ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : บ้านรูบี้
บทที่ 2 : บ้านรูบี้
          “บ้านรูบี้?” เลนาร์ดพูดกับตัวเอง แต่เหมือนว่ามันดังไปจนมีใครได้ยินเข้า
          “ใช่แล้วล่ะ คงยังไม่รู้สินะ โรงเรียนทั้งสองในสโคว์ลันด์เนี่ยเป็นโรงเรียนประจำ ทั้งโรงเรียนชายด์(10-14ปี) และโรงเรียนทีน(15-19ปี) เราแบ่งเป็น 4 บ้าน ตามชื่อของอัญมณีมี รูบี้ โทปาซ เอมเมอเริลด์ แล้วก็ซัฟไฟร์ จ้ะ” อาจารย์สาวรับบทเป็นผู้บรรยาย
 
          ...
          “แม่ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วเขียนจดหมายมาบ่อยๆนะ” นางฮิลลาร์บอกลาลูกชายของตนด้วยความอาลัย นั่นเป็นเพราะเธอจะไม่ได้พบหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ อีกนาน...
          “ครับ” คือ คำเดียวที่เธอได้รับจากลูกชาย ก่อนที่จะจากกัน
          ...
          “งั้นเธอเดินไปที่หอรูบี้เลยนะจ๊ะ จะมีคนรออยู่” ศาสตราจารย์สาวหวังจะทดสอบไหวพริบเด็กชาย จึงหลอกไปว่า ’ไม่ว่าง’ แต่แท้ที่จริงแล้วเธอเองก็แอบมองตามอยู่ข้างหลัง ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
        เลนาร์ดเดินออกจากอาคารฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ’โรงเรียนชายด์สโคว์ลันด์’ อย่างคนชำนาญ(ทั้งๆที่ไม่รู้ทาง)  ตัวโรงเรียนแบ่งเป็น อาคารเรียนทั้งหมด 5 ตึก รายล้อมกันเป็นวงกลม โดยมีตึกห้องพักอาจารย์อยู่ตรงกลางของอาคารเรียน ด้านหน้าเป็นอาคารฝ่ายประชาสัมพันธ์  ถัดไปทางด้านหลังมีสนามกีฬาพร้อมอัฒจรรย์  ด้านหลังเป็นหอพักนักเรียนทั้งหมด 4 หอ คือ หอของบ้านรูบี้ ของบ้านโทปาซ ของบ้านเอมเมอเริลด์ และของบ้านซัฟไฟร์
        เมื่อเด็กชายเดินมาทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอพักทั้งสี่ เขาก็ยืนจ้องอยู่นานไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปหอไหน เพราะทุกหอก็มีลักษณะเหมือนกันหมด เป็นอาคารทรงสูง มีโดมกลมอยู่บนยอด ต่างกันแค่ธงที่อยู่บนยอดโดมของหอพัก
        หอด้านขวาสุดประดับด้วยธงที่มีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงินเข้ม ตรงกลางมีอัญมณีสีฟ้าใสรูปหยดน้ำ  ถัดออกมาทางซ้ายก็เป็นธงสีดำสนิท ที่มีอัญมณีสีเขียวเจิดจรัสรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่ใจกลาง  ถัดออกมาอีกครั้งก็เห็นธงสีส้มสดใสกับอัญมณีรูปดาวห้าแฉกสีเหลืองทอประกาย  แล้วเมื่อเหลือบไปทางซ้ายสุด สะดุดตาที่ธงสีขาวครีมที่ประดับด้วยอัญมณีรูปเปลวเพลิงสีแดงฉาน ทำให้หนุ่มน้อยใคร่ครวญถึงการทดสอบเมื่อครู่
          ‘คงใช่มั้ง’ คิดแล้วก็สาวเท้าก้าวเดินไปยังจุดหมายทันที ทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่ถึงกับพยักหน้าช้าๆ ทึ่งในการใช้ไหวพริบของเด็กคนนี้ และสำคัญที่สุดคือความรวดเร็วในการตัดสินใจก้าวไปยังจุดหมายอย่างเชื่อมั่นในความคิดของตน...
          พอเดินมาหน้าประตูก็พบเด็กหนุ่มอายุประมาณ 13-14 ปีคนหนึ่ง ผมสีกรมท่ากับนัยน์ตาสีเหลืองสดใสทำให้คนๆนี้ดูเป็นมิตรและร่าเริงอยู่เสมอ
          “เธอชื่อเลนาร์ดใช่มั้ย ยินดีต้อนรับสู่บ้านรูบี้ ฉันออร์ฟาน ริฟท์  ปีสี่ เป็นรองประธานฝ่ายขวาบ้านรูบี้ มาแทนประธานเพราะเขาติดงาน ไปดูห้องพักเธอกันก่อน แล้วฉันจะอธิบายอย่างอื่นทีหลัง” พูดจบ รองประธานก็ก้าวฉับๆนำขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น 3 แล้วไปหยุดตรงช่วงที่เป็นลานว่างหน้าลิฟต์
          “จำไว้นะ ห้องพักชายอยู่ฝั่งซ้าย ห้องพักหญิงอยู่ฝั่งขวา อย่าขึ้นผิดล่ะ แล้วชั้น 4-7 ก็เป็นห้องพักของปี 2-5 ชั้น 8  เป็นห้องอเนกประสงค์เอาไว้ฝึกซ้อม หรือทำกิจกรรม” แล้วก็เดินนำต่อไป โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง หน้าห้องมีป้ายติดชื่อไว้ว่า ‘Bazus Xenon’
          “นี่นะห้องของเธอ พักอยู่กับบาซัส เซนอน ประตูห้องมีระบบล็อกอัตโนมัติและจะมีกุญแจเพียง 2 ดอกเท่านั้น เอ้านี่กุญแจ เปิดเข้าไปก่อนเดี๋ยวฉันตามไป” แล้วเลนาร์ดก็เดินเข้าไป
          ภายในห้องมีเตียงอยู่ 2 เตียง โต๊ะยาว 1 ตัวกับเก้าอี้เข้าชุดกันอีก 2 ตัว ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้  หน้าต่าง 2 บาน และห้องน้ำ 1 ห้อง สัมภาระของเขาอยู่ในห้องนี้เรียบร้อยแล้ว
          “ส่วนเรื่องอาหาร มื้อเช้ากับมื้อเย็นทานที่ชั้น 2 นะ ส่วนมื้อกลางวันทานที่อาคารเรียน ล็อกห้องก่อน เดี๋ยวจะพาไปดูกัน” พอเด็กชายจะล็อกห้องก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อ ‘Lenard Krypton’ เสียบอยู่ใต้อีกป้ายที่มีอยู่ก่อนแล้ว
          เด็กหนุ่มสองคนกำลังมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียน คนหนึ่งพูดพล่ามไปตลอดทาง ในขณะเดียวกันอีกคนที่อ่อนวัยกว่าก็เงียบตลอดทาง เมื่อรู้สึกตัว คนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวก็เอ่ยขึ้น
          “นี่เธอไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยหรอ ปล่อยให้ฉันพูดอยู่ฝ่ายเดียวอย่างกะคนบ้า” (รู้ตัวแฮะ)
          “อืม...ปะ..เปล่า” ฝ่ายนี้ดูท่าทางเหม่อลอย แต่โดนอีกฝ่ายฉุดขึ้นมาจากห้วงคำนึงจนได้...
         
          “ถึงแล้ว ฟังนะ อาคารเรียนปีหนึ่ง จะอยู่ทางซ้ายสุด เรียงลำดับมาเรื่อยๆ จนถึงขวาสุดเป็นของปีห้า ตรงกลางเป็นที่พักอาจารย์” ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูคู่บานใหญ่
          “นี่น่ะอาคารเรียนปี 1 มีทั้งหมด 8 ชั้น ชั้นล่างมีห้องกระจายเสียงแล้วก็ที่นั่งรอ ชั้นสองเป็นโรงอาหารทั้งชั้น ชั้นสามกับสี่เป็นพวกห้องเรียน ชั้นห้าเป็นห้องประชุมกับห้องสมุด ชั้นหกเป็นสถานที่ฝึกเวทย์ ชั้นเจ็ดเป็นศูนย์ฝึกอินดอร์ สุดท้ายชั้นแปดเป็นดาดฟ้ากะศูนย์ฝึกเอาท์ดอร์” เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปและนั่งบนโซฟาที่จัดไว้ ณ ชั้นล่างของอาคารเรียบร้อย ท่านออร์ฟานก็เริ่มสาธยายต่อ
          ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า บ่งบอกถึงเวลาสายัณห์
          “นี่ก็เย็นแล้ว ไปทานข้าวที่หอกัน” เวลาที่ผ่านมาหมดไปกับคำพูดพล่ามและการพาชมโรงเรียนของรุ่นพี่ปีสี่กับรุ่นน้องปีหนึ่ง
          “ครับ” แล้วทั้งสองก็เดินผ่านอัฒจรรย์ไปที่บ้านรูบี้ ที่บัดนี้มีป้ายติดบอกชื่ออย่างเด่นชัด
          ถ้าประสาทการรับรู้ทางสายตาและความจำของเลนาร์ดยังดีอยู่ เขาจำได้ว่าตอนที่เดินมาหอนี้ครั้งแรก ไม่มีป้ายบอกชื่อหอติดอยู่หรืออาจไม่เด่นชัดเท่าตอนนี้ แต่ถึงยังไงเขาก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยนี้เอาไว้ในใจต่อไป...
          “เป็นไง อาหารบ้านรูบี้เราอร่อยมั้ยล่ะ” รุ่นพี่ถามเมื่อเห็นรุ่นน้องทานเสร็จ
          “ครับ”
          “แล้วคิดยังไงมาแทรกชั้นเอาตอนเทอม 2 ล่ะ”
          “ไม่รู้สิครับ แม่พามา”...? เลนาร์ดตอบตรงๆ
          เมื่ออิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยทั้งสองจึงแยกย้ายกัน เลนาร์ดก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักของตนทันที เขาควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นใครอีกคนนั่งอยู่แล้ว
          “เฮ้ หวัดดีเพื่อนใหม่ นายชื่อเลนาร์ดใช่มั้ย” เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเลนาร์ดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งเอ่ยขึ้น เขามีผมสีบลอนด์ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลดูขี้เล่น
          “อะ...อืม เลนาร์ด คริปตอน”
          “ฉัน บาซัส ซีนอน ยินดีที่ได้รู้จัก” แล้วเขาก็หยิบเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่งขึ้นมา
          “ยินดี” เลนาร์ดตอบกลับพร้อมจัดแจงของที่นำมาให้เข้าที่เข้าทาง
          “มาแล้ว เริ่มเลยนะ” เด็กหนุ่มผมบลอนด์พูดกรอกลงไป
          “เอ่อ เลนาร์ด ไปข้างล่างเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มะ คือว่า ดึกแล้วอะ บรื๋อส์” รูมเมทออกปากชวน
          “ไปสิ” เลนาร์ดตระหนักได้ว่า เขาอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น แต่ยังไงผูกมิตรเอาไว้ก็ดีกว่าสร้างศัตรู เขาจึงตอบตกลง
          บาซัสพาเลนาร์ดเดินไปเรื่อยๆ จนไปหยุดตรงที่ว่างด้านหน้าลิฟต์ มีป้ายใหญ่เขียนว่า ‘Welcome to Ruby house’ แล้วก็มีเก้าอี้จำนวนมากตั้งเรียงกันเป็นวงกลม
          “ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านรูบี้ ฉัน คาร์ล โอเรล เป็นประธานรุ่น” เด็กชายคนหนึ่งกระโดดออกมาตรงหน้าเลนาร์ด ผมสีดำกับนัยน์ตากร้าวสีม่วงที่แฝงความเป็นมิตร ทำให้คนๆนี้ดูเป็นผู้นำได้ดีทีเดียว
          “เฮ้ พวกเรา ล้อมวงเลย” พอคาร์ลพูดจบก็มีสมุนลิงวิ่งมานั่งบนเก้าอี้ที่เรียงไว้เต็มไปหมด รวมทั้งรูมเมทของเขาที่เคยยืนอยู่ด้วย พอครบแล้วคาร์ลก็เดินไปนั่งบ้าง เหลือเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางวงเอาไว้
          “เลนาร์ด นั่งดิ” บาซัสตะโกนออกมาจากในวง เขานั่งอยู่ข้างคาร์ล เลนาร์ดจึงก้าวไปนั่งเก้าอี้ตรงกลาง
          “นายแนะนำตัวก่อน มันเป็นธรรมเนียมน่ะ”
          “เลนาร์ด คริปตอน  มาจากอควอเรียส” เลนาร์ดแนะนำตัว
          “คาร์ล โอเรล แห่งแคนเซอร์” คาร์ลเริ่มต้นแนะนำตัว แล้วคนอื่นๆก็ไล่ไปเรื่อยๆ
          “บาซัส ซีนอน”
          “โบวารัส ซีนอน แฝดน้องของบาส” เด็กหญิงคนหนึ่งพูด เธอมีโครงหน้า สีตาและสีผมที่เหมือนกับบาซัส ผมสลวยที่ยาวประบ่าถูกมัดไว้อย่างลวกๆ
          “เทรัส โบรอน  เจมิไน”
          “นาธาน ชิฟฟาแอล”
          “...”
          “...”
          “...”
          “วินซ์ โจวาเลส จากสกอร์ปิโอ”
          “...”
          “...”
          “...”
          “เอเลีย รูเทลลัส”
          “...”
          “...”
          “ ”
          “ ”
          “เบิร์นน่า เทดต์”
          “กราวิน เลนด์ ” เด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งติดกับคาร์ลพูดขึ้น  ผมสีน้ำตาลแดงกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มใช้แสดงความรอบรู้ในตัวได้อย่างดีเยี่ยม
          “แยกย้ายไปนอนได้แล้ว ขอบใจเพื่อนๆทุกคนมาก” พอประธานรุ่นกล่าวจบ สมุนลิงทั้งหลายก็ไม่อยู่เสียแล้ว!!...
------------------------------------------------------
อ่าคร้าบ ที่ตอนนี้มีครบต้องให้เครดิตท่านชิดชื่น เหอๆ เอามาลงครบแล้วนะฮับ
ป.ล ขอคุณท่านพี่คับ >/\\<\"
GegKung
          “บ้านรูบี้?” เลนาร์ดพูดกับตัวเอง แต่เหมือนว่ามันดังไปจนมีใครได้ยินเข้า
          “ใช่แล้วล่ะ คงยังไม่รู้สินะ โรงเรียนทั้งสองในสโคว์ลันด์เนี่ยเป็นโรงเรียนประจำ ทั้งโรงเรียนชายด์(10-14ปี) และโรงเรียนทีน(15-19ปี) เราแบ่งเป็น 4 บ้าน ตามชื่อของอัญมณีมี รูบี้ โทปาซ เอมเมอเริลด์ แล้วก็ซัฟไฟร์ จ้ะ” อาจารย์สาวรับบทเป็นผู้บรรยาย
 
          ...
          “แม่ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วเขียนจดหมายมาบ่อยๆนะ” นางฮิลลาร์บอกลาลูกชายของตนด้วยความอาลัย นั่นเป็นเพราะเธอจะไม่ได้พบหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ อีกนาน...
          “ครับ” คือ คำเดียวที่เธอได้รับจากลูกชาย ก่อนที่จะจากกัน
          ...
          “งั้นเธอเดินไปที่หอรูบี้เลยนะจ๊ะ จะมีคนรออยู่” ศาสตราจารย์สาวหวังจะทดสอบไหวพริบเด็กชาย จึงหลอกไปว่า ’ไม่ว่าง’ แต่แท้ที่จริงแล้วเธอเองก็แอบมองตามอยู่ข้างหลัง ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
        เลนาร์ดเดินออกจากอาคารฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ’โรงเรียนชายด์สโคว์ลันด์’ อย่างคนชำนาญ(ทั้งๆที่ไม่รู้ทาง)  ตัวโรงเรียนแบ่งเป็น อาคารเรียนทั้งหมด 5 ตึก รายล้อมกันเป็นวงกลม โดยมีตึกห้องพักอาจารย์อยู่ตรงกลางของอาคารเรียน ด้านหน้าเป็นอาคารฝ่ายประชาสัมพันธ์  ถัดไปทางด้านหลังมีสนามกีฬาพร้อมอัฒจรรย์  ด้านหลังเป็นหอพักนักเรียนทั้งหมด 4 หอ คือ หอของบ้านรูบี้ ของบ้านโทปาซ ของบ้านเอมเมอเริลด์ และของบ้านซัฟไฟร์
        เมื่อเด็กชายเดินมาทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอพักทั้งสี่ เขาก็ยืนจ้องอยู่นานไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปหอไหน เพราะทุกหอก็มีลักษณะเหมือนกันหมด เป็นอาคารทรงสูง มีโดมกลมอยู่บนยอด ต่างกันแค่ธงที่อยู่บนยอดโดมของหอพัก
        หอด้านขวาสุดประดับด้วยธงที่มีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงินเข้ม ตรงกลางมีอัญมณีสีฟ้าใสรูปหยดน้ำ  ถัดออกมาทางซ้ายก็เป็นธงสีดำสนิท ที่มีอัญมณีสีเขียวเจิดจรัสรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่ใจกลาง  ถัดออกมาอีกครั้งก็เห็นธงสีส้มสดใสกับอัญมณีรูปดาวห้าแฉกสีเหลืองทอประกาย  แล้วเมื่อเหลือบไปทางซ้ายสุด สะดุดตาที่ธงสีขาวครีมที่ประดับด้วยอัญมณีรูปเปลวเพลิงสีแดงฉาน ทำให้หนุ่มน้อยใคร่ครวญถึงการทดสอบเมื่อครู่
          ‘คงใช่มั้ง’ คิดแล้วก็สาวเท้าก้าวเดินไปยังจุดหมายทันที ทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่ถึงกับพยักหน้าช้าๆ ทึ่งในการใช้ไหวพริบของเด็กคนนี้ และสำคัญที่สุดคือความรวดเร็วในการตัดสินใจก้าวไปยังจุดหมายอย่างเชื่อมั่นในความคิดของตน...
          พอเดินมาหน้าประตูก็พบเด็กหนุ่มอายุประมาณ 13-14 ปีคนหนึ่ง ผมสีกรมท่ากับนัยน์ตาสีเหลืองสดใสทำให้คนๆนี้ดูเป็นมิตรและร่าเริงอยู่เสมอ
          “เธอชื่อเลนาร์ดใช่มั้ย ยินดีต้อนรับสู่บ้านรูบี้ ฉันออร์ฟาน ริฟท์  ปีสี่ เป็นรองประธานฝ่ายขวาบ้านรูบี้ มาแทนประธานเพราะเขาติดงาน ไปดูห้องพักเธอกันก่อน แล้วฉันจะอธิบายอย่างอื่นทีหลัง” พูดจบ รองประธานก็ก้าวฉับๆนำขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น 3 แล้วไปหยุดตรงช่วงที่เป็นลานว่างหน้าลิฟต์
          “จำไว้นะ ห้องพักชายอยู่ฝั่งซ้าย ห้องพักหญิงอยู่ฝั่งขวา อย่าขึ้นผิดล่ะ แล้วชั้น 4-7 ก็เป็นห้องพักของปี 2-5 ชั้น 8  เป็นห้องอเนกประสงค์เอาไว้ฝึกซ้อม หรือทำกิจกรรม” แล้วก็เดินนำต่อไป โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง หน้าห้องมีป้ายติดชื่อไว้ว่า ‘Bazus Xenon’
          “นี่นะห้องของเธอ พักอยู่กับบาซัส เซนอน ประตูห้องมีระบบล็อกอัตโนมัติและจะมีกุญแจเพียง 2 ดอกเท่านั้น เอ้านี่กุญแจ เปิดเข้าไปก่อนเดี๋ยวฉันตามไป” แล้วเลนาร์ดก็เดินเข้าไป
          ภายในห้องมีเตียงอยู่ 2 เตียง โต๊ะยาว 1 ตัวกับเก้าอี้เข้าชุดกันอีก 2 ตัว ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้  หน้าต่าง 2 บาน และห้องน้ำ 1 ห้อง สัมภาระของเขาอยู่ในห้องนี้เรียบร้อยแล้ว
          “ส่วนเรื่องอาหาร มื้อเช้ากับมื้อเย็นทานที่ชั้น 2 นะ ส่วนมื้อกลางวันทานที่อาคารเรียน ล็อกห้องก่อน เดี๋ยวจะพาไปดูกัน” พอเด็กชายจะล็อกห้องก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อ ‘Lenard Krypton’ เสียบอยู่ใต้อีกป้ายที่มีอยู่ก่อนแล้ว
          เด็กหนุ่มสองคนกำลังมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียน คนหนึ่งพูดพล่ามไปตลอดทาง ในขณะเดียวกันอีกคนที่อ่อนวัยกว่าก็เงียบตลอดทาง เมื่อรู้สึกตัว คนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวก็เอ่ยขึ้น
          “นี่เธอไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยหรอ ปล่อยให้ฉันพูดอยู่ฝ่ายเดียวอย่างกะคนบ้า” (รู้ตัวแฮะ)
          “อืม...ปะ..เปล่า” ฝ่ายนี้ดูท่าทางเหม่อลอย แต่โดนอีกฝ่ายฉุดขึ้นมาจากห้วงคำนึงจนได้...
         
          “ถึงแล้ว ฟังนะ อาคารเรียนปีหนึ่ง จะอยู่ทางซ้ายสุด เรียงลำดับมาเรื่อยๆ จนถึงขวาสุดเป็นของปีห้า ตรงกลางเป็นที่พักอาจารย์” ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูคู่บานใหญ่
          “นี่น่ะอาคารเรียนปี 1 มีทั้งหมด 8 ชั้น ชั้นล่างมีห้องกระจายเสียงแล้วก็ที่นั่งรอ ชั้นสองเป็นโรงอาหารทั้งชั้น ชั้นสามกับสี่เป็นพวกห้องเรียน ชั้นห้าเป็นห้องประชุมกับห้องสมุด ชั้นหกเป็นสถานที่ฝึกเวทย์ ชั้นเจ็ดเป็นศูนย์ฝึกอินดอร์ สุดท้ายชั้นแปดเป็นดาดฟ้ากะศูนย์ฝึกเอาท์ดอร์” เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปและนั่งบนโซฟาที่จัดไว้ ณ ชั้นล่างของอาคารเรียบร้อย ท่านออร์ฟานก็เริ่มสาธยายต่อ
          ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า บ่งบอกถึงเวลาสายัณห์
          “นี่ก็เย็นแล้ว ไปทานข้าวที่หอกัน” เวลาที่ผ่านมาหมดไปกับคำพูดพล่ามและการพาชมโรงเรียนของรุ่นพี่ปีสี่กับรุ่นน้องปีหนึ่ง
          “ครับ” แล้วทั้งสองก็เดินผ่านอัฒจรรย์ไปที่บ้านรูบี้ ที่บัดนี้มีป้ายติดบอกชื่ออย่างเด่นชัด
          ถ้าประสาทการรับรู้ทางสายตาและความจำของเลนาร์ดยังดีอยู่ เขาจำได้ว่าตอนที่เดินมาหอนี้ครั้งแรก ไม่มีป้ายบอกชื่อหอติดอยู่หรืออาจไม่เด่นชัดเท่าตอนนี้ แต่ถึงยังไงเขาก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยนี้เอาไว้ในใจต่อไป...
          “เป็นไง อาหารบ้านรูบี้เราอร่อยมั้ยล่ะ” รุ่นพี่ถามเมื่อเห็นรุ่นน้องทานเสร็จ
          “ครับ”
          “แล้วคิดยังไงมาแทรกชั้นเอาตอนเทอม 2 ล่ะ”
          “ไม่รู้สิครับ แม่พามา”...? เลนาร์ดตอบตรงๆ
          เมื่ออิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยทั้งสองจึงแยกย้ายกัน เลนาร์ดก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักของตนทันที เขาควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นใครอีกคนนั่งอยู่แล้ว
          “เฮ้ หวัดดีเพื่อนใหม่ นายชื่อเลนาร์ดใช่มั้ย” เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเลนาร์ดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งเอ่ยขึ้น เขามีผมสีบลอนด์ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลดูขี้เล่น
          “อะ...อืม เลนาร์ด คริปตอน”
          “ฉัน บาซัส ซีนอน ยินดีที่ได้รู้จัก” แล้วเขาก็หยิบเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่งขึ้นมา
          “ยินดี” เลนาร์ดตอบกลับพร้อมจัดแจงของที่นำมาให้เข้าที่เข้าทาง
          “มาแล้ว เริ่มเลยนะ” เด็กหนุ่มผมบลอนด์พูดกรอกลงไป
          “เอ่อ เลนาร์ด ไปข้างล่างเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มะ คือว่า ดึกแล้วอะ บรื๋อส์” รูมเมทออกปากชวน
          “ไปสิ” เลนาร์ดตระหนักได้ว่า เขาอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น แต่ยังไงผูกมิตรเอาไว้ก็ดีกว่าสร้างศัตรู เขาจึงตอบตกลง
          บาซัสพาเลนาร์ดเดินไปเรื่อยๆ จนไปหยุดตรงที่ว่างด้านหน้าลิฟต์ มีป้ายใหญ่เขียนว่า ‘Welcome to Ruby house’ แล้วก็มีเก้าอี้จำนวนมากตั้งเรียงกันเป็นวงกลม
          “ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านรูบี้ ฉัน คาร์ล โอเรล เป็นประธานรุ่น” เด็กชายคนหนึ่งกระโดดออกมาตรงหน้าเลนาร์ด ผมสีดำกับนัยน์ตากร้าวสีม่วงที่แฝงความเป็นมิตร ทำให้คนๆนี้ดูเป็นผู้นำได้ดีทีเดียว
          “เฮ้ พวกเรา ล้อมวงเลย” พอคาร์ลพูดจบก็มีสมุนลิงวิ่งมานั่งบนเก้าอี้ที่เรียงไว้เต็มไปหมด รวมทั้งรูมเมทของเขาที่เคยยืนอยู่ด้วย พอครบแล้วคาร์ลก็เดินไปนั่งบ้าง เหลือเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางวงเอาไว้
          “เลนาร์ด นั่งดิ” บาซัสตะโกนออกมาจากในวง เขานั่งอยู่ข้างคาร์ล เลนาร์ดจึงก้าวไปนั่งเก้าอี้ตรงกลาง
          “นายแนะนำตัวก่อน มันเป็นธรรมเนียมน่ะ”
          “เลนาร์ด คริปตอน  มาจากอควอเรียส” เลนาร์ดแนะนำตัว
          “คาร์ล โอเรล แห่งแคนเซอร์” คาร์ลเริ่มต้นแนะนำตัว แล้วคนอื่นๆก็ไล่ไปเรื่อยๆ
          “บาซัส ซีนอน”
          “โบวารัส ซีนอน แฝดน้องของบาส” เด็กหญิงคนหนึ่งพูด เธอมีโครงหน้า สีตาและสีผมที่เหมือนกับบาซัส ผมสลวยที่ยาวประบ่าถูกมัดไว้อย่างลวกๆ
          “เทรัส โบรอน  เจมิไน”
          “นาธาน ชิฟฟาแอล”
          “...”
          “...”
          “...”
          “วินซ์ โจวาเลส จากสกอร์ปิโอ”
          “...”
          “...”
          “...”
          “เอเลีย รูเทลลัส”
          “...”
          “...”
          “ ”
          “ ”
          “เบิร์นน่า เทดต์”
          “กราวิน เลนด์ ” เด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งติดกับคาร์ลพูดขึ้น  ผมสีน้ำตาลแดงกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มใช้แสดงความรอบรู้ในตัวได้อย่างดีเยี่ยม
          “แยกย้ายไปนอนได้แล้ว ขอบใจเพื่อนๆทุกคนมาก” พอประธานรุ่นกล่าวจบ สมุนลิงทั้งหลายก็ไม่อยู่เสียแล้ว!!...
------------------------------------------------------
อ่าคร้าบ ที่ตอนนี้มีครบต้องให้เครดิตท่านชิดชื่น เหอๆ เอามาลงครบแล้วนะฮับ
ป.ล ขอคุณท่านพี่คับ >/\\<\"
GegKung
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น