บริหาร เอแบค ใครว่าง่าย..(มาลองอ่านดูจิ)

ลำดับตอนที่ #2 : ได้เข้ามาเรียนแล้วสินะ..เอแบค..

เอาล่ะ รู้เรื่องที่มาของมหาวิทยาลัยกันแล้ว.. มาเรื่องส่วนตัวของเรากันบ้าง...
เราชื่อ เกียงนะจ๊ะ 
ตอนม.ปลาย เรียนๆ โดดๆ อยู่ที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี ตอนม.ห้า กล้าหาญชาญชัย สอบ IGCSE ได้เทียบเท่า ม.ปลายของไทย เลยออกไปเข้า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร... คณะเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำลังจะเข้าแล้ว เรียนปรับพื้นฐานอยู่ แต่ดันไม่ไปมอบตัวซะงั้นด้วย เหตุที่ว่า เค้าให้เราเรียน ซ้ำ...

เคว้งไปหนึ่งปี ที่เพื่อนๆ เรียนม.6 กัน เราก็ไปลงเรียนรามกับทำงานพิเศษ กะว่ารอมาเอนท์พร้อมเพื่อนๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เอนท์ ทำงานเพลินเป็นครูรับจ้างสอนภาษาประกิต (อังกฤษ) ซะงั้น

ไหนไหน เรื่องภาษาเราก็ปึ๊กๆ อยู่แล้ว ความคิดอันบรรเจิดก็แล่นแว่บเข้ามาในหัว หรือ เราจะเรียน บริหารนานาชาติไปเลยดี....

ชอยส์ในใจตอนแรกนั้นมี
1. BBA (บริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ) Thammasat
2. BE (เศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ)Thammasat
3. BBA ABAC
4. BBA BUIC บริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ นานาชาติ

------------------------------------------------------------------------

สุดท้ายมาตกล่องปล่องชิ้นที่เอแบค เพราะว่า วืดไปสอบ ไม่ทันที่ม.ธรรมศาสตร์
รับกันเร็วชะมัด.. ประมาณเดือน กพ.

พอดีกับที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา อยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานญาติ ก็เลยขออาศัยรถมาดูมหาลัยด้วย แล้วก็มาปุ๊บ อื้ม ชอบมหาลัยสวยดี ออกแนว ยุค โรมัน (โรนัลดิโญ่..) ศิลปกรรมเป็นพวก เรเนซอง แนว กรีกๆ บอกไม่ถูก เอาเป็นว่า สิ่งสวยงามของโลกมีที่ไหน เอแบคก๊อบหมด.. หุหุ

วันนั้นเลยซื้อใบสมัครแล้วก็สมัครสอบเลย...
การเตรียมตัว ไม่ได้เตรียมอะไรมากมาย เอาหัวใจไป..
ตอนนั้น พอดี เสิร์ชเข้าไปเจอ เวบบอร์ดของเอแบค ซึ่งตอนนั้นเวบเด็กดียังไม่มีลิงค์.. http://again.at/abac ตอนนั้นเลยเข้าไปลงเมลไว้ หาเพื่อนที่กำลังจะเข้าเอแบคก็มีหลายคนที่แอดมา..

ก็รูจักกันตอนก่อนไปสอบ ในเวบบอร์ดก็ให้คำแนะนำได้ดี เรื่องการเตรียมตัวก่อนเข้ายังจำได้อยู่เลยว่า

"จะเข้าอะไม่ยากหรอก จะจบเนี่ยดิยิ่งยากกว่าหลายเท่า"

เรื่องการสอบเข้า คะแนนที่เราทำได้จะไปจัดอันดับ level ของการเรียนภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ของเราด้วย..

ถ้าใครที่ทำคะแนนได้ไม่ค่อยดี จะต้องเรียนปรับพื้นฐาน Intensive English หรือ Intensive Math
ส่วนใครที่เก่งมากๆ อาจจะไม่ต้องเรียนเลยทั้งสองอย่าง หรือเรียนวิชาเดียวก็ได้

ตอนที่ประกาศผลสอบเข้าของเรา เราก็ต้องเรียน Intensive English กับ Math exposure 15 Hrs.  คะแนนเลขดี ก็เลยเรียนแค่ 15 ชั่วโมง

ก็ไปลงทะเบียน ขึ้นทะเบียนนักศึกษา จ่ายค่าโนค่านี่สารพัด ประมาณ สามหมื่นกว่าบาท ((แพงมาก นี่เพิ่งแรกเข้ากะเรียนปรับพื้นฐานนะเนี่ย))

เอแบคเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้า ขณะที่เด็กรอเอนท์ หลายๆคนกำลังนั่งรอนอนรอ ผลเอนท์ เด็กที่ตัดสินใจเข้าเอแบค ก็ต้องมาชี้ช้ำระกำทรวง มาเรียนปรับพื้นฐาน ตั้งแต่เดือนปลายเดือนมีนาคม.. เรียน Intensive วิชาละ สามชั่วโมงทุกวันจันทร์ถึงศุกร์  ทุกวันจะมีการ Speaking ระหว่างเพื่อน และอาจารย์ ประมาณ 20-25 นาทีก่อนบทเรียนว่าไปไหนมาบ้างทำอะไรบ้าง โดยอาจารย์จะให้ Topic มาพูดกัน ถือเป็นการฝึกพูดภาษาอังกฤษไปในตัว..

หนังสือเรียนตอนนั้นที่เรียนก็ มี
1. Intensive English
2. Outside Reading (หนังสืออ่านนอกเวลา)
3. Dictionary

ตอนเรียน Intensive ต้องเรียนวิธีการเปิด Dictionary ด้วยล่ะ.. เรียนวิธีใช้พจนานุกรม ก็ดีมากจะได้เป็นความรู้ที่ดี

เรียนถึงขนาดวิธีการคิดเกรด
วิธีการเรียนในมหาวิทยาลัย
ติดโปรแล้วจะทำอย่างไร..
อ่านหนังสืออย่างไรให้สอบได้

นับว่าการเรียน Intensive นี่ ดีมากมากเลยนะ เหมือนให้เราได้ปรับตัวก่อนเจออะไรๆในรั้วมหาวิทยาลัยอีกเยอะแยะ..