว่าเค้ก
“สวยจังเลย”
“เค้กของอาจารย์น่ะ อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” พ่อครัวหนุ่มน้อยว่า ยาหยีกับแจนหันไปยิ้มให้ เตรียมจะตักเค้กเข้าปาก แต่พอไปเห็นสายตาเปี่ยมความหวังของพ่อครัวหนุ่มน้อยแล้วมัน
“นี่เจ้าหนู นายไปจ้องเขาอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้ากินสิ กลับครัวไปได้แล้ว” คุณเจ้าของร้านเอ็ด คนถูกว่ายิ้มๆก่อนจะกลับเข้าครัวไป
ซาวิตี้ยืนน้ำลายไหลอยู่ข้างๆจานของเด็กสาว เธอจึงตัดแบ่งให้มัน แน่นอนว่ามันรีบรับไปกินด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนจะหันไปมองแจน เทวดาหนุ่มจ้องเค้กตรงหน้าด้วยตาเป็นประกาย ทั้งสองค่อยๆบรรจงตักเค้กตรงหน้าเข้าปาก
“อร่อยมากกกก”
ทั้งสามเดินออกมาจากร้านด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่น โดยเฉพาะยาหยี ในมือของเธอมีกล่องใส่ขนมกลับบ้านจากร้านแอนทีค ข้างในมีเลโมนี่,สตรอเบอร์รี่ไวท์ช็อกโกแลตมูส,ปาเว โอ คาราเมล เค้กช็อกโกแลตที่ชุ่มด้วยเนยและคาราเมลผสานกับมูสช็อกโกแลตและสุดท้ายชูครีมสำหรับซาวิตี้ ร้านนี้อร่อยจริงๆไว้วันหลังต้องมากินบ่อยๆ ส่วนขนมที่ซื้อมานี่ พรุ่งนี้จะจัดการให้เกลี้ยงเลย
“เอาล่ะ พลังงานเต็มที่ เราไปตั้งใจหากันดีกว่า” เด็กสาวเรียกกำลังใจ
“ครับ!/เลว” ขานรับออกมาพร้อมกันด้วยความคึกสุดขีด(ถึงจะไม่ใช่คำเดียวกันก็เถอะ)
ย่านนี้มีอะไรให้ดูมากมาย ถึงจะมีแค่ร้านอาหาร แต่ว่าแต่ละร้านก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน อย่างเช่น ร้านขายเค้ก คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะเด็กสาวๆ ส่วนผู้ชายนั้นไม่ชอบของหวานเสียเท่าไหร่ ร้านอาหารตามสั่งก็จะเป็นกลุ่มคนทั่วๆไปที่ทานอะไรก็ได้ ร้านพวกสุกี้ บาร์บีคิวหรือพิซซ่าก็จะเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนซะส่วนใหญ่
“แจนไปตรงนั้นกันดีกว่า อ้าว” หันไปไม่เจอคนที่พูดด้วยซะแล้ว อ้อ
อยู่ตรงนั้นเอง
“คุณยายจะข้ามถนนเหรอครับ ผมช่วยนะครับ” เทวดาหนุ่มเสนอตัวช่วยคุณยายที่หอบของพะรุงพะรังเตรียมจะข้ามถนน
“ขอบใจมากจ้ะพ่อหนุ่ม” คุณยายว่า แจนยิ้มยกถุงใส่ของใบโตนั่น พาคุณยายข้ามถนน โดยมียาหยีมองดูอยู่ตลอด เมื่อส่งคุณยายที่อีกฝั่งหนึ่งเสร็จแล้ว ก็ข้ามกลับมา
“หายไปไหนมาเนี่ย” เด็กสาวแกล้งทำหน้าโกรธถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“เอ่อ
คือคุณยายเค้าจะข้ามถนน ผมก็เลย
” เทวดาหนุ่มเลิกลั่ก เขากลัวสายตาดุๆของยาหยี
“ล้อเล่นน่ะ เห็นหมดแล้วแหละ ไปช่วยคุณยายข้ามถนนมาใช่มั้ยล่ะ” ยาหยียิ้ม แจนเนี่ยเป็นคนดีจริงๆ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ยิ้ม
“ไปหากันต่อดีกว่าครับ”
สำหรับวันนี้ก็ต้องผิดหวังกันไป เพราะว่าหาจนทั่วบริเวณแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของบัตรประจำตัวนั่นเลยสักนิด
‘โครก’ เสียงพยาธิในท้องร้องประท้วงว่าหิวเต็มที แน่ล่ะ เค้กที่กินไปเมื่อตอนสายคงโดนย่อยหมดแล้ว ก็เดินตลอดทั้งวันนี่นา แถมยังมีกลิ่นหอมๆยั่วใจจากร้านหลายร้านอย่างนี้อีก ไม่หิวได้ยังไง
“โอ๊ย หิวจังเลย” เด็กสาวครางออกมา ทั้งซาวิตี้และแจนต่างเห็นด้วย อีกเหตุผลหนึ่งคือหลังจากกินเค้กที่ร้านแอนทีคไปเมื่อตอนสายๆแล้วทั้งสามก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยง ดังนั้นจะมาหิวเอาตอน 4 โมงนี่ก็ไม่แปลกอะไร
“ยังไงวันนี้เราก็เดินมาจนทั่วแล้ว งั้นก็หาอะไรกินก่อนกลับบ้านดีกว่ามั้ย” แน่นอนว่าเหล่าผู้ติดตามต่างพยักหน้าเห็นด้วย อืม
แต่ว่าจะกินอะไรดีล่ะเนี่ย ก๋วยเตี๋ยวดีมั้ย
ไม่เอาดีกว่าไม่อยากกินอะไรร้อนๆ อืม
“เอาเป็นว่าไปกินไอ้นั่นก็แล้วกัน” ว่าแล้วเด็กสาวก็เดินจูงมือชายหนุ่ม ที่ยังไม่รู้ว่าไอ้นั่นที่เธอพูดถึงมันหมายถึงอะไร
“เอาส้มตำปลาร้าพริกห้าเม็ด ข้าวเหนียวไก่ย่างแล้วก็น้ำแข็งเปล่าสองค่ะ” ร้านขายอาหารอีสานที่มีคนนั่งเยอะพอสมควร ร้านนี้เธอเคยมากินกับเพื่อนๆ อร่อยใช้ได้เลยล่ะ เทวดาหนุ่มนั่งหน้าเอ๋อๆอยู่ครู่หนึ่ง เมื่ออาหารยกมาเสริฟหน้าของเขายิ่งเอ๋อเข้าไปกันใหญ่
“ไอ้นี่
มันคืออะไรครับ” ชี้ไปที่ส้มตำปลาร้า
“เขาเรียกว่าส้มตำน่ะ ส้มตำปลาร้า ไม่เคยกินเหรอ” แจนส่ายหน้าแทนคำตอบ ซาวิตี้ดมๆดูแล้วก็ทำหน้าเหม็นแหวะ(ก็มันเหม็นจริงๆนี่)
“เป็นมะละกอ กับมะเขือเทศ พริก กระเทียม ใส่มะนาว น้ำปลา อะไรหลายๆอย่างน่ะ อร่อยนะ” เด็กสาวพูดเชื้อเชิญ ชายหนุ่มใช้ส้อมเขี่ยขึ้นมาตรงปาก
“กลิ่นมัน
เหม็นๆ ไม่ใช่ว่าเสียแล้วเหรอครับ” ซาวิตี้พยักหน้าเห็นด้วย
“ที่มันเหม็นเป็นเพราะว่ามันใส่ปลาร้าน่ะ แต่ว่าอร่อยนะ ลองชิมดูดีกว่า ถึงกลิ่นไม่โสภานัก แต่อร่อยนะ” ยาหยีกินให้ดู อืม
อร่อย เผ็ดดีจัง ถึงจะชอบทานเค้กแต่ว่าของเผ็ดๆก็ชอบเหมือนกันนะ
ทางฝ่ายซาวิตี้ก็ลองเอาใส่ปาก
“อร่อย! เลวอร่อย!” แล้วมันก็ตั้งหน้าตั้งตากิน ส่วนแจนกำลังลังเลอยู่เล็กน้อย ในที่สุดก็ส่งส้อมที่มีส้มตำปลาร้านอนนิ่งอยู่เข้าปากไป
“เผ็ด!!!” แจนโวยวายออกมา คายส้มตำในปากทิ้ง คว้าน้ำมาดื่มอย่างรวดเร็ว หน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอ ทำเอายาหยีตกใจ
“แฮ่ก แฮ่ก” เทวดาหนุ่มลิ้นห้อย “เผ็ดมากเลยครับ”
“นายไม่กินเผ็ดเหรอ” ยาหยีถาม แจนพยักหน้า ความจริงสำหรับหยีแล้วมันก็ไม่เผ็ดมากนะ
“ผมทานเผ็ด ไม่ได้เลยครับ” เขาตอบ
“ตายแล้วเราไม่รู้ ขอโทษที” แจนส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ซาวิตี้ก็ขำสุดขีด
“เคะ เคะ เคะ”
“ขำบ้าอะไรมิทราบ เดี๋ยวก็อ้วกใส่หัวอีกหรอก” เจ้าตัวกวนจึงเงียบไป
สรุปว่ามื้อนั้น เทวดาหนุ่มผู้น่าสงสาร ก็ได้แต่นั่งกินไก่ย่างกับข้าวเหนียว
“เฮ้อ
อิ่มจัง ตายแล้ว!จะห้าโมงแล้วเหรอ” เด็กสาวอุทานออกมาเมื่อมองนาฬิกา
“รีบกลับกันเถอะ ท่าทางเหมือนฝนจะตกด้วย”
ซ่า!!!
ไม่ทันขาดคำฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ ทำเอาทั้งสองคนกับหนึ่งตัวเปียกโชกราวกับลูกหมาตกน้ำก็ไม่ปาน ทั้งหมดพากันวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์อย่างรวดเร็ว
“ผมจะใช้เวทมนตร์ทำให้แห้งนะครับ” เทวดาหนุ่มว่าแต่ยาหยีห้ามไว้ก่อน
“คนเปียกทั้งป้ายรถเมล์ ถ้าสมมติเราแห้งสนิทกันอยู่แค่นี้จะน่าสงสัยซะเปล่าๆ”
“เลวเกลียดฝน” ซาวิตี้สะบัดตัว น้ำกระเซ็น
“รถเมล์มาแล้วรีบกลับกันเถอะ” รีบวิ่งขึ้นรถเมล์ไป ซึ่งถึงจะเป็นรถแอร์ก็ต้องรีบขึ้นเพราะถ้าแจนเปลี่ยนเป็นโยฮันขึ้นมาตอนนี้แล้วล่ะก็ ไม่สนุกแน่ๆ
“ฮัดเช้ย!” เสียงจามเบาๆของเด็กสาว ขึ้นรถแอร์ทั้งที่ตัวเปียกขนาดนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
“ผมบังแอร์ให้ก็แล้วกันครับ” แจนขยับตัวยืนบังแอร์ที่เป่าใส่ยาหยี เธอคลายหนาวลงเยอะ แต่ว่าแจนล่ะ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องบังให้เราหรอก”
“ไม่ได้หรอกครับ ผู้ชายที่ดีต้องเสียสละครับ กะแค่แอร์แค่นี้ ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ” แจนฝืนพูดทั้งที่หน้าซีด ปากสั่น ยาหยีพยักหน้า
“ขอบคุณนะ” เธอยิ้ม เปิดดูกล่องเค้กที่พยายามรักษามาสุดชีวิตในมือ ดีจริงๆที่ข้างในไม่เปียกอะไร แค่เละๆไปนิดหน่อย ปิดฝากล่อง แล้วเรียกซาวิตี้มากุมไว้ที่มือ เพื่อให้มันอบอุ่นซึ่งดูท่ามันจะพอใจ เหลือบมองแจนเป็นระยะ
รู้สึกประทับใจสุดๆ
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว แจนก็ใช้เวทมนตร์เสกให้ตัวแห้ง เด็กสาวเอาเค้กไปเก็บ พอกลับมาที่ห้องอีกครั้งเทวดาหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นภูตวิบัติเรียบร้อยแล้ว
ท่าทางซาวิตี้ไม่อยากจะหาต่อแล้ว ฝนก็ยังตกอยู่ โยฮันยืนมองหน้าต่าง เตรียมจะออกไปข้างนอก
“ฝนตกอย่างนั้น นายยังจะออกไปอีก เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ยาหยีเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าไม่ออกไปหาแล้วจะให้ทำอะไร เดี๋ยวเธอก็หาว่าชั้นอู้อีก” ชายหนุ่มเถียงกลับ
“แต่นี่มันฝนตกซาวิตี้ก็ไม่ไหวแล้วด้วย”
“แล้วจะให้ชั้นทำอะไร นอนกับเธอในห้องนี้รึไง!”
“จะบ้าเหรอ!” เด็กสาวหน้าแดง
“ใช่มั้ยล่ะ งั้นชั้นไปนะ” เขาเดินไปที่หน้าต่าง “ส่วนเจ้านี่ ดูแลมันด้วยก็แล้วกัน” แล้วก็กระโดดหายไป
ความคิดเห็น