ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋เตี๋ย ผีเสื้อน้อยผจญภัย

    ลำดับตอนที่ #13 : ออกจากป่าเก้าพิษ

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 65


    ออกจากป่าเก้าพิษ

     

    ชื่อ : ไป๋เตี๋ย (เชื้อพระวงศ์) เลเวล : 60

    ค่าพลังโจมตี : 2000 ค่าพลังเวท : 1000

    ค่าความว่องไว : 1820 ค่าพลังป้องกัน : 1800

     

    แท้จริงแล้วไป๋เตี๋ยไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ต้องออกจากป่าเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าเก้าพิษตอนนี้เท่านั้น

    แต่นางเริ่มคิด ตั้งแต่ที่ตนอยู่อาศัยในป่าแห่งนี้มากกว่าหนึ่งปี รวมๆ แล้วไป๋เตี๋ยได้ใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้ถึงห้าเดือน แม้นางจะไม่พูดแต่นางก็รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คน

    ไป๋เตี๋ยกลายเป็นคนเช่นนี้ไปแล้ว วันทั้งวันมัวแต่ฝึกฝนทั้งวิชาเวทและวิชากระบี่โบราณ นางคิดไม่ออกเช่นกันว่าหากไม่ได้พบเจอโอวหยางฉี ชีวิตนี้จะเป็นเช่นไร…

    จะอยู่ในป่าตลอดไปเช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นนางอาจจะตายในไม่ช้า ไม่ใช่เพราะสัตว์ร้ายหรืออสุรกาย 

    แต่เป็นเพราะตัวของนางเอง

    ไป๋เตี๋ยคงจะเครียดจนเสียสติ นางคิดถึงบ้าน คิดถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่และเสด็จพี่ รวมทั้งหลานชายของนาง ไป๋เตี๋ยยังได้อุ้มหลานเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะนางเป็นองค์หญิง สหายที่แท้จริงจึงไม่มี ไป๋เตี๋ยไม่ได้อยากคิดถึงคนพวกนั้น แต่การอยู่เพียงลำพังนั้นไม่ง่ายเลย มันทำให้นางต้องคิดถึงทุกคน 

    เพราะเหตุนี้การที่นางกราบโอวหยางฉีเป็นอาจารย์ไป๋เตี๋ยจึงรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว นางทั้งแข็งแกร่งขึ้น ใช้พลังเวทเป็น และไม่ต้องทนอยู่อย่างเงียบเหงา

    และด้วยเหตุผลนี้เองหากต้องติดตามโอวหยางฉีออกจากป่าไป ไป๋เตี๋ยคิดว่านี่เป็นสิ่งที่สักวันจะต้องเกิดขึ้นมา

    โอวหยางฉีไม่อาจจะอยู่ในป่าไปตลอดชีวิตได้ เช่นเดียวกับนาง แม้ว่านางจะไม่ใช่คนของที่นี่แต่เวลามันผ่านมาถึงหนึ่งปีห้าเดือน ไป๋เตี๋ยต้องทำใจยอมรับ ว่านางอาจจะกลับดาวแม่ไม่ได้อีกแล้ว

    “ถึงเมืองลู่หลิ่ง อาจารย์จะพาเจ้าไปซื้ออาภรณ์ให้มากๆ”

    “?” ไป๋เตี๋ยมองหน้าโอวหยางฉี ก่อนจะนึกได้ว่านี่คงเป็นเพราะว่านางนั้นสวมใส่อาภรณ์ที่ขุดเจอมาจากหีบสมบัติในปราสาทหินที่ผุพังเพียงชุดเดียวไม่เคยเปลี่ยน เป็นอาภรณ์ที่ทำมาจากผ้าไหมรัตติกาลชุดนั้น

    แต่มันช่วยไม่ได้ เพราะนางมีเพียงชุดนี้ชุดเดียวที่เป็นชุดของคนดินแดนบรรพตและนอกจากนั้น อาภรณ์ที่ถักทอมาจากผ้าไหมรัตติกาลก็ไม่เคยฉีกขาดหรือสกปรก

    ไป๋เตี๋ยไม่เคยทำความสะอาดชุดที่นางสวมใส่ตั้งแต่ที่ได้มา เพราะอาภรณ์นี้มักจะกลับคืนสภาพเดิมในทุกๆ หนึ่งชั่วยาม

    มันไม่เคยมีกลิ่นเหม็น แม้จะถูกโลหิตของสัตว์ร้ายกระเซ็นใส่ เพียงไม่นานร่องรอยนั้นก็จางหายไป แม้กระทั่งร่องรอยฉีกขาดก็ไม่มีให้เห็น เพราะเหตุนี้ไป๋เตี๋ยจึงไม่มีปัญหาที่ต้องสวมใส่อาภรณ์นี้ซ้ำๆ ในทุกวัน

    “ข้าไม่ต้องสวมใส่ชุดของศิษย์สำนักขุนเขาหรือเจ้าคะ?” คำถามนี้ทำให้โอวหยางฉีเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตอบนาง

    “เมื่อออกมาเที่ยวเล่น ย่อมสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ใดก็ได้”

    “หากท่านอาจารย์จะซื้อให้ ศิษย์ขออาภรณ์ที่งดงามที่สุดนะเจ้าคะ” ไป๋เตี๋ยพูดพลางมองโอวหยางฉีตาปริบๆ นางเป็นสตรี แม้จะเป็นทหารแต่นางก็รักสวยรักงามเช่นกัน

    เพราะฐานะของนางเป็นถึงองค์หญิง เมื่อมีทางเลือก นางย่อมอยากสวมใส่ของที่งามล้ำกว่าผู้ใด ไป๋เตี๋ยมีนิสัยเช่นนี้และไม่คิดจะปิดบังหรือเสแสร้ง

    นางนั้นติดนิสัยนี้มา เพราะทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงฉลอง เหล่าคุณหนูมักจะสวมใส่อาภรณ์และเครื่องประดับมาประชันกัน ไป๋เตี๋ยชอบมองสหายที่ยิ้มแย้มให้นาง แต่แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา พวกนางกักเก็บอารมณ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นความสนุกภายในงานเลี้ยงที่แสนน่าเบื่อ

    “เพ้ย! ของของศิษย์ข้าย่อมต้องดีที่สุดอยู่แล้ว” โอวหยางฉีเองก็เป็นคนประเภทหน้าใหญ่ใจโตเช่นกัน ไป๋เตี๋ยเป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของตน แล้วของที่มอบให้นางจะให้ธรรมดาสามัญได้อย่างไร

    “เช่นนั้นเมื่อออกจากป่าเก้าพิษแล้ว อีกนานหรือไม่จึงจะถึงเมืองลู่หลิ่งหรือเจ้าคะ”

    “หากใช้เวทเหาะเหินย่อมไม่นาน ราวๆ ครึ่งเดือนก็น่าจะไปถึง”

    “เวทเหาะเหินสำหรับข้าแล้วคงไม่มีปัญหา แต่สำหรับท่าน…” ไป๋เตี๋ยไม่พูดต่อ เพราะนางรู้เหตุผลที่วันแรกที่นางได้พบเจอกับโอวหยางฉีแล้วเขาต้องหนีหมีป่าอย่างทุลักทุเลแล้ว

    สำหรับท่านอาจารย์ของนางนั้นเวทอื่นล้วนเป็นเลิศ แต่จุดอ่อนอยู่ที่เวทเหาะเหิน เขาเคยชนต้นไม้ให้นางเห็นมาแล้วในตอนที่ช่วยสอนนางใช้เวทเหาะเหินครั้งแรก

    “เจ้าคิดจะดูถูกข้ารึ!” โอวหยางฉีโวยวายทันที

    “อาจารย์…ศิษย์ไม่ได้ดูถูกท่าน แต่ท่านน่าจะรู้ฝีมือของตนเองดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

    ไป๋เตี๋ยมองโอวหยางฉีด้วยสายตาเอือมระอา โอวหยางฉีรู้ดีว่าตนใช้งานเวทเหาะเหินไม่ได้ แล้วยังกล้าพูดว่าจะเดินทางด้วยเวทเหาะเหินอีก แน่นอนว่าผู้เป็นอาจารย์ย่อมต้องรับรู้ได้ถึงสายตาของลูกศิษย์คนเก่งอย่างไป๋เตี๋ย บุรุษร่างใหญ่ แสดงสีหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมาโดยพลัน

    “เช่นนั้นก็เดินทางด้วยเรือเหาะก็แล้วกัน” เขาพูดขึ้น

    “เรือเหาะหรือเจ้าคะ?” น่าจะคล้ายคลึงกับเครื่องบินหรือยานเหาะที่ดวงดาวของนางใช่หรือไม่

    “ใช่ เป็นเรือเหาะ เรือเหาะใช้เวลาเดินทางรวดเร็วไม่แพ้ไปจากเวทเหาะเหิน ทั้งยังสะดวกสบายมากและไม่จำเป็นต้องใช้พลังของตนเอง”

    “ดูท่าแล้วน่าจะแพงมาก…” ทุกอย่างย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ไป๋เตี๋ยเคยขุดพบตำราเรียนของชาวแดนพรรพต เพราะเหตุนี้นางจึงค่อนข้างจะรู้เรื่องค่าเงินของที่นี่พอสมควร เรือเหาะ เพียงแค่ชื่อก็พอจะเดาได้ว่าเป็นของวิเศษที่เลิศล้ำ ราคาที่ต้องจ่ายเมื่อต้องการใช้งานคงจะแพงไม่น้อยเลย

    “เฮอะ แพงแล้วอย่างไร เจ้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าจนรึ”

    …ใช่

    ไป๋เตี๋ยไม่ได้ตอบแต่แววตาของนางฟ้องว่านางคิดเช่นนั้นเพราะตลอดเวลาที่อยู่ในป่าแห่งนี้ ไป๋เตี๋ยไม่เคยรู้สึกว่าท่านอาจารย์ของนางนั้นร่ำรวยเลย ยกตัวอย่างเช่นบุรุษชุดขาวที่นางเคยช่วยชีวิต คนผู้นั้นแม้จะมีสภาพที่ยับเยินแต่ก็ยังดูเป็นคุณชายผู้ร่ำรวย

    และอีกเรื่องที่สำคัญ หนึ่งศิลาทอง ค่าสังหารเจ้าหมีป่าตนนั้น อาจารย์ยังไม่จ่ายให้นางเลย

    “….”

     

    ไป๋เตี๋ยกับโอวหยางฉีเดินทางออกจากป่าเก้าพิษด้วยเวทเหาะเหินเมื่อไฟเริ่มลุกไหม้อีกครั้ง ความผิดปกติของป่าเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานจะถึงกำหนดเวลาที่โอวหยางฉีพูดถึงแล้ว และแม้ว่าโอวหยางฉีจะไม่ชำนาญด้านเวทเหาะเหิน แต่เขาก็พยายามจนออกมาจากป่าพร้อมกับไป๋เตี๋ยได้จนสำเร็จ

    ถึงจะช้ามากก็ตาม

    ยามนี้ทั้งสองมาถึงที่เขตของป่าชั้นนอกแล้ว บริเวณนี้ไม่มีหมู่บ้านหรือบ้านเรือน ชาวดินแดนบรรพตมักจะไม่อาศัยอยู่ใกล้ป่า เพราะภายในป่ามีตัวอันตรายอย่างอมนุษย์พวกนั้นอยู่

    “น่าจะจับม้าสักตัว แล้วขี่เข้าเมือง” โอวหยางฉีเสนอซึ่งไป๋เตี๋ยก็เห็นด้วย เพราะด้วยความเร็วในการใช้เวทเหาะเหินของท่านอาจารย์ของนางแล้ว ขี่ม้าย่อมต้องเร็วกว่าอย่างแน่นอน

    แต่จะทำอย่างไรให้ม้าไม่พยศเล่า ยามนี้พวกนางไม่ได้มีเวลาฝึกฝนพวกมันถึงเพียงนั้น

    “ม้าควบคุมไม่ง่ายในเวลาอันสั้น พวกมันอาจจะพยศนะเจ้าคะ” นางท้วง แต่โอวหยางฉีกลับยิ้มกว้าง แม้จะมีหนวดเครารุงรังบดบังแต่ก็มองเห็นได้ว่ากำลังยิ้ม

    “แม้เวทเหาะเหินอาจารย์เจ้าจะไม่ชำนาญ แต่เจ้ามั่นใจในเวทควบคุมของอาจารย์ได้”

    เวทควบคุม ควบคุมอีกฝ่ายให้อยู่ใต้อาณัติ เวทนี้ไป๋เตี๋ยกำลังฝึกฝน แต่นางยังไม่ชำนาญนัก ที่ควบคุมได้ก็มีเพียงสัตว์ป่าตัวเล็กๆ อย่างเช่นกระต่ายหรือกระรอกเท่านั้น แต่ก็ยังควบคุมได้ในระยะเวลาที่สั้นมาก

    “เช่นนั้นข้าจะตามหาม้ามาให้ท่านควบคุม” เมื่อตกลงตามนี้ ไป๋เตี๋ยก็ใช้ระบบสำรวจในการตามหาม้า

    แน่นอนว่าไม่นานนักนางก็ได้เจอกับม้าสายลมชั้นดีที่วิ่งได้รวดเร็ว โอวหยางฉีพึงพอใจในม้าตนนั้นและเริ่มใช้เวทควบคุมมันโดยเร็ว และเมื่อเสร็จสิ้นทั้งสองก็พร้อมเดินทางออกไปจากป่าเก้าพิษแห่งนี้

    โดยไป๋เตี๋ยจะใช้เวทเหาะเหินที่นางชำนาญ ส่วนโอวหยางฉีก็ใช้เวทควบคุม ควบคุมม้าสายลม แม้จะช้าไปสักเล็กน้อย แต่นี่ก็เร็วกว่าให้โอวหยางฉีใช้เวทเหาะเหินด้วยตนเอง

    และสถานที่ที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางไปก็คือ…เมืองอู๋

    เมืองอู๋ไม่ใช่เมืองที่ใกล้กับป่าเก้าพิษมากที่สุด แต่ว่าเป็นเมืองที่เรือเหาะจะจอดรับคนหรือเรียกว่าเมืองท่า

    เรือเหาะไม่ได้จอดทุกสถานที่และไม่จอดระหว่างเส้นทาง ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น และแน่นอนว่าทุกคนยอมรับได้ ไป๋เตี๋ยได้ฟังเรื่องนี้จากโอวหยางฉี ซึ่งดูท่าแล้วก่อนหน้านี้โอวหยางฉีน่าจะใช้บริการเรือเหาะอยู่เป็นประจำ

    เขายังเล่าต่อไปอีกว่า ที่แดนบรรพตไม่มีราชวงศ์ใดปกครอง มีเพียงสำนักน้อยใหญ่เท่านั้นที่ทำหน้าที่ดูแลดินแดนแห่งนี้ โดยผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของสำนักทั้งหมดก็คือสมาพันธ์กลาง

    ทั้งหมดก็เพื่อรักษาความสมดุลและควบคุมกฎเกณฑ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างสำนักขึ้น ซึ่งสำนักขุนเขาที่ตอนนี้ไป๋เตี๋ยถือว่าเป็นศิษย์ ก็คือหนึ่งในสิบสำนักใหญ่เช่นกัน

    “สำนักเรามีนักเวท นักรบและนักล่าเท่านั้น ส่วนนักหลอมนั้นไม่มี แต่เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องกฎระเบียบ สำนักขุนเขาไม่ได้เคร่งครัดถึงเพียงนั้น” นั่นเป็นคำพูดที่โอวหยางฉีบอกกับไป๋เตี๋ยเกี่ยวกับสำนักขุนเขา

    ถ้าถามไป๋เตี๋ยว่าตอนนี้นางกำลังรู้สึกเช่นไร ต้องยอมรับตรงๆ ว่าไป๋เตี๋ยนั้นกำลังรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะอีกไม่นานนางจะได้พบเจอผู้คนและได้เผชิญหน้ากับคนจำนวนมากแล้ว นางไม่ได้รู้สึกเขินอายเพียงแต่ตื่นเต้นเท่านั้นไม่รู้ว่าคนดินแดนบรรพตนั้นจะเป็นเช่นไรและใช้ชีวิตกันอย่างไร 

    ไป๋เตี๋ยนึกสงสัยในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่นเรื่องของเสื้อผ้าอาภรณ์ อาหารการกินแม้กระทั่งความเป็นอยู่ เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นการออกจากป่าครั้งแรกของนาง

    ยิ่งออกห่างจากป่าเก้าพิษมากเพียงใดความรู้สึกของไป๋เตี๋ยก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น นางหันหลังกลับไปมองสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ถึงหนึ่งปีห้าเดือน ก่อนที่นางจะลองเชื่อมต่อกับระบบนำทางดูอีกครั้ง…เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่นางได้ตัดสินใจนั้นมันถูกต้องแล้ว

    [เชื่อมต่อระบบนำทาง]

    [ติดต่อดาวแม่]

    [ระบบนำทางขัดข้อง อยู่นอกเขตสัญญาณ]

    ความรู้สึกของไป๋เตี๋ยสงบลง เมื่อมองเห็นข้อความเช่นเดิมที่ปรากฏขึ้นมาและเมื่อนางหลับตาหน้าต่างโปร่งแสงก็เลือนรางหายไป ไป๋เตี๋ยยังกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นในระหว่างนี้ นางก็จะเริ่มใช้ชีวิตอย่างเช่นคนที่นี่ดู เพื่อรอคอยวันที่ระบบนำทางจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

    รอวันที่นางได้กลับไป ยังที่ที่นางจากมา

     

     

    ###

    ได้ออกจากป่าแล้วววว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×