ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [เรื่องเล่า] ประสบการณ์
เวลาคุณเห็นคนนั่งอยู่บนพื้นข้างถนน เคยปรายตามองพวกเขาบ้างไหม? บ้างก็เป็นคนชรา..ที่ไม่สามารถทำงานได้ อาจมีหลานตัวเล็กอยู่เป็นภาระอีกด้วย บ้างก็เป็นคนพิการ ทั้งพิการแต่กำเนิด หรือพิการด้วยอุบัติเหตุ สังคมยุคนี้มีข้อพิพาทต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ ทั้งว่าเป็นขอทานปลอมที่ถูกคนตัดแขนตัดขาแล้วมาปล่อยทิ้งไว้ใช้หาเงินให้ทุกวัน หรือเป็นคนหนุ่มที่ไม่รู้จักทำมาหากิน วันนี้ข้าพเจ้าจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องขอทานให้ทุกท่านได้รับฟังกัน ข้าพเจ้าไม่สามารถรู้ได้ด้วยการมองว่าคน ๆ นั้นเป็นคนประเภทใด แต่บางสิ่งบางอย่างจากเหตุการณ์นั้นทำให้ข้าเจ้าประทับใจ
ประสบการณ์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าเจ้าสัมผัสมันอยู่ในที่ ๆ ห่างไกลจากที่เกิดเหตุพอสมควร แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้า ข้าเจ้าเพียงแต่ได้พบเห็นเท่านั้น... เรื่องเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งอยู่ในรถซึ่งคุณพ่อเป็นผู้ขับก็ได้มองออกไปข้างนอกอย่างเรื่อยเปื่อยตามประสาคนนั่งอยู่เบื่อ ๆ สายตาของข้าพเจ้าพลันไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนบาทวิถี ดูเหมือนเธอจะเป็นสาวออฟฟิศที่เพิ่งจะเลิกงาน เดินดูดน้ำในแก้วที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าขอทานคนหนึ่ง ด้วยระยะทางที่ไม่ใกล้นัก ข้าพเจ้าจึงเห็นได้ไม่ชัดว่าขอทานคนนั้นเป็นคนพิการหรือคนแก่ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำก็คือวางแก้วน้ำที่อยู่ในมือเธอลงเพื่อที่จะเปิดกระเป๋าถือ หยิบสตางค์ออกมาให้ขอทานคนนั้น แม้ว่าการกระทำเช่นนั้นจะไม่ใช่สิ่งยากเย็นแต่อย่างใด หรือเธอคนนั้นอาจให้เศษสตางค์กับขอทานเพียงห้าบาท แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นก็คือความมีจิตใจดีของเธอ เพียงแค่สิ่งเล็ก ๆ อย่างการให้สตางค์กับคนข้างถนน เธอก็ยังมีความตั้งใจที่จะทำมันไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ อาจรวมข้าพเจ้าด้วยก็ได้ เมื่อเดินผ่านคนเหล่านั้น อารมณ์ดีก็ล้วงกระเป๋าสักหน่อยไม่มีเศษเหรียญก็เดินผ่านไป หรือบางครั้งในกรณีเดียวกับเรื่องข้างต้น เวลากำลังเดิน ๆ อยู่แล้วเจอยายแก่ ๆ นั่งขอทานอยู่ตรงหางตาพอดี จะควักเงินก็ไม่ทัน จะหยุดเดินก็กลัวจะกีดขวางคนข้างหลังเข้า จะวนกลับมาให้ก็อายคน กลัวว่าจะดูเป็นคนเมตตาเกินเหตุ อาจจะไม่ได้ให้อย่างที่ใจอยาก แต่ถ้ายายเค้าได้กลับบ้านหรือได้กินข้าวเร็วขึ้นเพราะเงินของเรา มันก็คุ้มกว่าการมานั่งอายไร้สาระนั่นเยอะ...จริงไหม?
ข้าพเจ้าคิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของเรา การกระทำแต่ละอย่าง..มันก็มีมุมมองที่ต่างกันจากสายตาของแต่ละคน เรื่องที่ข้าพเจ้าเล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของด้านดีดีในสังคมไทย ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีใจเมตตากรุณา บางคนอาจคิดว่าการให้เศษเงินของเราบาทสองบาทที่นอนอยู่ก้นกระเป๋าไม่มีความหมาย แต่ใครจะไปรู้ล่ะ บางที..สองบาทที่เราให้ไปนั้นอาจเป็นสองบาทสุดท้าย ที่รวมแล้วเขาจะได้ข้าวหนึ่งจานพอดี...
------------------------------------------
credit quote: pixel (ตรงตัวเอียงน่ะครับ)
เรื่องนี้เขียนส่งครูภาษาไทยครับ ดูเหมือนตอนเขียนนั่นจะอารมณ์เทพมากมาย = ='' (ทุกสายตา..อย่าเพิ่งมองผมแบบน้านนนน~~)
ประสบการณ์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าเจ้าสัมผัสมันอยู่ในที่ ๆ ห่างไกลจากที่เกิดเหตุพอสมควร แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้า ข้าเจ้าเพียงแต่ได้พบเห็นเท่านั้น... เรื่องเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งอยู่ในรถซึ่งคุณพ่อเป็นผู้ขับก็ได้มองออกไปข้างนอกอย่างเรื่อยเปื่อยตามประสาคนนั่งอยู่เบื่อ ๆ สายตาของข้าพเจ้าพลันไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนบาทวิถี ดูเหมือนเธอจะเป็นสาวออฟฟิศที่เพิ่งจะเลิกงาน เดินดูดน้ำในแก้วที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าขอทานคนหนึ่ง ด้วยระยะทางที่ไม่ใกล้นัก ข้าพเจ้าจึงเห็นได้ไม่ชัดว่าขอทานคนนั้นเป็นคนพิการหรือคนแก่ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำก็คือวางแก้วน้ำที่อยู่ในมือเธอลงเพื่อที่จะเปิดกระเป๋าถือ หยิบสตางค์ออกมาให้ขอทานคนนั้น แม้ว่าการกระทำเช่นนั้นจะไม่ใช่สิ่งยากเย็นแต่อย่างใด หรือเธอคนนั้นอาจให้เศษสตางค์กับขอทานเพียงห้าบาท แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นก็คือความมีจิตใจดีของเธอ เพียงแค่สิ่งเล็ก ๆ อย่างการให้สตางค์กับคนข้างถนน เธอก็ยังมีความตั้งใจที่จะทำมันไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ อาจรวมข้าพเจ้าด้วยก็ได้ เมื่อเดินผ่านคนเหล่านั้น อารมณ์ดีก็ล้วงกระเป๋าสักหน่อยไม่มีเศษเหรียญก็เดินผ่านไป หรือบางครั้งในกรณีเดียวกับเรื่องข้างต้น เวลากำลังเดิน ๆ อยู่แล้วเจอยายแก่ ๆ นั่งขอทานอยู่ตรงหางตาพอดี จะควักเงินก็ไม่ทัน จะหยุดเดินก็กลัวจะกีดขวางคนข้างหลังเข้า จะวนกลับมาให้ก็อายคน กลัวว่าจะดูเป็นคนเมตตาเกินเหตุ อาจจะไม่ได้ให้อย่างที่ใจอยาก แต่ถ้ายายเค้าได้กลับบ้านหรือได้กินข้าวเร็วขึ้นเพราะเงินของเรา มันก็คุ้มกว่าการมานั่งอายไร้สาระนั่นเยอะ...จริงไหม?
ข้าพเจ้าคิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของเรา การกระทำแต่ละอย่าง..มันก็มีมุมมองที่ต่างกันจากสายตาของแต่ละคน เรื่องที่ข้าพเจ้าเล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของด้านดีดีในสังคมไทย ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีใจเมตตากรุณา บางคนอาจคิดว่าการให้เศษเงินของเราบาทสองบาทที่นอนอยู่ก้นกระเป๋าไม่มีความหมาย แต่ใครจะไปรู้ล่ะ บางที..สองบาทที่เราให้ไปนั้นอาจเป็นสองบาทสุดท้าย ที่รวมแล้วเขาจะได้ข้าวหนึ่งจานพอดี...
------------------------------------------
credit quote: pixel (ตรงตัวเอียงน่ะครับ)
เรื่องนี้เขียนส่งครูภาษาไทยครับ ดูเหมือนตอนเขียนนั่นจะอารมณ์เทพมากมาย = ='' (ทุกสายตา..อย่าเพิ่งมองผมแบบน้านนนน~~)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น