จริตวิปลาส
  เด็กผู้หญิงชั้นมัธยมปลายเปรียบดังดอกไม้ที่ใกล้ผลิกลีบแย้มบาน ถ้าทะนุถนอมเป็นอย่างดีก็จะได้เชยชมความงามที่สะพรั่งพร้อมเมื่อถึงวัยสาวเต็มตัว แต่ผมชอบความงามของเด็กสาว วัยนี้กำลังสดใสน่ารักและสามารถคาดเดาถึงความงดงามในก้าวต่อไปของชีวิต ยิ่งเครื่องแบบนักเรียนยิ่งให้ความรู้สึกที่ดี ผมมักเฝ้ามองพวกเธออย่างชื่นชม เพื่อนหลายคนหาว่าผมเป็นโคแก่บ้างล่ะ เฒ่าหัวงูบ้างล่ะ ผมไม่ถือสาเพราะมันเป็นความชอบส่วนตัวของผม ผู้ชายวัยยี่สิบตอนปลายที่ทำงานด้านการดูแลระบบเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และบางทีก็ใช้เวลาอยู่ในโลกไซเบอร์กับทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ที่เข้าเล่นเกม ผมมักจะให้ตัวละครในเกมอยู่ปะปนกับพวกเขา พูดคุยและเลียบเคียงถามถึงระบบของเกมว่าเป็นที่พอใจหรือไม่ ต้องการให้พัฒนาส่วนใด อยากให้มีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมและโซนอื่นๆเสริมบ้างไหม เป็นต้น บางครั้งก็ได้เพื่อนใหม่ รวมถึงสนิทสนมกับเด็กสาวบางคนด้วย สิ่งนี้ทำให้ผมยิ่งรักงานที่ทำมากขึ้นไปอีก เพราะมันสร้างโอกาสอันดีให้แก่ผม โอกาสที่มีความหมายและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อชีวิตของผมทีเดียว
ผมดึงความรู้สึกนึกคิดกลับมาใส่ใจกับตัวละครมือสังหารที่นั่งคุยกับนักบวชฝึกหัดซึ่งระดับการเล่นเกมยังต่ำ เราอยู่ในโซนป่าโปร่ง สัตว์ประหลาดน่ารักๆหลายตัวที่ไม่ค่อยมีพิษมีภัยเท่าไรเพ่นพ่านไปมาโดยไม่สนใจผมกับเธอ เจ้าพวกนี้ถ้าเราไปทำร้ายมันก่อน มันก็จะโจมตีเราทันที ผมเพิ่งพบเธอเป็นครั้งแรก ขีดแสดงพลังชีวิตกำลังลดระดับ ตัวละครของเธอจำเป็นต้องนั่งพักเพื่อให้พลังชีวิตฟื้นคืน ผมก็เลยหยุดคุยกับเธอด้วยระบบสนทนาภายในเกม
Arden : ผมชื่อชัย คุณชื่ออะไรครับ อ่า ไม่เอาชื่อนักบวชฝึกหัดที่เล่นอยู่นะ
ชัย
ชื่อที่ตั้งขึ้น ผมไม่อยากเสี่ยงใช้ชื่อจริงหรือแม้แต่บอกชื่อเรียกเล่นๆแท้จริง
Tatia : แนนค่ะ
เธออาจใช้วิธีการเดียวกับผมและผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเพราะผมอยากรู้ชื่อจริงๆของเธอ อาจเป็นการเอาเปรียบและไม่ซื่อ แต่มันช่วยไม่ได้ ผมอนุญาตให้ตัวเองเท่านั้นที่สามารถคดโกง
Arden : ชื่อเล่นจริงๆหรือเปล่าครับ
Tatia : ค่ะ
ผมยิ้มออก ก้าวแรกเริ่มด้วยดี
Arden : แนนเพิ่งเริ่มเล่น หรือว่าเป็นตัวละครตัวใหม่
Tatia : เพิ่งเริ่มค่ะ เห็นเพื่อนเล่นก็นึกอยากขึ้นมา
Arden : ให้ผมช่วยไหม ระดับของแนนจะได้เพิ่มเร็วไง
Tatia : ดีสิคะ
Arden : เดี๋ยวรอให้พลังชีวิตของแนนเต็มซะก่อน เราค่อยไปจัดการสัตว์ประหลาดกัน
Tatia : ใจดีจัง
Arden : ผมชอบช่วยน่ะ ระดับของผมมันเยอะละ ผมอยากเรื่อยๆเอื่อยๆบ้าง
Tatia : ทำงานหรือเรียนคะ
Arden : ทำงานครับ เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ แนนล่ะ
Tatia : เรียนค่ะ
Arden : ชั้นไหนครับ
Tatia : ชั้น 4 ค่ะ
Arden : โธ่ ตอบจริงจังหน่อยสิครับ
Tatia : ม.5 ค่ะ
ดูเหมือนผมจะเจอเด็กสาวตามรสนิยมแล้ว
Arden : น้องแนนมาเล่นเกมกับเพื่อนเหรอครับ
ผมถามอย่างคาดเดา
Tatia : ค่ะ เพื่อนเล่นอยู่อีกเครื่อง อ้าว พี่ชัยแก่กว่าแนนหรอกเหรอ
เธอเพิ่งนึกได้
Arden : แก่
ปวดใจจังแฮะ
Tatia : ขอโทษค่ะ
Arden : ล้อเล่นน่า พี่ไม่ถือ เอาละ เราไปกันเถอะ
ผมชวนเธอ และแนนก็เดินตาม
เราเดินทางด้วยกันโดยมีผมช่วยตีสัตว์ประหลาดให้ครั้งหนึ่งและนั่งอยู่เฉยๆ แนนจะตีซ้ำ เท่านี้ระดับการเล่นเกมของเธอก็จะเพิ่มขึ้น แต่ยังช้ามาก ผมจึงคิดชักชวนเธอให้เปลี่ยนโซน ต้องเป็นโซนที่ยากและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจ หากไม่รุมทำร้ายผู้เล่น ขืนปล่อยให้รุม คนที่จะย่ำแย่ก็คือแนน แต่ไม่มีผลกับตัวละครของผมที่มีระดับการเล่นเกมสูง วิธีลัดจะช่วยเพิ่มระดับให้แก่เธอได้รวดเร็ว และในโซนที่ว่าก็มีคนเล่นน้อย ผมอยากคุยกับแนนให้มากกว่านี้ อยู่กันสองคนสะดวกที่สุด
Arden : ไปถ้ำมรณะกัน
ผมบอกแนน
Tatia : โหย ไม่ไหวหรอกพี่ แนนไม่รอดแน่ๆ
Arden : สัตว์ประหลาดจะมาหาเราทีละตัว พี่อยู่ทั้งคนน่า
เป็นการแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชาย
Tatia : งั้น
ก็ได้ค่ะ
ผมกับแนนใช้เวลาในโซนถ้ำมรณะอยู่นานทำให้รู้จักเธอพอสมควร แนนเป็นคนคุยสนุกและร่าเริง เธอเป็นเด็กสาวที่อาศัยอยู่ในเขตปริมณฑล มีพี่ชายสองคน คนโตเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย คนรองอยู่ชั้นปีสอง บ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะ พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นแพทย์หญิง ผมได้ข้อมูลคร่าวๆและอยากรู้จักเธอให้มาก ติดตรงที่เธอต้องไปเรียนพิเศษ เราสองคนก็ต้องลาจากทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง แต่โอกาสหน้ายังมีและเด็กสาวคนอื่นๆที่ผมจะคุยด้วยได้ก็หาตัวไม่ยากนัก
Arden : พี่อยากเจอแนนอีก
ผมบอกตรงๆอย่างเสนอมิตรภาพ
Tatia : ฮั่นแน่ พี่คิดอะไรกับแนนหรือเปล่าเนี่ย
เธอหยอกเอินผม
Arden : พี่เป็นชายโฉด เอ๊ย โสดสนิทก็งี้แหละ ถ้าไงวันหลังเราเจอกันอีกคงได้ใช่ไหม
Tatia : คืนนี้แนนจะเข้ามาเล่น พี่ชัยคง log out แล้วมั้ง
Arden : พี่อยู่ดึกเป็นนิสัย ละแฟนแนนเล่นเกมนี้ไหมล่ะ เผื่อพี่จะแบ่งไอเท็มให้
ผมถามหยั่งเชิง
Tatia : พี่คงได้แบ่งให้แนนคนเดียว แนนยังโสดสนิทเหมือนพี่ชัยน่ะค่ะ ว่าแต่คืนนี้พี่จะอยู่โซนไหนคะ
ผมบอกให้แนนบันทึกโซนที่เล่นให้เป็นปัจจุบันและนัดหมายเป็นที่เรียบร้อย เด็กสาวก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังแม้แต่น้อย ระหว่างที่ตัวละครของผมซื้อขายแลกเปลี่ยนไอเท็มสิ่งของกับพ่อค้าที่ผ่านทาง แนนก็ใช้ระบบสนทนาส่วนตัวที่ผู้เล่นจะพิมพ์ถ้อยความโต้ตอบกันได้โดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนที่ร่วมเล่นในโซนเดียวกันเหมือนอย่าง ระบบสนทนาทั่วไป ผมแลเห็นกล่องข้อความที่มุมจอด้านล่างทางซ้ายมือ เธอถามหาผม และผมก็ขอเวลาสักครู่แล้วเป็นฝ่ายไปหาเธอ
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาเราก็พบเจอกันอยู่ภายในโลกของเกมออนไลน์บ่อยครั้ง ความสนิทสนมเพิ่มพูนเป็นลำดับ และแนนค่อนข้างไว้ใจผม เธอยอมเปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง ต่างจากผมที่โกหกและปกปิดเรื่องบางอย่าง แต่ผมพูดความจริงเรื่องที่รู้จักและสนิทสนมกับเด็กสาวคนอื่นๆ ยกเว้นเรื่องคนที่ผมรู้สึกถูกใจ ความเป็นจริงนอกจากแนน ผมยังมีเป้าหมายที่เป็นตัวเลือกตามวาระโอกาสอีกมาก หนนี้ผมเลือกเธอ ตลอดระยะเวลาที่รู้จักและคบหาอยู่ห่างๆผ่านทางโทรศัพท์บ้าง ในเกมออนไลน์บ้าง ผมยังส่งของกำนัลให้เธออีกด้วย ผมใช้การเอาใจและห่วงใยสารพัดจนเธอเปิดใจรับความรู้สึกของผม เราเป็นคนรักกันโดยผ่านสื่อกลางคือเทคโนโลยีอันล้ำสมัย หนำซ้ำแนนยังเป็นวัยรุ่นที่มีความลับกับครอบครัว เธอไม่เคยแพร่งพรายเรื่องเพื่อนชายที่ไม่เคยพบหน้าให้ครอบครัวรับรู้ อาจเพราะเกรงจะถูกตำหนิหรือด้วยเหตุที่วัยรุ่นนิยมมีเรื่องส่วนตัวอย่างจริงจัง มันเป็นการเปิดช่องที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผมและเธอก็ไม่รู้ตัวสักนิด เราติดต่อกันเนิ่นนานกระทั่งผมคิดเห็นควรว่าถึงเวลาพบหน้าเสียที ก็ง่ายๆ ผมแค่ขอนัดพบอย่างเป็นทางการ และผมไม่รู้ว่าเด็กสาวเขาคิดอะไรของเขาถึงยอมรับนัดจากผม เธอเชื่อใจคนง่ายเกินไปกระมัง แต่เอาเถอะ เธอไม่มีวันรู้แน่ว่าผลของการพบปะเพียงครั้งเดียวจะเป็นเช่นไร และไม่มีทางรู้เลยว่าครั้งเดียวที่หลวมตัวนี้แหละที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ผมขอให้เธอมาคนเดียว ขอให้เก็บเป็นความลับระหว่างพวกเรา และช่วยคิดข้ออ้างเพื่อไม่ให้ครอบครัวเกิดความสงสัยด้วยแนนมีเพื่อนอยู่ในกรุงเทพฯทุกอย่างก็ย่อมง่ายเข้า ตัวเธอตกปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะหลังจากทราบสถานที่ที่ผมจะเดินทางไปรับและผมเชื่อว่าเธอต้องรักษาคำพูดอย่างไม่บิดพลิ้ว
แนนเป็นเด็กสาวหน้าตาดีเหมือนรูปถ่ายที่เธอเคยส่งให้ผมทางอีเมล ผมขับรถยนต์อย่างสบายอารมณ์ และเธอนั่งข้างๆด้วยกิริยาเขินอายอย่างแรกพบหน้า ก็คงต้องยอมรับว่าตัวผมก็หน้าตาดีเหมือนกัน แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอและเพื่อเป็นการทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ ผมก็ต้องเป็นฝ่ายชวนคุยเรื่อยเปื่อย มันเป็นการสร้างบรรยากาศที่น่าอภิรมย์แก่เราทั้งคู่
\"พี่จะพาแนนไปเที่ยว ดูหนัง ช้อปปิ้ง\" ถ้อยล่อหลอกและยิ้มหน้าชื่นบาน
\"เกรงใจพี่ชัยน่ะค่ะ\" เสียงอ่อนเบาเอ่ย
\"ไม่เป็นไร พี่ยินดีมากที่แนนมาหา\"
ผมพ่นบทสนทนาออกไปหลายประโยคชนิดที่ให้นั่งทบทวนก็คงจำได้ไม่ครบถ้วนทุกถ้อยคำ และอะดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่าง แต่ผมต้องข่มใจเพราะสิ่งที่ผมจะทำนับเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและรอคอยระดับหนึ่ง ต้องรอบคอบรัดกุม พยานรู้เห็นน้อยคน เก็บร่องรอยให้มากเท่าที่จะทำได้
ผมมองแนนแย้มยิ้ม ใบหน้าของเธอช่างชวนมอง ริมฝีปากสีสดอวบอิ่ม ลำคอระหง หน้าอกเต็มภายใต้ชุดทันสมัย ทั้งร่างสมสัดส่วน ผมยิ้มละไมให้เธอด้วยสายตาเป็นประกายประหลาดกึ่งเลือดเย็นที่เกินหยั่งถึงจิตใจอันผิดแปลก และภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดอย่างซ้ำๆก็ฉายชัดในหัวสมอง
สารเคมีที่ผมเลือกใช้เป็นชนิดที่มิจฉาชีพนิยมป้ายตัวเหยื่อให้เกิดความมึนงงและผมก็อุ้มเธอเข้าไปในบ้านร้าง บ้านที่เป็นของแม่ ผมจำได้ว่าพ่อขอแยกทางกับแม่ เขามีครอบครัวใหม่และทิ้งให้แม่ พี่สาว และผมอยู่กันสามคน ความสูญเสียที่เกิดจากการทรยศหักหลังของสามีก็ทำให้แม่พาลเกิดความเกลียดชังผมที่เป็นลูกชาย แม่รักแต่พี่สาว ทำเหมือนชีวิตของแม่ไม่เคยมีลูกชายด้วยซ้ำ พี่สาวของผมก็เข้าข้างและคล้อยตามอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี
\'แกเป็นตัวน่ารังเกียจที่ฉันไม่ต้องการ ไอ้เด็กน่ารังเกียจ ฉันไม่รักแก ได้ยินไหม\'
ผม
เด็กชายวัย 9 ปีนั่งกอดเข่าและร้องไห้อยู่มุมห้องอย่างปวดใจ พี่สาววัย 12 ปีไม่ปลอบใจผม เธอเพียงทำสีหน้าเฉยชา
\'ฉันมีแต่ลูกสาวที่น่ารัก ลูกรักของแม่\' แม่กอดพี่สาวด้วยความรักใคร่เต็มเปี่ยม
รอยยิ้มเยาะของพี่สาวยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บร้าวรานลึก ผมเติบโตและตระหนักถึงการถูกโดดเดี่ยว มีเพียงความเหน็บหนาวและอ้างว้างเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้จริง
ผมต้องเก็บกดความรู้สึกทั้งหลายแหล่ไว้นานหลายปีจนอยู่มาวันหนึ่งในคืนที่ฝนตกหนัก แม่ต้องทำงานดึกดื่นและปล่อยให้ผมอยู่กับพี่สาวที่ย่างเข้าสู่วัยของการเป็นเด็กสาว เธอดูโทรทัศน์โดยไม่สนใจผม แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอสั่งให้ผมเป็นคนไปดูว่าใครมา ผู้ชายแปลกหน้าสองคนยืนตากฝนอยู่ข้างนอก เขาร้องถามขอเข้ามาหลบฝน ผมจำต้องถามความเห็นจากพี่สาว และเธอก็เป็นคนเจรจากับผู้มาเยือน
พวกเขาเรียกร้องความเห็นใจจากพวกผม พี่สาวผมก็หลงคารมและเปิดประตูให้คนแปลกหน้า พอประตูเริ่มแง้มคนหนึ่งก็ผลักและปิดอย่างแรง อีกคนจับตัวพี่สาวผม มือของเขาถือมีด ผมรู้สึกกลัวทำให้ได้แต่ยืนนิ่ง พวกเขาข่มขู่ผมกับพี่สาวไม่ให้ส่งเสียงร้อง แล้วทั้งคู่ก็นำตัวพี่สาวไปเข้าห้องน้ำ ภาพที่ผมเห็นยังความตระหนกสุดขีดให้ก่อเกิด พวกเขารุมฉีกเสื้อผ้าของพี่สาวที่ร่ำไห้อย่างวอนขอให้ละเว้น แต่ผู้ชายสองคนไม่ฟังเสียง ด้วยประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าผมก็เป็นผู้ยืนดูด้วยความตกตะลึงกับภาพการผลัดกันกระทำชำเราอย่างทารุณของพวกเขา และเพราะพี่สาวผมขัดขืนทำให้เกิดการใช้กำลัง ทั้งตบทั้งทุบตีอย่างไม่ปรานีปราศรัย พวกเขายังใช้มีดแทงที่ท้องของเธอฐานดิ้นรนให้เสียอารมณ์ ที่หว่างขาของเธอมีเลือดไหล เสียงสะอื้นไห้สลับกรีดร้องและครวญคราง ทว่าไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนได้ยินเพราะบ้านของเราตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านหลังอื่นๆมากเกินไปและฝนฟ้าก็คะนองหนัก
สายตาวิงวอนของพี่สาวยังติดตาผม แต่เด็กอย่างผมจะช่วยอะไรได้ ผมอยากช่วยเธอหรือก็เปล่า ผมเฝ้าดูอยู่อย่างนั้น ดวงตาจดจ้องอย่างสนใจใคร่รู้ พวกเขาใช้เวลากับกิจกรรมที่ทรมานพี่สาวผมอยู่นานก่อนเผ่นหนี กว่าแม่จะกลับ พี่สาวของผมก็สิ้นใจ สภาพการณ์หนักหนาสาหัสและแม่ก็รับไม่ไหว แม่กลายเป็นผู้ป่วยทางจิต ผมก็ถูกส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์ มันอดีตและบาดแผลในใจที่ฝังแน่นสำหรับผม ประสบการณ์เลวร้ายครั้งนั้นคงมีผลให้ผมกลายเป็นพวกรักความรุนแรงและเหี้ยมเกรียมภายใต้ท่าทีที่สงบเสงี่ยม ผมไม่ปฏิเสธว่าอยากลองทำแบบผู้ชายแปลกหน้าสองคนนั่น ผมอยากรู้ว่าตัวผมจะรู้สึกอย่างไร จนผมได้ลงมือกระทำการจริงๆ
เหยื่อของผมมีความน่ารักน่าใคร่ ยามร่างเปลือยเปล่าและมือเท้าถูกมัดก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผมให้เจียนคลั่ง น้ำตา เสียงร้องในลำคอด้วยปากถูกอุดแน่น และการขัดขืนยังเป็นตัวปลุกเร้าอย่างดีเยี่ยม ผมไม่สะเพร่าขนาดละเลยถุงยางอนามัยและถุงมือ ช่วงที่ผมบดขยี้เธอ
เธอจะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดปนสุข ความรู้สึกเอ็นดูอย่างวิปริตก็ทวีความรุนแรง ผมรับรู้ถึงการสั่นไหวภายในที่ยิ่งยวดและไม่อาจหักห้ามความอยากทำร้ายได้ ผมจะกระทำกับร่างข้างใต้อย่างกระแทกกระทั้น สองมือเอื้อมจับคอแล้วบีบ เป็นนาทีที่ผมไม่อาจควบคุมตัวเองหรือระงับความกระหายที่ล้นปรี่ แม้แต่สติสัมปชัญญะก็หลุดลอยอย่างยากจะเรียกคืน ทั้งหมดเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องถูกปลดเปลื้องให้หมดไป สิ่งที่เขม็งเกลียวอยู่ในร่างผมจึงจะคลายตัว ผมไม่ใส่ใจกับหน้าตาที่ดูไม่ได้ของเด็กสาว ไม่แยแสแม้ดวงตาของเธอปูดโปน ลิ้นจุกปาก และพยายามเอาชีวิตให้รอด เด็กสาวบางคนโชคร้ายกว่านั้นถ้าผมพกอาวุธปลายแหลมใช้ควบคู่กัน หากเป็นเช่นว่า ผมจะจ้วงแทงเธอไม่ยั้งอย่างคนเสียจริตที่เคลิบเคลิ้มกับการกระทำของตน จริงๆผมเอ็นดูพวกเธอนะ แต่ในแบบที่เป็นผม
กับแนนที่กำลังหัวเราะน้อยๆกับเรื่องชวนหัวที่ผมบอกเล่า เธอก็ไม่พ้นต้องมีชะตากรรมเดียวกับเหยื่อหลายรายที่ถูกฝังไว้หลังบ้าน เพราะพวกเธอน่ารักเสียจนผมไม่อาจหยุดยั้งการสะสมที่น่าหลงใหลนี้ได้ และผมจะเฝ้ามองหาเหยื่อรายใหม่เรื่อยๆด้วยความพร้อมจะทำกิจกรรมสุดหฤหรรษ์ตามวาระโอกาสที่เหมาะสมต่อไป.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น