คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วันที่ 4
วันที่ 4
กลางดึกคืนนั้นเด็กสาวลืมตาโพลงตื่นขึ้นมา
‘ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย กี่โมงแล้วเนี่ย’ มือเรียวคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู เข็มเรืองแสงสีเขียวทำให้เธอทราบตอนนี้เป็นเวลา 3.00น. เธอมองไปที่ปลายเตียง ชายหนุ่มที่นอนร่วมห้องกับเธอตอนนี้เป็นใคร Good หรือว่า Bad
ชายในเสื้อสีขาวนอนขดอยู่ในผู้ห่มที่เธอมอบให้ ยังคงเป็นแจนอยู่ เธอถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนต่อ พยายามข่มตาหลับ
‘ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ‘
แสงแดดอ่อนๆตกลงมากระทบหน้าของเด็กสาวเช่นทุกวัน ยาหยีพยายามควานหานาฬิกาที่หัวเตียงตามเคยแต่ว่า
“แปดโมงจะครึ่งแล้วตื่นได้แล้ว” เสียงห้วนๆนี่มัน โยฮัน!
“หา! นาย นาย” เด็กสาวลุกผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อะไร มีอะไรจะพูดกับชั้นเหรอ ถ้าไม่มีเจอกันข้างล่างก็แล้วกัน” ตัดบท
“เดี๋ยว” เด็กสาวดึงชายเสื้อสีดำนั่นไว้
“มีอะไร”
“ทำไมเมื่อคืนนี้ถึงไม่ออกมา” ยาหยีถามออกไปตรงๆ
“เรื่องของชั้นน่ะ”
“นี่!” เด็กสาวจ้องหน้าโยฮันเขม็ง
“เมื่อวานนอนหลับยาวอยู่ ก็เลยไม่ได้ออกมา” ตอบหน้าตาเฉย
“อะไรกันรู้รึเปล่าว่าคนอื่นเค้าเป็นห่วงน่ะ” พูดออกไปแล้วก็หน้าแดง พูดอย่างนี้แล้วเหมือนเราห่วงเค้าเลยแฮะ
“เหรอถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วย” คำพูดที่ไม่นึกว่าจะได้ยิน ออกมาจากปากของชายหนุ่มเจ้าอารมณ์
“อ้อ
ใช่แล้วก็เรื่องเมื่อวานนี้ที่ตวาด ความจริงแล้วชั้นคุยกับเจ้าแจนมันอยู่ แต่ยังไงก็ขอโทษด้วยแล้วกัน โอ๊ย! นี่มาหยิกชั้นทำไม” โยฮันสะดุ้ง เพราะมือเรียวที่หยิกเอาที่ต้นขา
“นายต้องไม่ใช่โยฮันแน่ๆ หมอนั่นไม่มีทางพูดอะไรอย่างนี้แน่ แจนใช่มั้ย” เด็กสาวตาขวาง
“เอ๊ะ! อะไรของเธอ พูดไม่ดีก็โมโห พอมาพูดดีๆแล้วก็มาอย่างนี้อีก ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากจริงๆ” เกาหัวแกรกๆ คงจะเป็นโยฮันจริงๆสินะ
“แล้วแจนล่ะ”
“ก็คงหลับยาวน่ะแหละ เดินหาตากแดดหน้าดำมาตั้งหลายวัน เห็นบ่นนักหนิว่าชั้นอู้ วันนี้ก็เลยมาหาแทนมันซะหน่อย” ยาหยียิ้ม
“อะไรกันเล่า” ชายหนุ่มหน้าแดง เริ่มจะน่ารักขึ้นมาบ้างแล้วสินะ เด็กสาวคิด
“นั่นรูปอะไรน่ะ รสนิยมเหรอ ประหลาด ถ้าเกลียดก็ไม่น่าจะเอามาติดไว้นี่” โยฮันชี้ไปที่โปสเตอร์ยามะพี(เวอร์ชั่นตาหนวด) โอย
เห็นแล้วจะร้องไห้
“ความจริงมันก็เป็นโปสเตอร์สวยๆอ่ะนะ แต่ซาวิตี้ไปเขียนเข้าน่ะ แล้วแจนที่พยายามจะแก้ไขด้วยเวทมนตร์ก็ทำผิดพลาดซะได้เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“หมอนั่นน่ะเหรอพลาด แปลกแฮะ” โยฮันดีดนิ้ว กุล่มควันสีดำเข้าปกคลุมเต็มโปสเตอร์ที่น่าสงสารนั้น เมื่อควันจางไปภาพก็กลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิม
“โคตรสวยเลย!!!” ชายหนุ่มปราดเข้าไปดูรูปนั้นใกล้ๆ แล้วเอามือลูบ
“ดูสิตาหวานมากเลย ผมก็เส้นละเอียดเหมือนเส้นไหม ผิวก็ขาวเหมือนเครื่องเคลือบ ปากก็น่าจุ
จุ
จูบ” โน้มหน้าเข้าไปใกล้
‘โครม!!!‘ ซาวิตี้ถีบเข้าที่หัวของภูตวิบัติด้วยความรักและคิดถึงอย่างจัง มันมองโปสเตอร์แล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อหาปากกาเมจิกคู่ใจ
‘แพละ!!!‘ เสียงเท้ากำลังขยี้หัวเล็กๆของซาวิตี้อย่างเมามัน
“ทำบ้าอะไรเฮอะ! ซาตี้” ต่อว่าเจ้าตัวเล็กก่อนจะหันไปถาม
“นี่เธอสาวน้อยน่ารักคนนี้ชื่ออะไรเหรอ” หันมาคุยกับยาหยี เด็กสาวยิ้มแห้งๆก่อนจะตอบคำตอบที่แสนทำร้ายจิตใจ
“คนนี้เป็นผู้ชาย” เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าโยฮัน
“โกหกน่า ถ้าผู้ชายยังสวยขนาดนี้ แต่ว่าเธอ
โอ พระเจ้าบอกมาซิว่ามันไม่จริง
”
‘พลั่ก!‘ เสียงหมอนถูกโยนมากลางหัว ยาหยีเดินมาหยิบหมอนที่ตัวเองขว้างมาตบเบาๆแล้วเอาไปวางที่หัวเตียง
“เจอกันข้างล่างแล้วกัน ขอบใจนะเรื่องโปสเตอร์น่ะ” ปิดประตูดังปัง
“อะไรงอนอีกแล้วเหรอ ผู้หญิงนี่มันอะไรกันฟระ” ชายหนุ่มบ่น
“เขะ เขะ เขะ ” เสียงของซาวิตี้ที่พยายามหัวเราะทั้งที่ถูกทับอยู่ โยฮันขยี้เท้าลงไปให้หนักกว่าเดิม
“หุบปากไปเลยแก”
“เอาล่ะวันนี้จะไปหาที่ไหน” เสียงแรกที่ทักเมื่อออกจากประตูบ้าน โยฮันอยู่ในเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงดำเอวต่ำๆ โชว์ขอบกางเกงในสีแดงแปร๊ด สวมสร้อยเงินเป็นโซ่ยาวรูปเคียวของยมภูตที่คอและเครื่องประดับเงินเต็มตัวยุ่งไปหมด
“โห
”
“เป็นไงตะลึงในความหล่อเหรอ” โยฮันแซว ซาวิตี้บินมาใกล้ๆและแหวะออกมาอีกแล้ว
“รสนิยมไม่ได้เรื่องเลย” เด็กสาวพูดจากใจจริง
“อะไร้!!! ก็ พวกมนุษย์เขากำลังชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ จะแต่งแบบนี้ก็ตามใจนะ แต่อย่าเดินใกล้เราในระยะ 5 เมตรเป็นอันขาด” ยาหยียื่นคำ ไอ้แฟชั่นใส่กางเกงเอวต่ำๆ โชว์ขอบกางเกงในทุเรศๆนั่น เธอไม่ได้นิยมชมชอบมันเลย โยฮันทำหน้าเซ็งก่อนจะดีดนิ้ว เสื้อผ้าที่ใส่เปลี่ยนเป็นเสื้อคอวีสีดำกับกางเกงขายาวสีดำแทน
“อย่างนี้ค่อยดูดีหน่อย” หญิงสาวว่า จะว่าไปหมอนี่ก็ดูหล่อใช้ได้ แต่ให้อารมณ์คงละอย่างกับแจน อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกแปลกๆอยู่ดีเพราะปกติคนที่ร่วมหากับเธอทุกครั้งคือแจนนี่นา
“เอาล่ะ วันนี้เราจะไปที่นี่กัน นั่งรถเมล์ไป
เอ่อ นายนั่งรถเมล์ได้มั้ย” เด็กสาวถามเพื่อความแน่ใจ ไม่รู้ว่าโยฮันจะไม่ถูกกับรถเมล์อย่างแจนรึเปล่า
“มันเป็นยังไงล่ะ ได้รถเมล์นั่นน่ะ” ชายหนุ่มถาม หน้าตางงๆ
“ช่างเถอะ เป็นไงเดี๋ยวก็รู้เอง”
“ฮู่ เร็วดีจังนะ” ชายหนุ่มว่าหลังจากรถจากรถเมล์ หน้าตายิ้มแย้ม
“ขากลับก็นั่งไอ้นี่แหละ จะได้ไม่ต้องเดินไกล” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ยิ้มแห้งๆ ไอ้รถคันที่นั่งเมื่อกี๊ตีนผีสุดๆ ขับเร็วเป็นบ้าเลย ขากลับต้องดูคันที่ดีๆหน่อยแล้ว
“แถวนี้เป็นแหล่งความรู้ของเมือง มีพวกพิพิธภัณฑ์ สวนผีเสื้อ แล้วก็ชมรมต่างๆ” เด็กสาวอธิบาย
“ถึงว่าสิ ไม่ค่อยมีคนเลยแฮะ อย่างว่านะไอ้อาไรที่เป็นวิชาการมันไม่สนุกเลย เออ
ว่าแต่แถวนี้มีแมคฯบ้างปะ”
“มี ทำไมเหรอ”
“ก็ซาวิตี้มันทวงสัญญา ที่จะเลี้ยงแมคฟรายด์กะไอติมมันน่ะสิ” ชี้ไปที่หัว ซาวิตี้กำลังขบหัวชายหนุ่มอย่างเมามัน
แมคไก่เปปเปอร์ถูกแกะออกจากห่อของมันอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเทซอสไก่ทอดสีส้ม ลงบนเนื้อไก่ที่ทอดจนเหลืองกรอบก่อนจะยัดลงปาก แมคไก่ท่าทางจะไม่อยากลงไปอยู่ในท้องของเขา เลยมาจุกอยู่ที่คอเล่นเอาเจ้าตัวหน้าเขียว
“เอา น้ำๆ” หญิงสาวเลื่อนโค้กแก้วใหญ่ไปให้ ภูตวิบัติที่ตอนนี้กำลังวิบัติซะเองรีบคว้ามาดูดลงไปเฮือกใหญ่
“ฮ่า
เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ” ซาวิตี้หัวเราะเยาะเย้ย ร้องสมน้ำหน้า สมน้ำหน้า ทำให้แมคฟรายด์ทวิสเตอร์จุกคอหอยหน้าเขียวเช่นกัน
“ก๊าก! สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า” โยฮันเย้ย ยาหยียื่นแก้วโค้กให้ซาวิตี้ดื่ม มันดูดเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วเหนื่อยหอบแฮ่กๆ
เด็กสาวมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มขำ ลบอคติที่เธอมีให้โยฮันตอนเจอครั้งแรกไปแทบทั้งหมด
“น้ำหมดแล้วง่ะ ชั้นไปซื้อแก้วใหม่ละกันนะ” ยาหยีพยักหน้า กัดแฮมเบอร์เกอร์เนื้อในมือ ท่าทางซาวิตี้จะพอใจกับอาหารมื้อนี้มาก มันทานแมคฟรายด์จิ้มไอศกรีมพีชซันเดย์ที่ผสมซอสมะเขือเทศอย่างเอร็ดอร่อย(มันดูอร่อยตรงไหน)
“น้องคะ” ใคร ยาหยีหันไปตามเสียง
“ตายแล้วน้องจริงๆด้วย ที่ออกรายการไปเมื่อวาน จำได้รึเปล่า แหม
ต้องจำได้อยู่แล้วเนอะ” ยัยพิธีกรคนเดิมกับตากล้องเมื่อวานนี้นี่!
“วันนี้มาคนเดียวเหรอ แล้วหนุ่มตี๋สุดหล่อเมื่อวานนี้อยู่ไหนเหรอ วันนี้เขามาด้วยรึเปล่า ไหน อยู่ไหนอยากเห็นหน้าจัง น้องเขาน่ารักมาเลยนะคะ” ยัยพิธีกรจ้อไม่หยุด อยากจะเอาปืนกลมายิงหัวให้กระจุยจริงๆ ไอ้รายการบ้า คนเขามองกันทั้งแมคแล้ว! โยฮันอย่าเพิ่งมาตอนนี้เล้ย!!!
“คือว่าวันนี้
”
“มีอะไรกันเหรอ” ชายหนุ่มทักขึ้นในมือถือโค้กแก้วใหญ่ที่เพิ่งซื้อมา ช่างมาผิดจังหวะได้ถูกจังหวะอะไรขนาดนี้
“ตายแล้วไม่ใช่น้องเมื่อวานนี่ แต่คนนี้ก็หล่อแบบเข้มๆดี น้องชื่ออะไรคะ”
“หะ?” โยฮันงง มองมาทางยาหยี
“อ่า
ไปกันเถอะค่ะพี่ชาย” เด็กสาวลุกขึ้น ไม่ลืมที่จะหยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่ยังกินไม่หมดติดมือมาด้วย ใช่ มุขพี่ชายนี่แหละ ใช้ได้ทุกสถานการณ์
“หา?” ยาหยีลากโยฮันที่ยืนถือโค้กเอ๋ออยู่ให้ออกจากร้าน
“อ้าว พี่ชายเหรอคะตายแล้วพี่ชายหล่อๆอย่างนี้แนะนำให้พี่บ้างสิคะคุณน้อง อย่าเพิ่งไปสิค้า!”
“เมื่อกี๊อะไรเหรอ” ชายหนุ่มถามหลังจากที่ยาหยีหยุดเดินแล้ว ลงมือทานแฮมเบอร์เกอร์ต่อ
“รายการงี่เง่าน่ะ ช่างมันเถอะ” ตัดบทโดยการทานแฮมเบอร์เกอร์ ทิ้งให้โยฮันงง รายการคืออะไร?
“แล้วซาตี้ล่ะ” ชายหนุ่มถามเมื่อไม่เห็น ตัวช่วยค้นหาตัวสำคัญ
“ตายแล้ว! ลืมเลย” แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งกลับไปที่ร้านซาวิตี้ก็บินหน้าตางอนตุ้บมาก่อนแล้ว
“เลว!!! ทิ้งเลว”
ห้องสมุดเงียบอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ในที่นี้ควรใช้คำว่าเงียบเหงา เพราะมีคนอยู่สุดแสนจะบางตา เพราะว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาก้าวไกลจนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตสืบค้นข้อมูลต่างๆได้ ทำให้ห้องสมุดไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการนัก
“โห
ที่นี่มันอะไรเนี่ย ทำไมเงียบยังกะป่าช้าเงี้ย” โยฮันถามเสียงดังจนบรรณารักษ์ทำตาเขียวใส่ ยาหยีหันมาดุ(เสียงเบา)
“ก็นี่มันห้องสมุด คนเค้ามาอ่านหนังสือกัน ก็เลยต้องเงียบไง นายก็เงียบๆหน่อยเข้าใจมั้ย” ชายหนุ่มพยักหน้าเออออเข้าใจ ก็เขาไม่เคยเข้าห้องสมุดเลยนี่ ไม่คิดจะเข้าเลยด้วย
“แยกกันหาก็แล้วกัน นายไปหาชั้นสองส่วนเราจะหาชั้นนี้เอง” ยาหยีอธิบายก่อนแยกไปอีกทาง โยฮันเดินอย่างเซ็งๆไปชั้นสองพร้อมกับเจ้าตัวกวนซาวิตี้
ชั้นสองก็คล้ายกับชั้นแรก ต่างตรงที่ไม่มีบรรณารักษ์คอยเฝ้า มีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่คนสองคน เป็นเด็กใส่แว่นท่าทางคงแก่เรียน
“ก็เพราะว่ามันน่าเบื่ออย่างนี้นั่นแหละ คนเค้าถึงไม่ค่อยมากัน เนอะ ซาติ
” หันไปถามความเห็นจากเพื่อนตัวเล็ก แต่ว่าเจ้าตัวแสบก็หายไปเสียแล้ว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็น อ๊ะ ตรงนั้น
“เฮ้ย! อย่า!!!” ซาวิตี้ยืนอยู่หลังตู้หนังสือตู้สุดท้าย มองตู้หนังสือด้วยสายตาเจ้าแน่ ชายหนุ่มรู้ว่ามันคิดจะทำอะไร มันจะเตะให้ล้มต่อกันเป็นโยฮันิโนน่ะสิ โยฮันรีบวิ่งเข้าไปจะคว้าตัวไอ้ตัวก่อกวนนี่เอาไว้แต่ทว่า
ภาพที่เกิดขึ้นราวกับฉากสโลวโมชันในหนังต่อสู้ พระเอก(โยฮัน)คว้ามือไปจับผู้ก่อการร้าย(ซาวิตี้)ไว้ได้ เขาจับมันไว้อย่างมั่นคง ยิ้มอย่างสะใจ แต่ว่ามันไม่จบแค่นั้น หลังของเขาไปกระแทกกับตู้หนังสืออย่างรุนแรงและ
โครม!!!
“ชั้นสองเกิดอะไรขึ้น!” บรรณารักษ์หน้าดุ รีบขึ้นไปดูด้วยความฉุนเฉียว ยาหยีเสียววาบ หวังว่าสิ่งที่เธอคิดมันจะไม่เป็นจริงนะ
“กรี๊ด!!! ตายแล้ว อะไรกันเนี่ย” เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูของบรรณารักษ์ดังลงมาข้างล่าง ต้องใช่อย่างที่เธอคิดแน่ๆเลย สองตัวนั่นต้องไปก่อเรื่องแน่ๆ
“นี่!เธอ” มือหนึ่งสะกิดหลังเด็กสาว
“โยฮัน นี่นายไปทำอะไรเสียงดังโครมครามเมื่อกี๊น่ะ” ชายหนุ่มกำซาวิตี้ไว้แน่น มองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก
“เอาเหอะน่า ออกจากที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
“นายไปทำตู้หนังสือล้มเหรอ!” เด็กสาวพูดด้วยสีหน้าตกใจ
“ชั้นทำก็จริง แต่ว่าชั้นเปล่านะ เธอต้องโทษไอ้นี่ ไอ้นี่มันตัวต้นเรื่อง” โบ้ยไปที่ซาวิตี้
“เลวๆๆๆๆ” ซาวิตี้ว่ากลับ ไม่รู้ว่าโกรธที่โดนว่าหรือโกรธที่โดนขัดขวาง
“เอ๊ะ! ไอ้นี่ จะลองดีอีกรึไง” ชายหนุ่มว่า เริ่มมีอารมณ์
“เลวไม่กลัว เข้ามาเลย เลว!” ซาวิตี้ท้าทายกลับ
“พอแล้วๆหยุดๆ อย่าเพิ่งมาทะเลาะกันได้มั้ย ตั้งใจหากันก่อนเข้าใจมั้ย เอ้าเดินๆๆไปหากันต่อ” ยาหยีห้ามทัพไว้ ทั้งสองจึงเลิกทะเลาะกัน โยฮันได้แต่คิดว่า เขาจะไม่เข้าห้องสมุดอีกต่อไปแล้ว
บรรยากาศในสวนผีเสื้อเงียบสงัด มีแค่พวกเด็กนักเรียนไม่กี่คนกับพวกของยาหยีเท่านั้น โยฮันที่ดูท่าทางซีดเซียวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ มองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก
“เป็นอะไรไป กลัวผีเสื้อรึไง” เด็กสาวถาม ท่าทางของชายหนุ่มตอนนี้เหมือนเดินอยู่ในบ้านผีสิง
“เปล่า รีบเดินแล้วออกได้มั้ย ชั้นไม่ค่อยชอบต้นไม้เท่าไหร่ เหวอ!!!” ชายหนุ่มสะดุ้ง กับซาวิตี้ที่บินมาชนหลัง
“สงสัยจะประสาท นายนี่ขวางโลกจริงๆ เอ้า!รีบๆเดินก็ได้” ยาหยีสาวเท้าเร็วขึ้นโยฮันก็เช่นกัน แต่ก็ไปสะดุดกับเด็กกลุ่มหนึ่งที่มุมดูอะไรบางอย่างอยู่
“พี่สาว มาดูนี่สิครับ” เด็กคนหนึ่งเรียก
“เร็วๆครับ” ยาหยีเดินไปดู แน่นอนว่าโยฮันตามไปด้วย
“ดูสิครับ หนอนผีเสื้อกำลังจะกลายเป็นดักแด้” หนอนตัวใหญ่ สีสันเต็มตัวผงกหัวขึ้นลงเรื่อยๆ พ่นใยสีขาวออกมาห่อหุ้มตัว
“จริงด้วย โยฮันนายเคยเห็นรึเปล่า” หันไปถามชายหนุ่ม แต่ว่า
“ไปไหนน่ะโยฮันมาดูเร็วๆ อ๊ะ!อะไรเหวอ!” ชายหนุ่มที่กำลังหาตัวอยู่นอนแน่นิ่งน้ำลายฟูมปากอยู่ข้างเท้าของเธอเอง
“คิก ตัวใหญ่อย่างนี้กลัวหนอนเหรอเนี่ย” เด็กสาวยิ้มขำ ชายหนุ่มหน้าแดง เขาถูกยาหยีกับเด็กๆประมาณ3-4คนแบกออกมาจากสวนผีเสื้อสยองนั่น คิดดูสิว่าหน้าอับอายแค่ไหน คนอย่างเขาต้องให้ผู้หญิงกับเด็กมาแบก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
“มันไม่เกี่ยวกับเล็กหรือใหญ่หรอกนะ” เขาบ่นอุบ
“อ๊ะ! ระวังเหยียบหนอน”
“เฮ้ย!ไหน ไหน อยู่ตรงไหน” ชายหนุ่มที่สูง 175 เซนติเมตร กระโดดหยองไปหลบหลังหญิงสาวที่สูงแค่ 155 เซนติเมตร ดูแล้วขัดหูขัดตาพิกล
“ล้อเล่น ฮะๆๆ” ยาหยีระเบิดหัวเราะ ซาวิตี้ก็เช่นกัน ภูตวิบัติเจ็บใจ เค้าต้องระวังไอ้เจ้าซาวิตี้เป็นพิเศษซะแล้ว ไอ้บ้านี่มันต้องเอาหนอนมาแกล้งเขาอีกแน่นอนยิ่งเลวอยู่ๆด้วย
“เลิกเล่นกันได้แล้ว เครียดกันหน่อยสิ หาบัตรน่ะหาบัตร!” ทำเป็นขึงขังเปลี่ยนเรื่อง
“จ้า จ้า หาบัตร ฮะๆๆ” หญิงสาวระเบิดหัวก่อนเมื่อนึกถึงหน้าของโยฮันตอนนั้น ก่อนจะกลับมาเครียดเรื่องหาบัตรต่อไป
“นายนอนตรงนี้แหละ” เด็กสาวว่าชี้ไปที่ฟูกที่พื้น ในที่สุด วันนั้นทั้งวันก็ยังคงหาบัตรไม่เจอ
“หา พื้นเนี่ยนะ” เด็กสาวพยักหน้า
“ใช่ แจนเขาก็นอนได้ นายนอนไม่ได้รึไง ถ้านอนไม่ได้ก็นั่น บนต้นไม้ แต่ระวังหนอนหน่อยนะ” ประโยคสุดท้ายมีการยิ้มเยาะเย้ย ยัยนี่เนี่ยน่าฆ่าทิ้งนัก
“เออๆ นอนนี่ก็ได้ ดีกว่านอนข้างนอนให้ยุงกัด”
“ถ้างั้นก็รีบๆนอนซะล่ะ ราตรีสวัสดิ์” ยาหยีว่าก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
“มองบ้าอะไร” หันไปค้อนซาวิตี้ ที่มองด้วยสายตาเยาะเย้ยอยู่บนเตียง
“เลว! เตียงนุ้ม นุ่มแหละ แอ่บ!” โยฮันขว้างหนังสือนิยายแถวนั้นใส่หน้าด้วยความหมั่นไส้
‘โยฮัน ยังไม่หลับใช่มั้ย’ เสียงในหัวของเขาดังแว่วขึ้น แจนนั่นเอง
“ยัง แต่ก็กำลังจะ มีอะไรเหรอ”
‘วันนี้หาเจอมั้ยครับ’ เทวดาหนุ่มถาม
“ถ้าเจอคงยังอยู่ที่นี่อยู่หรอก” ตอบกวนๆตามสไตล์
‘งั้นเหรอครับ ว่าแต่เป็นไงบ้างครับยาหยีน่ะ เป็นคนดีแล้วก็น่ารักมากเลยใช่มั้ยครับ’
“ยัยนั่นน่ะนะน่ารัก ผู้หญิงแบบนี้น่ะนะ ถ้าชั้นไม่เห็นว่าเลือดเข้ากับเราได้ล่ะก็ ชั้นไม่ยุ่งหรอก น่ารำคาญชะมัด” เขาว่า ”แต่พูดอย่างนี้หรือว่านายจะชอบยัยนั่นเข้าแล้ว”
‘
’
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่แน่ๆเลย” ถ้าแจนมานั่งอยู่ตรงนี้(ซึ่งเป็นไปไม่ได้)เขาคงได้เห็นเพื่อเขาหน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปแล้ว
‘นอนได้แล้วครับ!’
ความคิดเห็น