ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #7 : ไอ้โรคจิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 87
      0
      7 ส.ค. 48

    “หยุดนะ เจ้าบ้า! หยุดให้กระทืบเดียวนี้นะเจ้าขโมย”



        เสียงดังมาแต่ไกลพร้อมกับฉากการไล่ล่า  ระหว่างหนึ่งแชมป์นักวิ่งสาวชาวญี่ปุ่นกับหนึ่งหนุ่มนักวิ่งราวประจำสนามบิน



        “หน่อยหยุดนะเจ้าบ้า หยุดๆ”



        มาเอะร้องสั่งเป็นภาษาไทยหลังจากครั้งแรกนั้นหล่อนกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่น  พอวิ่งมาซักพักก็เริ่มคิดได้ว่า เจ้านักวิ่งที่วิ่งนำหน้าอยู่นี้อาจไม่สามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่น  ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยอันเป็นภาษาของมารดาหล่อน



        “บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง  พูดภาษาไทยไม่เข้าใจหรือไงว่ะ”



        กระชากเสียงอีกครั้งดังลั่นแต่ผลที่ได้รับดูเหมือนจะตรงกันข้ามเมื่อนักวิ่งราวตรงหน้าเร่งความเร็วเพิ่มจากเดิมอีกเท่าตัว  ก็แน่ละ  นักวิ่งราวนี้  ใครหยุดก็บ้าแล้ว!



        “หน่อย  ตามไม่หยุดเลยนะยัยบ้า”



        เจ้านักวิ่งราวคิดในใจก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการขั้นที่สองหลังจากแผนการวิ่งหน้าตั้งอย่างเดียวยังสลัดนักวิ่งหญิงจากต่างประเทศผู้นี้ไม่ได้



        โครม!



        รถเข็นคันโตที่บรรทุกกระเป๋าเต็มอัดตราที่จอดอยู่ด้านข้างถูกกระชากดึงมาขวางทางทันใด ด้วยจุดประสงค์ที่จะหยุดผู้ติดตาม



        “เหอะ”



        หญิงสาวร้องออกมาก่อนที่จะใช้มือสองข้างแตะไปบนกระเป๋าใบโตบนรถเข็น  จากนั้นถีบร่างตัวเองใช้กระเป๋าแทนม้ากระดานตีลังกาข้ามสิ่งกรีดขวางตรงหน้าไปอย่างหวุดหวิด    และทันทีที่เท้าหญิงสาวแตะสู่พื้นการไล่ล่ายก 2 ก็เริ่มขึ้น



    โดยยกระดับจากการวิ่ง4x100 กลายเป็นการวิ่งวิบากข้ามสิ่งกรีดขวางของหนึ่งนักวิ่งสาวกับหนึ่งนักสร้างเครื่องกรีดขวางแทน  สร้างความโกลาหลให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางทั้งหลายทั้งผิวขาว เหลือง  ดำ กันอุตลุด



    นักวิ่งราวมือฉมังเริ่มทิ้งช่วงห่างออกไปทุกทีเพราะสาวน้อยนักวิ่งนามมาเอ๊ะจำต้องหยุดการไล่ล่าเพื่อหันไปช่วยพยุงหญิงชราผู้หนึ่งที่ถูกชนล้มลงด้วยฝีมือของเจ้านักวิ่งผู้ไม่กลัวเกรงผลกรรม



    “ฉันไปก่อนละนะยัยเด็กบ้า”



    เจ้านักวิ่งราวคิดในใจพร้อมกับเหลียวไปมองสาวน้อยที่วิ่งไล่ตามมา  หยุดช่วยหญิงชราที่ตนชนล้มลงโดยไร้ซึ้งจิตสำนึก   ในตอนนี้มันแน่ใจแล้วว่าเมื่อหญิงสาวหันกลับมาอีกครั้งมันคงจากไปไกลแล้วอย่างแน่นอน  ใช่! มันก็คงสมควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าโลกนี้ไม่มีกฎๆหนึ่ง  กฎที่ถูกเรียกว่า กฎแห่งกรรม!



    เฮ้ย!



    ในทันทีที่นักวิ่งราวผู้ซ้อนความเลวของตนในชุดเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำกับกางเกงแสล็คสีดำเข้าชุดกันวิ่งเลี้ยวหลบไปยังช่องทางที่มุ่งสู่ทางออกจากสนามบินนั้นเอง  พลันมีขายาวๆของชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวออกมาขัดขาเจ้านักวิ่งราวตัวดี  ทำให้ร่างที่เร่งความเร็ววิ่งไปยังทางออกหัวทิ่มลงข้างหน้าทันใด



    “โอ๊ย  ไอ้บ้าเอ่ย  ลื้อเป็นใครว่ะถึงกล้าเข้ามาขวางอั๊ว”



    เจ้านักวิ่งตัวร้ายกล่าวออกมาหลังจากที่ลุกขึ้นมาได้  และเมื่อมันมองไปยังชายหนุ่มผู้ขัดขาตนล้มลงก็ต้องได้พบว่า  กระเป๋าถือที่ตนวิ่งราวมาได้นั้นไปอยู่ในมือของชายหนุ่มหน้าตาคมสัน  สูงใหญ่ในชุดสูทสากลสีดำซะแล้ว



    “อยากเจ็บตัวแล้วมั่งแก”



    เห็นดังนั้นเจ้านักวิ่งราวก็พุ่งเข้าโจมตีชายหนุ่มด้วยหมัดขาวตายซ้ายสลบของตนอย่างไม่ยอมรีรอ  เพียงสิ่งเดียวที่มันหวังคือการได้เห็นใบหน้าคมสันของหนุ่มผู้มาใหม่กระทบเข้ากับหมัดของตนล้มกลิ้งลงไปตรงหน้า  แต่ความหวังของมันก็ต้องสลายอีกครั้งเมื่อต้องพบกับ..



    ฟืด!



    เสียงแหวกอากาศของหมัดเจ้านักวิ่งราวลอยกระทบเพียงอากาศธาตุเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเอียงตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด  เจ้าตัวดีเห็นดังนั้นก็ส่งหมัดที่สองและสามตามมาทันใด  หากแต่ก็พบเพียงอากาศธาตุเช่นเดียวกับครั้งแรก



    หึ!



    ลอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำหลังจากหลบหมัดขาวตาย ที่เริ่มทำให้เจ้าของตาลายแทนชื่อเดิมกับซ้ายสลบที่เริ่มออกอาการพลาดตลบหลังคนใช้เข้าให้ และในทันทีที่เจ้านักวิ่งราวเริ่มคิดขึ้นได้ว่าตนเองก็ยังเหลือเท้าทั้งสองข้างอีกหลังจากที่หมัดทั้งสองพลาดเป้า  เพียงชั่ววินาทีก่อนที่เท้าขวาของเจ้านักวิ่งราวจะส่งลูกเตะเข้าร่างชายหนุ่ม  



    ลูกเตะที่ร้ายแรงและแหลมคมยิ่งกว่าก็ถูกส่งเข้าเจาะยางขาขวาดับลูกเตะที่เจ้านักวิ่งราวส่งมาทันที  ส่งผลให้เจ้าตัวร้ายเสียการทรงตัว ตัวงอเป็นกุ้งถูกจับลงหมอไฟทั้งเป็น  และก่อนที่เจ้านักวิ่งราวจะเริ่มทรงตัวได้เท้าที่ส่งลูกเตะอันแหลมคมข้างเดิมของชายหนุ่มก็ส่งลูกเตะไปยังคู่ต่อสู้ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง



    บึกๆ



    ร่างเจ้านักวิ่งราวเซไปทางด้านหลังตนเองด้วยแรงเตะของชายหนุ่มและเมื่อร่างของเจ้านักวิ่งราวเริ่มน่วมและระยะห่างของคู่ต่อสู้ทั้งสองพอเหมาะ  ชายหนุ่มในชุดดำก็ส่งจระเข้ฟาดหางเข้าท้ายทอยเจ้านักวิ่งราวส่งมันเข้าสู่ห้วงนิทราทันใด!



    ……………….



    เฮ้ย!



    เสียงถอนใจดังแผ่วเบาหากแต่ไร้แววเหน็ดเหนื่อยของชายหนุ่มดังออกมาก่อนเจ้าตัวจะรำพันกับตนเงียบๆว่า



    “พวกเจ้าหน้าที่สนามบินนี้มัวทำอะไรกันอยู่นะ  ถึงปล่อยให้เจ้าตัวชอบก่อปัญหาสังคมนี้ออกมาทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนในสนามบินแบบนี้ได้   สงสัยคงต้องขอคุยกับผู้อำนวยการสนามบินซักหน่อยแล้ว”



    ชายหนุ่มรำพึงตามประสาผู้รักษาความสงบ  โดยไม่รู้เลยว่าแม้คราวนี้ตนเองจะสามารถช่วยรักษาความสงบของผู้คนได้อย่างไม่เปลืองแรงก็ตาม  แต่ความสงบของเขาเองกำลังจะถูกรบกวนด้วยฝีมือของสาวน้อยนางหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งมาอย่างดุดัน!



    “แกตาย”



    เสียงร้องของสาวน้อยจอมซนดังลั่นช่วยเรียกสติของชายหนุ่มให้หันมายังทิศที่มาของเสียง  แต่น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจสามารถหลบร่างบางหุ่นนักกีฬาของสาวน้อยนามมาเอะที่กระโดดข้ามหัว “เหล่านานาชาติมุง” ที่ยืนรายล้อมดูการต่อสู้เมื่อกี้นี้อยู่เข้ามาหาเขาได้



    โครม!



    ร่างเอวบางหากแต่แข็งแรงตามแบบฉบับนักกีฬาพุ่งเข้าชนร่างชายหนุ่มล้มลงท่ามกลางอาการตื่นตกใจของนานาชาติมุงอีกครั้งหลังจากคู่มวยยกแรกจบลง  ร่างเล็กในชุดกางเกงยีนกับเสื้อแขนยาวตามแบบเด็กวัยรุ่นเข้ารวบกดร่างชายหนุ่มปากร้องออกมาว่า



    “เสร็จฉันละเจ้าหัวขโมย  ฆาตกรรณ  นักวิ่งราว    ค้ายา  อนาจารเด็ก  ขนของเถื่อน  ค้าอาวุธสงคราม...”



    ข้อหานานาชนิดถูกส่งออกมาจากปากน้อยๆอย่าไม่หยุดยั่ง  มือเล็กบางหากแข็งแรงเข้าเค้นคอชายหนุ่ม



    “เดียวๆ เจ้าหนูเธอเข้าใจผิดแล้วฉันไม่ได้..”



    “เข้าใจผิดอะไรละหลักฐานก็ยังอยู่ในมือนี้ไง  ฉันวิ่งไล่แก่มานะชุดดำๆนี้ก็อีกใช่เลย”



    “บอกว่าไม่ใช่ไง”



    เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้มือจับยึดแขนของคู่มวยคนใหม่  ที่คราวนี้เปลี่ยนจากมวยไทยเป็นมวยปล้ำแทนพร้อมออกแรงพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายกดร่างของอีกฝ่ายแทน  



    “ทีนี้คงพูดกันรู้เรื่องแล้วสินะ”



    ชายหนุ่มกล่าวหลังจากสามารถเป็นฝ่ายพลิกกลับมาอยู่ด้านบนได้  โดยคิดว่าแบบนี้คงจะสามารถสงบสติอารมณ์ของคู่มวยตนได้   แต่แล้วเขากลับคาดผิดเมื่อมือเจ้ากรรมของเขาที่เมื่อกี่นี้ยังทำหน้าที่จับแขนของคู่มวยตนอยู่  กลับไถลจากหน้าที่เดิมกดหมับลงบนตำแหน่งอันนุ่มนิ่มพอดีมือบนร่างที่ตนกดอยู่  และแล้วชายหนุ่มก็ต้องได้พบว่าเขากลับได้รับอีกตำแหน่งทันที



    “อ้าย!! ไอ้โรคจิต”



    เสียงกรีดร้องของไอ้หนูที่ดันกลายเป็นเด็กสาวดังลั่นทางเดินอาคารสนามบิน  ส่งผลให้ชายหนุ่มรีบโดดผึ่งออกจากตัวสาวน้อยทันใด!



    “แก!”



    สาวน้อยใช้แขนทั้งสองข้างปิดตนเองพรางมองไปยังชายหนุ่มที่ก่อคดีสยองขวัญกับตนเสียยิ่งกว่าคดีแรก   แต่โชคดีที่ก่อนที่ร่างบางจะเริ่มเปลี่ยนความอายเป็นความแค้นพุ่งเข้ามาคิดบัญชีพร้อมดอกเบี้ยกับชายหนุ่ม  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มัวอืด  มาสายจนเขาแทบตีกันตายจบไปแล้วสองคู่ก็มาถึง



    “หยุดก่อนนะครับ พวกคุณ”



    เสียงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกล่าว  ในขณะลูกน้องของตนเข้าล๊อคคู่กรณีทั้งสองกันออกจากกัน



    “คุณตำรวจจับมันเลยค่ะ   มันวิ่งราวกระเป๋าถือแม่ของดิฉันมาค่ะ  เมื่อกี่ดิฉันวิ่งตามมาเห็นหลังไวไว  ชุดสีดำแบบนี้ละค่ะ  ก่อนคุณตำรวจมามันยังถือให้ฉันเห็นอยู่เลย”



    “เป็นความจริงหรือเปล่าครับ”



    เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวถามคู่กรณีอีกฝ่ายที่ถือว่าดูดีมากหากเป็นโจรจริง   ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสูทสีดำสากลบ่งบอกฐานะไม่ธรรมดา  แต่ก็นั้นแหละสังคมเดียวนี้  โจรในชุดสูทมีให้เห็นแยะไป  แต่จะว่าไปแล้วผู้ชายคนนี้หน้าตาคุ้นมากนะเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี้ละ



    “เป็นการเข้าใจผิดกันนะครับ”



    “เข้าใจผิดอะไรกัน  ก็เห็นๆอยู่นี้”



    หญิงสาวกล่าวพร้อมส่งสายตาอันน่าขนลุกไปยังชายหนุ่ม



    “ถ้าไม่เชื่อจะถามคนแถวนี้ที่มุงดูอยู่แต่แรกก็ได้นี้”



    ได้ยินดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็หันไปยังชายสูงวัยผู้หนึ่งผู้เป็นผู้ใช้บริการสนามบินแห่งนี้  ซึ่งดูท่าทางว่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น



    “ไม่ทราบว่าคุณเห็นอะไรบ้างครับ”



    หญิงสาวยิ้มสะใจในหน้าว่าทีนี้ละท่าดีนัก  แล้วจะได้รู้กันว่าแกนะเสร็จแน่เจ้าหัวขโมย

    หากแล้วลอยยิ้มของสาวน้อยก็ต้องสิ้นลงเมื่อชายสูงวัยชายตะวันตกในชุดสูทนักธุรกิจน่าเชื่อถือกล่าวออกมาว่า



    “ผู้ชายคนนี้พูดถูกแล้วครับ  เขาไม่ได้วิ่งราวอะไรมาหรอก  แต่เป็นฝ่ายช่วยเอาของจากนักวิ่งราวคืนมาได้ต่างหากละ  แม่หนูคนนี้เข้าใจผิดไปเอง”



    เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็กล่าวขึ้น



    “ไม่จริง  เขาโกหก  ต้องเป็นพวกเดียวกันแน่ๆค่ะคุณตำรวจ  อย่างเชื่อนะคะ  รองถ้าคนอื่นดูสิค่ะ”



    ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกระทำตามคำของหญิงสาว  ชายหนุ่มผู้ถูกตั้งข้อหาก็ชิ่งกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า



    “ขอโทษนะครับทุกท่านที่รบกวน  แต่ถ้าใครมีความเห็นแตกต่างจากคุณผู้ขายท่านนี้ว่าผมเป็นโจรวิ่งราวของเขามาละก็ให้ช่วยกรุณายกมือด้วยครับ”



    เงียบ!



    สิ้นเสียงกล่าวผู้คนก็กลับเงียบเสียงลงและไม่มีผู้ใดยกมือขึ้นเลยแม้ผู้เดียว



    เฮอะ



    ชายหนุ่มยิ้มเยาะหญิงสาวก่อนที่จะกล่าวต่อว่า



    “แล้วใครที่เห็นด้วยกับคุณผู้ชายคนนี้ว่าผมเป็นคนดีและเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องเข้าใจผิดกรุณายกมือขึ้นด้วยครับ”



    ทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวคราวนี้ผู้คนที่รายล้อมอยู่กลับพร้อมใจกันยกมือขึ้นอย่างพร้อมเพียงโดยมิได้นัดหมาย



    “ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครล่ะ ก็ฉันวิ่งตามมาเห็นหลังไวไว  ใส่ชุดสีดำแบบนี้เลย”



    หญิงสาวร้องถามขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวและไม่ได้ดั่งใจ  รวมทั้งความไม่ยอมแพ้ของตนเองมี่ยังมีอยู่ ด้วยความมั่นใจว่าตนกล่าวหาคนถูกแล้ว  หากแต่ความมั่นใจที่ยังคงเหลือเพียงน้อยของหล่อนก็ต้องพังครืนลงมาทันใด  เมื่อชายชาวต่างชาติคนเดิมเอ่ยมาว่า  พร้อมกับชี้ไปยังมุมหนึ่งของอาคารว่า



    “ถ้าหาโจรของแม่หนูละก็  ใช่คนนั้นหรือเปล่าล่ะ  คุณคนนี้เขาช่วยอัดจนหมอบอยู่ตรงนั้นน่ะ”



    หญิงสาวแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อหันไปตามนิ้วชี้ของพยานปากเอกแล้วต้องพบว่า ชายผู้หนึ่งในชุดสีดำเหมือนกับที่ตนไล่ตามมาแทบทุกส่วนนอนฝันหวานหยดย้อยอยู่ห่างออกไปไม่ไกล  โดยก่อนหน้านี้หล่อนกลับไม่อาจมองเห็นได้ด้วยความโกรธที่มาพร้อมขณะไล่ล่าคนๆนี้



    หึ!



    “คราวหลังก็หัดดูให้ดีๆซะก่อนละคุณหนู  ก่อนที่จะคิดไปกล่าวหาใครเขาเข้า”



    ชายหนุ่มในชุดสูทดำสากลกล่าวขึ้นหลังจากเห็นว่าคู่พิพาทจนด้วยหลักฐาน!



    จบตอน



    โปรดติดตามตอนต่อไป  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×