ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แล้วเราก็ได้เจอกันซะที(จบตอนแล้วครับ)
“พี่มาอิทางนี้เร็วทางนี้  มาเอะเห็นป้ายบอกทางไปร้านขายของที่ระลึกกับร้านคอฟฟี่ช๊อบเมื่อกี่นี้ล่ะ  เดี๋ยวเราไปหาซื้อของฝาก แล้วก็หาอะไรอร่อยๆทานรองท้องกันก่อนดีกว่า”
สาวน้อยจอมโวยประจำครอบครัวร้องชวนพี่สาวพลางฉุดมือลากพี่สาวออกจากห้องทันทีที่วางสัมภาระที่นำมาแตะพื้นห้องพักระดับโฮมสวีทที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ต้อนรับ
“เดี๋ยวก่อนมาเอะ มาอิ อย่าพึงไป เฮ! มาเอะ”
เสียงบิดาของสองสาวดังตามหลังแต่หากสาวเจ้าได้ยินกลับทำหูทวนลม    แถมยิ่งเพิ่มฝีเท้าของตนฉุดพี่สาวหายลับไปไกล
“หึๆ”
“อารมณ์ดีจังนะคุณ”
โกโบริหันมาเจอภรรยาตนหัวเราะอยู่คนเดียวพลางมองไปทางเดียวกับตน
“แหมท่าทางคุณจะเสียท่า  พลาดโอกาสสำเร็จโทษลูกสาวจอมดื้อของเราไปแล้วสิ”
“คุณนี้น่ะ  เพราะคุณมัวแต่โอ้ แถมให้ท้ายเรื้อยเลยนะสิ  ลูกสาวคนเล็กเราเลยดื้อ  สั่งสอนไม่ยอมเชื่อซะทีอย่างนี้ละ”
มาลียิ้มนิดๆให้กับสามีก่อนตอบว่า
“เอาน่าคุณ  ยังไงคราวนี้เราก็มาพักผ่อนกันนะ      มีเรื่องอะไรไว้เรากลับไปบ้านแล้ว  จะไปลงโทษกับลูกยังไงก็ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ  ตอนนี้มันเวลามีความสุข  เราก็ควรสุขให้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ”
ผู้สามีได้ยินดังนั้นก็พลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า
“ผมสังหรณ์ใจนะสิ  ว่างานนี้ลูกสาวตัวยุ่งเรา  จะสร้างความยุ่งไม่เลิกมากกว่า”
.
“ลูกพี่ครับลูกพี่  รอพวกผมด้วยสิครับ”
เสียงลูกน้องสองคู่หูคู่ชีพหนุ่มนักกล้ามนามเคลวินร้องพลางวิ่งไล่ตามลูกพี่ออกมาที่สวนที่เกิดเหตุแห่งเดิม
“อุ๊บ!”
เสียงเบรกของสองคู่หูดังขึ้น  หลังจากเบรกเท้าที่วิ่งตามนายของตนมา  ทำให้เกือบเสียหลักหัวทิ่มหัวตำกันทั้งคู่  เมื่อเจ้านายนักกล้ามของตนเดินไปหยุดยืนก้มหน้ากอดอกทำเก๊กเท่อยู่ชายหาดที่ติดหลังสวน
“หือๆๆ”
เสียงร้องงึมงำดังมาให้สองลูกน้องได้ยิน  พร้อมหยาดน้ำตาเล็กๆที่หยดลงสู่ท่อนแขน 
“ใช่สิเพราะเรามันลูกไม่มีแม่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้เพราะเราๆ  หือๆ...  ถ้าแม่ยังอยู่ละเราก็คงไม่ต้องมาถูกพ่อดุขนาดนี้    เราก็แค่อยากได้รับความอบอุ่นจากผู้หญิงเพศแม่เท่านั้นเอง  ทำไมนะทำไม  พ่อเราต้องโกรธขนาดสั่งยกเลิกงานปาร์ตี้  ต้อนรับปีใหม่ที่นัดไว้กับเพื่อนๆพรุ่งนี้ด้วย
ไอ้เราก็แค่เข้าไปหลี่หญิงนิดๆหน่อยๆตามประสาชายหนุ่มโสด  ใส  หน้าตาหล่อเหล่านิดหน่อยเท่านั้น  ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะไปเจอเจ้าของโรงแรมเจ้านายพ่อเราได้”
รำพึงรำพันไปงึมงำตามเรื่องตามราวในโลกของตนเองเพ้อไปเรื้อย  จนลูกน้องทั้งสองของตนชักเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่านายตนอาจจะถูกพ่อของตนด่าจนสติหลุดลอยออกจากร่าง  หากก่อนที่ลูกน้องทั้งสองจะเริ่มคิดเลยเทิดไปไกลเช่นเดียวกับนายตน  พลันชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำท่าทางฮึดขึ้น  เชิดหน้า  กำมือ  แสดงท่าทางมุ่งมั่น
“เฮอะ  ดีละในเมื่อมันเป็นแบบนี้  ต่อไปเราจะไม่สนผู้หญิงที่ไหนอีกแล้ว  เราจะต้องตั้งมั่น  เข้มแข็ง  ไม่ยอมให้สาวใดมายั่วยวน  นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว  ลาก่อนนะสาวๆทั้งหลาย  น้อง  จิบ  น้องเชอรี่  น้องวาย  น้องจอย  น้อง...”
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะร่ายยาวชื่อสาวๆได้หมด  หูอันรวดเร็วต่อเสียงสาวๆก็แววเสียงใสๆของสาวน้อยนางหนึ่ง
“พี่มาอิๆ ทางนี้เร็วๆ สวนริมชายหาดทางนี้ซ้วยสวยล่ะ  มาเร็วๆ”
สาวน้อยแก้วชมพูผมบอบสั้นดูหน้ารักวิ่งนำหน้าพี่สาวแสนสวยอีกคนที่ถูกน้องกึ่งฉุด กึ่งลากออกมายังสวนริมหาดแห่งนี้    ฉับพลันลูกน้องตัวดีทั้งสองของเจ้าหนุ่มนักกล้ามก็เห็นเจ้านายหนุ่มยืนตะลึงอึ่งค้าง  ไม่ต่างจากตอนที่เห็นสาวสวยผมยาวสลวยผู้อัดทั้งเจ้านายลูกน้องน๊อคคาพื้นทรายชายหาดมาแล้วไม่นานมานี้  แต่จะว่าไปแล้วเจ้านายนของเขาก็เป็นอย่างนี้ทุกทีซิละ  เวลาได้เห็นสาวๆสวยๆทีไร
“โอ้นางฟ้าจุติมาจากสรวงปวงเทวา  ในทีสุดฟ้าก็ไม่ทอดทิ้งสาวหนุ่มนางสงสารคนนี้  ที่รักจ๋าเคลเวนมาแล้วจ๋า”
แล้วชายหนุ่มก็ลืมสัญญาที่พร่ำรำพันกับตนเองอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีนี้ไปจนสิ้น  ถลาเข้าไปหานางฟ้าทั้งสองทันใด  ท่ามกลางความตกใจของลูกน้องที่ได้แต่คิดว่า  ไหงเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังหว่าเจ้านายข้าน้อยเนี่ย!
“พี่มาอิเร็วๆสิทางนี้ๆ ...ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีที่ให้ยืดเส้น  ยืดสายอย่างนี้  ทั้งวันเดียวก็นั่งเครื่องบิน  เดียวก็นั่งรถ  โอ๊ย  มาเอะละแสนจะเบื่อ”
มาอิเมื่อเดินมายืนอยู่กลางสวนมองน้องสาวตัวดีวิ่งเล่นในสวนดอกไม้เป็นเด็กๆตัวเล็กๆ  ก็ได้แต่ยืนยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องมากลบเกลื่อนเลยเรา  ไหนเมื่อกี่นี้ว่าจะมาหาซื้ออะไรทานที่คอปฟี่ช๊อปไงละ  พี่รู้นะว่าเรานะยังไม่หิวหรอก  แต่แค่อยากหาทางแอบลี้ภัยออกมาจากห้องก่อน  เพราะกลัวคุณพ่อจะดุเอาในคดีใหม่วันนี้อีกใช่ไหมละ  แม่น้องสาวตัวดี”
“แหม่ๆคุณพี่สาวแสนสวย  รวยความฉลาด  เก่งงานทุกรูปแบบของคุณน้องนี้ดีจังเลย  รู้ใจน้องสาวผู้น่ารักคนนี้ไปโม้ดเลย”
น้องสาวตัวดีหันมายิ้มแยกเขี้ยวโชว์ฟังขาวกับเขี้ยวเล็กๆดูน่ารักให้กับพี่สาวของตน  หลังจากถูกจับได้ถึงเจตนาที่แท้จริง  แต่ก่อนที่บทสนทนาประสาพี่น้องของสองสาวจะได้ดำเนินต่อ  ผู้ที่พร้ำรำพันอยู่เมื่อไม่นานนี้ว่าจะไม่สนใจผู้หญิงอีก  ก็โผล่พรวดมาขัดบรรยายกาศประสาพี่น้อง
“สวัสดีครับน้องสาวคนสวย”
ชายหนุ่มที่ประกาศปาวๆว่าจะไม่สนผู้หญิงอีกแล้ว  กลับปรากฏตัวมาด้วยมาดที่คิดว่าเท่ที่สุดแล้ว  มือข้างซ้ายยังคงกอดอก  หากแต่อีกข้างถือไว้ด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่ง  ที่พึ่งไปเด็ดมาสดๆร้อนๆ
“ผมชื่อเคลวินครับ  เป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้  ยินดีที่รู้จักครับ  พวกคุณคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักที่นี้สินะครับ  ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองชื่ออะไรกันเหรอครับ”
พี่น้องสองสาวได้แต่อึ่งๆกับการจู่โจมอย่างรวดเร็วไม่ให้ได้ตั้งตัวของชายหนุ่มนักกล้ามเจ้าสำอางรายนี้ 
“คือดิฉัน...”
หากก่อนที่มาอิจะกล่าวอะไรกับชายหนุ่ม  มาเอะก็ชิ่งเอ่ยตัดขึ้นก่อนพรางแอบส่งสายตาเป็นทำนองว่า  พี่ไม่ต้องหนูจัดการเองให้กับมาอิ
“ค่ะ  สวัสดีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ  ดิฉันกับพี่สาวมาพักผ่อนกับครอบครัวในวันหยุดปีใหม่นะค่ะ”
รีบบอกว่ามากับครอบครัวทันใดเพื่อจะกันชายหนุ่มตรงหน้าไปไกลๆจากตนเองและพี่สาวแต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ผล  เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายาม
“เหรอครับ  แล้วจะพักอยู่นานไหมครับ  ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องที่พัก  หรือทางโรงแรมต้อนรับพวกคุณขาดตกบกพร่องอะไรละก็  บอกผมได้เลยนะครับ  ผมจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง  ตามที่คุณต้องการเลยละครับ อ้อ  ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนละก็บอกผมได้เลยนะครับ  ผมคนนี้พร้อมที่จะรับใช้เสมอ  บริการเต็มที่สำหรับคุณคนสวยทั้งสองครับ”
เมื่อเห็นว่าการบอกว่าตนและน้องสาวมากับครอบครัว  ไม่ได้มาตามลำพังสองพี่น้องแล้ว  ยังไม่สามารถกันชายหนุ่มให้ไปให้พ้นๆได้  แถมสายตาที่มองไปยังตนเอง  ยังส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้อีก  จึงจำต้องลงมือเองและเริ่มใช้มาตรการขั้นที่สองทันใด
“ขอบคุณ  คุณเคลวินมากนะคะ  แต่จะว่าไปแล้วความจริงคราวนี้  คุณพ่อของดิฉันมาเพื่อติดต่อธุรกิจกับทางP.V.G. ที่โรงแรมนี้ละคะ  เลยคิดว่าคงไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ  หรือถ้าจะไปละก็ทาง P.V.G.คงจะจัดรายการทัวร์ไว้ให้เราแล้วละคะ  คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกนะคะ”
นึกว่าจะคิดได้แล้วว่าสาวเจ้าไม่เล่นด้วย  แต่เจ้าหนุ่มยังคงท่าทางความรู้สึกช้าตอแยไม่เลิก
“โอ้  ถ้างั้นก็ดีเลยสิครับ  เดียวผมจะไปเช็คให้นะครับ  ว่าทาง P.V.G. ของเราได้จัดรายการท่องเที่ยวอะไรไว้ต้อนรับคุณบ้าง  ผมจะได้ตามไปคอยดูแลพวกคุณตลอดรายการเลยยังไงละครับ”
มาอิเริ่มปวดหัวขึ้นทันใดเมื่อเจอชายหนุ่มจอมตื้อคนนี้  ในใจของตนคิดว่าถ้าเป็นเป็นที่ญี่ปุ่นบ้านตนละก็คงได้ตะหวาดให้กระเจิงรู้ฤทธิ์แม่ไปแล้ว    แต่ที่นี้มันดันไม่ใช่ที่ของเราซะนี้  แถมเจ้าหนุ่มนี้ยังออกตัวก่อนด้วยว่าเป็นลูกผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม  ไม่รู้ว่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน  หรือแค่แอบอ้างเพื่อหาทางจีบหญิงก็ไม่อาจจะทราบได้  หากด้วยความที่วันนี้ทั้งวันน้องสาวของหล่อนนั้น  ได้ทำเรื่องให้ปวดเศียรเวียนเกล้ากับบิดาของหล่อนมาแล้ว  ด้วยคู่กรณีที่เป็นถึงพี่ชายเจ้าของบริษัทคู่ค้าของตน 
ตอนนี้หล่อนจะไปเพิ่มปัญหาอีกก็ใช่ที่    ด้วยเหตุนี้เมื่อหญิงสาวเห็นกิริยากัดฟันกรอดๆของน้องสาวผู้ไม่เคยยอมใครของตน  จึงรู้ได้ในทันทีว่า  ถึงเวลาที่จะใช้มาตรการสุดท้ายคือหลบลี้หนีหน้าชายหนุ่มไปให้ไกลแล้ว  ก่อนที่น้องสาวของตนจะระเบิดอารมณ์ออกมา  หรือไม่ก็หล่อนเองนั้นละที่อาจจะอดใจไม่ไหวเล่นงานเจ้าตัวกวนซะเอง
“อุ้ย!  ขอโทษนะคะ  ดูเหมือนจะได้เวลาที่ดิฉันกับน้องต้องกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวลงมางานเลี้ยงแล้วละคะ  เดียวเตรียมตัวไม่ทัน ขอตัวก่อนนะคะ”
กล่าวเสร็จก็ฉุดดึงน้อยสาวที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูชายหนุ่มให้รู้แล้วรู้รอดโทษฐานมารบกวนความสุขออกจากที่เกิดเหตุทันใด 
“เดียวสิครับคนสวย”
ชายหนุ่มรีบก้าวมาดักทางเดินข้างหน้าทันใด  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะเดินหนีไป
“มีอะไรอีกละคะ” เริ่มขึ้นเสียงนิดๆด้วยความหงุดหงิดใจ
“คุณทั้งสองคนยังไม่ได้บอกชื่อกับผมเลยนี้ครับ  แล้วไม่ทราบว่าคุณพักอยู่ที่ห้องไหนครับ  ผมอยากจะทราบเอาไว้”
“ขอโทษนะคะเรากำลังรีบ  เอาไว้เจอกันใหม่นะคะ”
มาเอะที่ทนไม่ไหวกระชากเสียงกล่าวแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้ามาอิหลบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไปทางด้านข้าง  แต่ชายหนุ่มผู้มีความดัน(ทุรัง)สูง ก็ยังไม่ยอมแพ้  โบกมือเรียกให้ลูกน้องทั้งสองก้าวมาขวางไว้อีก
“ท่าทางคุณจะรีบมากนะครับ  งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน  เดียวเรากลับไปห้องคุณพร้อมกันนะครับ ให้ผมไปส่งคุณ  เราจะได้เดินไป  คุยไปกระหนุงกระนิงตลอดทางยังไงละครับ”
พูดไม่พูดเปล่าแถมยังยื่นมือมาจับเอามือหญิงสาวคนพี่อย่างถือวิสาสะ  ไม่เข็ดไม่จำกับการโดนอัดคราวที่แล้ว
“กรุณาปล่อยมือดิฉันเดียวนี้นะคะ”  มาอิกล่าวพลางพยายามดึงมือออกจากมือที่ยืนมาจับ  หากชายหนุ่มก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมืออีกนั้นละ  ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ไม่กี่วินาที  ชายหนุ่มนามเคลวินก็ต้องได้รับบาดเจ็บอีกครั้งเมื่อ
เพี้ย! บึก!
เสียงแรกเป็นเสียงฝามือของมาอิที่เข้ากระทบหน้าชายหนุ่มนามเคลวิน  ให้สะบัดหันไปตามแรงตบ  ส่วนอีกหนึ่งเป็นเสียงเท้าเข้ากระทบกลางเป้ากางเกงของเจ้าลูกน้องผู้เคราะห์ร้ายอีกรายที่ดันไปยืนขวางทางแม่สาวน้อยสุดซ่านามมาเอะ
“เฮ้ย!  แกยัยพวกบ้ากล้าทำลูกพี่ฉันเหรอ”
เจ้าลูกน้องอีกคนที่ยังไม่ถูกจัดการถลาเข้ามาขวางสาวสวยทั้งสองที่กำลังจะอาศัยช่วงที่เจ้านายลูกน้องหนึ่งครวญครางหน้าเขียวเมื่อถูกโจมตีจุดตาย  กับอีกหนึ่งเจ้านายที่ยังร้องโวยวายห่วงใบหน้าที่หล่อเหลา(ในความคิดของตน)ว่าจะเสียโฉม
แต่ก่อนที่เจ้าลูกน้องคนสุดท้ายจะย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างของสองสาวนั้นเอง  มันก็ต้องได้พบว่า  ผู้ที่ต้องได้รับเคราะห์หนักที่สุดซ้ำสองในวันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวมันเองต่างหาก  เมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ  ที่มาขัดจังหวะ  แต่ผมว่าเรามาพูดจากันดีๆดีกว่านะครับ”
เสียงกังวานใสอันคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลังของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้าย  น่าสงสารที่นอกจากมันจะไม่ยังคิดเลยว่าเสียงอันคุ้นหูนั้นเป็นของใครแล้ว    ยังหันกลับสะบัดมือเข้าใส่ที่มาของเสียงโทษฐานที่บังอาจเข้ามาขวางการเล่นงานหญิงสาวของมัน
“อย่างยุ่งน่า  คนเขาจะตีกันโว้ย”
หมับ!
หา!
หมัดที่เหวี่ยงไปนั้นนอกจากจะไร้ผลแล้ว  กลับถูกรับไว้ได้อีกครั้ง  ด้วยมือคู่งามคู่เดิมที่เคยส่งมันหัวทิ่มหมอบราบคาบมาแล้วครั้งหนึ่ง  และบัดนี้ดูท่าทางว่ามันจะโชคดีได้รับรู้ความร้ายกาจของมืออ่อนนุ่มหากแต่แข็งแกร่งของหญิงสาวผมยาวสลวยอีกครั้งแล้ว
“ เฮ่ย!...ดูท่าพวกคุณนี้จะไม่เคยรู้จักราบจักจำบางเลยนะ”
ชายหนุ่มหน้าหวานใสดุจหญิงสาวก็ไม่ปานคู่กรณีเดิมเมื่อเช้านี้  กลับยืนส่งรอยยิ้มยันนิดๆที่มุมปากมาให้อีกครั้ง  ก่อนที่โลกทั้งโลกสำหรับเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายที่สุดจะหมุนคว้างโดยฉับพลัน  ด้วยมือของหญิงสาวนามวารี  ส่งร่างของมันลอยละลิ่มปลิวไปตกลงพุ่มไม้พุ่มเดิมที่มันเคยถูกส่งไปน๊อคเมื่อเช้านี้!
................................
มาอิจ้องมองไปยังร่างของผู้มาใหม่ทั้งสอง  ที่หนึ่งในสองนั้นได้แสดงฝีมืออันรวดเร็วจนไม่อาจมองตามทันได้  ส่งร่างของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายลอยละลิ่วปลิวไปไกล แค่พียงพลิกฝ่ามือจริงๆ อันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดจากฝีมือของ  หญิงสาวผิวขาวเนียปานหยวกกล้วย ผมยาวสลวยเป็นมันวาวลงถึงเอว สดสวยราวเทพธิดาที่แม้แต่ตนเองที่เป็นหญิงเช่นกัน  ยังมิอาจจะปฎิเสธได้ว่า  ตนรู้สึกชื่นชมในความงามของหญิงสาวตนหน้าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ที่สะดุดตาหล่อนที่สุดกลับเป็นคนอีกผู้หนึ่ง  ที่เอื่อเอ่ยวาจาเพื่อช่วยเหลือหล่อนเป็นคนแรก  ที่มาอิบอกกับตัวเองว่า น่าจะอายุไม่เกิน15-16 ปี พอๆกับน้องสาวของหล่อน  เรือนร่างที่ผอมบางใบหน้าขาวใสนวนเนียนไม่แพ้หญิงสาวคนแรก สวมไว้ด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีเดียวกันดูสะอาดตา  ประกอบกับผมสีน้ำตาลแดงที่ตัดสั้นรับกับใบหน้าช่วยขับเน้นดวงหน้า  และแม้ว่าดวงหน้าดังกล่าวจะขาวใสจนดูซีดเซียวไปบ้างหากเทียบกับหญิงสาวคนแรก  แต่ดวงหน้าดังกล่าวกลับไม่ได้ลดทอนความน่ามองลงเลย
ถ้าจะให้เทียบความงามกันแล้วหญิงสาวรายแรกนั่นหล่อนกล้าที่จะเอ่ยได้เลยว่างดงามราวเทพธิดาจุติเลยก็ว่าได้  แต่ที่น่ามองมากกว่ากลับเป็นบุคคลหลัง  ที่แม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่ามีความงดงามเทียบเท่าหญิงสาวรายแรก  หากบุคคลดังกล่าวกลับดูน่ารัก นาทะนุถนอม  ชวนให้ผู้พบเห็นเข้าไปปกป้อง  คุ้มครอง
“หวังว่าคุณคงจะเข้าใจที่ผมพูดนะครับ”
“คะ...ครับ”
เสียงเริ่มสั่นเครือด้วยความหวาดๆในใจลึกๆ  หากแต่ก่อนที่หัวใจของชายหนุ่มจะหยุดเต้น  เพราะถูกสายตาที่แหลมคมยิ่งกว่าคมมีดของผู้มาใหม่เข้าทิ่มแทงใจของตน  เด็กหนุ่มหน้าหวานหากสามารถสร้างความหวาดเกรงให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อก็พลันเปลี่ยนสายตาเป็นยิ้มนิดๆพร้อมแย้มยิ้มที่มุมปากตามนิสัยของตนว่า
“หึ...คุณเข้าใจได้แล้วอย่างนี้ผมก็เบาใจ  เพียงแต่..”
รอยยิ้มจากธรรมดาเริ่มแฝงรอยเย้อหยันพร้อมแววตาที่ออกจะพูดได้ว่า  ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด!
“ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรจะต้องรีบไปพบคุณพ่อดีกว่านะครับ    เพราะผมเชื่อแน่ว่าคุณพ่อของคุณคงมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับคุณแน่ๆ”
“เรื่อง..เรื่องอะไรเหรอ...คะครับ”
“หึ...ไปแล้วก็คงรู้เองละครับว่าเรื่องอะไร  จะว่าไปแล้วจริงๆตอนนี้คุณพ่อคุณก็คงยังไม่รู้หรอกว่า  อยากจะคุยกับคุณเรื่องอะไร  นอกจากเรื่องเมื่อเช้านี้    แต่เชื่อเถอะครับว่าพอคุณไปถึง  คุณพ่อของคุณคงมีเรื่องใหม่ๆนั่งจับเข่าคุยกับคุณแน่ๆ”
“ครับ”
“อย่ามั่วแต่ครับๆซิครับ  รีบไปได้แล้วนะครับ”
“ครับ”
รับคำ คำสุดท้ายเคลวินก็รีบก้มหน้าก้มตาจากไปตามข้อแนะนำที่น่าจะเรียกว่าคำสั่งมากกว่าของวายุ  ส่วนเจ้าลูกน้องทั้งสองก็ต้องรีบทนความเจ็บปวดที่ได้รับลุกมาพยุงกันและกันตามลูกพี่ไปอย่างทุลักทุเลพลางแอบมองวารีด้วยสายตาหวาดๆก่อนเดินจากไป
.
“ขอโทษนะครับ  หวังว่าพวกคุณคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนะครับ”
เด็กหนุ่มหน้าหวานใสหันกลับมาถามสองสาวพี่น้องผู้ถูกลวนลามและยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดแบบอึ่งๆอยู่ป่นตกใจนิดๆอยู่
“สุ..สุดยอดเลยพี่สาว!”
มาเอะน้องสาวผู้ซึ้งรู้สึกตัวจากอาการอึ่งก่อนพี่สาวร้องเสียงหลงพรางวิ่งมาจับมือสาวผมยาวสลวยผู้มาช่วยจัดการเจ้าตัวร้ายทั้งสาม   
“ทำได้ไงอะ  ทำได้ไง  ซัดทีเดียวเจ้านั้นกระเด็นปลิวไปไกลเลย”
“มาเอะ!”
มาอิที่พึ่งรู้สึกตัวตามน้องสาว  รีบร้องทักน้องสาวตัวดีที่ร้องกรี๊ดกราดเขย่ามือสาวสวยผมยาวอยู่อย่างดุเดือด 
“แหมพี่มาอิอะ”
มาเอะค่อนขอดพี่สาวนิดๆก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาวผมยาวตรงหน้า
“เอ่อ  ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย”
พี่สาวที่หลังจากร้องทักน้องสาวเสร็จก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าสมควรต้องกลับมาเจรจาปราศัยขอบคุณผู้ที่มาช่วยตนกันซะก่อน
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับว่าพวกคุณเป็นอะไรกันบ้างไหมครับ”
คนถามยิ้มบางๆให้กับหญิงสาวที่มุมปาก  ช่วยขับเน้นให้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับยิ่งสะดุดตาน่าชวนมองเข้าไปอีก
“เอ่ย  คือดิฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกคะ  ส่วนน้องสาวดิฉัน...”
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกพี่มาอิ  สบายมากๆ”
น้องสาวชิงตอบเองแถมยังทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ให้ดูอีก  พาให้พี่สาวที่มาด้วยทำน่าไม่ถูก  ระหว่างท่าทางยิ้มเอ็นดูน้องสาว  กับเขยอายในกิริยาท่าทางม้าดีดกะโหลกของน้องสาวตนเอง  ที่แสดงออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น  ส่วนผู้ที่ถามอาการบาดเจ็บของทั้งสองได้แต่เพียงยิ้มเอ็นดูในความไรเดียงสาของเด็กสาว
“พวกคุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วละครับ”
“นี่ๆพี่สาวยังไม่ได้บอกเลยว่า  ทำยังไงพี่ถึงได้เก่งขนาดจัดการเจ้าพวกนั้นได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอย่างนั้นละ”
ผู้ถูกถามได้แต่ยิ้มให้เด็กสาวโดยผู้ตอบกลับเป็นคู่สนทนากับมาอิเป็นผู้ตอบแทนหญิงสาวผมยาวสลวย
“พอดีวารีเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนี้นะครับ”
คำตอบไม่ได้ช่วยให้มาเอะเข้าใจอะไรมากนัก  แต่ก่อนที่สาวน้อยจะเอ่ยคำถามใดเพิ่มมาอีก  มาอิที่นิ่งเงียบฟังน้องสาวคุยจ้อก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“ดิฉันขอขอบคุณพวกคุณมากนะคะที่มาช่วยดิฉันกับน้อง  แต่จะไม่เป็นอะไรเหรอจ๊ะที่พวกคุณไปทำร้ายพวกเขาขนาดนั้น  เห็นผู้ชายคนที่กล้ามใหญ่ๆท่าทางเป็นหัวหน้านั้นพูดไว้ว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้ด้วยสิคะ”
“โธ่! พี่มาอิไปเชื่อพวกมันได้  พวกนั้นนะดูท่าทางจะโม้ซะมากกว่า  เมื่อกี่นี้ยังทำท่ากลัวลนลานวิ่งหนีไปเลย  ไม่เก่งหรองหรอก  มาเอะว่า”
“อ้อ  เขาบอกเหรอครับว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม”
“ใช่ค่ะ”
มาอิรับคำพร้อมยิ้มตอบบุคคลตรงหน้าที่หล่อนคาดการว่าน่าจะอายุพอๆกับน้องสาวของตน  แต่เรื่องนิสัยและมารยาทนี้สิ  ต่างกันริบเลย
“ฉันว่ายังไงก็โม้แน่ๆใช่ไหมละ”
มาเอะยังเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มที่  แต่ต้องมาตกใจกับคำกล่าวของผู้มาช่วยที่ยิ้มรับคำพูดหล่อนอีกครั้ง  แต่กลับตอบว่า
“ก็ไม่ผิดนี้ครับ  เขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้จริงๆ  ถึงได้วางกล้ามเคื่องใหญ่โตแบบนี้ไงครับ”
“หา! ตานั้นเป็นลูกชายเจ้าของที่นี้จริงๆเหรอ  แล้วแบบนี้พวกเธอจะไม่กลัวเหรอ  ที่ไปอัดพวกนั้นเข้านะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ  คือความจริงแล้วพวกผมรู้จัก  แล้วก็สนิทกับคุณพ่อของเขาที่เป็นผู้จัดการโรงแรมนี้อยู่นะครับ  เขาถึงกลัวแล้วก็ยอมลามือไปยังไงละครับ”
คนตอบ ตอบแบบซ่อนรอยยิ้มนิดๆที่แฝงอยู่ในดวงตา ก็แหม่เขาไม่ได้โกหกอะไรนี้ เขาก็รู้จักและก็สนิทกับผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้จริงๆ หากแต่ไม่ได้แค่นั้นว่ารู้จักกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างแค่นั้นเอง!
“เหรอมิน่าละพวกนั้นถึงได้ทำท่ากลัวล้นลานพอเจอพวกเธอเข้า  คนกลัวพวกเธอไปแฉนิสัยเลวๆของตัวเองให้พ่อรู้ละซิ”
“พูดให้เพราะๆหน่อยสิจ๊ะมาเอะ”
คำพูดของสาวน้อยหวนและออกรสออกชาติซะจนพี่สาวต้องคอยปรามให้รู้ตัวว่า  กำลังสนทนากับคนเพิ่งรู้จัก  แม้จะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยตนก็ตาม
“แม้พี่มาอิ  ไม่เห็นต้องมารยาทมากก็ได้มั้ง    แล้วเธอก็ท่าทางอายุพอๆกับหนูเลยนี้  เป็นเพื่อนกันดีกว่ามานั้งพูดคะขา  มารยาทมากมายแบบผู้ใหญ่เขาก็ได้”
คนถูกเอ่ยถึงตรงหน้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของมาเอะพลางหันไปยิ้มกับหญิงสาวผมยาวสลวยที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังตน  แต่ต้องรีบหันกลับมาเมื่อสาวน้อยจอมซนเอ่ยหันมาถามเขาต่อในคำถามที่มาอิเองก็สงสัยเช่นเดียวกับน้องสาวของตนว่า
“นี้ๆเธอนะ ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี่แล้วว่าทำไมเธอใช้คำแทนตัวเองว่าผมตลอดเลยละ”
“หึ” คำตอบคือรอบยิ้มที่มุมปากอีกครั้งและ..
“ก็ไม่แปลกนี้ครับในเมื่อ...ผมเป็นผู้ชายนี้ครับ”
“หา!..ผู้ชายเหรอ!”
“ทำไมละครับ  ผมเป็นผู้ชายไม่ได้เหรอยังไงกัน”
ตอบแบบเคยชินเพราะว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงและแน่นอนที่ว่าครั้งนี้ก็คงไม่ใช้ครั้งสุดท้ายด้วย
“ผู้ชายอะไรกัน  หน้าตาขาวผ่องจิ้มลิ้ม หน้ารักกว่าฉันอีก ฉันไม่เชื่อหรอก...โกหกใช่ม้า!”
คนถามยังคงไม่เชื่อถือในคำตอบแถมเพิ่มปริมาณความดังของเสียงขึ้นอีก
“เฮ่ย!” ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจก็อย่างที่ว่าละนะโดนแบบนี้มาหลายที่แล้วนี้ก็คงต้องมีเซ็งกันบ้าง
“แหม!...ต้องขอขอบคุณนะครับที่ชม  แต่ว่าเชื่อเถอะครับว่าผมเป็นผู้ชายจริงๆ  แล้วผมเองก็ยังไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนเพศด้วย”
..
“เอาล่ะครับผมขอส่งพวกคุณที่ลิฟท์นี้ก็แล้วกันนะครับ”
ชายหนุ่มที่ใครๆพากันอยากจะยกตำแหน่งสาวน้อยน่ารักประจำปีให้อยู่เรื่อยยิ้มส่งสองสาวที่หน้าประตูลิฟท์  ในขณะที่สองสาวพี่น้องยังคงทำท่างงไม่หายที่ได้รู้ว่าเพื่อนใหม่ของตนเป็นผู้ชายทั้ง ที่หน้าตาออกจะน่ารักกว่าผู้หญิงขนาดนั้น
“ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะที่วันนี้พวกคุณช่วยเราไว้”
มาอิกล่าวขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครั้ง  แล้วก็อีกอย่างตอนนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ  อย่าถือเป็นหนี้บุญคุณอะไรกันเลยครับ”
คำกล่าวตอบช่างเป็นคำกล่าวที่เกินอายุและมาอิแทบไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากหนุ่มน้อยหน้าหวานที่สามารถกะอายุได้ว่าพอๆกับน้องสาวของตน
“นี่ๆเธอ..อุ้ย! ไม่สิต้องนายใช่ม้า”
“ใช่แล้วครับ  คุณมีอะไรให้ผมรับใช่ไม่ทราบครับ  สาวน้อย”
หนุ่มน้อยตอบมาเอะด้วยรอยยิ้มที่มุมปากที่ยังคงมีให้เสมอพร้อมน้ำเสียงที่ราบเรียบและนิ่งสงบแต่ก็ชวนฟัง
“บ้าน่า..สาวน้อยอะไรกัน  ฉันแค่มีอะไรที่อยากจะถามนายซักอย่างก่อนจะกลับขึ้นห้องพักนะ”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ก็ตอนนี้เราถือว่าเป็นคนรู้จัก แล้วก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม”
“ก็..คงอย่างนั้นละมั้งครับ” ตอบโดยรอยยิ้มบางๆยังไม่หายไปไหน
“แต่ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าพวกนายชื่ออะไรกัน  แนะนำตัวกันก็ยังไม่เคยเลย”
คำกล่าวของสาวน้อยช่วยให้รอยยิ้มบางๆของเด็กหนุ่มเริ่มถูกขับเน้นให้กว้างขึ้นมาอีก
“นั้นะสินะครับ”
“ฉันยามางิ  มาเอะแล้วก็นี้พี่สาวฉัน ยามางิ  มาอิ  มาจากญี่ปุ่น”
“โอ! มาจากญี่ปุ่นเลยเหรอครับ  แล้วทำไมพวกคุณ ถึงได้พูดภาษาไทยชัดขนาดนี้ละครับ ผมไม่คอยเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พูดไทยชัดขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ”
“คือคุณแม่ของเราเป็นชาวไทยคะ  เราก็เลยพล่อยได้ท่านช่วยสอนไปด้วย  แต่จริงๆแล้วครอบครัวเราก็ไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวโดยตรงหรอกคะ  พอดีคุณพ่อของเราท่านมีนัดมาติดต่อธุรกิจที่นี้นะคะ เราก็เลยถือโอกาสมาพักผ่อนกันด้วย”
มาอิตอบแทนน้องสาวด้วยอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกและทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะตั้งแต่ได้พบชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้า  มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่าตนเคยพบคนตรงหน้ามาก่อน และต้องไม่ใช่การพบกันอันธรรมดาสามัญอย่างแน่นอนด้วย!
“แล้วนายละ  พวกนายยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะ”
“อ้อครับ ได้ครับ”
เด็กหนุ่มรับคำและผายมือไปยังหญิงสาวผมยาวสลวยผู้ซึ่งเดินติดตามใกล้ชิดเขาอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยคำกล่าวใดออกมาเท่านั้น
“ดิฉัน วารี  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักคะ”
“ยินดีคะ  เหมือนกันคะพี่สาวสุดเก่ง”
วารียิ้มรับคำทักทายของมาเอะก่อนที่เด็กหนุ่มนายน้อยของหล่อนจะแนะนำตัวเองบ้างว่า
“ผม วายุ  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
จบตอน
สาวน้อยจอมโวยประจำครอบครัวร้องชวนพี่สาวพลางฉุดมือลากพี่สาวออกจากห้องทันทีที่วางสัมภาระที่นำมาแตะพื้นห้องพักระดับโฮมสวีทที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ต้อนรับ
“เดี๋ยวก่อนมาเอะ มาอิ อย่าพึงไป เฮ! มาเอะ”
เสียงบิดาของสองสาวดังตามหลังแต่หากสาวเจ้าได้ยินกลับทำหูทวนลม    แถมยิ่งเพิ่มฝีเท้าของตนฉุดพี่สาวหายลับไปไกล
“หึๆ”
“อารมณ์ดีจังนะคุณ”
โกโบริหันมาเจอภรรยาตนหัวเราะอยู่คนเดียวพลางมองไปทางเดียวกับตน
“แหมท่าทางคุณจะเสียท่า  พลาดโอกาสสำเร็จโทษลูกสาวจอมดื้อของเราไปแล้วสิ”
“คุณนี้น่ะ  เพราะคุณมัวแต่โอ้ แถมให้ท้ายเรื้อยเลยนะสิ  ลูกสาวคนเล็กเราเลยดื้อ  สั่งสอนไม่ยอมเชื่อซะทีอย่างนี้ละ”
มาลียิ้มนิดๆให้กับสามีก่อนตอบว่า
“เอาน่าคุณ  ยังไงคราวนี้เราก็มาพักผ่อนกันนะ      มีเรื่องอะไรไว้เรากลับไปบ้านแล้ว  จะไปลงโทษกับลูกยังไงก็ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ  ตอนนี้มันเวลามีความสุข  เราก็ควรสุขให้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ”
ผู้สามีได้ยินดังนั้นก็พลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า
“ผมสังหรณ์ใจนะสิ  ว่างานนี้ลูกสาวตัวยุ่งเรา  จะสร้างความยุ่งไม่เลิกมากกว่า”
.
“ลูกพี่ครับลูกพี่  รอพวกผมด้วยสิครับ”
เสียงลูกน้องสองคู่หูคู่ชีพหนุ่มนักกล้ามนามเคลวินร้องพลางวิ่งไล่ตามลูกพี่ออกมาที่สวนที่เกิดเหตุแห่งเดิม
“อุ๊บ!”
เสียงเบรกของสองคู่หูดังขึ้น  หลังจากเบรกเท้าที่วิ่งตามนายของตนมา  ทำให้เกือบเสียหลักหัวทิ่มหัวตำกันทั้งคู่  เมื่อเจ้านายนักกล้ามของตนเดินไปหยุดยืนก้มหน้ากอดอกทำเก๊กเท่อยู่ชายหาดที่ติดหลังสวน
“หือๆๆ”
เสียงร้องงึมงำดังมาให้สองลูกน้องได้ยิน  พร้อมหยาดน้ำตาเล็กๆที่หยดลงสู่ท่อนแขน 
“ใช่สิเพราะเรามันลูกไม่มีแม่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้เพราะเราๆ  หือๆ...  ถ้าแม่ยังอยู่ละเราก็คงไม่ต้องมาถูกพ่อดุขนาดนี้    เราก็แค่อยากได้รับความอบอุ่นจากผู้หญิงเพศแม่เท่านั้นเอง  ทำไมนะทำไม  พ่อเราต้องโกรธขนาดสั่งยกเลิกงานปาร์ตี้  ต้อนรับปีใหม่ที่นัดไว้กับเพื่อนๆพรุ่งนี้ด้วย
ไอ้เราก็แค่เข้าไปหลี่หญิงนิดๆหน่อยๆตามประสาชายหนุ่มโสด  ใส  หน้าตาหล่อเหล่านิดหน่อยเท่านั้น  ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะไปเจอเจ้าของโรงแรมเจ้านายพ่อเราได้”
รำพึงรำพันไปงึมงำตามเรื่องตามราวในโลกของตนเองเพ้อไปเรื้อย  จนลูกน้องทั้งสองของตนชักเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่านายตนอาจจะถูกพ่อของตนด่าจนสติหลุดลอยออกจากร่าง  หากก่อนที่ลูกน้องทั้งสองจะเริ่มคิดเลยเทิดไปไกลเช่นเดียวกับนายตน  พลันชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำท่าทางฮึดขึ้น  เชิดหน้า  กำมือ  แสดงท่าทางมุ่งมั่น
“เฮอะ  ดีละในเมื่อมันเป็นแบบนี้  ต่อไปเราจะไม่สนผู้หญิงที่ไหนอีกแล้ว  เราจะต้องตั้งมั่น  เข้มแข็ง  ไม่ยอมให้สาวใดมายั่วยวน  นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว  ลาก่อนนะสาวๆทั้งหลาย  น้อง  จิบ  น้องเชอรี่  น้องวาย  น้องจอย  น้อง...”
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะร่ายยาวชื่อสาวๆได้หมด  หูอันรวดเร็วต่อเสียงสาวๆก็แววเสียงใสๆของสาวน้อยนางหนึ่ง
“พี่มาอิๆ ทางนี้เร็วๆ สวนริมชายหาดทางนี้ซ้วยสวยล่ะ  มาเร็วๆ”
สาวน้อยแก้วชมพูผมบอบสั้นดูหน้ารักวิ่งนำหน้าพี่สาวแสนสวยอีกคนที่ถูกน้องกึ่งฉุด กึ่งลากออกมายังสวนริมหาดแห่งนี้    ฉับพลันลูกน้องตัวดีทั้งสองของเจ้าหนุ่มนักกล้ามก็เห็นเจ้านายหนุ่มยืนตะลึงอึ่งค้าง  ไม่ต่างจากตอนที่เห็นสาวสวยผมยาวสลวยผู้อัดทั้งเจ้านายลูกน้องน๊อคคาพื้นทรายชายหาดมาแล้วไม่นานมานี้  แต่จะว่าไปแล้วเจ้านายนของเขาก็เป็นอย่างนี้ทุกทีซิละ  เวลาได้เห็นสาวๆสวยๆทีไร
“โอ้นางฟ้าจุติมาจากสรวงปวงเทวา  ในทีสุดฟ้าก็ไม่ทอดทิ้งสาวหนุ่มนางสงสารคนนี้  ที่รักจ๋าเคลเวนมาแล้วจ๋า”
แล้วชายหนุ่มก็ลืมสัญญาที่พร่ำรำพันกับตนเองอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีนี้ไปจนสิ้น  ถลาเข้าไปหานางฟ้าทั้งสองทันใด  ท่ามกลางความตกใจของลูกน้องที่ได้แต่คิดว่า  ไหงเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังหว่าเจ้านายข้าน้อยเนี่ย!
“พี่มาอิเร็วๆสิทางนี้ๆ ...ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีที่ให้ยืดเส้น  ยืดสายอย่างนี้  ทั้งวันเดียวก็นั่งเครื่องบิน  เดียวก็นั่งรถ  โอ๊ย  มาเอะละแสนจะเบื่อ”
มาอิเมื่อเดินมายืนอยู่กลางสวนมองน้องสาวตัวดีวิ่งเล่นในสวนดอกไม้เป็นเด็กๆตัวเล็กๆ  ก็ได้แต่ยืนยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องมากลบเกลื่อนเลยเรา  ไหนเมื่อกี่นี้ว่าจะมาหาซื้ออะไรทานที่คอปฟี่ช๊อปไงละ  พี่รู้นะว่าเรานะยังไม่หิวหรอก  แต่แค่อยากหาทางแอบลี้ภัยออกมาจากห้องก่อน  เพราะกลัวคุณพ่อจะดุเอาในคดีใหม่วันนี้อีกใช่ไหมละ  แม่น้องสาวตัวดี”
“แหม่ๆคุณพี่สาวแสนสวย  รวยความฉลาด  เก่งงานทุกรูปแบบของคุณน้องนี้ดีจังเลย  รู้ใจน้องสาวผู้น่ารักคนนี้ไปโม้ดเลย”
น้องสาวตัวดีหันมายิ้มแยกเขี้ยวโชว์ฟังขาวกับเขี้ยวเล็กๆดูน่ารักให้กับพี่สาวของตน  หลังจากถูกจับได้ถึงเจตนาที่แท้จริง  แต่ก่อนที่บทสนทนาประสาพี่น้องของสองสาวจะได้ดำเนินต่อ  ผู้ที่พร้ำรำพันอยู่เมื่อไม่นานนี้ว่าจะไม่สนใจผู้หญิงอีก  ก็โผล่พรวดมาขัดบรรยายกาศประสาพี่น้อง
“สวัสดีครับน้องสาวคนสวย”
ชายหนุ่มที่ประกาศปาวๆว่าจะไม่สนผู้หญิงอีกแล้ว  กลับปรากฏตัวมาด้วยมาดที่คิดว่าเท่ที่สุดแล้ว  มือข้างซ้ายยังคงกอดอก  หากแต่อีกข้างถือไว้ด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่ง  ที่พึ่งไปเด็ดมาสดๆร้อนๆ
“ผมชื่อเคลวินครับ  เป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้  ยินดีที่รู้จักครับ  พวกคุณคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักที่นี้สินะครับ  ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองชื่ออะไรกันเหรอครับ”
พี่น้องสองสาวได้แต่อึ่งๆกับการจู่โจมอย่างรวดเร็วไม่ให้ได้ตั้งตัวของชายหนุ่มนักกล้ามเจ้าสำอางรายนี้ 
“คือดิฉัน...”
หากก่อนที่มาอิจะกล่าวอะไรกับชายหนุ่ม  มาเอะก็ชิ่งเอ่ยตัดขึ้นก่อนพรางแอบส่งสายตาเป็นทำนองว่า  พี่ไม่ต้องหนูจัดการเองให้กับมาอิ
“ค่ะ  สวัสดีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ  ดิฉันกับพี่สาวมาพักผ่อนกับครอบครัวในวันหยุดปีใหม่นะค่ะ”
รีบบอกว่ามากับครอบครัวทันใดเพื่อจะกันชายหนุ่มตรงหน้าไปไกลๆจากตนเองและพี่สาวแต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ผล  เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายาม
“เหรอครับ  แล้วจะพักอยู่นานไหมครับ  ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องที่พัก  หรือทางโรงแรมต้อนรับพวกคุณขาดตกบกพร่องอะไรละก็  บอกผมได้เลยนะครับ  ผมจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง  ตามที่คุณต้องการเลยละครับ อ้อ  ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนละก็บอกผมได้เลยนะครับ  ผมคนนี้พร้อมที่จะรับใช้เสมอ  บริการเต็มที่สำหรับคุณคนสวยทั้งสองครับ”
เมื่อเห็นว่าการบอกว่าตนและน้องสาวมากับครอบครัว  ไม่ได้มาตามลำพังสองพี่น้องแล้ว  ยังไม่สามารถกันชายหนุ่มให้ไปให้พ้นๆได้  แถมสายตาที่มองไปยังตนเอง  ยังส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้อีก  จึงจำต้องลงมือเองและเริ่มใช้มาตรการขั้นที่สองทันใด
“ขอบคุณ  คุณเคลวินมากนะคะ  แต่จะว่าไปแล้วความจริงคราวนี้  คุณพ่อของดิฉันมาเพื่อติดต่อธุรกิจกับทางP.V.G. ที่โรงแรมนี้ละคะ  เลยคิดว่าคงไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ  หรือถ้าจะไปละก็ทาง P.V.G.คงจะจัดรายการทัวร์ไว้ให้เราแล้วละคะ  คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกนะคะ”
นึกว่าจะคิดได้แล้วว่าสาวเจ้าไม่เล่นด้วย  แต่เจ้าหนุ่มยังคงท่าทางความรู้สึกช้าตอแยไม่เลิก
“โอ้  ถ้างั้นก็ดีเลยสิครับ  เดียวผมจะไปเช็คให้นะครับ  ว่าทาง P.V.G. ของเราได้จัดรายการท่องเที่ยวอะไรไว้ต้อนรับคุณบ้าง  ผมจะได้ตามไปคอยดูแลพวกคุณตลอดรายการเลยยังไงละครับ”
มาอิเริ่มปวดหัวขึ้นทันใดเมื่อเจอชายหนุ่มจอมตื้อคนนี้  ในใจของตนคิดว่าถ้าเป็นเป็นที่ญี่ปุ่นบ้านตนละก็คงได้ตะหวาดให้กระเจิงรู้ฤทธิ์แม่ไปแล้ว    แต่ที่นี้มันดันไม่ใช่ที่ของเราซะนี้  แถมเจ้าหนุ่มนี้ยังออกตัวก่อนด้วยว่าเป็นลูกผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม  ไม่รู้ว่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน  หรือแค่แอบอ้างเพื่อหาทางจีบหญิงก็ไม่อาจจะทราบได้  หากด้วยความที่วันนี้ทั้งวันน้องสาวของหล่อนนั้น  ได้ทำเรื่องให้ปวดเศียรเวียนเกล้ากับบิดาของหล่อนมาแล้ว  ด้วยคู่กรณีที่เป็นถึงพี่ชายเจ้าของบริษัทคู่ค้าของตน 
ตอนนี้หล่อนจะไปเพิ่มปัญหาอีกก็ใช่ที่    ด้วยเหตุนี้เมื่อหญิงสาวเห็นกิริยากัดฟันกรอดๆของน้องสาวผู้ไม่เคยยอมใครของตน  จึงรู้ได้ในทันทีว่า  ถึงเวลาที่จะใช้มาตรการสุดท้ายคือหลบลี้หนีหน้าชายหนุ่มไปให้ไกลแล้ว  ก่อนที่น้องสาวของตนจะระเบิดอารมณ์ออกมา  หรือไม่ก็หล่อนเองนั้นละที่อาจจะอดใจไม่ไหวเล่นงานเจ้าตัวกวนซะเอง
“อุ้ย!  ขอโทษนะคะ  ดูเหมือนจะได้เวลาที่ดิฉันกับน้องต้องกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวลงมางานเลี้ยงแล้วละคะ  เดียวเตรียมตัวไม่ทัน ขอตัวก่อนนะคะ”
กล่าวเสร็จก็ฉุดดึงน้อยสาวที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูชายหนุ่มให้รู้แล้วรู้รอดโทษฐานมารบกวนความสุขออกจากที่เกิดเหตุทันใด 
“เดียวสิครับคนสวย”
ชายหนุ่มรีบก้าวมาดักทางเดินข้างหน้าทันใด  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะเดินหนีไป
“มีอะไรอีกละคะ” เริ่มขึ้นเสียงนิดๆด้วยความหงุดหงิดใจ
“คุณทั้งสองคนยังไม่ได้บอกชื่อกับผมเลยนี้ครับ  แล้วไม่ทราบว่าคุณพักอยู่ที่ห้องไหนครับ  ผมอยากจะทราบเอาไว้”
“ขอโทษนะคะเรากำลังรีบ  เอาไว้เจอกันใหม่นะคะ”
มาเอะที่ทนไม่ไหวกระชากเสียงกล่าวแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้ามาอิหลบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไปทางด้านข้าง  แต่ชายหนุ่มผู้มีความดัน(ทุรัง)สูง ก็ยังไม่ยอมแพ้  โบกมือเรียกให้ลูกน้องทั้งสองก้าวมาขวางไว้อีก
“ท่าทางคุณจะรีบมากนะครับ  งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน  เดียวเรากลับไปห้องคุณพร้อมกันนะครับ ให้ผมไปส่งคุณ  เราจะได้เดินไป  คุยไปกระหนุงกระนิงตลอดทางยังไงละครับ”
พูดไม่พูดเปล่าแถมยังยื่นมือมาจับเอามือหญิงสาวคนพี่อย่างถือวิสาสะ  ไม่เข็ดไม่จำกับการโดนอัดคราวที่แล้ว
“กรุณาปล่อยมือดิฉันเดียวนี้นะคะ”  มาอิกล่าวพลางพยายามดึงมือออกจากมือที่ยืนมาจับ  หากชายหนุ่มก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมืออีกนั้นละ  ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ไม่กี่วินาที  ชายหนุ่มนามเคลวินก็ต้องได้รับบาดเจ็บอีกครั้งเมื่อ
เพี้ย! บึก!
เสียงแรกเป็นเสียงฝามือของมาอิที่เข้ากระทบหน้าชายหนุ่มนามเคลวิน  ให้สะบัดหันไปตามแรงตบ  ส่วนอีกหนึ่งเป็นเสียงเท้าเข้ากระทบกลางเป้ากางเกงของเจ้าลูกน้องผู้เคราะห์ร้ายอีกรายที่ดันไปยืนขวางทางแม่สาวน้อยสุดซ่านามมาเอะ
“เฮ้ย!  แกยัยพวกบ้ากล้าทำลูกพี่ฉันเหรอ”
เจ้าลูกน้องอีกคนที่ยังไม่ถูกจัดการถลาเข้ามาขวางสาวสวยทั้งสองที่กำลังจะอาศัยช่วงที่เจ้านายลูกน้องหนึ่งครวญครางหน้าเขียวเมื่อถูกโจมตีจุดตาย  กับอีกหนึ่งเจ้านายที่ยังร้องโวยวายห่วงใบหน้าที่หล่อเหลา(ในความคิดของตน)ว่าจะเสียโฉม
แต่ก่อนที่เจ้าลูกน้องคนสุดท้ายจะย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างของสองสาวนั้นเอง  มันก็ต้องได้พบว่า  ผู้ที่ต้องได้รับเคราะห์หนักที่สุดซ้ำสองในวันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวมันเองต่างหาก  เมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ  ที่มาขัดจังหวะ  แต่ผมว่าเรามาพูดจากันดีๆดีกว่านะครับ”
เสียงกังวานใสอันคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลังของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้าย  น่าสงสารที่นอกจากมันจะไม่ยังคิดเลยว่าเสียงอันคุ้นหูนั้นเป็นของใครแล้ว    ยังหันกลับสะบัดมือเข้าใส่ที่มาของเสียงโทษฐานที่บังอาจเข้ามาขวางการเล่นงานหญิงสาวของมัน
“อย่างยุ่งน่า  คนเขาจะตีกันโว้ย”
หมับ!
หา!
หมัดที่เหวี่ยงไปนั้นนอกจากจะไร้ผลแล้ว  กลับถูกรับไว้ได้อีกครั้ง  ด้วยมือคู่งามคู่เดิมที่เคยส่งมันหัวทิ่มหมอบราบคาบมาแล้วครั้งหนึ่ง  และบัดนี้ดูท่าทางว่ามันจะโชคดีได้รับรู้ความร้ายกาจของมืออ่อนนุ่มหากแต่แข็งแกร่งของหญิงสาวผมยาวสลวยอีกครั้งแล้ว
“ เฮ่ย!...ดูท่าพวกคุณนี้จะไม่เคยรู้จักราบจักจำบางเลยนะ”
ชายหนุ่มหน้าหวานใสดุจหญิงสาวก็ไม่ปานคู่กรณีเดิมเมื่อเช้านี้  กลับยืนส่งรอยยิ้มยันนิดๆที่มุมปากมาให้อีกครั้ง  ก่อนที่โลกทั้งโลกสำหรับเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายที่สุดจะหมุนคว้างโดยฉับพลัน  ด้วยมือของหญิงสาวนามวารี  ส่งร่างของมันลอยละลิ่มปลิวไปตกลงพุ่มไม้พุ่มเดิมที่มันเคยถูกส่งไปน๊อคเมื่อเช้านี้!
................................
มาอิจ้องมองไปยังร่างของผู้มาใหม่ทั้งสอง  ที่หนึ่งในสองนั้นได้แสดงฝีมืออันรวดเร็วจนไม่อาจมองตามทันได้  ส่งร่างของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายลอยละลิ่วปลิวไปไกล แค่พียงพลิกฝ่ามือจริงๆ อันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดจากฝีมือของ  หญิงสาวผิวขาวเนียปานหยวกกล้วย ผมยาวสลวยเป็นมันวาวลงถึงเอว สดสวยราวเทพธิดาที่แม้แต่ตนเองที่เป็นหญิงเช่นกัน  ยังมิอาจจะปฎิเสธได้ว่า  ตนรู้สึกชื่นชมในความงามของหญิงสาวตนหน้าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ที่สะดุดตาหล่อนที่สุดกลับเป็นคนอีกผู้หนึ่ง  ที่เอื่อเอ่ยวาจาเพื่อช่วยเหลือหล่อนเป็นคนแรก  ที่มาอิบอกกับตัวเองว่า น่าจะอายุไม่เกิน15-16 ปี พอๆกับน้องสาวของหล่อน  เรือนร่างที่ผอมบางใบหน้าขาวใสนวนเนียนไม่แพ้หญิงสาวคนแรก สวมไว้ด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีเดียวกันดูสะอาดตา  ประกอบกับผมสีน้ำตาลแดงที่ตัดสั้นรับกับใบหน้าช่วยขับเน้นดวงหน้า  และแม้ว่าดวงหน้าดังกล่าวจะขาวใสจนดูซีดเซียวไปบ้างหากเทียบกับหญิงสาวคนแรก  แต่ดวงหน้าดังกล่าวกลับไม่ได้ลดทอนความน่ามองลงเลย
ถ้าจะให้เทียบความงามกันแล้วหญิงสาวรายแรกนั่นหล่อนกล้าที่จะเอ่ยได้เลยว่างดงามราวเทพธิดาจุติเลยก็ว่าได้  แต่ที่น่ามองมากกว่ากลับเป็นบุคคลหลัง  ที่แม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่ามีความงดงามเทียบเท่าหญิงสาวรายแรก  หากบุคคลดังกล่าวกลับดูน่ารัก นาทะนุถนอม  ชวนให้ผู้พบเห็นเข้าไปปกป้อง  คุ้มครอง
“หวังว่าคุณคงจะเข้าใจที่ผมพูดนะครับ”
“คะ...ครับ”
เสียงเริ่มสั่นเครือด้วยความหวาดๆในใจลึกๆ  หากแต่ก่อนที่หัวใจของชายหนุ่มจะหยุดเต้น  เพราะถูกสายตาที่แหลมคมยิ่งกว่าคมมีดของผู้มาใหม่เข้าทิ่มแทงใจของตน  เด็กหนุ่มหน้าหวานหากสามารถสร้างความหวาดเกรงให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อก็พลันเปลี่ยนสายตาเป็นยิ้มนิดๆพร้อมแย้มยิ้มที่มุมปากตามนิสัยของตนว่า
“หึ...คุณเข้าใจได้แล้วอย่างนี้ผมก็เบาใจ  เพียงแต่..”
รอยยิ้มจากธรรมดาเริ่มแฝงรอยเย้อหยันพร้อมแววตาที่ออกจะพูดได้ว่า  ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด!
“ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรจะต้องรีบไปพบคุณพ่อดีกว่านะครับ    เพราะผมเชื่อแน่ว่าคุณพ่อของคุณคงมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับคุณแน่ๆ”
“เรื่อง..เรื่องอะไรเหรอ...คะครับ”
“หึ...ไปแล้วก็คงรู้เองละครับว่าเรื่องอะไร  จะว่าไปแล้วจริงๆตอนนี้คุณพ่อคุณก็คงยังไม่รู้หรอกว่า  อยากจะคุยกับคุณเรื่องอะไร  นอกจากเรื่องเมื่อเช้านี้    แต่เชื่อเถอะครับว่าพอคุณไปถึง  คุณพ่อของคุณคงมีเรื่องใหม่ๆนั่งจับเข่าคุยกับคุณแน่ๆ”
“ครับ”
“อย่ามั่วแต่ครับๆซิครับ  รีบไปได้แล้วนะครับ”
“ครับ”
รับคำ คำสุดท้ายเคลวินก็รีบก้มหน้าก้มตาจากไปตามข้อแนะนำที่น่าจะเรียกว่าคำสั่งมากกว่าของวายุ  ส่วนเจ้าลูกน้องทั้งสองก็ต้องรีบทนความเจ็บปวดที่ได้รับลุกมาพยุงกันและกันตามลูกพี่ไปอย่างทุลักทุเลพลางแอบมองวารีด้วยสายตาหวาดๆก่อนเดินจากไป
.
“ขอโทษนะครับ  หวังว่าพวกคุณคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนะครับ”
เด็กหนุ่มหน้าหวานใสหันกลับมาถามสองสาวพี่น้องผู้ถูกลวนลามและยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดแบบอึ่งๆอยู่ป่นตกใจนิดๆอยู่
“สุ..สุดยอดเลยพี่สาว!”
มาเอะน้องสาวผู้ซึ้งรู้สึกตัวจากอาการอึ่งก่อนพี่สาวร้องเสียงหลงพรางวิ่งมาจับมือสาวผมยาวสลวยผู้มาช่วยจัดการเจ้าตัวร้ายทั้งสาม   
“ทำได้ไงอะ  ทำได้ไง  ซัดทีเดียวเจ้านั้นกระเด็นปลิวไปไกลเลย”
“มาเอะ!”
มาอิที่พึ่งรู้สึกตัวตามน้องสาว  รีบร้องทักน้องสาวตัวดีที่ร้องกรี๊ดกราดเขย่ามือสาวสวยผมยาวอยู่อย่างดุเดือด 
“แหมพี่มาอิอะ”
มาเอะค่อนขอดพี่สาวนิดๆก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาวผมยาวตรงหน้า
“เอ่อ  ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย”
พี่สาวที่หลังจากร้องทักน้องสาวเสร็จก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าสมควรต้องกลับมาเจรจาปราศัยขอบคุณผู้ที่มาช่วยตนกันซะก่อน
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับว่าพวกคุณเป็นอะไรกันบ้างไหมครับ”
คนถามยิ้มบางๆให้กับหญิงสาวที่มุมปาก  ช่วยขับเน้นให้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับยิ่งสะดุดตาน่าชวนมองเข้าไปอีก
“เอ่ย  คือดิฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกคะ  ส่วนน้องสาวดิฉัน...”
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกพี่มาอิ  สบายมากๆ”
น้องสาวชิงตอบเองแถมยังทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ให้ดูอีก  พาให้พี่สาวที่มาด้วยทำน่าไม่ถูก  ระหว่างท่าทางยิ้มเอ็นดูน้องสาว  กับเขยอายในกิริยาท่าทางม้าดีดกะโหลกของน้องสาวตนเอง  ที่แสดงออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น  ส่วนผู้ที่ถามอาการบาดเจ็บของทั้งสองได้แต่เพียงยิ้มเอ็นดูในความไรเดียงสาของเด็กสาว
“พวกคุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วละครับ”
“นี่ๆพี่สาวยังไม่ได้บอกเลยว่า  ทำยังไงพี่ถึงได้เก่งขนาดจัดการเจ้าพวกนั้นได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอย่างนั้นละ”
ผู้ถูกถามได้แต่ยิ้มให้เด็กสาวโดยผู้ตอบกลับเป็นคู่สนทนากับมาอิเป็นผู้ตอบแทนหญิงสาวผมยาวสลวย
“พอดีวารีเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนี้นะครับ”
คำตอบไม่ได้ช่วยให้มาเอะเข้าใจอะไรมากนัก  แต่ก่อนที่สาวน้อยจะเอ่ยคำถามใดเพิ่มมาอีก  มาอิที่นิ่งเงียบฟังน้องสาวคุยจ้อก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“ดิฉันขอขอบคุณพวกคุณมากนะคะที่มาช่วยดิฉันกับน้อง  แต่จะไม่เป็นอะไรเหรอจ๊ะที่พวกคุณไปทำร้ายพวกเขาขนาดนั้น  เห็นผู้ชายคนที่กล้ามใหญ่ๆท่าทางเป็นหัวหน้านั้นพูดไว้ว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้ด้วยสิคะ”
“โธ่! พี่มาอิไปเชื่อพวกมันได้  พวกนั้นนะดูท่าทางจะโม้ซะมากกว่า  เมื่อกี่นี้ยังทำท่ากลัวลนลานวิ่งหนีไปเลย  ไม่เก่งหรองหรอก  มาเอะว่า”
“อ้อ  เขาบอกเหรอครับว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม”
“ใช่ค่ะ”
มาอิรับคำพร้อมยิ้มตอบบุคคลตรงหน้าที่หล่อนคาดการว่าน่าจะอายุพอๆกับน้องสาวของตน  แต่เรื่องนิสัยและมารยาทนี้สิ  ต่างกันริบเลย
“ฉันว่ายังไงก็โม้แน่ๆใช่ไหมละ”
มาเอะยังเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มที่  แต่ต้องมาตกใจกับคำกล่าวของผู้มาช่วยที่ยิ้มรับคำพูดหล่อนอีกครั้ง  แต่กลับตอบว่า
“ก็ไม่ผิดนี้ครับ  เขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้จริงๆ  ถึงได้วางกล้ามเคื่องใหญ่โตแบบนี้ไงครับ”
“หา! ตานั้นเป็นลูกชายเจ้าของที่นี้จริงๆเหรอ  แล้วแบบนี้พวกเธอจะไม่กลัวเหรอ  ที่ไปอัดพวกนั้นเข้านะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ  คือความจริงแล้วพวกผมรู้จัก  แล้วก็สนิทกับคุณพ่อของเขาที่เป็นผู้จัดการโรงแรมนี้อยู่นะครับ  เขาถึงกลัวแล้วก็ยอมลามือไปยังไงละครับ”
คนตอบ ตอบแบบซ่อนรอยยิ้มนิดๆที่แฝงอยู่ในดวงตา ก็แหม่เขาไม่ได้โกหกอะไรนี้ เขาก็รู้จักและก็สนิทกับผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้จริงๆ หากแต่ไม่ได้แค่นั้นว่ารู้จักกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างแค่นั้นเอง!
“เหรอมิน่าละพวกนั้นถึงได้ทำท่ากลัวล้นลานพอเจอพวกเธอเข้า  คนกลัวพวกเธอไปแฉนิสัยเลวๆของตัวเองให้พ่อรู้ละซิ”
“พูดให้เพราะๆหน่อยสิจ๊ะมาเอะ”
คำพูดของสาวน้อยหวนและออกรสออกชาติซะจนพี่สาวต้องคอยปรามให้รู้ตัวว่า  กำลังสนทนากับคนเพิ่งรู้จัก  แม้จะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยตนก็ตาม
“แม้พี่มาอิ  ไม่เห็นต้องมารยาทมากก็ได้มั้ง    แล้วเธอก็ท่าทางอายุพอๆกับหนูเลยนี้  เป็นเพื่อนกันดีกว่ามานั้งพูดคะขา  มารยาทมากมายแบบผู้ใหญ่เขาก็ได้”
คนถูกเอ่ยถึงตรงหน้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของมาเอะพลางหันไปยิ้มกับหญิงสาวผมยาวสลวยที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังตน  แต่ต้องรีบหันกลับมาเมื่อสาวน้อยจอมซนเอ่ยหันมาถามเขาต่อในคำถามที่มาอิเองก็สงสัยเช่นเดียวกับน้องสาวของตนว่า
“นี้ๆเธอนะ ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี่แล้วว่าทำไมเธอใช้คำแทนตัวเองว่าผมตลอดเลยละ”
“หึ” คำตอบคือรอบยิ้มที่มุมปากอีกครั้งและ..
“ก็ไม่แปลกนี้ครับในเมื่อ...ผมเป็นผู้ชายนี้ครับ”
“หา!..ผู้ชายเหรอ!”
“ทำไมละครับ  ผมเป็นผู้ชายไม่ได้เหรอยังไงกัน”
ตอบแบบเคยชินเพราะว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงและแน่นอนที่ว่าครั้งนี้ก็คงไม่ใช้ครั้งสุดท้ายด้วย
“ผู้ชายอะไรกัน  หน้าตาขาวผ่องจิ้มลิ้ม หน้ารักกว่าฉันอีก ฉันไม่เชื่อหรอก...โกหกใช่ม้า!”
คนถามยังคงไม่เชื่อถือในคำตอบแถมเพิ่มปริมาณความดังของเสียงขึ้นอีก
“เฮ่ย!” ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจก็อย่างที่ว่าละนะโดนแบบนี้มาหลายที่แล้วนี้ก็คงต้องมีเซ็งกันบ้าง
“แหม!...ต้องขอขอบคุณนะครับที่ชม  แต่ว่าเชื่อเถอะครับว่าผมเป็นผู้ชายจริงๆ  แล้วผมเองก็ยังไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนเพศด้วย”
..
“เอาล่ะครับผมขอส่งพวกคุณที่ลิฟท์นี้ก็แล้วกันนะครับ”
ชายหนุ่มที่ใครๆพากันอยากจะยกตำแหน่งสาวน้อยน่ารักประจำปีให้อยู่เรื่อยยิ้มส่งสองสาวที่หน้าประตูลิฟท์  ในขณะที่สองสาวพี่น้องยังคงทำท่างงไม่หายที่ได้รู้ว่าเพื่อนใหม่ของตนเป็นผู้ชายทั้ง ที่หน้าตาออกจะน่ารักกว่าผู้หญิงขนาดนั้น
“ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะที่วันนี้พวกคุณช่วยเราไว้”
มาอิกล่าวขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครั้ง  แล้วก็อีกอย่างตอนนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ  อย่าถือเป็นหนี้บุญคุณอะไรกันเลยครับ”
คำกล่าวตอบช่างเป็นคำกล่าวที่เกินอายุและมาอิแทบไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากหนุ่มน้อยหน้าหวานที่สามารถกะอายุได้ว่าพอๆกับน้องสาวของตน
“นี่ๆเธอ..อุ้ย! ไม่สิต้องนายใช่ม้า”
“ใช่แล้วครับ  คุณมีอะไรให้ผมรับใช่ไม่ทราบครับ  สาวน้อย”
หนุ่มน้อยตอบมาเอะด้วยรอยยิ้มที่มุมปากที่ยังคงมีให้เสมอพร้อมน้ำเสียงที่ราบเรียบและนิ่งสงบแต่ก็ชวนฟัง
“บ้าน่า..สาวน้อยอะไรกัน  ฉันแค่มีอะไรที่อยากจะถามนายซักอย่างก่อนจะกลับขึ้นห้องพักนะ”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ก็ตอนนี้เราถือว่าเป็นคนรู้จัก แล้วก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม”
“ก็..คงอย่างนั้นละมั้งครับ” ตอบโดยรอยยิ้มบางๆยังไม่หายไปไหน
“แต่ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าพวกนายชื่ออะไรกัน  แนะนำตัวกันก็ยังไม่เคยเลย”
คำกล่าวของสาวน้อยช่วยให้รอยยิ้มบางๆของเด็กหนุ่มเริ่มถูกขับเน้นให้กว้างขึ้นมาอีก
“นั้นะสินะครับ”
“ฉันยามางิ  มาเอะแล้วก็นี้พี่สาวฉัน ยามางิ  มาอิ  มาจากญี่ปุ่น”
“โอ! มาจากญี่ปุ่นเลยเหรอครับ  แล้วทำไมพวกคุณ ถึงได้พูดภาษาไทยชัดขนาดนี้ละครับ ผมไม่คอยเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พูดไทยชัดขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ”
“คือคุณแม่ของเราเป็นชาวไทยคะ  เราก็เลยพล่อยได้ท่านช่วยสอนไปด้วย  แต่จริงๆแล้วครอบครัวเราก็ไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวโดยตรงหรอกคะ  พอดีคุณพ่อของเราท่านมีนัดมาติดต่อธุรกิจที่นี้นะคะ เราก็เลยถือโอกาสมาพักผ่อนกันด้วย”
มาอิตอบแทนน้องสาวด้วยอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกและทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะตั้งแต่ได้พบชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้า  มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่าตนเคยพบคนตรงหน้ามาก่อน และต้องไม่ใช่การพบกันอันธรรมดาสามัญอย่างแน่นอนด้วย!
“แล้วนายละ  พวกนายยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะ”
“อ้อครับ ได้ครับ”
เด็กหนุ่มรับคำและผายมือไปยังหญิงสาวผมยาวสลวยผู้ซึ่งเดินติดตามใกล้ชิดเขาอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยคำกล่าวใดออกมาเท่านั้น
“ดิฉัน วารี  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักคะ”
“ยินดีคะ  เหมือนกันคะพี่สาวสุดเก่ง”
วารียิ้มรับคำทักทายของมาเอะก่อนที่เด็กหนุ่มนายน้อยของหล่อนจะแนะนำตัวเองบ้างว่า
“ผม วายุ  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น