ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋เตี๋ย ผีเสื้อน้อยผจญภัย

    ลำดับตอนที่ #10 : ขายโอสถถอนพิษ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 65


    ขายโอสถถอนพิษ

     

    ชื่อ : ไป๋เตี๋ย เลเวล : 45

    ค่าพลังโจมตี : 1000 ค่าพลังเวท : 20 

    ค่าความว่องไว : 820 ค่าพลังป้องกัน : 800 ยอดเงิน 15870 เหรียญทอง

     

    เขาดูเจ็บปวดและทรมาณอยู่เป็นเวลานาน แต่ไป๋เตี๋ยก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งคนผู้นั้นเริ่มสงบลง ใบหน้าของเขายังคงขาวซีด หากแต่ดวงตากลับไม่แดงก่ำอีกต่อไปแล้ว เมื่อได้เห็นเช่นนั้นนี่ทำให้ไป๋เตี๋ยยิ้มออกมาในที่สุด โอสถของนางใช้กับผู้อื่นได้ผลจริงๆ 

    “นายท่าน…ดวงตา ดวงตาท่าน…” บุรุษรูปร่างกำยำพูดไม่ออก ขณะที่บุรุษอีกคนที่ร่างกายดูผอมเพรียวและปราดเปรียวรีบเข้าไปช่วยประคองคุณชายอาภรณ์ขาวผู้นั้น ก่อนที่เขาจะหันมามองหน้านางและเอ่ยคำขอบคุณอย่างจริงใจ

    “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”

    “ขอบคุณแม่นาง!” แล้วชายร่างกายกำยำก็ตั้งสติได้ เขารีบเอ่ยปากขอบคุณไป๋เตี๋ยทันทีเช่นกัน ซึ่งไป๋เตี๋ยก็ทำแค่เพียงพยักหน้ารับน้อยๆ 

    “หลังจากนี้ก็ไปให้ท่านหมอตรวจดูเสียหน่อย ข้าคิดว่าน่าจะไม่เป็นอันใดแล้ว แต่คงต้องบำรุงร่างกายให้ดี เพราะร่างกายนี้ถูกพิษทำลายไปไม่น้อยเลย” ไป๋เตี๋ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงยินดี นางยินดีที่ภารกิจของนางสำเร็จและยินดีที่ได้รู้ว่าโอสถที่นางมี สามารถนำออกมาใช้กับผู้อื่นได้เช่นกัน

    “เจ้า…ต้องการสิ่งใดตอบแทน” และเมื่อนางพูดจบ บุรุษที่ได้รับความช่วยเหลือจากนางก็ถามขึ้นมา ไป๋เตี๋ยชะงักไปเพราะนางไม่ได้คิดว่าจะได้รับสิ่งตอบแทน นางเพียงแค่ต้องทำภารกิจเท่านั้น

    “ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใด” 

    “ข้าไม่ชอบติดค้างผู้ใด” เหมือนว่าโอสถของนางจะได้ผลดีมากเลยทีเดียว เพราะตอนนี้คนตรงหน้านางสามารถพูดได้มากยิ่งขึ้นแล้ว

    “เช่นนั้นขอข้าคิดดูก่อน”

    “….”

    เมื่ออีกฝ่ายต้องการตอบแทน ไป๋เตี๋ยก็ไม่คิดจะขัดขวางเขา โอสถถอนพิษนางใช้ระบบผลิตไม่ได้เสียเหรียญทองซื้อ แต่โอสถนี้ก็ได้มาจากดอกจันทราหวนที่หายากมาก โอสถฟื้นฟูระดับสูงขายในร้านค้าเสมือนจริงเม็ดละหนึ่งร้อยเหรียญทอง เช่นนั้นไป๋เตี๋ยก็สมควรขายในราคาที่ใกล้เคียงกัน หนึ่งร้อยเหรียญทองเท่ากับหนึ่งศิลาทอง

    “เจ้าร่ำรวยหรือไม่” ไป๋เตี๋ยถามขึ้นมาตรงๆ คนผู้นี้ดูมีบารมีแม้จะเจ็บป่วยจนใบหน้าซูบซีดก็ตาม ไม่แน่ว่าอาจจะร่ำรวยก็ได้

    “ความหมายของเจ้าคือ…”

    “ข้าต้องการหินศิลาสีทอง”

    “เท่าใด?”

    “สิบก้อน” นี่เท่ากับว่านางขายโอสถในราคาเม็ดละหนึ่งพันเหรียญทองเลย หากว่าคนผู้นี้ยากจนไป๋เตี๋ยก็พร้อมจะลดราคาให้ เพราะเหตุนี้นางจึงถามว่าเขานั้นร่ำรวยหรือไม่

    “ย่อมได้”

    “ได้หรือ” อีกฝ่ายตอบกลับมาทันทีที่นางพูดจบ แทบไม่หยุดคิดเลยด้วยซ้ำ นี่ทำให้ไป๋เตี๋ยรู้สึกแปลกใจมาก แสดงว่าสัญชาตญาณของนางยังคงถูกต้อง คนผู้นี้เป็นคนรวยจริงๆ

    “แต่ข้าต้องการซื้อโอสถถอนพิษจากเจ้าเพิ่มอีกหนึ่งร้อยเม็ด” หนึ่งร้อยเม็ดเท่ากับหนึ่งพันศิลาทอง หนึ่งพันศิลาทองเท่ากับหนึ่งแสนเหรียญทอง นี่เป็นเงินจำนวนมาก! ไป๋เตี๋ยแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี เงินมากถึงเพียงนี้ นี่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตได้อย่างสบายไม่ต้องยากลำบากอีกต่อไป ดีล่ะ!

    “ได้ ข้าขายให้เจ้า” เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วไป๋เตี๋ยก็ตอบตกลง โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางเจอขวดหยกเก็บโอสถในวิหารเก่าที่ที่เดียวกับที่นางเจอตำราแพทย์ เพื่อความสะดวกในการใช้งานไป๋เตี๋ยจึงแบ่งเก็บโอสถเอาไว้ในขวดหยกขวดละสิบเม็ด เมื่อตกลงว่าจะซื้อขาย ไป๋เตี๋ยก็กำลังจะเรียกเอาโอสถออกมา เพียงแต่ว่า…

    [แจ้งเตือน สัตว์ร้ายจำนวนมากเข้าใกล้]

    “ไปที่อื่นดีหรือไม่ ที่นี่ไม่สะดวกแล้ว” สัตว์ร้ายคงจะตามกลิ่นของคาวเลือดมา หากว่ามีเพียงไม่มากไป๋เตี๋ยก็คงคิดจะจัดการด้วยตนเอง แต่ถ้าระบบแจ้งเตือนว่าเป็นสัตว์ร้ายจำนวนมาก นี่แสดงว่าต้องมากกว่าสิบตัว ไป๋เตี๋ยไม่ต้องการเสี่ยง

    เพราะตอนนี้นางไม่ได้อยู่เพียงลำพัง นางอยู่กับคนเจ็บที่แม้ว่าจะเป็นวรยุทธ์แต่ร่างกายของพวกเขาก็ดูจะอ่อนล้ามากเกินไป จนไม่น่าจะสู้ไหว ไป๋เตี๋ยไม่ต้องการห่วงหน้าพะวงหลัง นางพึ่งช่วยเหลือพวกเขาก็ไม่อยากจะให้พวกเขาต้องมาตายไป

    “ได้” ดูเหมือนคุณชายชุดขาวจะไม่ใช่คนที่เรื่องมาก เขาคุยง่ายมากจนไป๋เตี๋ยรู้สึกพึงพอใจ ด้วยความที่นางเป็นเชื้อพระวงศ์ บรรดาคุณหนูคุณชายนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเจอมาไม่น้อย แม้แต่ผู้เฒ่าบางคนที่มากด้วยอำนาจก็ยังบ้าอำนาจ หากนางไม่ใช่องค์หญิงพวกเขาคงจะไม่ก้มหัวให้

    พอได้พบเจอกับคนรวยที่นิสัยใช้ได้ ไป๋เตี๋ยก็นึกภูมิใจในตนเองมาก ที่นางเลือกช่วยคนไม่ผิด 

     

    หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินทางออกจากดงพญาไร้ใบและมุ่งตรงไปยังบริเวณน้ำตกที่ที่บุรุษทั้งสามได้หยุดพักก่อนหน้านี้ ระหว่างทางไป๋เตี๋ยคอยสังเกตสีหน้าของบุรุษชุดขาวตลอด นางอยากรู้ว่าอาการของเขาเป็นเช่นไรบ้างหลังจากที่กินโอสถฟื้นฟูไป

    โอสถฟื้นฟูที่บุรุษผู้นี้กินเป็นโอสถของคนดินแดนนี้ไม่ใช่ของนาง นางคอยสังเกตเขาและเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงขาวซีดอยู่เช่นเดิมนางก็ไม่ได้เอ่ยพูดคำใด ดูเหมือนว่าโอสถฟื้นฟูชั้นดีของที่นี่จะไม่ได้ดีเท่าใดนัก นี่อาจจะเท่ากับประสิทธิภาพของโอสถฟื้นฟูระดับต่ำของนาง ที่ต้องใช้เวลาถึงห้าชั่วยามในการฟื้นฟูร่างกาย

    และสาเหตุที่ไป๋เตี๋ยรู้ว่าโอสถที่บุรุษชุดขาวกินเข้าไปเป็นโอสถชั้นดี นั่นเป็นเพราะว่าเขารวยมาก ไป๋เตี๋ยพอจะรู้ค่าเงินของชาวดินแดนบรรพตพอสมควร ผู้ที่ยอมเสียเงินถึงสิบศิลาทองเพื่อโอสถเม็ดเดียว คงจะไม่ใช่คนที่ยากไร้ แล้วคนเช่นนี้จะซื้อโอสถที่ไม่ดีมาใช้งานหรือ ย่อมเป็นไปไม่ได้

    เดินมาได้สักพักทั้งสี่คนก็มาถึงที่น้ำตก ที่ไป๋เตี๋ยไว้ใจและยอมตามบุรุษแปลกหน้ามาง่ายๆ ไม่ใช่ว่านางไม่เป็นกังวลเรื่องความอันตราย แต่หากว่าทั้งสามคนคิดจะเล่นงานนางระบบแจ้งเตือนจะต้องปรากฏขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ไป๋เตี๋ยจึงรู้สึกว่านางยังคงปลอดภัยอยู่

    “ที่นี่ปลอดภัยแล้วขอรับ” ชายร่างกำยำพูดขึ้นมา 

    “เช่นนั้น…นี่โอสถถอนพิษของข้า หนึ่งขวดมีสิบเม็ด เจ้าลองนับดูได้” ไป๋เตี่ยเรียกโอสถออกมาจากช่องเก็บของ นางไม่กลัวว่าพวกเขาจะมองว่านางประหลาด เพราะที่ดินแดนแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่าแหวนมิติที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับช่องเก็บของของนาง

    “นี่หนึ่งพันศิลาทองขอรับ” ผู้ที่รับเอาโอสถไปคือชายรูปร่างผอมสูง โดยแลกกับศิลาทองหนึ่งพันก้อน ไป๋เตี๋ยเห็นเช่นนั้นก็ระบายยิ้มกว้างก่อนจะเก็บหินศิลาสีทองทั้งหมดเข้าไปในช่องเก็บของ

    “ขอบคุณพวกเจ้ามาก ส่วนที่เจ้ากินไปก่อนหน้านี้ไม่ต้องให้ข้าแล้ว ถือว่าข้าแถมให้” ไป๋เตี๋ยหันไปพูดกับบุรุษอาภรณ์ขาวด้วยรอยยิ้ม

    หากนับรวมโอสถที่นางมอบให้บุรุษชุดขาวไปก่อนหน้า นี่ก็เท่ากับว่านางเสียโอสถไปหนึ่งร้อยหนึ่งเม็ด เป็นหินศิลาสีทองทั้งสิ้นหนึ่งพันสิบก้อน แต่นางใจดี สิบก้อนนั้นถือว่ามอบให้เขาเป็นของแถมไป

    “…ขอบคุณขอรับ” บุรุษรูปร่างผอมเอ่ยคำขอบคุณอีกครั้ง และเมื่อการค้าจบลงไป๋เตี๋ยก็ไม่มีธุระอันใดที่ต้องอยู่กับบุรุษแปลกหน้าทั้งสามต่อ

    หากแต่นางยังไม่ทันได้จากไป ท้องฟ้าก็มืดครึ้มน่ากลัวคิดว่าอีกไม่นานฝนน่าจะตกลงมา นี่เป็นเรื่องปกติของผืนป่า ไม่ไกลจากน้ำตกมีถ้ำอยู่ ไป๋เตี๋ยตั้งใจไปหลบฝนที่นั่นก่อน แน่นอนว่าบุรุษทั้งสามเองก็ด้วย

    ไป๋เตี๋ยนั่งอยู่บนแท่นหิน หันไปมองสายฝนโปรยปรายและกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย เพราะกลิ่นของเนื้อกระต่ายย่างที่ลอยมาตามลม ตั้งแต่มาอยู่ที่ดินแดนบรรพตนี้ นอกจากผลไม้ทิพย์แล้วไป๋เตี๋ยก็ไม่ได้กินสิ่งใดอีก นี่ทำให้พอบุรุษที่หลบฝนอยู่ด้วยกันเริ่มย่างเนื้อกระต่ายจนกลิ่นหอมฟุ้ง ไป๋เตี๋ยก็รู้สึกอยากจะกินเนื้อขึ้นมา

    ช่องจัดเก็บของนางมีซากสัตว์ไม่น้อยแต่ส่วนมากเป็นสัตว์ร้าย ซึ่งพวกมันมีกลิ่นสาบที่รุนแรง ไป๋เตี๋ยไม่มีวันกินมันแน่นอน

    …อยากกิน

    ออกไปล่ากระต่ายมาให้พวกเขาย่างให้ดีหรือไม่ เพราะถ้านางย่างกินเอง ย่อมต้องไม่อร่อยเป็นแน่

    “แม่นาง…คุณชายให้นำเนื้อมาให้ขอรับ”

    “?” ไป๋เตี๋ยเงยหน้าขึ้น มองบุรุษที่กำลังส่งเนื้อย่างหอมๆ มาให้กับนาง แน่นอนว่าเมื่อเนื้อกระต่ายที่หอมกรุ่นอยู่ที่เบื้องหน้าก็ทำให้ไป๋เตี๋ยยิ้มออก นางรีบรับเนื้อกระต่ายและเอ่ยขอบคุณโดยเร็ว

    “ขอบคุณมาก…ขอบคุณเจ้า” ไป๋เตี๋ยขอบคุณชายที่นำเนื้อย่างมาให้นาง และหันไปขอบคุณบุรุษอาภรณ์ขาวผู้นั้น นางได้กินก็เพราะเขา

    ไป๋เตี๋ยทำจมูกฟุดฟิดและดมเนื้อกระต่ายด้วยความตั้งใจ อยู่ในป่าต้องห้ามท่ามกลางเลือดเนื้อทำให้นางไม่อยากอาหาร ไม่คิดว่าพอได้กลิ่นของเนื้อกระต่ายย่าง ความอยากอาหารที่เคยคิดว่าไม่มีอยู่แล้วก็ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ไป๋เตี๋ยหลับตาพริ้ม ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและกัดเข้าไปที่เนื้อกระต่ายในมือ

    ง่ำ!

    อร่อยยิ่ง!

    ดวงตาของนางแพรวพราว ก่อนหันไปมองบุรุษผู้ย่างเนื้อกระต่ายด้วยความนับถือ ทั้งๆ ที่มันสมควรจะเหนียวกลับไม่เหนียว ที่สำคัญยังนุ่มมาก บอกได้ทันทีว่าคนที่ย่างเนื้อกระต่ายนี้มีเป็นคนมีฝีมือ

    “อร่อยมาก! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้กินเนื้อกระต่ายย่างที่อร่อยถึงเพียงนี้” ไป๋เตี๋ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม นี่เป็นครั้งแรกที่นางกินเนื้อกระต่าย และความประทับใจแรกของนางก็ดีมาก จนทำให้นึกอยากจะกินอีก

    “ขอบคุณขอรับแม่นาง…”

    “ข้าชื่อไป๋เตี๋ย” เมื่อพูดจบไป๋เตี๋ยก็ชะงัก นางเผลอบอกชื่อของนางกับคนตรงหน้าไป ทั้งๆ ที่จะไม่เปิดเผยตัวตนกับผู้ใด เพราะไป๋เตี๋ยคิดว่าอีกไม่นานนางก็จะเดินทางกลับดวงดาวแล้ว ไป๋เตี๋ยคิดว่าคนที่นี่ไม่จำเป็นต้องรู้จักนาง 

    ต้องโทษความอร่อยของเนื้อกระต่าย ที่ทำให้นางหลงลืมสิ่งที่ตั้งใจในตอนแรกไป

    “ขอบคุณขอรับแม่นางไป๋” บุรุษผู้ย่างเนื้อกระต่ายเอ่ยขอบคุณนางอีกครั้ง เอาเถอะ…อย่างไรก็บอกไปแล้ว

    ไป๋เตี๋ยถอนหายใจและนั่งกินเนื้อกระต่ายจนหมด ไม่นานหลังจากนั้นฝนก็หยุดลง ไป๋เตี๋ยมองฟ้าหลังฝนที่งดงามก่อนจะขยับกายลุกขึ้นยืน และหันไปมองบุรุษแปลกหน้าทั้งสาม นางยังไม่รู้ชื่อพวกเขาเพราะไม่ได้ถาม แต่อย่างไรนางก็คงจะไม่ลืมเลือนพวกเขาแน่นอน

    คนกลุ่มแรกที่นางได้พูดคุยด้วย นับตั้งแต่ที่มาเยือนดินแดนนี้

    “ข้าคงต้องไปแล้ว ขอตัว” นางพูดขึ้นและหันหลังเดินจากมา พวกเขาไม่ได้เอ่ยรั้งนางไว้เพียงบอกลาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น ผู้ที่นางสนทนาด้วยส่วนมากคือบุรุษที่รูปร่างผอมสูงคนย่างเนื้อผู้นั้น ส่วนบุรุษอีกสองคนไป๋เตี๋ยไม่ได้พูดด้วยนัก เพราะพวกเขาไม่ได้พูดกับนาง 

    ไป๋เตี๋ยเดินออกมาจากถ้ำทันทีและมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่สีทองที่ปรากฏอยู่ในแผนที่ไม่ไกลไปจากถ้ำแห่งนี้เท่าใด…หวังว่านางจะได้พบเจอกับของดี ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ป่าอาถรรพ์ แต่ไป๋เตี๋ยเชื่อว่า สมบัติที่ล้ำค่า บางครั้งก็มักจะถูกวางเอาไว้ในสถานที่ที่เรียบง่ายได้เช่นกัน

    อยู่ที่ว่าวันนี้นางจะดวงดีหรือไม่

     

     

    ###

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×