คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : งานเลี้ยงและสุนทรพจน์
"สวัสดีครับทุกๆท่าน"
ร่างผอมบางกับผิวที่ขาวจนติดซีด หากแต่กลับดูน่าเกรงขามในชุดสูทจีนสีเงินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ชัดถอยชัดคำ
"ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายที่ได้มาร่วมงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตำแหน่งน้อยใหญ่ของเพชรเทวากรุ๊ป หรือคุณๆคนไหนที่ได้รับเชิญมากับครอบครัวก็ตาม..."
หางตากลับชำเรืองมองไปยังสองพี่น้องตระกูลยามางิ
"ผมขอกล่าวยินดีต้อนรับอีกครั้งสำหรับทุกๆท่าน และ ถ้าผมจำไม่ผิด นี้คงเป็นครั้งที่21 แล้วสินะครับที่ ผมได้มาร่วมงานนี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งคุณพ่อของผม คุณวาทะ เพชรเทวา ยังดำรงตำแหน่งผู้นำแหน่งเพชรเทวาอยู่
และครั้งนี้เอง ก็ถือเป็นครั้งที่ 10 แล้ว ที่ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ ต่อหน้าทุกท่าน 10 ปีแห่งการจากไปอย่างไม่หวนกลับของคุณพ่อของผม 1 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ บริษัทเพชรเทวาโอสถในครั้งอดีต กับอีก 9 ปีแห่งการเดินทางยาวไกลของเราทุกคน"
ชายหนุ่มร่างบางหยุดคำพูดชั่วคราวพร้อมทั้งใช้สายตาอันสงบนิ่งเยือกเย็น หากแต่แฝงไว้ด้วยประกายตาอันแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว ชวนให้แขกผู้มาร่วมในงานเหม่อมองด้วยความศรัทธาและชื่นชม
"ใช่ครับทุกท่าน เมื่อกี่นี้ผมใช้คำว่า พวกเราทุกคน แทนที่จะเป็น ผมคนเดียว นั้นก็เพราะว่าคนเรานั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม แม้ว่าจะมีมันสมองอันเป็นเลิศ หรือเก่งกาจมาจากไหนก็ตาม ก็ไม่อาจทำงานให้สำเร็จเรียบร้อยและงดงามได้แต่เพียงผู้เดียว หากแต่จำต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ผู้ช่วยที่ดีด้วย
ผู้ช่วยที่ดีที่จะคอยเคียงข้างกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด ผมเองก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีใครบางคนบอกว่าผมประสบความสำเร็จมาได้ด้วยตัวคนเดียวและอาจยกย่องให้ผมเป็นคนฉลาดเลิศเลอเกินกว่าใครก็ตาม แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย
คุณพ่อของผมเองนั้น ท่านเคยสอนผมเสมอว่า ผู้นำที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่ผู้ที่ได้แค่มีความฉลาดเก่งกาจเกินกว่าใครเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นคนที่สามารถรู้จักเลือกผู้ช่วยที่ดีต่างหาก ผู้ช่วยที่ดีที่จะคอยช่วยเหลือเราในทุกด้าน แม้ในเรื่องที่เรานั้นช่างโง่เขลา แต่เขานั้นแสนฉลาด ผู้ที่เราสามารถตระหนักและรู้ได้ถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นในตัวเขาและความสามารถที่บางทีเจ้าตัวอาจไม่รู้ หากพร้อมที่จะคอยช่วยเหลือเรา เมื่อเราปลุกมันขึ้นมา"
สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังบุคคลของเวทีและต่างพร้อมใจกันสงบนิ่ง รอฟังคำกล่าวของคนตรงหน้า ดั่งต้องมนตร์สะกด
"จนกระทั้งในวันนี้ ผมพร้อมแล้วครับ ที่จะบอกกับคุณพ่อของผมว่า ในเวลานี้ ณ นาทีนี้ ผมได้ค้นพบคนที่คุณพ่อพูดถึงแล้ว เหล่าผู้คนที่พร้อมช่วยเหลือผมในทุกสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ ทุกสิ่งในการต่อสู้อันยาวนานของผมและเพชรเทวาโอสถในอดีต จนมาเป็นเพชรเทวากรุ๊ปได้ในทุกวันนี้ ทุกสิ่งที่ผมยืนอยู่นี้ และทุกสิ่งที่ผมเป็น
พวกเขาเหล่านั้นยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ ยืนอยู่ตรงนี้ ที่นี้ และเรายังคงพร้อมที่จะก้าวต่อไปร่วมกันสู่ความยิ่งใหญ่ของเพชรเทวากรุ๊ป ความยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่แค่พิสูจน์ได้ด้วยแค่เพียงผลกำไรของบริษัท หากแต่
พิสูจน์ได้ด้วยธรรมชาติแห่งโลกมนุษย์ที่เราเพียรพยายามดูแลรักษามันไว้ ไม่ว่าจะในรู้แบบมูลนิธิหรือองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใด
พิสูจน์ได้ด้วยผู้คนมากมายที่เราได้ช่วยเหลือพวกเขาในแต่ละปี โดยการสร้างงานสร้างอาชีพ เข้าสู่ชุมชนต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ในทุกปีผมจึงมายืนอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อมาบอกแก่ทุกท่านว่า ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้คอยช่วยเหลือผมเสมอมา และพวกคุณจะเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดในใจของผมตลอดไป และไม่ว่าระยะทางของเราจะยาวนานสักเพียงไหน หรือแม้ว่าอาจจะเป็นใครอื่นที่ก้าวขึ้นมาอยู่บนเวทีแห่งนี้แทนผมก็ตาม ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่า พวกคุณจะยังอยู่ในใจผมตลอดไป
และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ว่าใครก็ตามจะขึ้นมาแทนที่ผมในตรงนี้ พวกคุณก็จะยังคงอยู่ที่นี้เสมอ อยู่เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนาเพชรเทวากรุ๊ปของเรา ให้ยิ่งใหญ่เจริญก้าวหน้าต่อไปแม้ไร้ซึ่งผมมายืนในที่นี้ รักทุกคนและอยากให้ทุกคนร่วมกันสร้างฝันของเราต่อไป ขอให้สนุกกับงานนะครับ สวัสดีครับ"
สิ้นคำกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานเสียงปรบมือของแขกผู้มาร่วมงานก็พร้อมใจกันดังประสานเสียง แสดงความชื่นชมและประทับใจในคำกล่าวของชายหนุ่ม หากแต่จะมีใครซักกี่คนในงานนี้ที่จะรู้ว่า สำหรับภายในใจของเหล่าครอบครัวและผู้คนที่ใกล้ชิดของ วายุ เพชรเทวาผู้นี้ คำกล่าวเมื่อครู่เปรียบประดุดดั่งคำสั่งเสียของชายหนุ่มที่อยากจะส่งต่อปณิธานของตนไปยังพนักงานของเพชรเทวากรุ๊ปทุกคนที่มาร่วมงาน ก่อนที่เวลาของชายหนุ่มอันเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนเหล่านี้จะหมดลง!
.................................
"วายุ เพชรเทวา"
ชื่อนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวของหล่อนทันใด พร้อมเหตุการณ์การพบกันครั้งแรกของคณะผู้มาเยือน กับผู้การหนุ่มนามวาที เพชรเทวา และคำพูดของใครบางคนที่ว่า
"ผู้การวาที เพชรเทวา พี่ชายของคุณวายุ เพชรเทวา หรือที่พวกคุณและก็คนในต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ ดร.ดี.อาร์.สตอม"
นี้เองละมั้งคือสิ่งที่รบกวนจิตใจของหล่อนมาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรกกับเด็กชาย ไม่สิตอนนี้ต้องบอกว่าด๊อกเตอร์หนุ่มแล้วสินะ ถึงได้ทำให้หล่อนครุ่นคิดอยู่นานว่าเคยพบกันที่ไหน หญิงสาวนักดูแลระบบคิดอยู่ในใจ หากแต่หล่อนเองก็กลับลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกที่หล่อนว่านะ มันมีมาก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยชื่อของตัวเองให้รู้ซะอีกและความรู้สึกนี้มีนก็ยรบกวนหญิงสาวยอยู่ทุกขณะจิต
มาอิไม่อาจรับรู้ได้ชัดเจนนักว่าเกิดอะไรขึ้นรอบกาย หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของชายหนุ่มร่างผอมบาง เพียงจำได้เลาๆว่า ในขณะที่หญิงสาวกำลังเหม่อมองตามร่างของชายหนุ่มที่เดินลงมาจากเวทีและหายเข้าไปในกลุ่มที่เข้าห้อมล้อมแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่ของ พีวีการ์ด คนหนึ่งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่เห็นเดินกันควักไขว้กันเต็มงาน เข้ามานำทางแก่ครอบครับยามางิ ไปยังห้องจัดเลี้ยงรับรองพิเศษที่วายุสั่งจัดเตรียมไว้ต้อนรับครอบครัวยามางิโดยเฉพาะ
"พี่มาอิๆ นี้เห็นไหม ถึงว่าสิ ว่าทำไมชื่อ วายุ เพชรเทวา นี้ถึงคุ้นนักที่แท้ก็ได้ยินมาเมื่อเช้านี้เองที่ตาลุงวิเชียรอะไรคนนั้น เข้าบอกนี้เอง ว่าชื่อนี้เป็นชื่อภาษาไทยของด๊อกเตอร์ดี.เอ.สตรอม แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะ เคยได้ยินแต่ว่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคอมพิวเตอร์ แล้วก็นักธุรกิจอัจฉริยะ มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ 10 ปีก่อนนู่น ถึงจะมีคนบอกว่ายังหนุ่มๆอยู่ ไม่คิดว่าจะท่าทางเด็กขนาดนี้ ตอนนี้หมอนั้นความจริงน่าจะ อายุซัก 20 -30 ปีไม่ใช่เหรอ ไหงถึงได้ดูเด็กพอๆกับมาเอะแบบนี้ละ หรือไปทำหน้า เบบี้เฟรซ หว่า คนรวยนี้นะ"
"ไม่รู้สิจ๊ะมาเอะ แต่พี่รู้สึกว่าเขาคงไม่น่าจะไปทำแบบนั้นนี้จ๊ะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงละก็ รูปร่างผิวพรรณของเขาก็ไม่น่าจะดูเด็กไปด้วยนะ"
"แน่! รีบแก้ตัวแทนกันเชียวนะ เอ๋ สงสัยคราวนี้ คุณแม่คงได้เจอวาที่ลูกเขยสมใจซะแล้วสิ แถมยังเป็นอภิแห่งอภิมหาเศรษฐีอีกตั้งหาก โชคดีหลายชั้น"
พูดไม่พูดเปล่า กลับทำหน้าทะเล้นยิ้มแป้นหน้าบานล้อเลียนพี่สาว
"มาเอะ!"
"อะๆพี่มาอิอย่างนะ นี้เราเดินรังท้ายขบวนแขกผู้มีเกียรติ ที่กำลังเดินทางไปห้องรับรองพิเศษอยู่น่า มีเรื่องขึ้นมาคุณพ่อเฉ่งแน่" ................................. บ้าเอ่ย! เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้ "ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้" กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้ บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ แต่ปัญหาก็คือ มันอยู่ตรงไหนนี้สิ หลงทาง! นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้ หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้
"โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง" บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ความซวยของหล่อนนั้น ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้! "โอ็ย!" เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้ จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด "บ้าเอ่ย ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย" บ่นกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่ ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!
............................. "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง" เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่ พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ ผิวขาวนวลดุจใข่มุก ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่
ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน และสิ่งนั้นเอง มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!
แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน "เจ็บมากไหมจ๊ะหนู ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"
ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ" ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน "แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ" คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว "มา เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ" เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่ "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ แค่นี้เอง" คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย "วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า" เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ เพชรเทวา ในวันนี้ "จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ" ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน "เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก" คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!
ยังไม่จบตอนครับ
.................................
บ้าเอ่ย!
เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้
"ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้"
กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้ บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ แต่ปัญหาก็คือ มันอยู่ตรงไหนนี้สิ
หลงทาง!
นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้ หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้
"โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง"
บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ความซวยของหล่อนนั้น ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้!
"โอ็ย!"
เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้ จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด
"บ้าเอ่ย ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย"
บ่นกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่ ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!
.............................
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง"
เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่ พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ ผิวขาวนวลดุจใข่มุก ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่
ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน และสิ่งนั้นเอง มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!
แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน
"เจ็บมากไหมจ๊ะหนู ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"
ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"
ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน
"แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ"
คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว
"มา เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ"
เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่
"ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ แค่นี้เอง"
คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน
จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย
"วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า"
เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ เพชรเทวา ในวันนี้
"จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ"
ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน
"เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก"
คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!
ยังไม่จบตอนครับ
.................................
บ้าเอ่ย!
เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้
"ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้"
กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้ บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ แต่ปัญหาก็คือ มันอยู่ตรงไหนนี้สิ
หลงทาง!
นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้ หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้
"โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง"
บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ความซวยของหล่อนนั้น ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้!
"โอ็ย!"
เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้ จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด
"บ้าเอ่ย ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย"
บ่นกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่ ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!
.............................
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง"
เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่ พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ ผิวขาวนวลดุจใข่มุก ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่
ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน และสิ่งนั้นเอง มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!
แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน
"เจ็บมากไหมจ๊ะหนู ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"
ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"
ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน
"แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ"
คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว
"มา เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ"
เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่
"ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ แค่นี้เอง"
คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน
จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย
"วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า"
เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ เพชรเทวา ในวันนี้
"จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ"
ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน
"เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก"
คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!
จบตอนครับ
ความคิดเห็น