ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Youngster Of New Generation

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : คิงรูเบอัส...กษัตริย์รัตมณี

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 48


    บทที่ 3 : คิงรูเบอัส…กษัตริย์รัตมณี





              แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้คนในห้องตื่นขึ้นจากนิทรา สามสัปดาห์แล้วสินะที่เด็กหนุ่มนาม เลนาร์ด คริปตอน ได้เข้ามาใช้ชีวิตในที่แห่งนี้



              สถานที่ๆได้รับการขนานนามว่ามีการเรียนการสอนที่จัดว่าดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ก็มีบางคนให้สมญาว่าเป็นแหล่งรวมเหล่าเด็กดื้อและบรรดาเด็กเหลือขอแห่งเดียวในอาณาจักร



              แต่…นางฮิลลาร์ คริปตอน ไม่ได้คิดว่าลูกของนางเป็นเด็กประเภทนั้นเลย และนางเองก็เขียนจดหมายมาให้เขาสัปดาห์ละสามฉบับเรื่อยมา



              “เฮ้ยเดี๋ยวเลนาร์ด รอฉันแป๊ป แล้วไปกินข้าวเช้าพร้อมกัน” บาซัส เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะเปิดประตู

              “เร็วๆ นะ” เด็กหนุ่มผมสีหิมะพูดพลางหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างพลางมองออกไปด้านนอก สักพักก็ได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากในห้อง



    …ครืน~ครืน....



              “ไปกินข้าวกันเถอะ ดูดิ หิวจนมันส่งเสียงประท้วงแล้ว” เด็กผมบลอนด์ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเอ่ยชวน พร้อมกับลูบท้องตัวเอง

              “ไปสิ” เด็กชายทั้งสองเดินออกมาจากห้อง โดยที่คนหนึ่งไม่ลืมที่จะดูว่ามีจดหมายอยู่ในตู้หน้าห้องหรือไม่ ส่วนอีกคนเดินออกมาพร้อมกับอาการหิวเต็มที่ และเสียง...ที่ตามมาเป็นระยะ



              “นี่พวกเรา!! ปีหนึ่ง ตารางกิจกรรมออกแล้ว มาเอาที่ฉันตอนนี้เลยนะ” คาร์ลพูดเสียงดัง ขณะที่หลายๆคนยังมีความสุขกับการกิน  แต่ต้องหยุดชะงักเพื่อไปเอาตารางจากเขาซึ่งกินเสร็จแล้ว และยังทำให้เลนาร์ด บาซัส โบวารัส แล้วก็กราวิน ที่นั่งโต๊ะเดียวกันพลอยหนวกหูไปด้วย



              “คาร์ล ตารางกิจกรรมอะไรน่ะ” เลนาร์ดถามเมื่อเขาเอาตารางที่ได้รับมาพิจารณา

              “ก็กิจกรรมที่ต้องทำตอนปิดเทอมแหละ จะให้นอนอุดอู้อยู่ในห้อง 2 เดือนได้ไง”



              “มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือเรียนพิเศษ แต่ว่าต้องเขียนจดหมายไปขอเงิน อย่างที่สองก็คือ ทำงานพิเศษ สำหรับบางคนที่ไม่มีเงินก็ ทำงาน เก็บเงินไว้เรียนต่อ หรือเก็บเงินไว้เรียนตอนปิดเทอมหน้า แต่มีข้อแม้ว่าทุกคนจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ห้ามอยู่เฉยๆ แล้วก็จะเริ่มงานเดือนหน้าล่ะ” กราวิน (ที่ไม่ได้ถูกถาม)ตอบมาเป็นชุดเหมือนรู้ทันเขา นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นฉายแววรู้ทันอยู่เสมอ แต่ก็สามารถแสดงความใสซื่อ ความสุภาพ และไมตรีจิตได้เช่นกัน



              “แล้วพวกนายจะลงอะไรกันอะ” โบวารัสถามขึ้น นัยน์ตาสีม่วงและสีน้ำตาลอ่อนสบกันอย่างมีเลศนัย แล้วเจ้าของนัยน์ตาทั้งสองคู่ก็ตอบพร้อมกัน

              “งานพิเศษ”

              “เรียนพิเศษ” สองคนที่เหลือตอบขึ้นบ้าง

              “แล้วเธอล่ะ” คาร์ลถามกลับ

              

              “ไม่รู้สิ คงลงงานพิเศษกับบาส” เด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มตอบอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก



              วันนี้ห้าสหายตกลงว่าจะไปซื้อของด้วยกัน หลังออกมาจากบ้านรูบี้ทั้งห้าก็ตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ด้านหน้าทางออกจากโรงเรียน พวกนักเรียนปี 1 ต้องลงชื่อทุกครั้งก่อนออกไปนอกรั้วโรงเรียน จึงทำให้เสียเวลานิดหน่อยก่อนที่พวกเขาจะนั่งรถรับส่งเพื่อเข้าไปในตัวเมือง



              ในตัวเมืองแคนเซอร์มีบรรยากาศคึกคักเป็นปกติ ต่างคนก็ต่างขะมักเขม้นทำมาหากิน ตัวเมืองที่นี่ค่อนข้างเล็ก เพราะทั้งประเทศก็มีเนื้อที่เหลือเพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น เนื่องจากอาณาเขตที่เหลือเป็นของโรงเรียนสโคว์ลันด์ทั้งหมด



               ผู้คนเริ่มทยอยกันมาจับจ่ายซื้อของกันทำให้ถนนดูเล็กลงเรื่อยๆ คาร์ลจึงพาทุกคนเดินเลี่ยงออกมาในตรอกที่มีการจราจรคล่องตัวกว่า เขาดูชำนาญกับเส้นทางที่นี่มากก็เพราะเขาเกิดและเติบโต ในประเทศแคนเซอร์นี้นี่เอง



               แต่เพราะเลนาร์ดกับกราวินไม่มีเงินติดตัวอยู่ จึงต้องพาเพื่อนๆทั้งหมดไปที่ธนาคาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ทางส่วนใหญ่ที่คาร์ลพาเดินลัดเลาะไปล้วนเป็นทางที่ไม่แออัดทั้งสิ้น พวกเขาจึงไปถึงธนาคารในเวลาอันรวดเร็ว



              ทั่วทั้งเพียเรสท์มีธนาคารกว่า 100 แห่ง แต่ทุกแห่งล้วนใช้ชื่อเดียวกันทั้งสิ้น เพราะมีเพียงแค่ตระกูลเดียวเท่านั้นที่กล้าเปิดและได้รับความไว้วางใจจากชาวเพียเรสท์ นั่นก็คือ ตระกูลการ์เดียน ธนาคารทุกแห่งจึงได้ชื่อว่า



              ‘ธนาคารการ์เดียน’



              แม้ในภาวะฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ ธนาคารที่มีชื่อนี้ก็ยังสามารถเปิดทำการได้เหมือนดังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแน่นอน สำนักงานใหญ่ของธนาคารนี้ก็จะต้องอยู่ที่ประเทศแคนเซอร์ ประเทศที่เป็นที่อยู่ของตระกูลนี้มาแต่ครั้งบรรพบุรุษ และแน่นอนว่ากษัตริย์ของประเทศนี้ก็ทรงใช้นามสกุล…การ์เดียน



              บัดนี้ ทั้งห้าได้มายืนอยู่ภายในธนาคารการ์เดียน ณ สำนักงานใหญ่ ตัวอาคารเป็นทรงกระบอก สถาปัตยกรรมสมัยก่อตั้งยังมีให้ได้สัมผัสทั่วไป ตั้งแต่เพดานทรงสูงที่ตกแต่งด้วยโคมระย้า หน้าต่างบานยาวที่ประกอบขึ้นด้วยกระจกสีต่างๆ ภาพศิลปะจากศิลปินชื่อดังในยุคโบราณ กลิ่นอายของความเก่าแก่คละคลุ้งผสมกับกลิ่นของเงินตรา ยังมีเคาน์เตอร์แบบเก่าตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจกบนลานตรงกลาง เผยให้เห็นบารมีของที่แห่งนี้



              “เออใช่ นายสองคนเอาบัญชีมารึเปล่า อุตส่าห์ถ่อมาถึงธนาคารแล้ว ถ้าไม่เอามาคงต้อง…เละ..แน่” โบวารัสที่เพิ่งนึกได้หันมาถามพร้อมกับฝากคำขู่ไว้ให้ด้วย

              “โธ่ ใช่ว่าบัญชีจะใหญ่โตมโหฬาร ฉันยัง‘แบก’ไว้ตลอดเวลาเลย” บาซัสพูดพร้อมกับเปิดกระเป๋าแล้วหยิบชิพแผ่นบาง กว้างเท่านิ้วหัวแม่มือชูให้โบวารัสดู ชิพที่ว่าก็คือบัญชีนี่เอง

              “โห ของนายเป็นชิพด้วยเรอะ ของฉันยังเป็นสมุดอยู่เลย” กราวินอุทานด้วยความตื่นเต้น แล้วหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาให้ดู

              “เทคโนโลยีส่งตรงจากอควอเรียสเลยนะเฟ้ย ได้มาตอนไปทัวร์เมื่อปีที่แล้วน่ะ” บัดนี้เจ้าของชิพอวดโอ่เจ้าเทคโนโลยีชิ้นจิ๋วไปไกลถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้ ร้อนถึงแฝดน้องที่ต้องรีบช่วยดึงกลับมา โดย…



    …ป้าบ…



              “พูดซะยืดยาวอย่างกับทำเองงั้นแหละ” หลังจากที่เพิ่งเบิร์ดกระโหลกแฝดพี่โบวารัสก็หันไปพูดลอยๆกับกราวิน ส่วนบาซัสที่โดนไปป้าบใหญ่เลยต้องหยุดโม้แล้วหันมาต่อปากต่อคำกับน้องสาวแทน

              “คร้าบบบ…ผม ดูเหมือนคุณน้องสุดที่รักจะได้เลื่อนขั้นเป็นท่านแม่ซักที” คำพูดนี้ทำให้เด็กหญิงค้อนน้อยๆ พอพูดจบก็ชวนกราวินไปถอนเงินทันที…อ้าว พอเหลือบไปอีกทีโบวารัสก็เห็นว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียว เพราะคาร์ลพาเลนาร์ดไปถอนเงินตั้งนานแล้ว เลยต้องจำใจเดินตามแฝดพี่ไป



              ทางด้านเลนาร์ด เมื่อเขาเอาบัญชีชิ้นจิ๋วไปให้พนักงานอัพเดทให้ก็พบว่าแม่ของเขาโอนเงินมาใส่บัญชีของเขาจำนวนหนึ่ง แล้วเมื่อปรึกษาคาร์ล เขาก็ตัดสินใจถอนออกมาทั้งหมด 8,000 เอิร์น



              “แล้วพวกเราจะไปซื้ออะไรก่อนดี” คนนำทางถามทันทีที่ทุกคนก้าวออกมาจากธนาคาร

              “ไปซื้อของให้เลนาร์ดก่อนแล้วกัน ท่าทางหมอนี่จะต้องซื้อเยอะเลย” บาซัสเสนอ แล้วคาร์ลก็นำทางไปซื้อของทันที



              พวกเขาเดินไปยังถนนยาวสายหนึ่งซึ่งเป็นถนนคนเดิน สองฝั่งฟากถนนมีร้านรวงอยู่เต็มไปหมด มีทั้งร้านขายเครื่องเขียน อาวุธ เครื่องมือเครื่องไม้ต่างต่างนานา สุดถนนก็เห็นห้างสรรพสินค้าตั้งเด่นเป็นสง่าที่แทบจะไม่มีคน บอกให้รู้ถึงราคาสินค้าที่สามารถเชือดเฉือนกระเป๋าสตางค์ให้ขาดเป็นเสี่ยงๆได้ภายในหนึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว



              “ข้าพเจ้า ในนามของ คาร์ลแห่งแคนเซอร์ ภูมิใจเสนอสุดยอดถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยข้าวของต่างๆให้เลือกซื้อเลือกหากันในราคายุติธรรม……ทูลสตรีท…” คาร์ลร่ายบรรยายสรรพคุณถนนนี้จนคนบางคนอดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไปว่า…



              “คาร์ล บ้านนายขายของอยู่ถนนนี้หรอ” คำถามที่มาพร้อมกับน้ำเสียงใสซื่อของคนถาม ทำให้คนที่มันบรรยายสรรพคุณของถนนเส้นนี้สะดุดกึก แล้วอีกสองคนก็หัวเราะร่วนท้องแข็งไปตามๆกัน แต่เลนาร์ดเพียงแค่ขยับยิ้มแล้วส่ายหัวน้อยๆ กราวินที่เป็นคนถามก็ดูจะยังไม่เข้าใจ พอจะหันไปถามคาร์ลก็เห็นยืนทำหน้าไร้อารมณ์อยู่(มันเล่นทำหน้าใสปิ๊งเลยโกรธไม่ลง) จึงไปกระซิบถามเลนาร์ดที่ดูท่าทางสติดีที่สุด ด้วยสีหน้าที่ดู งงงวยไม่เข้าใจอะไรซะเลย



              “พวกนั้นเป็นอะไรกัน” เห็นหน้าไอ้คนถามที่มันยังทำตาบ้องแบ๊วอยู่ก็อดนึกขำในใจไม่ได้(ในใจ…เท่านั้น) แต่ก็ต้องดึงฟอร์มออกมา ก่อนตอบกลับอย่างที่ไม่ช่วยให้ความสงสัยของคนถามลดลงแม้แต่น้อยว่า…

              “ก็แค่ขำคาร์ล…กับนาย” ในน้ำเสียงส่อประกายขบขันชัดแม้คนพูดจะยังตีสีหน้าเคร่ง ได้ยินดังนั้นคนที่โดนขำก็ไม่คิดที่จะถามต่อเลยบอกเปลี่ยนเรื่องไป

              

              “แล้วพวกนายไม่ไปซื้อของกันแล้วหรอ”



              เลนาร์ดจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ประกอบการเรียนภาคปฏิบัติเองทั้งหมด ตั้งแต่ชุดเกราะอ่อน ดาบ คทา ไปจนถึงอาวุธลับของตัวเอง พวกเขาแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคาร์ล บาซัส กับโบวารัสจะไปซื้อของกินของใช้ ส่วนกราวินกับเลนาร์ดจะหาซื้ออุปกรณ์การเรียนกัน



              พวกของเลนาร์ดตกลงจะเดินหาคทากันก่อน ทั้งคู่เดินผ่านไปหลายร้านแล้วก็ยังไม่ได้คทาที่ถูกใจ จนเกือบจะสุดถนนพวกเขาก็เจอร้านเล็กๆอีกร้านหนึ่งจึงตัดสินใจเข้าไปดูในร้านนั้น

    ภายในร้านขายคทาถูกจัดและตกแต่งแบบเรียบๆ ใช้สีโทนเย็นเพื่อสร้างบรรยากาศ คทาแบบต่างๆถูกเรียงไว้ในตู้กระจกอย่างเป็นระเบียบ บนเคาน์เตอร์มีชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสง่า ไม่นานพนักงานหนุ่ม(ซึ่งมีอยู่คนเดียวในร้าน)ก็ออกมารับลูกค้า



              “มาจากสโคว์ลันด์หรือสเคลล์แลนด์ครับ” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทางสุภาพ

              ‘สเคลล์แลนด์?’ คำถามผุดพรายขึ้นมาในสมองของเลนาร์ด

              “สโคว์ลันด์ บ้านรูบี้ครับ” กราวินที่รู้อะไรมากกว่าตอบคนขายอย่างชำนาญ

              “งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” พนักงานขายพาทั้งสองมายังมุมหนึ่งที่มีตู้กระจกเขียนว่า ‘Ruby’

              “เลือกกันตามสบายนะครับ ถ้าอยากลองอันไหนก็บอก เดี๋ยวมานะครับ”



              พวกเขามองดูในตู้กระจกที่มีคทาหลากหลายรูปแบบ ทุกอันล้วนประดับประดาไปด้วยอัญมณีสีแดงเพลิงเมื่อมองไปที่ป้ายราคาคทาทั้งหมดที่เห็นนี้มีตั้งแต่ราคาน้อยนิดสัก 200-300 เอิร์น ไปจนถึง 1,000-2,000 เอิร์น



              เลนาร์ดมองแค่ไหนก็ยังไม่ได้อันที่ถูกใจสักที เมื่ออีกฝ่ายได้คทาของตนแล้ว เขาก็คิดจะชวนไปหาซื้อต่อที่อื่น แต่ก่อนที่จะออกจากร้าน เด็กชายได้เหลือบไปเห็นคทาอันหนึ่งในตู้ที่ติดกับเคาน์เตอร์ เขาเหมือนต้องมนตร์สะกด ขาและเท้าที่ไร้การควบคุมค่อยๆก้าวเข้าไปหามัน ไปยืนมองอยู่ที่หน้าตู้กระจก มองแล้วมองอีกไม่ละสายตา เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด รู้สึกว่าเวลาเกือบครึ่งวันที่ผ่านมาในทูลสตรีท เขาได้ใช้ไปเพื่อหาของสิ่งนี้ (ส่วนกราวินก็นิ่งอึ้งทำอะไรไมุถูกแล้ว) ตัวไม้สีดำสนิทได้รับการสลักเสลาสวยงาม หัวคทาอัญมณีสีแดงเลือดนกเจียระไนได้เข้ากันอย่างลงตัว



              “เจ้าหนูนี่ตาถึงเหมือนกันแฮะ” ชายแก่บนเคาน์เตอร์พึมพำอย่างชอบใจ

              “นี่ เจ้าหนูจะเอาอันนั้นมั้ยล่ะ เดี๋ยวลดให้” ชายแก่พูดเสียงดังทำให้เลนาร์ดได้สติขึ้นมา

              “อัญมณีนี่ รูบี้รึเปล่าครับ” คนที่เพิ่งได้สติถามเจ้าของร้าน

              “ใช่แล้ว ตัวไม้ทำจากไม้โกลเดนแอชศักดิ์สิทธิ์หมื่นปี ภายในบรรจุเศษของเพชรในตำนาน ‘โฮป ไดมอนด์’ เขียนอักขระมนตราโดยหัวหน้าเผ่าเทพ หัวคทาทำจากทับทิมแท้บริสุทธิ์สีแดงเลือดนกใช้น้ำกัดกร่อนเป็นทรงกลม เจียระไนลายบนแท่นบูชาพระเจ้าโดยมหาปราชญ์เทพแห่งสกอร์ปิโอ คทาศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ขนานนาม ‘คิง รูเบอัส’ ‘กษัตริย์รัตมณี’ หนึ่งจากเจ็ดคทาแห่งอัญมณีในตำนาน ไงล่ะ” ชายแก่พูดอย่างวางภูมิ แล้วหันไปเจรจาเรื่องราคาต่อ

            

              “เอามั้ย ฉันคิด 3,000 เอิร์น แล้วกัน เห็นยังเด็กอยู่”

              “เอาครับ” ว่าแล้วก็ควักเงินจ่ายไปเกือบครึ่งกระเป๋า...



    (หมายเหตุโดยผู้แต่ง: ก็รู้อยู่ว่าแพงแสนแพงแต่ถ้าขืนต่อราคาก็เสียฟอร์มหมดจิ งิๆ)



    ---------------------------------------------------------------------------------------------



    อธิบาย



    เอิร์น (Earn) – สกุลเงินสกุลเดียวที่ใช้ในเพียเรสท์



    โฮป ไดมอนด์ (Hope Diamond) – เพชรในตำนานที่เชื่อกันว่ามีอาถรรพ์มากที่สุด แต่ก็มีพลังแห่งจิตวิญญาณด้านบวกสูงสุด



    คิงรูเบอัส (King Rubeus) – หนึ่งในเจ็ดคทาแห่งอัญมณีในตำนาน ประกอบขึ้นด้วยคำว่า



    King – ซึ่งมีความหมายว่ากษัตริย์ และ

    Rubeus – มาจากภาษาละติน แปลว่า สีแดง หรืออีกนัยหนึ่งคือ พลอยแดง



    King Rubeus – จึงแปลว่า กษัตริย์รัตมณี



    รัตมณี (รัด-ตะ-มะ-นี) – แปลว่าทับทิม



    ทับทิมสีแดงเลือดนก – เชื่อกันว่ารูบี้ หรือทับทิมที่ดีที่สุดและหายากที่สุด คือ ทับทิมสีแดงเลือดนก ที่คนโบราณกล่าวขานกันมาถึงเรื่องความงดงามหาใดเปรียบ (บางคนก็อาจคิดว่าสีมันไม่ค่อยสวย แม้สีมันจะไม่สวยเท่าสีแดงเพลิงในความคิดของผู้แต่งเองก็เถอะ แต่ก็เอาเถอะนะ เหอๆๆๆ)

    ---------------------------------------



    เขียนเอาไว้เผื่องงอ่าครับ^^



    GegKung
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×