ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #9 : แล้วเราก็ได้เจอกันซะที(จบตอนแล้วครับ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      0
      12 ธ.ค. 48

    “พี่มาอิทางนี้เร็วทางนี้  มาเอะเห็นป้ายบอกทางไปร้านขายของที่ระลึกกับร้านคอฟฟี่ช๊อบเมื่อกี่นี้ล่ะ  เดี๋ยวเราไปหาซื้อของฝาก แล้วก็หาอะไรอร่อยๆทานรองท้องกันก่อนดีกว่า”



    สาวน้อยจอมโวยประจำครอบครัวร้องชวนพี่สาวพลางฉุดมือลากพี่สาวออกจากห้องทันทีที่วางสัมภาระที่นำมาแตะพื้นห้องพักระดับโฮมสวีทที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ต้อนรับ



    “เดี๋ยวก่อนมาเอะ มาอิ อย่าพึงไป เฮ! มาเอะ”



    เสียงบิดาของสองสาวดังตามหลังแต่หากสาวเจ้าได้ยินกลับทำหูทวนลม    แถมยิ่งเพิ่มฝีเท้าของตนฉุดพี่สาวหายลับไปไกล



    “หึๆ”



    “อารมณ์ดีจังนะคุณ”



    โกโบริหันมาเจอภรรยาตนหัวเราะอยู่คนเดียวพลางมองไปทางเดียวกับตน



    “แหมท่าทางคุณจะเสียท่า   พลาดโอกาสสำเร็จโทษลูกสาวจอมดื้อของเราไปแล้วสิ”



    “คุณนี้น่ะ  เพราะคุณมัวแต่โอ้ แถมให้ท้ายเรื้อยเลยนะสิ  ลูกสาวคนเล็กเราเลยดื้อ   สั่งสอนไม่ยอมเชื่อซะทีอย่างนี้ละ”



    มาลียิ้มนิดๆให้กับสามีก่อนตอบว่า

    “เอาน่าคุณ  ยังไงคราวนี้เราก็มาพักผ่อนกันนะ      มีเรื่องอะไรไว้เรากลับไปบ้านแล้ว  จะไปลงโทษกับลูกยังไงก็ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ   ตอนนี้มันเวลามีความสุข  เราก็ควรสุขให้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ”



    ผู้สามีได้ยินดังนั้นก็พลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า



    “ผมสังหรณ์ใจนะสิ   ว่างานนี้ลูกสาวตัวยุ่งเรา   จะสร้างความยุ่งไม่เลิกมากกว่า”



    …………………….



    “ลูกพี่ครับลูกพี่  รอพวกผมด้วยสิครับ”



    เสียงลูกน้องสองคู่หูคู่ชีพหนุ่มนักกล้ามนามเคลวินร้องพลางวิ่งไล่ตามลูกพี่ออกมาที่สวนที่เกิดเหตุแห่งเดิม



    “อุ๊บ!”



    เสียงเบรกของสองคู่หูดังขึ้น  หลังจากเบรกเท้าที่วิ่งตามนายของตนมา   ทำให้เกือบเสียหลักหัวทิ่มหัวตำกันทั้งคู่  เมื่อเจ้านายนักกล้ามของตนเดินไปหยุดยืนก้มหน้ากอดอกทำเก๊กเท่อยู่ชายหาดที่ติดหลังสวน



    “หือๆๆ”



    เสียงร้องงึมงำดังมาให้สองลูกน้องได้ยิน   พร้อมหยาดน้ำตาเล็กๆที่หยดลงสู่ท่อนแขน  



    “ใช่สิเพราะเรามันลูกไม่มีแม่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้เพราะเราๆ  หือๆ...  ถ้าแม่ยังอยู่ละเราก็คงไม่ต้องมาถูกพ่อดุขนาดนี้    เราก็แค่อยากได้รับความอบอุ่นจากผู้หญิงเพศแม่เท่านั้นเอง  ทำไมนะทำไม   พ่อเราต้องโกรธขนาดสั่งยกเลิกงานปาร์ตี้  ต้อนรับปีใหม่ที่นัดไว้กับเพื่อนๆพรุ่งนี้ด้วย



    ไอ้เราก็แค่เข้าไปหลี่หญิงนิดๆหน่อยๆตามประสาชายหนุ่มโสด  ใส  หน้าตาหล่อเหล่านิดหน่อยเท่านั้น  ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะไปเจอเจ้าของโรงแรมเจ้านายพ่อเราได้”



    รำพึงรำพันไปงึมงำตามเรื่องตามราวในโลกของตนเองเพ้อไปเรื้อย  จนลูกน้องทั้งสองของตนชักเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่านายตนอาจจะถูกพ่อของตนด่าจนสติหลุดลอยออกจากร่าง   หากก่อนที่ลูกน้องทั้งสองจะเริ่มคิดเลยเทิดไปไกลเช่นเดียวกับนายตน   พลันชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำท่าทางฮึดขึ้น  เชิดหน้า  กำมือ  แสดงท่าทางมุ่งมั่น



    “เฮอะ  ดีละในเมื่อมันเป็นแบบนี้  ต่อไปเราจะไม่สนผู้หญิงที่ไหนอีกแล้ว  เราจะต้องตั้งมั่น  เข้มแข็ง  ไม่ยอมให้สาวใดมายั่วยวน  นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว   ลาก่อนนะสาวๆทั้งหลาย  น้อง  จิบ  น้องเชอรี่  น้องวาย  น้องจอย  น้อง...”



    แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะร่ายยาวชื่อสาวๆได้หมด  หูอันรวดเร็วต่อเสียงสาวๆก็แววเสียงใสๆของสาวน้อยนางหนึ่ง



    “พี่มาอิๆ ทางนี้เร็วๆ สวนริมชายหาดทางนี้ซ้วยสวยล่ะ  มาเร็วๆ”



    สาวน้อยแก้วชมพูผมบอบสั้นดูหน้ารักวิ่งนำหน้าพี่สาวแสนสวยอีกคนที่ถูกน้องกึ่งฉุด กึ่งลากออกมายังสวนริมหาดแห่งนี้    ฉับพลันลูกน้องตัวดีทั้งสองของเจ้าหนุ่มนักกล้ามก็เห็นเจ้านายหนุ่มยืนตะลึงอึ่งค้าง  ไม่ต่างจากตอนที่เห็นสาวสวยผมยาวสลวยผู้อัดทั้งเจ้านายลูกน้องน๊อคคาพื้นทรายชายหาดมาแล้วไม่นานมานี้  แต่จะว่าไปแล้วเจ้านายนของเขาก็เป็นอย่างนี้ทุกทีซิละ  เวลาได้เห็นสาวๆสวยๆทีไร



    “โอ้นางฟ้าจุติมาจากสรวงปวงเทวา  ในทีสุดฟ้าก็ไม่ทอดทิ้งสาวหนุ่มนางสงสารคนนี้   ที่รักจ๋าเคลเวนมาแล้วจ๋า”



    แล้วชายหนุ่มก็ลืมสัญญาที่พร่ำรำพันกับตนเองอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีนี้ไปจนสิ้น  ถลาเข้าไปหานางฟ้าทั้งสองทันใด   ท่ามกลางความตกใจของลูกน้องที่ได้แต่คิดว่า  ไหงเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังหว่าเจ้านายข้าน้อยเนี่ย!



    ……………………………





    “พี่มาอิเร็วๆสิทางนี้ๆ ...ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีที่ให้ยืดเส้น  ยืดสายอย่างนี้  ทั้งวันเดียวก็นั่งเครื่องบิน  เดียวก็นั่งรถ  โอ๊ย  มาเอะละแสนจะเบื่อ”



    มาอิเมื่อเดินมายืนอยู่กลางสวนมองน้องสาวตัวดีวิ่งเล่นในสวนดอกไม้เป็นเด็กๆตัวเล็กๆ   ก็ได้แต่ยืนยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าอย่างรู้ทัน



    “ไม่ต้องมากลบเกลื่อนเลยเรา  ไหนเมื่อกี่นี้ว่าจะมาหาซื้ออะไรทานที่คอปฟี่ช๊อปไงละ   พี่รู้นะว่าเรานะยังไม่หิวหรอก  แต่แค่อยากหาทางแอบลี้ภัยออกมาจากห้องก่อน  เพราะกลัวคุณพ่อจะดุเอาในคดีใหม่วันนี้อีกใช่ไหมละ  แม่น้องสาวตัวดี”



    “แหม่ๆคุณพี่สาวแสนสวย   รวยความฉลาด  เก่งงานทุกรูปแบบของคุณน้องนี้ดีจังเลย   รู้ใจน้องสาวผู้น่ารักคนนี้ไปโม้ดเลย”



    น้องสาวตัวดีหันมายิ้มแยกเขี้ยวโชว์ฟังขาวกับเขี้ยวเล็กๆดูน่ารักให้กับพี่สาวของตน  หลังจากถูกจับได้ถึงเจตนาที่แท้จริง   แต่ก่อนที่บทสนทนาประสาพี่น้องของสองสาวจะได้ดำเนินต่อ  ผู้ที่พร้ำรำพันอยู่เมื่อไม่นานนี้ว่าจะไม่สนใจผู้หญิงอีก  ก็โผล่พรวดมาขัดบรรยายกาศประสาพี่น้อง



    “สวัสดีครับน้องสาวคนสวย”



    ชายหนุ่มที่ประกาศปาวๆว่าจะไม่สนผู้หญิงอีกแล้ว  กลับปรากฏตัวมาด้วยมาดที่คิดว่าเท่ที่สุดแล้ว   มือข้างซ้ายยังคงกอดอก  หากแต่อีกข้างถือไว้ด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่ง   ที่พึ่งไปเด็ดมาสดๆร้อนๆ



    “ผมชื่อเคลวินครับ  เป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้   ยินดีที่รู้จักครับ   พวกคุณคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักที่นี้สินะครับ  ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองชื่ออะไรกันเหรอครับ”



    พี่น้องสองสาวได้แต่อึ่งๆกับการจู่โจมอย่างรวดเร็วไม่ให้ได้ตั้งตัวของชายหนุ่มนักกล้ามเจ้าสำอางรายนี้  



    “คือดิฉัน...”

    หากก่อนที่มาอิจะกล่าวอะไรกับชายหนุ่ม  มาเอะก็ชิ่งเอ่ยตัดขึ้นก่อนพรางแอบส่งสายตาเป็นทำนองว่า  พี่ไม่ต้องหนูจัดการเองให้กับมาอิ

    “ค่ะ  สวัสดีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ  ดิฉันกับพี่สาวมาพักผ่อนกับครอบครัวในวันหยุดปีใหม่นะค่ะ”



    รีบบอกว่ามากับครอบครัวทันใดเพื่อจะกันชายหนุ่มตรงหน้าไปไกลๆจากตนเองและพี่สาวแต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ผล  เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายาม



    “เหรอครับ  แล้วจะพักอยู่นานไหมครับ   ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องที่พัก  หรือทางโรงแรมต้อนรับพวกคุณขาดตกบกพร่องอะไรละก็  บอกผมได้เลยนะครับ   ผมจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง  ตามที่คุณต้องการเลยละครับ … อ้อ   ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนละก็บอกผมได้เลยนะครับ   ผมคนนี้พร้อมที่จะรับใช้เสมอ   บริการเต็มที่สำหรับคุณคนสวยทั้งสองครับ”



    เมื่อเห็นว่าการบอกว่าตนและน้องสาวมากับครอบครัว  ไม่ได้มาตามลำพังสองพี่น้องแล้ว  ยังไม่สามารถกันชายหนุ่มให้ไปให้พ้นๆได้  แถมสายตาที่มองไปยังตนเอง  ยังส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้อีก   จึงจำต้องลงมือเองและเริ่มใช้มาตรการขั้นที่สองทันใด



    “ขอบคุณ  คุณเคลวินมากนะคะ   แต่จะว่าไปแล้วความจริงคราวนี้  คุณพ่อของดิฉันมาเพื่อติดต่อธุรกิจกับทางP.V.G. ที่โรงแรมนี้ละคะ  เลยคิดว่าคงไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ  หรือถ้าจะไปละก็ทาง P.V.G.คงจะจัดรายการทัวร์ไว้ให้เราแล้วละคะ  คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกนะคะ”



    นึกว่าจะคิดได้แล้วว่าสาวเจ้าไม่เล่นด้วย  แต่เจ้าหนุ่มยังคงท่าทางความรู้สึกช้าตอแยไม่เลิก



    “โอ้  ถ้างั้นก็ดีเลยสิครับ   เดียวผมจะไปเช็คให้นะครับ  ว่าทาง P.V.G. ของเราได้จัดรายการท่องเที่ยวอะไรไว้ต้อนรับคุณบ้าง   ผมจะได้ตามไปคอยดูแลพวกคุณตลอดรายการเลยยังไงละครับ”



    มาอิเริ่มปวดหัวขึ้นทันใดเมื่อเจอชายหนุ่มจอมตื้อคนนี้   ในใจของตนคิดว่าถ้าเป็นเป็นที่ญี่ปุ่นบ้านตนละก็คงได้ตะหวาดให้กระเจิงรู้ฤทธิ์แม่ไปแล้ว    แต่ที่นี้มันดันไม่ใช่ที่ของเราซะนี้  แถมเจ้าหนุ่มนี้ยังออกตัวก่อนด้วยว่าเป็นลูกผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม   ไม่รู้ว่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน   หรือแค่แอบอ้างเพื่อหาทางจีบหญิงก็ไม่อาจจะทราบได้   หากด้วยความที่วันนี้ทั้งวันน้องสาวของหล่อนนั้น   ได้ทำเรื่องให้ปวดเศียรเวียนเกล้ากับบิดาของหล่อนมาแล้ว   ด้วยคู่กรณีที่เป็นถึงพี่ชายเจ้าของบริษัทคู่ค้าของตน  



    ตอนนี้หล่อนจะไปเพิ่มปัญหาอีกก็ใช่ที่    ด้วยเหตุนี้เมื่อหญิงสาวเห็นกิริยากัดฟันกรอดๆของน้องสาวผู้ไม่เคยยอมใครของตน  จึงรู้ได้ในทันทีว่า  ถึงเวลาที่จะใช้มาตรการสุดท้ายคือหลบลี้หนีหน้าชายหนุ่มไปให้ไกลแล้ว  ก่อนที่น้องสาวของตนจะระเบิดอารมณ์ออกมา   หรือไม่ก็หล่อนเองนั้นละที่อาจจะอดใจไม่ไหวเล่นงานเจ้าตัวกวนซะเอง



    “อุ้ย!  ขอโทษนะคะ  ดูเหมือนจะได้เวลาที่ดิฉันกับน้องต้องกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวลงมางานเลี้ยงแล้วละคะ   เดียวเตรียมตัวไม่ทัน ขอตัวก่อนนะคะ”



    กล่าวเสร็จก็ฉุดดึงน้อยสาวที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูชายหนุ่มให้รู้แล้วรู้รอดโทษฐานมารบกวนความสุขออกจากที่เกิดเหตุทันใด  



    “เดียวสิครับคนสวย”



    ชายหนุ่มรีบก้าวมาดักทางเดินข้างหน้าทันใด  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะเดินหนีไป



    “มีอะไรอีกละคะ” เริ่มขึ้นเสียงนิดๆด้วยความหงุดหงิดใจ



    “คุณทั้งสองคนยังไม่ได้บอกชื่อกับผมเลยนี้ครับ   แล้วไม่ทราบว่าคุณพักอยู่ที่ห้องไหนครับ  ผมอยากจะทราบเอาไว้”



    “ขอโทษนะคะเรากำลังรีบ  เอาไว้เจอกันใหม่นะคะ”



    มาเอะที่ทนไม่ไหวกระชากเสียงกล่าวแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้ามาอิหลบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไปทางด้านข้าง   แต่ชายหนุ่มผู้มีความดัน(ทุรัง)สูง ก็ยังไม่ยอมแพ้  โบกมือเรียกให้ลูกน้องทั้งสองก้าวมาขวางไว้อีก



    “ท่าทางคุณจะรีบมากนะครับ  งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน  เดียวเรากลับไปห้องคุณพร้อมกันนะครับ ให้ผมไปส่งคุณ  เราจะได้เดินไป  คุยไปกระหนุงกระนิงตลอดทางยังไงละครับ”



    พูดไม่พูดเปล่าแถมยังยื่นมือมาจับเอามือหญิงสาวคนพี่อย่างถือวิสาสะ  ไม่เข็ดไม่จำกับการโดนอัดคราวที่แล้ว



    “กรุณาปล่อยมือดิฉันเดียวนี้นะคะ”  มาอิกล่าวพลางพยายามดึงมือออกจากมือที่ยืนมาจับ  หากชายหนุ่มก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมืออีกนั้นละ  ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ไม่กี่วินาที  ชายหนุ่มนามเคลวินก็ต้องได้รับบาดเจ็บอีกครั้งเมื่อ



    เพี้ย! บึก!



    เสียงแรกเป็นเสียงฝามือของมาอิที่เข้ากระทบหน้าชายหนุ่มนามเคลวิน  ให้สะบัดหันไปตามแรงตบ   ส่วนอีกหนึ่งเป็นเสียงเท้าเข้ากระทบกลางเป้ากางเกงของเจ้าลูกน้องผู้เคราะห์ร้ายอีกรายที่ดันไปยืนขวางทางแม่สาวน้อยสุดซ่านามมาเอะ



    “เฮ้ย!  แกยัยพวกบ้ากล้าทำลูกพี่ฉันเหรอ”



    เจ้าลูกน้องอีกคนที่ยังไม่ถูกจัดการถลาเข้ามาขวางสาวสวยทั้งสองที่กำลังจะอาศัยช่วงที่เจ้านายลูกน้องหนึ่งครวญครางหน้าเขียวเมื่อถูกโจมตีจุดตาย  กับอีกหนึ่งเจ้านายที่ยังร้องโวยวายห่วงใบหน้าที่หล่อเหลา(ในความคิดของตน)ว่าจะเสียโฉม



    แต่ก่อนที่เจ้าลูกน้องคนสุดท้ายจะย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างของสองสาวนั้นเอง   มันก็ต้องได้พบว่า  ผู้ที่ต้องได้รับเคราะห์หนักที่สุดซ้ำสองในวันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวมันเองต่างหาก  เมื่อมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นว่า



    “ขอโทษนะครับ  ที่มาขัดจังหวะ   แต่ผมว่าเรามาพูดจากันดีๆดีกว่านะครับ”



    เสียงกังวานใสอันคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลังของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้าย  น่าสงสารที่นอกจากมันจะไม่ยังคิดเลยว่าเสียงอันคุ้นหูนั้นเป็นของใครแล้ว    ยังหันกลับสะบัดมือเข้าใส่ที่มาของเสียงโทษฐานที่บังอาจเข้ามาขวางการเล่นงานหญิงสาวของมัน



    “อย่างยุ่งน่า  คนเขาจะตีกันโว้ย”



    หมับ!



    หา!



    หมัดที่เหวี่ยงไปนั้นนอกจากจะไร้ผลแล้ว   กลับถูกรับไว้ได้อีกครั้ง  ด้วยมือคู่งามคู่เดิมที่เคยส่งมันหัวทิ่มหมอบราบคาบมาแล้วครั้งหนึ่ง  และบัดนี้ดูท่าทางว่ามันจะโชคดีได้รับรู้ความร้ายกาจของมืออ่อนนุ่มหากแต่แข็งแกร่งของหญิงสาวผมยาวสลวยอีกครั้งแล้ว



    “ เฮ่ย!...ดูท่าพวกคุณนี้จะไม่เคยรู้จักราบจักจำบางเลยนะ”



    ชายหนุ่มหน้าหวานใสดุจหญิงสาวก็ไม่ปานคู่กรณีเดิมเมื่อเช้านี้  กลับยืนส่งรอยยิ้มยันนิดๆที่มุมปากมาให้อีกครั้ง   ก่อนที่โลกทั้งโลกสำหรับเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายที่สุดจะหมุนคว้างโดยฉับพลัน   ด้วยมือของหญิงสาวนามวารี   ส่งร่างของมันลอยละลิ่มปลิวไปตกลงพุ่มไม้พุ่มเดิมที่มันเคยถูกส่งไปน๊อคเมื่อเช้านี้!



    ................................



    มาอิจ้องมองไปยังร่างของผู้มาใหม่ทั้งสอง   ที่หนึ่งในสองนั้นได้แสดงฝีมืออันรวดเร็วจนไม่อาจมองตามทันได้  ส่งร่างของเจ้าลูกน้องผู้โชคร้ายลอยละลิ่วปลิวไปไกล แค่พียงพลิกฝ่ามือจริงๆ อันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดจากฝีมือของ  หญิงสาวผิวขาวเนียปานหยวกกล้วย ผมยาวสลวยเป็นมันวาวลงถึงเอว สดสวยราวเทพธิดาที่แม้แต่ตนเองที่เป็นหญิงเช่นกัน  ยังมิอาจจะปฎิเสธได้ว่า  ตนรู้สึกชื่นชมในความงามของหญิงสาวตนหน้าเป็นอย่างยิ่ง



    แต่ที่สะดุดตาหล่อนที่สุดกลับเป็นคนอีกผู้หนึ่ง  ที่เอื่อเอ่ยวาจาเพื่อช่วยเหลือหล่อนเป็นคนแรก  ที่มาอิบอกกับตัวเองว่า น่าจะอายุไม่เกิน15-16 ปี พอๆกับน้องสาวของหล่อน  เรือนร่างที่ผอมบางใบหน้าขาวใสนวนเนียนไม่แพ้หญิงสาวคนแรก สวมไว้ด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีเดียวกันดูสะอาดตา  ประกอบกับผมสีน้ำตาลแดงที่ตัดสั้นรับกับใบหน้าช่วยขับเน้นดวงหน้า  และแม้ว่าดวงหน้าดังกล่าวจะขาวใสจนดูซีดเซียวไปบ้างหากเทียบกับหญิงสาวคนแรก  แต่ดวงหน้าดังกล่าวกลับไม่ได้ลดทอนความน่ามองลงเลย



    ถ้าจะให้เทียบความงามกันแล้วหญิงสาวรายแรกนั่นหล่อนกล้าที่จะเอ่ยได้เลยว่างดงามราวเทพธิดาจุติเลยก็ว่าได้  แต่ที่น่ามองมากกว่ากลับเป็นบุคคลหลัง  ที่แม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่ามีความงดงามเทียบเท่าหญิงสาวรายแรก  หากบุคคลดังกล่าวกลับดูน่ารัก นาทะนุถนอม  ชวนให้ผู้พบเห็นเข้าไปปกป้อง  คุ้มครอง





    “หวังว่าคุณคงจะเข้าใจที่ผมพูดนะครับ”



    “คะ...ครับ”



    เสียงเริ่มสั่นเครือด้วยความหวาดๆในใจลึกๆ  หากแต่ก่อนที่หัวใจของชายหนุ่มจะหยุดเต้น  เพราะถูกสายตาที่แหลมคมยิ่งกว่าคมมีดของผู้มาใหม่เข้าทิ่มแทงใจของตน   เด็กหนุ่มหน้าหวานหากสามารถสร้างความหวาดเกรงให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อก็พลันเปลี่ยนสายตาเป็นยิ้มนิดๆพร้อมแย้มยิ้มที่มุมปากตามนิสัยของตนว่า



    “หึ...คุณเข้าใจได้แล้วอย่างนี้ผมก็เบาใจ  เพียงแต่..”



    รอยยิ้มจากธรรมดาเริ่มแฝงรอยเย้อหยันพร้อมแววตาที่ออกจะพูดได้ว่า  ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด!



    “ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรจะต้องรีบไปพบคุณพ่อดีกว่านะครับ    เพราะผมเชื่อแน่ว่าคุณพ่อของคุณคงมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับคุณแน่ๆ”



    “เรื่อง..เรื่องอะไรเหรอ...คะครับ”



    “หึ...ไปแล้วก็คงรู้เองละครับว่าเรื่องอะไร   จะว่าไปแล้วจริงๆตอนนี้คุณพ่อคุณก็คงยังไม่รู้หรอกว่า  อยากจะคุยกับคุณเรื่องอะไร  นอกจากเรื่องเมื่อเช้านี้     แต่เชื่อเถอะครับว่าพอคุณไปถึง  คุณพ่อของคุณคงมีเรื่องใหม่ๆนั่งจับเข่าคุยกับคุณแน่ๆ”



    “ครับ”



    “อย่ามั่วแต่ครับๆซิครับ  รีบไปได้แล้วนะครับ”



    “ครับ”



    รับคำ คำสุดท้ายเคลวินก็รีบก้มหน้าก้มตาจากไปตามข้อแนะนำที่น่าจะเรียกว่าคำสั่งมากกว่าของวายุ  ส่วนเจ้าลูกน้องทั้งสองก็ต้องรีบทนความเจ็บปวดที่ได้รับลุกมาพยุงกันและกันตามลูกพี่ไปอย่างทุลักทุเลพลางแอบมองวารีด้วยสายตาหวาดๆก่อนเดินจากไป



    ……………….



    “ขอโทษนะครับ   หวังว่าพวกคุณคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนะครับ”



    เด็กหนุ่มหน้าหวานใสหันกลับมาถามสองสาวพี่น้องผู้ถูกลวนลามและยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดแบบอึ่งๆอยู่ป่นตกใจนิดๆอยู่



    “สุ..สุดยอดเลยพี่สาว!”



    มาเอะน้องสาวผู้ซึ้งรู้สึกตัวจากอาการอึ่งก่อนพี่สาวร้องเสียงหลงพรางวิ่งมาจับมือสาวผมยาวสลวยผู้มาช่วยจัดการเจ้าตัวร้ายทั้งสาม    



    “ทำได้ไงอะ   ทำได้ไง   ซัดทีเดียวเจ้านั้นกระเด็นปลิวไปไกลเลย”



    “มาเอะ!”



    มาอิที่พึ่งรู้สึกตัวตามน้องสาว  รีบร้องทักน้องสาวตัวดีที่ร้องกรี๊ดกราดเขย่ามือสาวสวยผมยาวอยู่อย่างดุเดือด  



    “แหมพี่มาอิอะ”



    มาเอะค่อนขอดพี่สาวนิดๆก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาวผมยาวตรงหน้า



    “เอ่อ  ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย”



    พี่สาวที่หลังจากร้องทักน้องสาวเสร็จก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าสมควรต้องกลับมาเจรจาปราศัยขอบคุณผู้ที่มาช่วยตนกันซะก่อน



    “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับว่าพวกคุณเป็นอะไรกันบ้างไหมครับ”



    คนถามยิ้มบางๆให้กับหญิงสาวที่มุมปาก   ช่วยขับเน้นให้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับยิ่งสะดุดตาน่าชวนมองเข้าไปอีก



    “เอ่ย  คือดิฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกคะ  ส่วนน้องสาวดิฉัน...”



    “หนูไม่เป็นอะไรหรอกพี่มาอิ  สบายมากๆ”



    น้องสาวชิงตอบเองแถมยังทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ให้ดูอีก  พาให้พี่สาวที่มาด้วยทำน่าไม่ถูก  ระหว่างท่าทางยิ้มเอ็นดูน้องสาว  กับเขยอายในกิริยาท่าทางม้าดีดกะโหลกของน้องสาวตนเอง   ที่แสดงออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น  ส่วนผู้ที่ถามอาการบาดเจ็บของทั้งสองได้แต่เพียงยิ้มเอ็นดูในความไรเดียงสาของเด็กสาว



    “พวกคุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วละครับ”



    “นี่ๆพี่สาวยังไม่ได้บอกเลยว่า  ทำยังไงพี่ถึงได้เก่งขนาดจัดการเจ้าพวกนั้นได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอย่างนั้นละ”



    ผู้ถูกถามได้แต่ยิ้มให้เด็กสาวโดยผู้ตอบกลับเป็นคู่สนทนากับมาอิเป็นผู้ตอบแทนหญิงสาวผมยาวสลวย



    “พอดีวารีเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนี้นะครับ”



    คำตอบไม่ได้ช่วยให้มาเอะเข้าใจอะไรมากนัก  แต่ก่อนที่สาวน้อยจะเอ่ยคำถามใดเพิ่มมาอีก  มาอิที่นิ่งเงียบฟังน้องสาวคุยจ้อก็เอ่ยถามขึ้นว่า



    “ดิฉันขอขอบคุณพวกคุณมากนะคะที่มาช่วยดิฉันกับน้อง   แต่จะไม่เป็นอะไรเหรอจ๊ะที่พวกคุณไปทำร้ายพวกเขาขนาดนั้น  เห็นผู้ชายคนที่กล้ามใหญ่ๆท่าทางเป็นหัวหน้านั้นพูดไว้ว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้ด้วยสิคะ”



    “โธ่! พี่มาอิไปเชื่อพวกมันได้  พวกนั้นนะดูท่าทางจะโม้ซะมากกว่า  เมื่อกี่นี้ยังทำท่ากลัวลนลานวิ่งหนีไปเลย  ไม่เก่งหรองหรอก  มาเอะว่า”



    “อ้อ  เขาบอกเหรอครับว่าเขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม”



    “ใช่ค่ะ”



    มาอิรับคำพร้อมยิ้มตอบบุคคลตรงหน้าที่หล่อนคาดการว่าน่าจะอายุพอๆกับน้องสาวของตน   แต่เรื่องนิสัยและมารยาทนี้สิ  ต่างกันริบเลย



    “ฉันว่ายังไงก็โม้แน่ๆใช่ไหมละ”



    มาเอะยังเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มที่  แต่ต้องมาตกใจกับคำกล่าวของผู้มาช่วยที่ยิ้มรับคำพูดหล่อนอีกครั้ง  แต่กลับตอบว่า



    “ก็ไม่ผิดนี้ครับ  เขาเป็นลูกชายผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้จริงๆ  ถึงได้วางกล้ามเคื่องใหญ่โตแบบนี้ไงครับ”



    “หา! ตานั้นเป็นลูกชายเจ้าของที่นี้จริงๆเหรอ  แล้วแบบนี้พวกเธอจะไม่กลัวเหรอ  ที่ไปอัดพวกนั้นเข้านะ”



    “ไม่ต้องห่วงครับ  คือความจริงแล้วพวกผมรู้จัก  แล้วก็สนิทกับคุณพ่อของเขาที่เป็นผู้จัดการโรงแรมนี้อยู่นะครับ   เขาถึงกลัวแล้วก็ยอมลามือไปยังไงละครับ”



    คนตอบ ตอบแบบซ่อนรอยยิ้มนิดๆที่แฝงอยู่ในดวงตา ก็แหม่เขาไม่ได้โกหกอะไรนี้ เขาก็รู้จักและก็สนิทกับผู้จัดการใหญ่โรงแรมนี้จริงๆ หากแต่ไม่ได้แค่นั้นว่ารู้จักกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างแค่นั้นเอง!



    “เหรอมิน่าละพวกนั้นถึงได้ทำท่ากลัวล้นลานพอเจอพวกเธอเข้า  คนกลัวพวกเธอไปแฉนิสัยเลวๆของตัวเองให้พ่อรู้ละซิ”



    “พูดให้เพราะๆหน่อยสิจ๊ะมาเอะ”

    คำพูดของสาวน้อยหวนและออกรสออกชาติซะจนพี่สาวต้องคอยปรามให้รู้ตัวว่า  กำลังสนทนากับคนเพิ่งรู้จัก  แม้จะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยตนก็ตาม



    “แม้พี่มาอิ  ไม่เห็นต้องมารยาทมากก็ได้มั้ง    แล้วเธอก็ท่าทางอายุพอๆกับหนูเลยนี้  เป็นเพื่อนกันดีกว่ามานั้งพูดคะขา  มารยาทมากมายแบบผู้ใหญ่เขาก็ได้”



    คนถูกเอ่ยถึงตรงหน้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของมาเอะพลางหันไปยิ้มกับหญิงสาวผมยาวสลวยที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังตน   แต่ต้องรีบหันกลับมาเมื่อสาวน้อยจอมซนเอ่ยหันมาถามเขาต่อในคำถามที่มาอิเองก็สงสัยเช่นเดียวกับน้องสาวของตนว่า



    “นี้ๆเธอนะ ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี่แล้วว่าทำไมเธอใช้คำแทนตัวเองว่าผมตลอดเลยละ”



    “หึ” คำตอบคือรอบยิ้มที่มุมปากอีกครั้งและ..



    “ก็ไม่แปลกนี้ครับในเมื่อ...ผมเป็นผู้ชายนี้ครับ”



    “หา!..ผู้ชายเหรอ!”



    “ทำไมละครับ  ผมเป็นผู้ชายไม่ได้เหรอยังไงกัน”



    ตอบแบบเคยชินเพราะว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงและแน่นอนที่ว่าครั้งนี้ก็คงไม่ใช้ครั้งสุดท้ายด้วย



    “ผู้ชายอะไรกัน  หน้าตาขาวผ่องจิ้มลิ้ม หน้ารักกว่าฉันอีก ฉันไม่เชื่อหรอก...โกหกใช่ม้า!”



    คนถามยังคงไม่เชื่อถือในคำตอบแถมเพิ่มปริมาณความดังของเสียงขึ้นอีก



    “เฮ่ย!” ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจก็อย่างที่ว่าละนะโดนแบบนี้มาหลายที่แล้วนี้ก็คงต้องมีเซ็งกันบ้าง



    “แหม!...ต้องขอขอบคุณนะครับที่ชม  แต่ว่าเชื่อเถอะครับว่าผมเป็นผู้ชายจริงๆ  แล้วผมเองก็ยังไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนเพศด้วย”



    ………………..



    “เอาล่ะครับผมขอส่งพวกคุณที่ลิฟท์นี้ก็แล้วกันนะครับ”



    ชายหนุ่มที่ใครๆพากันอยากจะยกตำแหน่งสาวน้อยน่ารักประจำปีให้อยู่เรื่อยยิ้มส่งสองสาวที่หน้าประตูลิฟท์   ในขณะที่สองสาวพี่น้องยังคงทำท่างงไม่หายที่ได้รู้ว่าเพื่อนใหม่ของตนเป็นผู้ชายทั้ง ที่หน้าตาออกจะน่ารักกว่าผู้หญิงขนาดนั้น



    “ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะที่วันนี้พวกคุณช่วยเราไว้”



    มาอิกล่าวขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง



    “ไม่เป็นไรครั้ง  แล้วก็อีกอย่างตอนนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ  อย่าถือเป็นหนี้บุญคุณอะไรกันเลยครับ”



    คำกล่าวตอบช่างเป็นคำกล่าวที่เกินอายุและมาอิแทบไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากหนุ่มน้อยหน้าหวานที่สามารถกะอายุได้ว่าพอๆกับน้องสาวของตน



    “นี่ๆเธอ..อุ้ย! ไม่สิต้องนายใช่ม้า”



    “ใช่แล้วครับ  คุณมีอะไรให้ผมรับใช่ไม่ทราบครับ  สาวน้อย”



    หนุ่มน้อยตอบมาเอะด้วยรอยยิ้มที่มุมปากที่ยังคงมีให้เสมอพร้อมน้ำเสียงที่ราบเรียบและนิ่งสงบแต่ก็ชวนฟัง



    “บ้าน่า..สาวน้อยอะไรกัน  ฉันแค่มีอะไรที่อยากจะถามนายซักอย่างก่อนจะกลับขึ้นห้องพักนะ”



    “มีอะไรเหรอครับ”



    “ก็ตอนนี้เราถือว่าเป็นคนรู้จัก แล้วก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม”



    “ก็..คงอย่างนั้นละมั้งครับ” ตอบโดยรอยยิ้มบางๆยังไม่หายไปไหน

    “แต่ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าพวกนายชื่ออะไรกัน  แนะนำตัวกันก็ยังไม่เคยเลย”



    คำกล่าวของสาวน้อยช่วยให้รอยยิ้มบางๆของเด็กหนุ่มเริ่มถูกขับเน้นให้กว้างขึ้นมาอีก



    “นั้นะสินะครับ”



    “ฉันยามางิ  มาเอะแล้วก็นี้พี่สาวฉัน ยามางิ  มาอิ  มาจากญี่ปุ่น”



    “โอ! มาจากญี่ปุ่นเลยเหรอครับ   แล้วทำไมพวกคุณ ถึงได้พูดภาษาไทยชัดขนาดนี้ละครับ ผมไม่คอยเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พูดไทยชัดขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ”



    “คือคุณแม่ของเราเป็นชาวไทยคะ  เราก็เลยพล่อยได้ท่านช่วยสอนไปด้วย  แต่จริงๆแล้วครอบครัวเราก็ไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวโดยตรงหรอกคะ   พอดีคุณพ่อของเราท่านมีนัดมาติดต่อธุรกิจที่นี้นะคะ เราก็เลยถือโอกาสมาพักผ่อนกันด้วย”



    มาอิตอบแทนน้องสาวด้วยอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกและทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะตั้งแต่ได้พบชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้า  มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่าตนเคยพบคนตรงหน้ามาก่อน และต้องไม่ใช่การพบกันอันธรรมดาสามัญอย่างแน่นอนด้วย!



    “แล้วนายละ  พวกนายยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะ”



    “อ้อครับ ได้ครับ”



    เด็กหนุ่มรับคำและผายมือไปยังหญิงสาวผมยาวสลวยผู้ซึ่งเดินติดตามใกล้ชิดเขาอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยคำกล่าวใดออกมาเท่านั้น



    “ดิฉัน วารี  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักคะ”



    “ยินดีคะ  เหมือนกันคะพี่สาวสุดเก่ง”



    วารียิ้มรับคำทักทายของมาเอะก่อนที่เด็กหนุ่มนายน้อยของหล่อนจะแนะนำตัวเองบ้างว่า



    “ผม วายุ  เพชรเทวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ”



    จบตอน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×