ตอนที่ 2 : คำพยากรณ์เริ่มขึ้นแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น.......
ฮ่องเต้จงไท่หยวนรีบรุดมาหาน้องชายของตนถึงในตำหนักที่พักรักษาตัวอยู่ ด้วยสีหน้าที่ระงับความตื่นเต้นดีใจเอาไว้แทบไม่อยู่
"น้องเจ็ด น้องเจ็ด" เสียงเรียกที่ดังขึ้นหน้าตำหนักทำให้จงไท่หยางค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เนื่องด้วยตนต้องทนทรมานจากการปวดศีรษะไปหลายชั่วยาม พึ่งจะข่มตาให้หลับลงได้เมื่อยามอิ๋น (ช่วงเวลาตีสามถึงตีสี่ห้าสิบเก้านาที) นี้เอง
"ถวายพระพรเสด็จพี่พะยะค่ะ" จงไท่หยางลุกขึ้นมาคุกเข่าถวายพระพรข้างเตียงทันทีเมื่อพบว่าฮ่องเต้จงไท่หยวนได้เดินเข้ามาหาตนถึงในห้องนอนแล้ว
"ลุกขึ้นเร็วเข้าน้องเจ็ด เมื่อคืนข้านอนคิดทั้งคืนถึงวิธีการในการช่วยรักษาเจ้า และแล้วข้าก็คิดออกแล้วหนึ่งวิธี" ฮ่องเต้จงไท่หยวนเอ่ยขึ้นอย่างดีพระทัย
"วิธีการใดหรือพะย่ะค่ะพี่สี่" จงไท่หยางเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง
"ในเมื่อรักษาเจ้ามาหลายวิธีแล้ว อาการของเจ้ายังไม่ดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ข้าเลยคิดว่าจะเชิญไต้ซือที่วัดต้าลู่บนภูเขาเทียนซานลงมาช่วยทำนายดวงชะตาของเจ้าและแนะนำถึงวิธีการรักษาเจ้าอย่างไรเล่าน้องเจ็ด"
"พี่สี่ ไต้ซือที่ท่านพูดถึงคงไม่ใช่ไต้ซือเมี่ยวซ่านหรอกนะ" จงไท่หยางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"ใช่แล้วน้องเจ็ดคนที่ข้าพูดถึงคือไต้ซือเมี่ยวซ่านนั่นเอง ทำไมรึ?" ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความสงสัย
"พี่สี่ ไต้ซือเมี่ยวซ่านนั้นผู้คนล้วนร่ำลือกันว่าท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงเปรียบดังเทพเซียนในร่างของมนุษย์ชอบปลีกวิเวกยิ่งนัก ใช่ว่าจะพบตัวและเข้าถึงท่านได้ง่ายๆ แล้วพี่สี่จะไปขอให้ท่านมาช่วยทำนายถึงแนวทางการรักษาข้าได้อย่างไรหรือพะยะค่ะ" อ๋องเจ็ดจงไท่หยางเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"น้องเจ็ดเจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้ว ทุกสามปีไต้ซือเมี่ยวซ่านจะลงจากเขามาโปรดสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และช่วยพยากรณ์ถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา หากเราหาไต้ซือเมี่ยวซ่านพบ ข้ามีความเชื่อว่าไต้ซือต้องมีวิธีรักษาอาการปวดหัวของเจ้าได้เป็นแน่" ฮ่องเต้ตรัสอย่างมีความเชื่อมั่นในวิธีที่ตนพึ่งคิดขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก
"แล้วไต้ซือจะลงจากเขามาเมื่อไหร่รึพี่สี่?"
"อีกสองวันข้างหน้า ข้าจะให้คนไปดักพบและเรียนเชิญไต้ซือมาที่วังหลวงให้จนได้" ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น
"ขอบพระทัยพี่สี่ยิ่งนักพะยะค่ะ" อ๋องเจ็ดจงไท่หยางเอ่ยขึ้นอย่างซึ้งใจ
"แล้ววันนี้อาการปวดหัวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างน้องเจ็ด?"
"หลังจากกินยาแก้ปวดที่หมอหลวงจัดให้ อาการปวดหัวของข้าก็พอทุเลาลง แต่ก็ยังปวดอยู่บ้างเป็นพักๆพะยะค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้าก็พักก่อนเถิดน้องเจ็ด หากข้าเรียนเชิญไต้ซือเมี่ยวซ่านมาได้แล้ว ข้าจะให้เขาเข้ามาพบเจ้าที่วังหลวงทันที" ฮ่องเต้ตรัสขึ้นพร้อมทั้งเดินออกจากตำหนักไปอย่างเงียบๆ
...…..…............................
ณ ภูเขาเทียนซาน ยามซวี เวลากลางคืนที่ดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า ไต้ซือเมี่ยวซ่านได้แหงนมองดูดวงดาวบนท้องฟ้ามานานหลายเค่อ จนศิษย์ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า
"เรียนถามท่านอาจารย์ มิทราบว่าท่านเฝ้ามองดูดวงดาวบนฟ้ามาเนิ่นนานด้วยจุดประสงค์อันใดหรือ?"
"อาหลง อีกสองวันข้างหน้าอาจารย์ต้องลงจากเขาไปโปรดสัตว์แล้ว อาจารย์จึงต้องทำนายดวงชะตาผ่านดวงดาวว่าบุคคลที่มีวาสนาตรงกันกับอาจารย์และควรได้รับการช่วยเหลือนั้นเป็นใคร อยู่ยังทิศใดอย่างไรเล่า" ไต้ซือเมี่ยวซ่านตอบพร้อมทั้งลูบเครายาวสีเงินยวงของตนอย่างใช้ความคิด
"อาจารย์ท่านจะไปโปรดสัตว์ยังที่ใดหรือขอรับ?"
"วังหลวงแคว้นลู่ โปรดท่านอ๋องเจ็ดจงไท่หยาง" ไต้ซือเมี่ยวซ่านตอบเพียงเท่านั้น จึงหมุนตัวเดินกลับไปยังอารามเพื่อทำสมาธิต่อทันที
สองวันผ่านไปขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า ไต้ซือเมี่ยวซ่านและอาหลงลูกศิษย์คนสนิทได้พากันเดินทางลงจากเขาเพื่อไปโปรดสัตว์ตามคำทำนายจากดวงดาวทันที
"อาจารย์ วังหลวงแคว้นลู่นั้นอยู่ห่างไกลจากภูเขาเทียนซานของเราหลายร้อยลี้ยิ่งนัก เดินทางหลายวันหลายคืนกว่าจะถึง เหตุใดเราไม่ไปยังวัดต้าเจาที่อยู่ใกล้ชานเขาเหมือนเช่นครั้งก่อนเล่าท่านอาจารย์ ผู้ใดต้องการความช่วยเหลือจากเราก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องเดินทางมาหาเรามิใช่รึ" อาหลงโอดครวญขึ้น เมื่อเดินทางลงจากเขามาได้เพียงห้าลี้เท่านั้น
"สวรรค์ลิขิตแล้วอาหลง ใยเจ้าจะต้องพูดบ่นให้มากความเช่นนี้ด้วยเล่า" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยขึ้นอย่างสงบ
"หากเจ้าไม่อยากลงจากเขาไปกับอาจารย์ เจ้าก็กลับขึ้นเขาไปเสียเถิดอาหลง อาจารย์ไม่ตำหนิเจ้าหรอก แต่อาจารย์จะตำหนิตนเองมากกว่าที่สั่งสอนศิษย์ไม่ได้เรื่องเอง"
"ข้าผิดไปแล้วอาจารย์ ขออาจารย์ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ นักบวชย่อมต้องบวชเพื่อแสวงหาความหลุดพ้นและมีเมตตาโปรดสัตว์ มิใช่มีเพียงการพูดบ่นและไม่ยอมอดทนต่ออุปสรรคกับเรื่องที่ต้องได้ประสบพบเจอเช่นนี้" อหลงเอ่ยคุกพร้อมทั้งคุกเข่าลงตรงหน้าอาจารย์
"ลุกขึ้นเถิดอาหลง เห็นเจ้าคิดได้เช่นนี้ อาจารย์ก็มีกำลังใจในการสั่งสอนศิษย์ต่อไปแล้ว" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยขึ้นอย่างมีเมตา
การเดินทางผ่านไปอีกหลายชั่วยามจนกระทั่งตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า สองลูกศิษย์อาจารย์จึงเดินทางลงมาถึงตีนเขาเทียนซานพอดี
เมื่อเดินทางลงมาถึงก็พบเข้ากับขบวนรถม้าและองครักษ์ฝีมือดีราวหกคน ทุกคนต่างเข้ามาคำนับและหนึ่งในองครักษ์ได้ถามขึ้นมาว่า "ไต้ซือ ท่านจะเดินทางไปยังที่ใดหรือ แล้วท่านคือไต้ซือเมี่ยวซ่านใช่หรือไม่"
"ใช่แล้วอาตมาคือไต้ซือเมี่ยวซ่านเอง ประสกมีอันใดกับอาตมาเช่นนั้นรึ?" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยถามด้วยความสงบ
"ข้าได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้มารับไต้ซือไปยังวังหลวง" องครักษ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
"เจ้ามีอันใดบ่งบอกว่าฮ่องเต้ส่งเจ้ามาเช่นนั่นรึ?" อาหลงกล่าวแทรกขึ้นมา
"ข้ามีตราหยกประจำพระองค์มาด้วย" องครักษ์ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น
"จะเป็นตราหยกประจำพระองค์จริงหรือเท็จก็ไม่มีผู้ใดรู้นะท่านอาจารย์" อาหลงกระซิบกระซาบกับอาจารย์ของตนเบาๆ
"ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เชิญไต้ซือเมี่ยวซ่านไปยังวังหลวง รบกวนไต้ซือกับลูกศิษย์ขึ้นนั่งในรถม้าด้วย" หนึ่งในองครักษ์กล่าวเชิญ
"ได้" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยขึ้นพร้อมกับขึ้นนั่งบนรถม้าทำให้อาหลงต้องวิ่งตามอาจารย์ของตนไปติดๆ
ขบวนรถม้าใช้เวลาทั้งสิ้นสองชั่วยามจึงเดินทางเข้ามาถึงวังหลวง
"ขอเชิญไต้ซือพักผ่อนที่ตำหนักรับรองนี้ไปก่อน ข้าจะให้คนจัดเตรียมอาหารมาให้ พรุ่งนี้ยามเฉินจะมีคนพาไต้ซือไปกับพบฝ่าบาท" องครักษ์ที่พาไต้ซือเมี่ยวซ่านมาส่งยังตำหนักเอ่ยขึ้น
"อามิตตาพุทธ" ไต้ซือเมี่ยวซ่านกล่าวเพียงเท่านั้นก็นั่งประจำที่ทำสมาธิต่อไปทันที
....................................
วันพรุ่งเมื่อยามเฉินมาถึง
ขันทีผู้หนึ่งได้มานำทางพาไต้ซือเมี่ยวซ่านไปยังตำหนักที่อ๋องเจ็ดพักรักษาตัวอยู่
เมื่อขันทีนำส่งไต้ซือที่หน้าตำหนักเสร็จแล้ว จึงรออยู่ที่หน้าตำหนัก และให้ไต้ซือเมี่ยวซ่านกับลูกศิษย์เดินเข้าไปภายในตำหนักกันสองคน
เมื่อก้าวเข้าไปในตำหนักได้สักพัก ไต้ซือเมี่ยวซ่านก็พบเข้ากับบุรุษในชุดคลุมมังกรกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผยเปี่ยมล้นไปด้วยบารมี ส่วนบุรุษอีกหนึ่งคนนั้นอยู่ในชุดสีดำเข้มปักด้วยดิ้นทองรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดูมีกลิ่นอายของการฆ่าฟันและกลิ่นอายของบุรุษเพศอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
"คาระฝ่าบาท คารวะท่านอ๋องเจ็ด ขอทั้งสองพระองค์ทรงมีพระชนม์มายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี" ไต้ซือเมี่ยวซ่านประสานมือคำนับทั้งสองพระองค์
ทางด้านอาหลงก็คำนับตามแบบอาจารย์ของตนเช่นเดียวกัน
"ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี ขอบใจไต้ซือมากที่ตอบรับคำเชิญของข้ามายังวังหลวงในวันนี้" ฮ่องเต้ตรัสขึ้นพร้อมกับยกชาขึ้นจิบไปด้วย
"ไม่ทราบว่าประสกทรงมีพระประสงค์ใดให้ข้าช่วยเหลือเช่นนั้นรึ?" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยถามขึ้น
"ข้าทราบมาว่าไต้ซือนั้นมีความสามารถทางด้านโหราศาสตร์อย่างยิ่ง เลยอยากขอให้ท่านช่วยทำนายทายทักให้กับอ๋องเจ็ดจงไท่หยางถึงการรักษาอาการปวดศีรษะของเขาด้วยจะได้หรือไม่" ฮ่องเต้ตรัสขึ้นอย่างช้าๆ
"ทูลประสก อาการปวดหัวของท่านอ๋องเจ็ดนั้นรักษาได้ง่ายนิดเดียว เพียงแต่....." ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยอ้ำๆอึ้งๆ
"เพียงแต่อันใดรึท่านไต้ซือ?" อ๋องเจ๋ดจงไท่หยางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"เพียงแต่ท่านอ๋องเจ็ดมีพระชายาที่เป็นคู่แท้ของพระองค์มาคอยอยู่เคียงข้างกาย อาการปวดหัวของท่านอ๋องเจ็ดก็จะหายลงไปแล้วถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว" ไต้ซือเมี่ยวซ่านตอบพร้อมกับหลับตานับลูกประคำในมือไปด้วย
"ไต้ซือ กล่าวราวกับว่าหวางเฟยของข้าเป็นดุจยาวิเศษอย่างไรอย่างนั้นเลยนะ" จงไท่หยางเอ่ยยิ้มๆ
"แล้วถ้าหาก ข้าอยากหายขาดจากอาการปวดหัวไปเลยต้องทำอย่างไรเล่าเช่นนั้นรึ?"
"เมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านอ๋องเจ็ดย่อมต้องรู้ด้วยตนเองโดยมิต้องให้ใครมาบอกแน่นอนว่าต้องทำวิธีการใด ถึงจะหายขาดจากอาการปวดหัวได้" ไต้ซือเมี่ยวซ่านตอบพร้อมทั้งระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
"แล้วใครกันเล่าจะมาเป็นชายาของน้องสี่ได้" ฮ่องเต้จงไท่หยวนเอ่ยขึ้น
"บุคคลที่เกิดวันที่แปด เดือนแปด ขึ้นแปดค่ำ ปีทู่เหนียน (ปีกระต่าย) จะมาย้ำเตือนความรักให้สว่างขึ้นภายในใจของท่านอ๋องเจ็ด พลังแห่งความรักนั้นจะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะของพระองค์ได้" ไต้ซือเมี่ยวซ่านตอบ
"แล้วอีกนานแค่ไหนข้าถึงจะได้พบเจอกับนาง" จงไท่หยางเอ่ยถามขึ้นอย่างมีความหวัง
"แล้วข้ากับนางจะรักชอบกันได้อย่างไร ข้าเดาทางไปไม่ถูกเลย" จงไท่หยางเอ่ยขึ้นพร้อมกับนวดคลึงขมับของตนไปมาเบาๆ
"เรื่องนี้คงสุดแท้แต่สวรรค์ลิขิต ขอประสกอย่าได้วิตกกังวลจนเกินไปนักเลย" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
"หมดธุระของอาตมาแล้ว อาตมาต้องขอตัวไปโปรดสัตว์ที่อื่นต่อ คงต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว"
"ขอบคุณไต้ซือมากที่ช่วยสละเวลามาช่วยทำนายทายทักและให้คำแนะนำในการรักษาอาการปวดหัวให้กับข้า" จงไท่หยางเอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งตัวลงมาเล็กน้อย
"ไม่ทราบไต้ซือจะเดินทางไปยังที่ใดต่อ ข้าจะให้องครักษ์ไปส่ง" ฮ่องเต้จงไท่หยวนตรัสขึ้น
"ขอประสกอย่าได้ยุ่งยากอันใดกับอาตมาต่อไปเลย ด้วยอาตมาจะเดินทางไปเรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่มีจุดหมายใด จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องให้องครักษ์ไปส่ง อาตมาขอทูลลา" ไต้ซือเมี่ยวซ่านเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยกมือขึ้นคำนับก่อนจะเดินออกจากตำหนักไปพร้อมกันกับลูกศิษย์ ทิ้งให้องค์ฮ่องเต้จงไท่หยวนและอ๋องเจ็ดจงไท่หยางต่างนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดไปกันคนละแบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

32 ความคิดเห็น
-
#28 jibzaa2712 (จากตอนที่ 2)วันที่ 2 ตุลาคม 2563 / 10:45น่าจะใช้ว่า ถวายพระพรฝ่าบาทและท่าวอ๋อง แล้วฝ่าบาทและท่านอ๋องควร คาราวะท่านไต้ซือด้วยนะ#283
-
#28-1 爱飛 อ้ายเฟย(จากตอนที่ 2)2 ตุลาคม 2563 / 10:51ขอบคุณมากเลยค่ะรี้ด ❤️❤️❤️#28-1
-
#2 nuy2000 (จากตอนที่ 2)วันที่ 4 สิงหาคม 2563 / 15:26รอนะคะ#21
-
#2-1 爱飛 อ้ายเฟย(จากตอนที่ 2)4 สิงหาคม 2563 / 15:26ขอบคุณที่ติดตามค่ะรี้ด 💖💖 เอาหัวใจไป 😁😁#2-1
-