ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #6 : แรกเจอในโลกจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      0
      2 ก.ค. 48

    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ตอนที่ 6 แรกเจอในโลกจริง



    ร่างบางในชุดสูทสีดำล่องลอยสู่กลางนภาสีฟ้าครามดั่งเทพธิดา  ภายในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เชื่อมระบบข้อมูลข่าวสารทั่วโลก “สกายเน็ต” ซึ่งระบบๆนี้ได้เข้ามาแทนที่ระบบอินเตอร์เน็ตที่เป็นระบบเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารแบบเก่าอย่างรวดเร็ว  เหตุเพราะระบบสกายเน็ตเป็นระบบที่ผู้ใช้สามารถโอนถ่ายคลื่นกระแสจิตของตนเข้าสู่โลกเสมือนจริงหรือโลกแห่งไซเบอร์ได้นั้นเอง  ทำให้ระบบแบบเก่าอย่างอินเตอร์เน็ตที่มองผลการทำงานได้เฉพาะบนหน้าจอถูกนำมาใช้เป็นเพียงระบบเสริมระบบหนึ่งของระบบสกายเน็ตแทน



        ภาพที่เห็นเบื่องหน้ามาอิ  ผู้ดูแลระบบสาวแห่งควีนร๊อคคือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สุดสายตาที่ประกอบไปด้วยเกาะลอยฟ้ามากมายลอยเด่นอยู่  ซึ่งเป็นที่รู้ดีกันภายในระบบสกายเวิลด์ว่า  หมู่เกาะทั้งหลายที่เห็นลอยเด่นอยู่ก็คือระบบเครือข่ายต่างๆรวมทั้งเว็บไซด์ต่างๆอันเป็นแหล่งชุมนุมชนแห่งโลกไซเบอร์  



    มาอิชอบที่จะล่องลอยไปบนท้องฟ้าแห่งสกายเวิลด์เพื่อชมหมู่เกาะไซเบอร์ต่างๆเหมือนดั่งตนได้เหาะไปบนท้องฟ้าจริงๆมากกว่าจะรีบไปให้ถึงจุดหมายด้วยความเร็วเครื่องคอมพิวเตอร์ของตน  ขณะเดียวกันกับที่ร่างบางเหาะทะยานไปตรงหน้า   พลันท้องฟ้าสีครามรอบตัวกลับมืดลงทันใด



    “นี้มัน”



    ร่างบางกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ  ทันใดนั้นเองร่างในชุดสูทสีเงินก็ปรากฏขึ้นตรงเบื้องหน้า  



    “เราเจอกันอีกแล้วนะคนสวย”



    หมดประโยคร่างในชุดสูทสีเงินก็ตวัดมือออกมาข้างหน้า  หลังจากนั้นพลันปรากฏเงาร่างของงูตัวใหญ่สีขาวพุ่งทะยานเข้ารัดตัวร่างบางตรงหน้า



    “ออฟชั่นเวคพล่อยโปรแกรม1 ดาบแสง..”



    ก่อนที่จะสิ้นประโยค งูใหญ่ตรงหน้าก็พุ่งเข้ามารัดตัวหญิงสาวนักดูแลระบบคนสวยอย่างไม่ให้ได้มีโอกาสตั้งตัว



    “ปล่อยนะ  อย่าๆ..”



    ก่อนที่มาอิจะหมดเรี่ยวแรงดิ้นลนนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น



    “มาอิๆเป็นอะไรลูกตื่นเถอะ”



    เสียงของคุณนายมาลีดังปลุกลูกสาวคนสวยให้ตื่นขึ้นจากหลับใหลในห้วงนินทา  เพื่อพบตัวเองนั่งอยู่ภายในเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่นำพาเหล่านักเดินทางและนักท่องเที่ยวไปสู่แผ่นดินไทย   แผ่นดินแห่งการท่องเที่ยวชั้นแนวหน้าติดอันดับ 1 ในสิบของโลก

    ..................



    “ฮิๆๆ พี่มาอิฝันเห็นงูเหรอค่ะ  เอ๊ะฝันร้ายแบบนี้แสดงว่าม่เที่ยวเมืองไทยครั้งนี้อาจเจออะไรตื่นเต้นๆก็ได้”



    มาเอะสาวน้อยสุดแสบกล่าวขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวความฝันของผู้เป็นพี่



    “มาเอะนี่พูดอะไรก็ไม่รู้  ฝันร้ายที่ไหนกันนะ  คนไทยเขาถือว่าฝันเห็นงูนะ  แปลว่าจะเจอเนื้อคู่ต่างหากละลูก”



    คุณนายมาลีผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาเป็นคนต่อไปหลังจากได้ยินลูกสาวสุดแสบพูด



    “อ้าว   แบบนี้ก็ยิ่งสนุกเขาไปใหญ่สิ  คราวนี้นี้มาเอะจะได้เห็นว่าที่พี่เขยแล้ว”



    พูดเสียงแจ้วๆออกมาพร้อมกับชายตาไปมองพี่สาวคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ



    “หน่อย  ยายตัวดีอยากเห็นว่าที่พี่เขยนักเหรอที่ตัวเองเมื่อคืนนี้ยังบอกว่าฝันเห็นงูด้วย  ก่อนชาวบ้านเขาฝันเห็นอีก”



    “ก็ที่มาเอะฝันงูมันไม่ได้มาลัดมาเอะ  แต่มาเอะเป็นฝ่ายกระโดดไปกอดมันเองต่างหาก ก็มาเอะชอบงูนี้นา  มันน่ารักดีออก”



    มาอิกับมาลีผู้เป็นแม่ต่างฟังคนเล่าด้วยความรู้สึกพิกลพิกลทั้งคู่



    “โอตายแล้วน้องฉัน  ชอบอะไรไม่ชอบดันชอบงู  แบบนี้ท่าทางเนื้อคู่ของเรานี้เขาคงไม่เข้ามาหาเราเอง  แต่เป็นเราที่จะกระโดดไปขย้ำหนุ่มๆหล่อมากกว่ามั้ง  คุณแม่คิดแบบหนูไหมคะ”



    มาอิรีบถือโอกาสแหย่น้องกลับบ้างหลังจากโดนมาแล้วก่อนหน้า โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดเล่นของสองพี่น้อง จะกลายมาเป็นความจริงในเวลาอันสั้นทั้งพี่ ทั้งน้อง



    “มาอิ..”



    คุณนายมาลีรีบห้ามทัพก่อนที่จะเกิดศึกสายเลือด   จากนั้นครอบครัวยามางิต่างหัวเราะชอบใจ ไม่เว้นแม้แต่คุณโกโบริหัวหน้าครอบครัวและคุณนายมาลีผู้เป็นมารดา ดังลั่นเครื่องบินส่วนตัว ที่ถูกจัดให้เป็นพาหนะของแขกผู้มาเยือนประเทศไทย และแน่นอนว่าสายการบินขนาดเล็ก ผู้รับหน้าที่ดูแลเครื่องบินลำดังกล่าว  ย่อมเป็น 1 ในกรรมสิทธิส่วนตัวของผู้อำนวยการใหญ่แห่งเพชรเทวากรุ๊ป นายวายุ   เพชรเทวา



    ………………



    ขณะเดียวกับที่เครื่องบินอันเป็นพาหนะของครอบครัว ยามางิ เข้าสู้น่านฟ้าไทยนั้นเอง บนถนน ไฮเวย์ ได้ทำการสร้างใหม่ เส้นทางสู่กรุงเทพ-ชลบุรี รถยนต์ ลีมูซีน คันใหญ่สีเงินวาวทั้งคันกำลังแล่นสู่เขตจังหวัดชลบุรีด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มหน้าเข้าผู้มีต่ำแหน่งถึงผู้การกำลังขับขี่รถคันดังกล่าวสู่เป้าหมาย  พลางครุ่มคิดในใจ



    “พี่วาทีครับ ผมให้คนขับรถไปรอที่หน้าตึกที่ทำงานพี่แล้วนะครับ ยังไงถ้าเสร็จงานแล้วก็ให้รีบมาเลยแล้วกันครับ อ้อ แล้วไม่ต้องตกใจครับ ที่วันนี้รถที่ไปรับ เป็นลีมูซีนคันเก่งของเรา พอดีระหว่างทางผมให้นาย ขาว คนขับของเราแวะรับแขกที่เป็นนักธุระกิจญี่ปุ่น พร้อมครอบครัว  ที่จะมาพักผ่อนและคุยเรื่องธุระกิจกับผมที่โรงแรมของเรา  พี่วาทีช่วยต้อนรับเขาแทนผมด้วยนะครับ  แล้วเจอกันครับ

    วายุเพชรเทวา”



    ข้อความในเมล์ของน้องชายจบลง วาทีก็รู้ทันทีว่า  แท้จริงแล้วน้องชายต้องการอะไร  แม้ปกติจะแทบไม่มีใครตามความคิดของน้องชายตัวดีของตนได้เลย แต่ก็ยังมีอีกสามคนที่พอจะเดาใจน้องชายผู้นี้ออกบ้างในบางเรื่อง เพราะความที่สนิทสนมกัน  คนแรกแน่นอนก็ต้องเป็นตัวเขาเองละ อีกหนึ่งคือคุณวารินี มารดาทั้งสอง  อีกคนคือวารีคนสนิทของนายวายุซึ่งถ้าถามความเห็นเขาแล้วละก็  สองคนนี้น่าจะแต่งงานกันไปเลยดีกว่าเพราะแทบจะไม่เคยห่างกันเลย  



    ซึ่งความจริงแล้ววารีก็เป็นหญิงสาวที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยดูแลน้อยชายของเขา   ในช่วงแรกๆที่ได้พบกันนั้นเขาเองก็รู้สึกนึกชอบหญิงสาวผู้นี้อยู่เหมือนกันและในความนึกชอบนั้น ก็มีความสงสารปนอยู่ด้วย  เพราะอดีตของหญิงสาวนั้นต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายนานับประการ  กลิ่นคาวเลือดและควันปืน



        แต่ความสัมพันธุ์ของวาทีกับวารี  ก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น  เพราะจากเวลาที่ผ่านมาหลายปีทำให้เขารู้ว่า  วารีมีเพียงความเคารพนับถือและภักดีต่อเขาในฐานะเป็นพี่ชายของนายวายุเท่านั้น  สำหรับวารีแล้ว  คนผู้เดียวที่เป็นดังชีวิตของหล่อน ที่หล่อนยอมรับนับถือเป็นนายและทุ้มเททั้งใจกายคอยดูแลรับใช้มีเพียง “นายน้อย”ของหล่อน



        ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาเองก็คิดว่าคงยอมรับได้ในทันทีถ้าหากวารีจะเลื่อนชั้นจากคนสนิทของน้องชายมาเป็นน้องสะใภ้ของเขา  แต่ก็นั้นแหละ  เหตุผลเดียวกับที่น้องชายของเขาอยากให้เขาไปต้อนรับนักธุระกิจจากญี่ปุ่นวันนี้       คือเวลาที่เหลืออยู่ของวายุนั้นเอง



        ถ้าเป็นในครอบครัวอื่นผู้ที่จะถือเป็นผู้นำของบ้านย่อมเป็นบิดาหรือลูกชายคนโตผู้จะขึ้นมาดูแลกิจการของบ้านต่อไป  แต่สำหรับครอบครัวเพชรเทวาแล้ว  ผู้เป็นคนสำคัญอันค้ำจุนบ้านนี้อยู่คือน้องชายของเขา  “นายวายุ   เพชรเทวา” ผู้อำนวยการใหญ่แห่งเพชรเทวากรุ๊ปนั้นเอง   วาทีเห็นวาก็แปลกไปอีกแบบที่  



    ถ้าเป็นในครอบครัวผู้ร้ำรวยคนอื่นอาจมีการแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างพี่น้อง  หรือแย่งมรดกทรัพย์สินกันระหว่างญาติๆซึ่งมีให้เห็นทุกยุคสมัย  แต่สำหรับครอบครัวเขาแล้วผู้เป็นน้องชายต่างหากกลับเป็นผู้คอยแต่จะยัดเยียดสิ่งเหล่านั้นให้พี่ชายอย่างเขาแทน  บ่อยครั้งที่เมื่อมีโอกาสน้องชายตัวดีจะต้องหาทางให้เขามามีส่วนร่วมในธุรกิจด้วยทุกครั้งสิน่า  ทั้งๆที่สำหรับตัวเขาเองแล้ว  ชอบที่จะรับราชการ เป็นผู้รักษาความสงบในประเทศมากกว่าจะใส่ใจในเรื่องธุรกิจ

    และไม่แม้แต่จะเคยคิดอยากได้ครอบครองสมบัติใดอันเป็นของน้องชายเลย  



    ด้วยที่รู้ดีว่าคุณวาทะบิดาผู้ร่วมลับไปนั้นหาได้ทิ้งสิ่งใดอันเป็นมรดกไว้แก่เขาและน้องชายเลย  ในช่วงเวลาที่ครอบครัวตกสู่ภาวะเลวร้าย   ส่วนตัวเขาเองก็พบกับอันตรายที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดในดินแดนที่ห่างไกล เพชรเทวากรุ๊ป ร่วมทั้งตัวเขาเองรอดมาได้เพราะสองมือของน้องชายคนนี้เอง

        ส่วนเหตุผลที่น้องชายของเขาอยากให้เขาออกจากราชการที่เสี่ยงต่อชีวิตและเข้ามาช่วยงานเขานักหนานะเหรอ



    “เวลาของผมหยุดเดินไปแล้วนะครับพี่วาที  หยุดเดินเหมือนนาฟิกาที่หยุดนิ่ง  แล้วกำลังนับถอยหลังเข้าใกล้เลขศูนย์ไปทุกที  ผมรู้ตัวเองดี  ร่างกายของผมไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน  เมื่อถึงวันใดที่มันนับถึงศูนย์เมื่อใด  เมื่อนั้นพี่จะเป็นผู้เดียวที่จะต้องรับช่วงคอยดูแลทุกสิ่งที่เป็นของผม ดูแลคุณแม่และเทวากรุ๊ป ต่อไป”



        คำพูดนี้น้องชายของเขาเคยเอยกับเขามาแล้วหลายครั้ง  ทำไมนะน้องชายคนเดียวของ นายวาทีผู้นี้จะต้องมาพบกับสิ่งเลวร้ายนี้ด้วย  หรือสมองอันชาญฉลาดเกินคนของน้องชายเขาต้องแลกมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอกับเวลาที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีงั้นหรือ!





    …………………



    สนามบินนานาชาติ(ใหม่)พัทยา

    ลันเวย์ส่วนตัวบริษัทเพชรเทวากรุ๊ป



        เครื่องบินเจ๊ทส่วนตัวลำงามแห่งบริษัทเพชรเทวากรุ๊ปร่อนลงจอดอย่างนิ่มนวลยังลันเวย์   ทั้งทีที่เครื่องบินจอดสนิทและนักบินบนเครื่องตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องบินจบสิ้น  ประตูเครื่องบินลำงามก็เปิดออกนำพาอาคันตุกะพิเศษแห่งบริษัทเพชรเทวากรุ๊ปเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง



    “ผมขอตัวไปตรวจสอบรถยนต์ที่ทางบริษัทส่งมาก่อนนะครับว่ามาถึงหรือยัง  เดียวถ้าพวกคุณผ่านด่านตรวจเรียบร้อยแล้วก็ขอเชิญไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ  “คอมฟี่ไดมอน” ที่อยู่ชั้นล่างได้เลยนะครับ  สั่งเครื่องดื่มอาหารว่างได้เต็มที่เลยนะครับ”



    พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของบริษัทเพชรเทวา  ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลครอบครัวยามางินับแต่เครื่องบินมาจากญี่ปุ่นหันมากล่าวกับคณะเดินทาง



    “แหม  ก็ตัวเองไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าอาหารนี้  ยังไงก็ต้องบอกให้สั่งได้เต็มที่อย่างสบายใจอยู่แล้ว  แต่เราก็ต้องมานั่งจ่ายเงินเอง”



    เสียงน้องสาวตัวดีดังมาพลางกระซิบกระซากบอกกับพี่สาว  หากแต่คนถูกว่ากระทบรู้สึกจะหูดีเป็นพิเศษเลยกระแอมทีหนึ่งก่อนกล่าวต่อว่า



    “ร้านกาแฟคอบฟี่ไดมอนเป็นร้านสาขาย่อยสาขาหนึ่งของบริษัทคอมฟี่ไดมอน  ที่เป็นหนึ่งในบริษัทเครือเพชรเทวากรุ๊ป  ดังนั้นค่าอาหารต่างๆของพวกคุณจึงอยู่ในรายการเตรียมต้อนรับของเราอยู่แล้วละครับไม่ต้องห่วง  ฟรีตลอดรายการครับ”



    จบคำกล่าว ครอบครัวยามางิก็พากันทำหน้าเด๋อด๋าเขินอายกันเป็นแถว  ทั้งโกโบริผู้นำครอบครัวที่ขายหน้าในความเปิ่นบวกแก่นแก้วของลูกสาวตัวเองและแปลกใจที่ได้รับรู้ความรู้ใหม่ว่า  ร้านกาแฟคอบฟี่ไดมอนที่บุกตีตลาดญี่ปุ่นและยึดครองสนามบินใหญ่ๆแทบทุกที่ทั่วโลกก็เป็นหนึ่งในกิจการของนักธุรกิจคู่ค้าที่ต้นกำลังจะได้พบหน้า  ชายผู้ถูกกล่าวว่าเป็นตำนานแห่งนักธุรกิจผู้สร้าง การค้าอันโด่งดังระดับโลก



    หลังจากช่วงเวลาละอายแก่ใจของคณะเดินทางผ่านพ้นไปพร้อมๆการเทศนาเล็กๆที่น้องน้อยคนเล็กของครอบครัวได้รับ   คณะเดินทางก็ก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟอันเป็นเหตุแห่งความขายหน้าของครอบครัว



    “ว้าย”



    เสียงร้องของคุณมาลีดังขึ้นอันมีเหตุมาจากกระเป๋าถือใบงามถูกช่วงชิงไปจากมืออย่างรวดเร็วโดยเด็กชายร่างผอมเก้งก้าง  สร้างความตกใจให้แก่ผู้คนในที่เกิดเหตุ



    “หยุดนะเจ้าบ้า”



    เสียงมาเอะร้องตวาดตามเจ้าหนุ่มหัวขโมยพร้อมกับสาวเท้าที่เคยคว้าแชมป์วิ่งพลัดของโรงเรียนมาแล้วไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว!



    ..............

    โปรดติดตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×