ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรัก(ของ)นักพยากรณ์สาว

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ+ตอนที่๑

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 47


    ลุ้นรัก(ของ)นักพยากรณ์สาว



    บทนำ

    ในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างนักพยากรณ์สาวที่หัวใจยังว่างอย่างเธอ  ซึ่งเฝ้าทำนายดวงชะตาเรื่องเนื้อคู่ที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ปรากฏตามหน้าไพ่ยิปซีให้สมใจสักที  หากครั้งนี้คำพยากรณ์ของเธอกลับบ่งบอกถึงความสมดังใจหวัง  แต่จะทำอย่างไรในเมื่อเนื้อคู่อย่าง \'เขา\' ชอบทำตัวเป็นเจ้าชายน้ำแข็งเฉพาะกับสาวๆที่เข้ามาติดพัน  ไม่เว้นกระทั่งเธอ  ไหนเขาจะยังตกอยู่ในอันตรายเพราะคนที่คิดร้ายหมายชีวิตอีก  เธอจึงเข้าช่วยเขาด้วยความเต็มใจพร้อมๆกับการลุ้นความรักของตน



    ตอนที่๑

      หญิงวัยกลางคนกับหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านขายอาหารที่จัดแบบทันสมัยและตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า  คนทั้งสองกวาดตามองหาใครบางคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  พนักงานที่เป็นเด็กสาวก็ทำหน้าที่ของตนโดยเชื้อเชิญให้คนทั้งสองนั่งที่โต๊ะและแทนที่ลูกค้าจะสั่งอาหารก็กลับถามหาคน  เด็กสาวจึงจำต้องบอกกล่าวกับเจ้าของร้านที่เพิ่งเดินออกจากส่วนที่เป็นห้องครัวหลังจากตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ



      \"จุ๋มก็คอยต้อนรับลูกค้าคนอื่นไป  สองคนนี้พี่ต้อนรับเอง\"  เสียงใสๆบอกอย่างอารมณ์ดีก่อนลุกเดินไปที่โต๊ะที่พนักงานของหล่อนเอ่ยถึง



      พอหล่อนเห็นหน้าค่าตาของลูกค้า  หล่อนก็จดจำหญิงสาวที่มากับหญิงวัยกลางคนได้และหล่อนก็กล่าวคำทักทายกับอีกฝ่าย



      \"สวัสดีค่ะคุณอร\"



      \"สวัสดีค่ะคุณวดี  คุณวดีคะ  วันนี้อรพาคุณป้าจิตรามาด้วยค่ะ  คุณป้าขานี่คุณภวาวดี  เจ้าของร้านเรือนทิพย์ค่ะ\"  แนะนำจบภวาวดีก็ยกมือไหว้ผู้มากวัยและฝ่ายหลังรับไหว้อย่างผู้มีมารยาทเช่นกัน  แม้คุณหญิงจิตราจะรู้ฐานะของหญิงสาว  หล่อนก็ไม่วายถือตัวอย่างเป็นปกติวิสัย



      \"คุณอรกับคุณหญิงจิตราถามหาเพื่อนของวดีหรือคะ\"  หล่อนถามเข้าประเด็น  หล่อนรู้ว่าผู้มากวัยเป็นคุณหญิงเพราะเคยเห็นรูปของอีกฝ่ายในหน้าข่าวคราวของคนในแวดวงสังคม \'ไฮโซ\'  ตัวหล่อนเองก็คุ้นเคยกับแวดวงนั้นเพราะครอบครัวของหล่อนก็เป็นผู้ดีมีชาติตระกูล



      \"ค่ะหนูวดี  ก็อรสิคะเขาเล่าให้ป้าฟังว่าเพื่อนของหนูวดีน่ะดูหมอแม๊นแม่นค่ะ  แต่ป้าไม่ยักเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม\"



      \"ซันเขาไม่ได้สังกัดสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทยค่ะคุณหญิง  ถึงจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างก็เป็นการภายในเฉพาะกับคนที่เคยมาหาเท่านั้น  และที่ดูหมอเพราะความชอบส่วนตัว\"



      คนฟังมีสีหน้าปั้นยากเพราะอย่างไรก็ไม่เชื่อถือในตัวบุคคลที่หลานสาวของหล่อนแนะนำนัก



      \"อรกับเพื่อนเคยมาทานอาหารและดูดวงออกบ่อย  เห็นว่าเพื่อนคุณวดีดูแม่น  พอดีคุณป้ากำลังมีเรื่องกลุ้มใจ  อรก็อยากจะ   แนะนำ\"  คนพูดเอ่ยเหมือนออกตัวแทนผู้มากวัยที่บ่งบอกความรู้สึกคิดนึกผ่านทางสีหน้า



      \"ค่ะ  เดี๋ยววดีจะตามตัวซันให้นะคะ\"  



      ภวาวดีเคยชินกับลูกค้าประเภทนี้เพราะแรกๆที่พวกเขามาก็มักจะไม่ให้ความเชื่อถือเพื่อนสาวของหล่อน  หากพอคำพยากรณ์ให้ผลที่แม่นยำ  ความคิดของบรรดาลูกค้าก็เปลี่ยนไปในเชิงบวก  และจากปากต่อปากก็นำลูกค้ารายอื่นๆติดตามมา  อย่างอรจิมาที่โน้มน้าวคุณหญิงจิตราให้มาถึงที่นี่จนได้  เพื่อนสาวของหล่อนก็มีความรู้สึกขัดเคืองใจเหมือนหล่อนที่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าจำพวกแรกพบหน้า  ทว่าก็จำกล้ำกลืนฝืนทนและปั้นสีหน้าให้เรียบเฉย  รอให้คำพยากรณ์เผยตัวออกมานั่นแหละลูกค้าถึงยอมรับ



      สณาจิณห์นั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ที่ชั้นลอยที่คนเป็นเพื่อนจัดไว้เป็นมุมเฉพาะให้หล่อนอย่างสบายอารมณ์  ภวาวดีถือเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของร้านเพราะร้านทั้งร้านก็เป็นเงินของคนเป็นเพื่อนผู้พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมระดับห้าดาว  ด้วยฐานะทางบ้านที่จัดอยู่ในระดับปานกลางทำให้สณาจิณห์มีส่วนในร้านอาหารเพียงน้อยนิดและเป็นผู้อาศัยอยู่ร่วมกับคนเป็นเพื่อน  กระนั้นก็มีส่วนช่วยเรื่องค่าไฟค่าน้ำบ้างบางครั้งเพราะภวาวดีไม่ใคร่จะยอมให้ช่วยออกเงิน



      หล่อนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯและได้รู้จักกับภวาวดีที่เป็นเพื่อนร่วมคณะเรียน  เด็กสาวทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่ช่วงของการรับน้องใหม่  แรกๆสณาจิณห์พักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย  พอขึ้นปีสองเพื่อนสาวก็ชวนให้ย้ายเข้าอยู่ในคอนโดมิเนียมเป็นเพื่อนกันเพราะคนออกปากชวนอยากใช้ชีวิตอิสรเสรีนอกบ้าน  และให้เหตุผลที่ชักชวนว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย  คนถูกชักชวนก็ยอมแต่โดยดี  ความสนิทสนมของคนทั้งคู่กลายเป็นความผูกพันเหมือนคนในครอบครัวเพราะภวาวดีที่เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงและคุณหญิงผู้มีหน้ามีตาในสังคม  หล่อนมักจะนำคนเป็นเพื่อนเข้านอกออกในบ้านหลังใหญ่อยู่บ่อยครั้ง  และบุพการีก็ให้ความเอ็นดูสณาจิณห์ดุจบุตรีอีกคนโดยไม่มีทีท่ารังเกียจเดียดฉันท์แต่อย่างใด  ต่างจากฝ่ายหลังที่เป็นบุตรีคนเล็กของครอบครัว  ผู้เป็นบิดาและพี่ชายรับราชการอยู่ที่ต่างจังหวัด  ผู้เป็นมารดาเป็นแม่ศรีเรือน  น่าแปลกที่ความแตกต่างไม่ได้ทำให้ภวาวดีกับสณาจิณห์รู้สึกถึงช่องว่างระหว่างฐานะซึ่งอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์อันดีที่เกื้อกูลกันมาโดยตลอด  



      พอพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นบัณฑิตจบใหม่  หญิงสาวทั้งสองที่มีภวาวดีเป็นต้นคิดก็ร่วมเปิดร้านอาหารด้วยความต้องการของเจ้าตัว  ทั้งที่หล่อนสามารถเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของบุพการีฝ่ายชายอย่างสบาย  แต่หล่อนก็เลือกทำสิ่งที่ตัวเองชอบและเปิดโอกาสให้คนเป็นเพื่อนที่สนใจศาสตร์การพยากรณ์ได้แสดงฝีมืออย่างสมใจ



      ภวาวดีผู้มีวัยยี่สิบต้นๆ  ผิวขาวอมชมพู  ดวงหน้ารูปไข่  เส้นผมสีดำสนิทดุจเดียวกับสีของดวงตา  คิ้ว  จมูก  และปากได้รูปรับกันอย่างลงตัวเรียกขานเพื่อนสาวของหล่อน



      \"ซัน\"



      หญิงสาวผู้มีวัยและสีผิวไม่ต่างจากต้นเสียง  หากใบหน้าไม่สวยจัดเหมือนอีกฝ่าย  แต่หล่อนมีรอยยิ้มที่คนเป็นเพื่อนให้คำจำกัดความว่า \'ยิ้มประทับดวงจิตซึ้งตรึงดวงใจ\' ที่ช่วยเสริมความน่ามองและส่งให้เจ้าตัวแลดูน่ารักใคร่  ยิ่งกว่านั้นคือจรรยาบรรณในการรักษาความลับของ \'ลูกค้า\'  ยกเว้นการพูดจากับเพื่อนสนิทที่ช่วยรักษาจรรยาบรรณของหล่อนอย่างแข็งขัน



      \"มีลูกค้า\"  หล่อนพูดเป็นเชิงถาม



      ฝ่ายหลังพยักหน้าแทนคำตอบ



      \"ตกลงลูกค้าจะให้ฉันลงไปพบข้างล่างใช่ไหม\"



      \"คงงั้นเพราะลูกค้าเป็นถึง \'คุณหญิง\'\"  คนตอบยิ้มอย่างขบขันแกมล้อเลียนกับคำที่เน้นน้ำหนัก



      \"คุณหญิงไม่ลงโลงหรือไง\"  สณาจิณห์ยิ้มเผล่  ผู้เป็นมารดาของหล่อนพร่ำพูดเสมอว่า \'จะเศรษฐีหรือยาจก  ตายแล้วก็เผาเหมือนๆกัน\'



      \"ลงโลงน่ะลงแน่  แต่ตอนนี้เธอต้องลงไปหาคุณหญิงป้าของคุณอรจิมาก่อน\"  คนพูดหัวเราะในคำ



      \"อุ๊ย!  เพิ่งนึกขึ้นได้  คุณแม่ของเธอก็คุณหญิง  ขอโทษจ้ะ\"



      \"ช่างเถอะๆ  ฉันรู้  ที่เธอพูดน่ะไม่เจตนาพาดพิงถึงคุณแม่ของฉันหรอก\"



      \"ว่าแต่จะลงไปหรือยัง\"  ภวาวดีถามต่อ



      \"จ้าๆ\"



      \"เอาเครื่องมือหากินไปด้วย\"



      \"รู้น่า\"



      \'แม่หมอ\' เดินตามหลังเพื่อนสาว  อรจิมาที่แลเห็นสองสาวก็เป็นฝ่ายเอ่ยกับคุณหญิงจิตรา



      \"คุณป้าคะ  มากันแล้วค่ะ\"



      ผู้มากวัยเหลียวมองเฉพาะหญิงสาวอีกคนที่คาดว่าต้องเป็น \'แม่หมอ\' ประจำร้านด้วยสายตาประเมินก่อนเหยียดยิ้มกึ่งดูแคลน    



      สองสาวเดินเข้ามาในระยะใกล้และคนที่เดินนำก็รอนั่งเก้าอี้พร้อมสณาจิณห์  จากนั้นหล่อนก็แนะนำให้คุณหญิงจิตรารู้จักกับ   คนเป็นเพื่อน



      \"คุณหญิงคะ  สณาจิณห์หรือซัน  เพื่อนรักของวดีค่ะ\"



      \"สวัสดีค่ะคุณหญิง\"  เจ้าตัวยกมือไหว้ประกอบคำพูด



      \"จ้ะ\"  คนรับไหว้ยิ้มเพียงนิดเดียวอย่างไว้เชิง



      \"ซันอายุยังน้อย  ความน่าเชื่ออาจยังไม่มีเท่าที่ควร  คุณหญิงจะรับฟังคำพยากรณ์ของซันมากน้อยแค่ไหนก็สุดแท้แต่คุณหญิง  ซันเพียงมีหน้าที่แปลความตามหน้าไพ่ที่ออกมา  ถ้าซันล่วงเกิน…ก็ต้องขออภัยอย่างมากค่ะ\"  สณาจิณห์ออกตัวอย่างอ่านท่าทีของผู้มากวัยออก



      \"เอาเถอะ  ผู้ใหญ่อย่างป้าไม่ถือสาหนูหรอก\"  คนพูดบอกอย่างคนที่สวมหน้ากากเป็นนิจ



      ภวาวดีอมยิ้มน้อยๆ



      \"คุณป้ามีเรื่องที่อยากรู้ค่ะ\"  อรจิมาบอก \'แม่หมอ\' โดยตรง



      \"งั้นก็เริ่มกันดีกว่าค่ะ\"  สณาจิณห์สวนคำด้วยรอยยิ้มเย็นอย่างคนที่มั่นอกมั่นใจกับความสามารถของตน



      \"รับไพ่และสับด้วยมือซ้ายเท่าอายุค่ะคุณหญิง\"  หล่อนพูดต่อพร้อมกับยื่นส่งสำรับไพ่ยิปซีขนาดกะทัดรัดพอเหมาะมือให้ฝ่ายหลัง



      คุณหญิงจิตราก็สับไพ่ด้วยความยากลำบากเพราะไม่ใช่มือข้างที่ถนัดทำให้ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะหยุดมือ



      \"ทีนี้ก็ส่งสำรับไพ่คืนให้ซันค่ะ\"



      \'แม่หมอ\' วางสำรับไพ่และกรีดไพ่เป็นรูปโค้งอย่างสวยงาม



      \"ใช้มือซ้ายเลือกไพ่และส่งให้ซันทีละใบจนกว่าจะครบสิบใบค่ะ\"



      หญิงสาวรับไพ่และจัดวางตามตำแหน่งต่างๆอย่างที่เรียนรู้จากหนังสือเล่มหนึ่งที่นักพยากรณ์ชื่อดังระดับประเทศเป็นผู้เขียน  แม้หล่อนจะใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านตัวหนังสือ  พรสวรรค์บางอย่างในตัวก็ทำให้หล่อนมีความสามารถด้านนี้และอาจเพราะหล่อนเป็นคนมีสัมผัสพิเศษอย่างที่เรียกว่า Sixth Sense



      สณาจิณห์มองไพ่ที่อยู่บนโต๊ะด้วยท่วงท่าสบายๆและสีหน้าเรียบเฉย  ทว่าครุ่นคิดอยู่ในที  ไพ่หลายใบบ่งบอกสภาพการณ์ที่ไม่น่าพิสมัยทำให้หล่อนต้องใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่จนคนอยากรู้คำพยากรณ์ซึ่งมองหล่อนด้วยดวงตาฉายแววกังวลอย่างเปิดเผยและออกอาการกระวนกระวายใจระคนลุ้นระทึกต้องเอ่ยปากถาม



      \"ว่าไงคะหนูซัน\"



      อรจิมาพลอยมองหน้า \'แม่หมอ\' ด้วยสายตามีคำถามด้วยอีกคน  เป้าสายตาก็ตัดสินใจบอกอย่างสั้นๆแต่ได้ใจความและตรงเป้า



      \"สุขภาพคุณลุง…สามีของคุณหญิงที่ป่วยกระเสาะกระแสะมานาน…ในช่วงนี้จะยิ่งทรุดหนักกว่าที่เป็น  เพราะ \'กรรม\' ของเขาที่ทำกับคนอื่นไว้มาก  จะให้ดีน่าจะทำบุญสุนทานเผื่อจะช่วยให้อาการกระเตื้องขึ้น\"



      คนฟังถึงกับเบิกตากว้างอย่างแปลกใจจนเกือบเป็นอัศจรรย์ใจเพราะหล่อนและหลานสาวไม่ได้เอ่ยถึงคนป่วยแม้แต่น้อย  คนพูดกลับบอกราวกับ \'หยั่งรู้\'



      \"ที่ว่าทรุดหนัก  หนักแค่ไหนคะหนู\"  สุ้มเสียงละล่ำละลักถามด้วยความเชื่อถือขึ้นบ้าง



      \"หนักเอาการค่ะ  แต่ดวงยังไม่ถึงฆาต\"  \'แม่หมอ\' ตอบตามตรงและเว้นจังหวะนิดหนึ่ง



      \"สามีของคุณหญิงจะป่วยจะทรมานด้วยโรคร้าย…มะเร็ง  แถมยังมีโรคแทรกซ้อนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  และต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากทีเดียว…มากกระทั่งทำให้ทรัพย์สินที่มีลดน้อยลงในชั่วพริบตา  แต่การให้ทำบุญจะส่งผลดีต่อช่วงสุดท้ายของชีวิตค่ะ\"  หล่อนพูดต่อ



      ผู้มากวัยตะลึงงันเป็นหนสองที่สณาจิณห์รู้อาการป่วยของสามีหล่อนกระทั่งระบุโรคอย่างถูกต้อง



      \"คุณลุงจะอยู่ได้นานแค่ไหนคะ\"  อรจิมาแสดงความใคร่รู้



      \"อย่างมากก็สามปีค่ะ  อย่างน้อยก็หนึ่งปี\"



      \"โธ่  คุณชัชวาลย์\"  คุณหญิงจิตราครางชื่อของสามี



      \"คุณหญิงก็ช่วยได้  ถ้าจะละเว้นการขูดรีดเลือดเนื้อของเพื่อนร่วมโลก  หรือบีบคั้นพวกเขาให้ต้องลำบากแสนสาหัส  คุณหญิงควรหันหน้าเข้าหาธรรมะ  สมาชิกในครอบครัวด้วยก็ดีค่ะ  ขออภัยนะคะที่ซันพูดตรงๆ\"  สณาจิณห์บอกเสียงเรียบเรื่อย



      \"ค่ะ\"  คนฟังรับคำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่กล้าโกรธเคืองผู้อ่อนวัยที่เอาเรื่อง \'จริง\' ที่เลวร้ายที่ทั้งสามีทั้งตัวหล่อนและลูกๆกระทำอย่างสม่ำเสมอยิ่งกว่าการทำบุญกุศล…ด้วยใจที่ไร้ความเมตตาปรานี



      \"คุณหญิงคงอยากทราบเพียงเท่านี้\"  หญิงสาวพูดปิดท้ายเป็นเชิงถาม



      \"ค่ะหนูซัน\"



      \"คุณป้าขา  ค่าครูค่ะ\"  อรจิมาบอกเหมือนต้องการจะเตือนป้าของหล่อน



      \"ครั้งแรกซันดูให้ฟรีค่ะ  ครั้งต่อไปค่อยจ่ายค่าครู\"  เจ้าตัวยิ้มน้อยๆ



      \"พิลึกคน\"  ผู้มากวัยหลุดปากพูด



      \"ซันเขาก็พิลึกอย่างนี้ออกบ่อยค่ะคุณหญิง  เขาว่าเพื่อรับประกันความแม่นยำ  ครั้งแรกก็เลยฟรีค่ะ\"  ภวาวดีที่เป็นผู้ฟังที่ดีตั้งแต่ต้นจนจบบอกอีกฝ่าย



      \"ขอบใจหนูมาก\"  เป็นคราวที่ป้าของอรจิมาเอ่ยจากใจจริง



      \"วันหลังป้าจะมาใช้บริการของหนูซันอีก  เอ่อ  ป้าจะช่วยแนะนำเพื่อนๆให้มาหาหนูด้วย\"



      \"ขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิง\"  สณาจิณห์แสดงออกถึงความมีสัมมาคารวะประกอบถ้อยคำ



      หญิงสาวสองวัยเดินออกจากร้านด้วยสีหน้าที่ติดจะเครียดเคร่งอันบ่งบอกความวิตกกังวลที่ค้างคาอยู่ในจิตใจ  แม้จะรับฟังคำพยากรณ์จาก \'แม่หมอ\' และพร้อมจะปฏิบัติตามคำชี้แนะก็ตาม  



      ภวาวดีที่มองตามหลังผู้ที่เดินพ้นร้านไปไกลก็หันมาถามเพื่อนสาวที่บรรจงเก็บสำรับไพ่ใส่กล่องพลาสติกลวดลายแปลกตาอย่างมีข้อกังขา



      \"บ้านนั้นเขาทำอะไรน่ะซัน\"



      \"เธอไม่รู้จริงอะ\"



      \"เคยได้ยินแต่ข่าวลือ\"



      \"ฉันจะบอกอะไรให้  บ้านนั้นที่เธอถาม  เขาทำเรื่องไร้มนุษยธรรมเป็นกิจวัตร  จำพวกขูดรีดไถเงินจากข้าราชการผู้น้อยที่หวังตำแหน่งและความก้าวหน้า  บางทีก็หาเรื่องใส่ความคนดีๆเพื่อเรียกร้องเงินทองโดยแลกกับการไม่เอาความ  ไม่ก็…เห็นที่ดินที่ไหนถูกใจก็บีบให้เจ้าของที่ขายที่ให้โดยไม่เลือกวิธี  ทำบาปทำกรรมชัดเจน  กรรมก็สนอง\"  น้ำเสียงและสีหน้าของคนพูดไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ  หล่อนต้องวางอารมณ์ให้นิ่งเฉยและปล่อยวาง  เพราะการแสดงความสาแก่ใจที่คนบาปได้รับกรรมไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ  ตรงข้ามกับความเห็นใจ  หรือเมตตาจิตเป็นสิ่งที่จิตใจของหล่อนควรมี



      \"มิน่า  เธอถึงบอกให้พวกเขาทำบุญสุนทาน  ละเว้นเพื่อนร่วมโลก\"



      \"ชี้ทางสว่างให้ก็น่าจะทำตามกระมัง\"



      \"ฉันสงสัยมานานละ  เวลาเธอดูหน้าไพ่  ทำไมเธอรู้ลึกรู้ละเอียดนัก\"



      \"ก็บอกอย่างที่ไพ่บอก  บางทีภาพบางภาพมันก็แว่บเข้ามาในหัวเอง\"



      \"ความสามารถพิเศษจริงๆ  ละนี่เธอไม่กลัวเขาส่งคนมาเก็บหรือ\"



      \"โฮ้ย  เขาไม่ทำชัวร์ๆ  ฉันแค่หมอดูที่ทำนายทายทักอย่างปราศจากหลักฐานเอาผิด  ที่สำคัญคนดีผีคุ้ม\"



      \"ผีเข้าผีออกต่างหาก  ถึงไม่มีแฟนกับเขาสักที\"



      \"ว่าไปนั่น  ที่ไม่มีแฟนเพราะยังไม่เจอเนื้องอก  เอ๊ย!  เนื้อคู่\"



      \"ฉันชักอยากเห็นเนื้อคู่ของเธอ  สงสัยต้องร้องเพลงรอหลายสิบจบ  ดีไม่ดีก็หลายร้อยจบ\"



      \"ตัวเองมีคู่หมั้น  เอาเปรียบชะมัด  ที่จริงน่าอยู่เป็นเพื่อนกัน\"



      คำพูดของเจ้าตัวทำให้คนเป็นเพื่อนส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธพลางหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี



      ร้านเรือนทิพย์เปิดเวลาเดียวกับเวลาเปิดของห้างสรรพสินค้า  แต่ปิดก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมงอย่างที่สณาจิณห์เคยพูดจาค่อนแคะ ภวาวดีว่า \'ทำเหมือนเด็กเล่นขายของ\'



      ใกล้เวลาปิดร้านร่างสูงของใครคนหนึ่งก็ก้าวเท้าเดินเข้ามา  ภวาวดียังง่วนอยู่กับการทำบัญชีในแต่ละวัน  เพื่อนสาวที่นั่งเท้าคางอยู่ที่เคาน์เตอร์กับอีกฝ่ายก็มองเห็นชายหนุ่มเป็นคนแรก  และกล่าวทักทายเขาด้วยคำพูดเย้าแหย่อย่างคนที่รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีที่ทำให้หญิงสาวอีกคนต้องเงยหน้ามองผู้มาเยือน



      \"โก้มารับเจ้าหญิงตรงเวลาเป๊ะ\"



      \"ขืนช้าก็โดนโวยสิครับแม่มด\"  ธัชรัตน์พงศ์เปิดยิ้มกว้าง



      \"ถ้าฉันเป็นแม่มดจริงก็ดี  จะได้สาปนายให้กลายเป็นไส้เดือนกิ้งกือ  แต่ฉันเป็นแม่หมอ\"  สณาจิณห์ย่นจมูกน้อยๆ



      ธัชรัตน์พงศ์ชายหนุ่มหน้าตาดี  ฐานะทางบ้านและทางสังคมเทียบเท่ากับเพื่อนสนิทของสณาจิณห์  ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา  แต่ต่างคณะ  ที่รู้จักกันก็เพราะงานมีตติ้งหลังจากแข่งขันกีฬาระหว่างคณะนั่นเอง  และเขาก็เพียรจีบภวาวดีตั้งแต่เป็นนักศึกษาชั้นปีสองอยู่นานกว่าหล่อนจะยอมรับเขาเป็นคนรัก  พอจบจากมหาวิทยาลัยเขาก็เรียนต่อต่างประเทศ  เขากลับมาพร้อมกับปริญญาโทจากสถานศึกษาชื่อดังและหมั้นกับหญิงสาวในเวลาต่อมา  ทั้งยังเข้าทำงานในฐานะผู้บริหารของบริษัทที่เขาเป็นทายาทสืบทอด  กระนั้นก็ยังคงเส้นคงวาในความสัมพันธ์อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่องหรือละเลยแต่ประการใด  บรรดาเพื่อนฝูงก็ย่อมต้องรู้สึกชื่นชมแกมอิจฉาความรักของคนทั้งคู่



      \"ขออภัยครับแม่หมอ\"  ชายหนุ่มพูดด้วยสุ้มเสียงล้อเลียนแกมขบขัน



      \"ย่ะ!\"  \'แม่หมอ\' กระแทกเสียงอย่างประชดประชัน



      \"โก้ก็…  ชอบแหย่ซันอยู่เรื่อย\"  ภวาวดีบอกอย่างระอิดระอาใจกับนิสัยขี้เล่นของเขาที่ชอบใช้ถ้อยคำทิ่มแทงใจเพื่อนสนิทของหล่อน



      \"แหย่ซันสนุกจะตาย  วดีก็เถอะ  ชอบแย่ซันเหมือนกัน  ผมรู้หรอก\"  เขายิ้มละไม



      หล่อนยิ้มอ่อนๆแทนคำพูด



      \"หึ  มีฉันโดนรุมอยู่คนเดียว\"  สณาจิณห์บอกอย่างแสร้งน้อยใจ



      \"ซัน  เราพูดเล่น  เธอก็รู้  ผมบนหัวยังอยู่ครบเส้นยังจะทำใจน้อย\"  



      \"ผมเห็นด้วย\"  



      \"พอเลย  ทั้งคู่แหละ\"  \'แม่หมอ\' ที่พยากรณ์อย่างแม่นยำต้องยอมพ่ายให้กับถ้อยหยอกเย้าของคู่รักที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย



      \"ทีตอนดูดวงให้คุณหญิงจิตรายังมาดนิ่ง  ตอนนี้เสียมาดหมดอย่างกับคนละคน\"



      \"ใครจะสน\"  เจ้าตัวสวนประโยคของคนเป็นเพื่อน



      \"ใช่  ใครจะสนถึงยังไม่มีแฟน\"  ชายหนุ่มยิ้มตายิบหยี



      คนฟังแทบกรีดร้อง  ดีแต่คนรักของเขาเอามือปิดปากคนที่ทำท่าจะลุกขึ้นเต้นทันเวลา  และพอหล่อนเอามือออก  สณาจิณห์ก็เอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างมาดร้ายว่า



      \"ฮึ่ม!  ฝากไว้ก่อน\"



      \"รีบเอาคืนล่ะ  ผมขี้เกียจรับฝากนาน  อ้อ  ห้ามเล่นของ  เพราะเป็นวิธีสกปรก\"



      คนฟังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ  คนที่วางมือจากสมุดบัญชีและเสียสมาธิเพราะการต่อล้อต่อเถียงของคนเป็นเพื่อนกับคนรักของหล่อนก็เอ็ดเสียงเขียวเอากับคู่กรณีอย่างเหลืออด



      \"ช่วยเงียบหน่อย!\"



      เป็นผลให้คนทั้งสองปิดปากสนิทในทันใด



      \"ค่อยยังชั่ว\"  ภวาวดีบอกอย่างที่รู้สึก



      หากหล่อนจะมองหน้าคู่กรณีสักนิด  ก็จะเห็นสีหน้าสีตายั่วโมโหคนของธัชรัตน์พงศ์กับดวงตาวาววับอย่างเอาเรื่องของสณาจิณห์



      หลังจากอาหารมื้อเย็นที่เอร็ดอร่อยและการสนทนาที่ออกรส…โดยเฉพาะตอนที่ชายหนุ่มกับเพื่อนสนิทของภวาวดีก่อวิวาทะระหว่างมื้ออาหาร  เขาก็ขับรถยนต์ไปส่งสองสาวถึงที่พัก



      \"นอนหลับฝันดีครับวดี\"  เขาหยอดคำหวานอยู่หน้าห้องของพวกหล่อน



      \"เลี่ยนจะอ้วก\"  เป็นเสียงของหญิงสาวอีกคน



      \"อิจฉาล่ะมั้ง\"



      \"ตาร้อนด้วย\"  หล่อนต่อปากต่อคำกับเขา



      \"ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักของวดี  ผมจะจับนั่งยางเผาให้รู้แล้วรู้รอด\"



      \"ฉันก็จะตามหลอกหลอนนาย\"



      \"ผมกลับดีกว่า  ขืนยังอยู่เถียงกับซัน  โรคประสาทต้องถามหาแน่ๆ\"



      \"ขับรถระวังๆนะโก้\"



      \"ครับผม\"



      คล้อยหลังธัชรัตน์พงศ์  ภวาวดีก็เอ่ยกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเนือยเนิบพลางไขกุญแจประตูห้องพัก



      \"ทำอย่างกับเป็นเด็กๆ\"



      \"ใคร\"



      \"เธอกับโก้\"



      \"เธอก็ต้องอบรมนายโก้ให้ดีๆ\"



      \"งั้นก็ต้องอบรมทั้งสองคนเผื่อจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวได้บ้าง\"



      \"ยากจ้ะ  มันหยั่งรากฝังลึกอยู่ในดีเอ็นเอ\"



      คนฟังจงใจทอดถอนใจเสียงดัง  สณาจิณห์ก็ไหวไหล่น้อยๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×