ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #11 : งานเลี้ยงและสุนทรพจน์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 120
      0
      26 ก.ค. 49

    "สวัสดีครับทุกๆท่าน"

    ร่างผอมบางกับผิวที่ขาวจนติดซีด หากแต่กลับดูน่าเกรงขามในชุดสูทจีนสีเงินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ชัดถอยชัดคำ

    "ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายที่ได้มาร่วมงานนี้  ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตำแหน่งน้อยใหญ่ของเพชรเทวากรุ๊ป  หรือคุณๆคนไหนที่ได้รับเชิญมากับครอบครัวก็ตาม..."

    หางตากลับชำเรืองมองไปยังสองพี่น้องตระกูลยามางิ

    "ผมขอกล่าวยินดีต้อนรับอีกครั้งสำหรับทุกๆท่าน และ ถ้าผมจำไม่ผิด นี้คงเป็นครั้งที่21 แล้วสินะครับที่ ผมได้มาร่วมงานนี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งคุณพ่อของผม  คุณวาทะ  เพชรเทวา ยังดำรงตำแหน่งผู้นำแหน่งเพชรเทวาอยู่

    และครั้งนี้เอง ก็ถือเป็นครั้งที่ 10 แล้ว ที่ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ ต่อหน้าทุกท่าน  10  ปีแห่งการจากไปอย่างไม่หวนกลับของคุณพ่อของผม  1  ปี แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ  บริษัทเพชรเทวาโอสถในครั้งอดีต  กับอีก 9 ปีแห่งการเดินทางยาวไกลของเราทุกคน"

    ชายหนุ่มร่างบางหยุดคำพูดชั่วคราวพร้อมทั้งใช้สายตาอันสงบนิ่งเยือกเย็น  หากแต่แฝงไว้ด้วยประกายตาอันแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว  ชวนให้แขกผู้มาร่วมในงานเหม่อมองด้วยความศรัทธาและชื่นชม

    "ใช่ครับทุกท่าน  เมื่อกี่นี้ผมใช้คำว่า พวกเราทุกคน แทนที่จะเป็น ผมคนเดียว    นั้นก็เพราะว่าคนเรานั้น  ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม   แม้ว่าจะมีมันสมองอันเป็นเลิศ  หรือเก่งกาจมาจากไหนก็ตาม  ก็ไม่อาจทำงานให้สำเร็จเรียบร้อยและงดงามได้แต่เพียงผู้เดียว   หากแต่จำต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ผู้ช่วยที่ดีด้วย

    ผู้ช่วยที่ดีที่จะคอยเคียงข้างกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด     ผมเองก็เช่นเดียวกัน  แม้จะมีใครบางคนบอกว่าผมประสบความสำเร็จมาได้ด้วยตัวคนเดียวและอาจยกย่องให้ผมเป็นคนฉลาดเลิศเลอเกินกว่าใครก็ตาม  แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย

    คุณพ่อของผมเองนั้น  ท่านเคยสอนผมเสมอว่า  ผู้นำที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่ผู้ที่ได้แค่มีความฉลาดเก่งกาจเกินกว่าใครเพียงอย่างเดียว  หากแต่เป็นคนที่สามารถรู้จักเลือกผู้ช่วยที่ดีต่างหาก   ผู้ช่วยที่ดีที่จะคอยช่วยเหลือเราในทุกด้าน   แม้ในเรื่องที่เรานั้นช่างโง่เขลา  แต่เขานั้นแสนฉลาด   ผู้ที่เราสามารถตระหนักและรู้ได้ถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นในตัวเขาและความสามารถที่บางทีเจ้าตัวอาจไม่รู้   หากพร้อมที่จะคอยช่วยเหลือเรา  เมื่อเราปลุกมันขึ้นมา"

    สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังบุคคลของเวทีและต่างพร้อมใจกันสงบนิ่ง  รอฟังคำกล่าวของคนตรงหน้า  ดั่งต้องมนตร์สะกด

    "จนกระทั้งในวันนี้   ผมพร้อมแล้วครับ  ที่จะบอกกับคุณพ่อของผมว่า  ในเวลานี้    นาทีนี้  ผมได้ค้นพบคนที่คุณพ่อพูดถึงแล้ว     เหล่าผู้คนที่พร้อมช่วยเหลือผมในทุกสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ  ทุกสิ่งในการต่อสู้อันยาวนานของผมและเพชรเทวาโอสถในอดีต  จนมาเป็นเพชรเทวากรุ๊ปได้ในทุกวันนี้   ทุกสิ่งที่ผมยืนอยู่นี้  และทุกสิ่งที่ผมเป็น

    พวกเขาเหล่านั้นยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ  ยืนอยู่ตรงนี้  ที่นี้  และเรายังคงพร้อมที่จะก้าวต่อไปร่วมกันสู่ความยิ่งใหญ่ของเพชรเทวากรุ๊ป   ความยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่แค่พิสูจน์ได้ด้วยแค่เพียงผลกำไรของบริษัท  หากแต่

    พิสูจน์ได้ด้วยธรรมชาติแห่งโลกมนุษย์ที่เราเพียรพยายามดูแลรักษามันไว้   ไม่ว่าจะในรู้แบบมูลนิธิหรือองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใด    

    พิสูจน์ได้ด้วยผู้คนมากมายที่เราได้ช่วยเหลือพวกเขาในแต่ละปี  โดยการสร้างงานสร้างอาชีพ เข้าสู่ชุมชนต่างๆ 

    ด้วยเหตุนี้ในทุกปีผมจึงมายืนอยู่     ที่นี้  เพื่อมาบอกแก่ทุกท่านว่า  ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้คอยช่วยเหลือผมเสมอมา  และพวกคุณจะเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดในใจของผมตลอดไป   และไม่ว่าระยะทางของเราจะยาวนานสักเพียงไหน  หรือแม้ว่าอาจจะเป็นใครอื่นที่ก้าวขึ้นมาอยู่บนเวทีแห่งนี้แทนผมก็ตาม   ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่า  พวกคุณจะยังอยู่ในใจผมตลอดไป

    และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  ไม่ว่าใครก็ตามจะขึ้นมาแทนที่ผมในตรงนี้  พวกคุณก็จะยังคงอยู่ที่นี้เสมอ  อยู่เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนาเพชรเทวากรุ๊ปของเรา  ให้ยิ่งใหญ่เจริญก้าวหน้าต่อไปแม้ไร้ซึ่งผมมายืนในที่นี้     รักทุกคนและอยากให้ทุกคนร่วมกันสร้างฝันของเราต่อไป   ขอให้สนุกกับงานนะครับ   สวัสดีครับ"

    สิ้นคำกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานเสียงปรบมือของแขกผู้มาร่วมงานก็พร้อมใจกันดังประสานเสียง   แสดงความชื่นชมและประทับใจในคำกล่าวของชายหนุ่ม หากแต่จะมีใครซักกี่คนในงานนี้ที่จะรู้ว่า  สำหรับภายในใจของเหล่าครอบครัวและผู้คนที่ใกล้ชิดของ วายุ   เพชรเทวาผู้นี้  คำกล่าวเมื่อครู่เปรียบประดุดดั่งคำสั่งเสียของชายหนุ่มที่อยากจะส่งต่อปณิธานของตนไปยังพนักงานของเพชรเทวากรุ๊ปทุกคนที่มาร่วมงาน   ก่อนที่เวลาของชายหนุ่มอันเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนเหล่านี้จะหมดลง!

    .................................

    "วายุ  เพชรเทวา"

    ชื่อนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวของหล่อนทันใด  พร้อมเหตุการณ์การพบกันครั้งแรกของคณะผู้มาเยือน กับผู้การหนุ่มนามวาที  เพชรเทวา และคำพูดของใครบางคนที่ว่า

    "ผู้การวาที  เพชรเทวา  พี่ชายของคุณวายุ   เพชรเทวา หรือที่พวกคุณและก็คนในต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ  ดร.ดี.อาร์.สตอม"

    นี้เองละมั้งคือสิ่งที่รบกวนจิตใจของหล่อนมาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรกกับเด็กชาย  ไม่สิตอนนี้ต้องบอกว่าด๊อกเตอร์หนุ่มแล้วสินะ ถึงได้ทำให้หล่อนครุ่นคิดอยู่นานว่าเคยพบกันที่ไหน   หญิงสาวนักดูแลระบบคิดอยู่ในใจ  หากแต่หล่อนเองก็กลับลืมไปแล้วว่า  ความรู้สึกที่หล่อนว่านะ  มันมีมาก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยชื่อของตัวเองให้รู้ซะอีกและความรู้สึกนี้มีนก็ยรบกวนหญิงสาวยอยู่ทุกขณะจิต

    มาอิไม่อาจรับรู้ได้ชัดเจนนักว่าเกิดอะไรขึ้นรอบกาย   หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของชายหนุ่มร่างผอมบาง  เพียงจำได้เลาๆว่า ในขณะที่หญิงสาวกำลังเหม่อมองตามร่างของชายหนุ่มที่เดินลงมาจากเวทีและหายเข้าไปในกลุ่มที่เข้าห้อมล้อมแล้ว    ก็มีเจ้าหน้าที่ของ พีวีการ์ด คนหนึ่งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่เห็นเดินกันควักไขว้กันเต็มงาน  เข้ามานำทางแก่ครอบครับยามางิ  ไปยังห้องจัดเลี้ยงรับรองพิเศษที่วายุสั่งจัดเตรียมไว้ต้อนรับครอบครัวยามางิโดยเฉพาะ

    "พี่มาอิๆ  นี้เห็นไหม  ถึงว่าสิ  ว่าทำไมชื่อ  วายุ   เพชรเทวา   นี้ถึงคุ้นนักที่แท้ก็ได้ยินมาเมื่อเช้านี้เองที่ตาลุงวิเชียรอะไรคนนั้น  เข้าบอกนี้เอง   ว่าชื่อนี้เป็นชื่อภาษาไทยของด๊อกเตอร์ดี.เอ.สตรอม  แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะ  เคยได้ยินแต่ว่า เป็นนักวิทยาศาสตร์  นักคอมพิวเตอร์  แล้วก็นักธุรกิจอัจฉริยะ  มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ 10  ปีก่อนนู่น   ถึงจะมีคนบอกว่ายังหนุ่มๆอยู่  ไม่คิดว่าจะท่าทางเด็กขนาดนี้   ตอนนี้หมอนั้นความจริงน่าจะ อายุซัก 20 -30 ปีไม่ใช่เหรอ   ไหงถึงได้ดูเด็กพอๆกับมาเอะแบบนี้ละ หรือไปทำหน้า เบบี้เฟรซ หว่า  คนรวยนี้นะ"

    "ไม่รู้สิจ๊ะมาเอะ  แต่พี่รู้สึกว่าเขาคงไม่น่าจะไปทำแบบนั้นนี้จ๊ะ  เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงละก็  รูปร่างผิวพรรณของเขาก็ไม่น่าจะดูเด็กไปด้วยนะ"

    "แน่!  รีบแก้ตัวแทนกันเชียวนะ  เอ๋ สงสัยคราวนี้ คุณแม่คงได้เจอวาที่ลูกเขยสมใจซะแล้วสิ  แถมยังเป็นอภิแห่งอภิมหาเศรษฐีอีกตั้งหาก  โชคดีหลายชั้น"

    พูดไม่พูดเปล่า กลับทำหน้าทะเล้นยิ้มแป้นหน้าบานล้อเลียนพี่สาว

    "มาเอะ!"

    "อะๆพี่มาอิอย่างนะ  นี้เราเดินรังท้ายขบวนแขกผู้มีเกียรติ ที่กำลังเดินทางไปห้องรับรองพิเศษอยู่น่า  มีเรื่องขึ้นมาคุณพ่อเฉ่งแน่"

    .................................

    บ้าเอ่ย!

    เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน  พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้  

    "ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้"

    กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม   หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง  จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้  บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ   แต่ปัญหาก็คือ  มันอยู่ตรงไหนนี้สิ

    หลงทาง!

    นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้  หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน   ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้

    "โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น  ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก  พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง  แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก  เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง"

    บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก  โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า  ความซวยของหล่อนนั้น  ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้!

    "โอ็ย!"

    เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี  ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า  ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้  จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด

    "บ้าเอ่ย  ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย"

    บ่นกับตัวเองอีกครั้ง  ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่  ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง

    "เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม  ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!

    .............................

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง"

    เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า  และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่  พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่    ผิวขาวนวลดุจใข่มุก   ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก  อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่

    ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง  หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง   บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน  และสิ่งนั้นเอง  มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!

      แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง  และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน

    "เจ็บมากไหมจ๊ะหนู  ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"

    ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า  หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"

    ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง  หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ  ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง  ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน

    "แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ  ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ"

    คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว  ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว

    "มา  เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ"

    เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่

    "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ  แค่นี้เอง"

    คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน

    จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น  โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย

    "วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า"

    เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน  หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ  ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ   เพชรเทวา ในวันนี้

    "จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ"

    ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน

    "เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก"

    คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย  ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน  ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!


    ยังไม่จบตอนครับ

    .................................

    บ้าเอ่ย!

    เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน  พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้  

    "ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้"

    กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม   หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง  จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้  บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ   แต่ปัญหาก็คือ  มันอยู่ตรงไหนนี้สิ

    หลงทาง!

    นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้  หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน   ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้

    "โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น  ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก  พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง  แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก  เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง"

    บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก  โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า  ความซวยของหล่อนนั้น  ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้!

    "โอ็ย!"

    เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี  ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า  ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้  จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด

    "บ้าเอ่ย  ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย"

    บ่นกับตัวเองอีกครั้ง  ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่  ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง

    "เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม  ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!

    .............................

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง"

    เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า  และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่  พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่    ผิวขาวนวลดุจใข่มุก   ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก  อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่

    ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง  หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง   บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน  และสิ่งนั้นเอง  มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!

      แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง  และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน

    "เจ็บมากไหมจ๊ะหนู  ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"

    ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า  หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"

    ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง  หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ  ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง  ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน

    "แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ  ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ"

    คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว  ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว

    "มา  เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ"

    เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่

    "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ  แค่นี้เอง"

    คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน

    จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น  โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย

    "วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า"

    เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน  หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ  ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ   เพชรเทวา ในวันนี้

    "จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ"

    ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน

    "เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก"

    คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย  ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน  ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!


    ยังไม่จบตอนครับ

    .................................

    บ้าเอ่ย!

    เสียงบ่นพึมพร้ำของสาวน้อยจอมซนดังงึมงำตลอดเส้นทางการเดินของเจ้าหล่อน  พรางเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครซักคนที่พอจะพึ่งพาได้บ้างในขณะนี้  

    "ใช่สิวันนี้มันวันซวยของฉันนี้"

    กล่าวกับตัวเองก่อนเลือกเดินมั่วๆไปยังทางเดินด้านซ้ายมือของทางแยกในสวนดอกไม้ของโรงแรม   หลังจากที่เจ้าหล่อนดันเกิดอาการท้องเดินเพราะตั้งหน้าตั้งตาฟาดอาหารไปแยะตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง  จึงขอแยกตัวจากครอบครัวที่กำลังเดินทางไปยังห้องรับรองพิเศษที่สาวน้อยนามมาเอะเข้าใจตามที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่นำทางให้  บอกขณะเริ่มออกจากงานเลี้ยงที่ยังคงดำเนินอยู่ว่าคงอยู่แถวๆไหนซักแห่งในสวนของโรงแรมนี้ละ   แต่ปัญหาก็คือ  มันอยู่ตรงไหนนี้สิ

    หลงทาง!

    นี้เป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดเท่าที่มาเอะจะนึกได้ว่าวันนี้หล่อนจะต้องพบกับเรื่องซวยๆแบบนี้  หลงทางในสวนดอกไม้ของโรงแรมนี้นะ จะมีโรงแรมซักกี่แห่งกัน   ที่จะมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตพอจะทำให้คนเราหลงทางในสวนนั้นได้

    "โอย!ซวยๆๆ โรงแรมบ้าอะไรกันเนี้ยพื้นที่กว้างชะมัด แถมเจ้าบอดี่การ์ด P.V. อะไรนั้น  ตอนไม่มีเรื่องละ เดินกันให้ควัก  พอจะหาซักคนไว้ถามทางหน่อย ดันหายเกลี้ยง  แล้วมันอะไรกันที่จะต้องมาห้องรับรองพิเศษที่อยู่ไกลกับงานเลี้ยงเขานัก  เอาแค่ห้องรับแขกแถวๆชั้นล่างของโรงแรมไม่ได้หรือยังไง"

    บ่นงึมงำต่อไปไม่หยุดปาก  โดยที่สาวน้อยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า  ความซวยของหล่อนนั้น  ยังไม่หมดง่ายๆหรอกในวันนี้!

    "โอ็ย!"

    เพราะการตั้งหน้าตั้งตาบ่นของสาวน้อยโดยไม่ยอมดูทางข้างหน้าให้ดี  ทำให้เจ้าหล่อนสะดุดเอารากไม้เข้า  ประกอบกับชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงที่กระโปรงมีระบายฟูๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้  จึงทำให้มาเอะเสียหลักเซถลาลงพื้นทันใด

    "บ้าเอ่ย  ดูซิหัวเข่าถลอกหมดเลย"

    บ่นกับตัวเองอีกครั้ง  ก่อนพยายามยืนลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆที่  ขาข้างหนึ่งของตนยังคงเจ็บอยู่ไม่หายเลยทำให้ร่างบางที่พยายามจะลุกขึ้นทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง

    "เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู" พลันเสียงนิ่มนวลและเมตตาเอ่ยถาม  ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของเด็กสาว!

    .............................

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่หกล้มนิดหน่อยเอง"

    เด็กสาวตอบกลับหลังหันมาเหลียวมองผู้เป็นห่วงที่บังเอิญเดินมาพบหล่อนหกล้มเข้า  และเมื่อเจ้าหล่อนได้มองเห็นผู้มาใหม่  พลันสาวน้อยก็จำต้องตกตะลึงไปชั่วครู่    ผิวขาวนวลดุจใข่มุก   ดวงหน้ามนเรียวได้รูปกับเส้นผมสีทองอร่ามที่ม่อยเกล้าและปักไว้ด้วยปิ่นปักผมบ่งบอกให้ทราบชัดว่าเป็นผู้มีเชื้อสายจากทวีปแถบตะวันตก  อายุไม่น่าจะเรียกได้ว่

    ร่างงามระหงตรงหน้าแม้จะสวมใส่ไว้ด้วยชุดกระโปรงยาวจรดปลายเท้าที่ดูเรียบๆและไม่หรูหราเท่าผู้ที่หล่อนเห็นในงานเลี้ยง  หากคนตรงหน้ากลับแฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง   บางสิ่งที่สตรีผู้อื่นไม่อาจมีได้เทียบเท่าหล่อน  และสิ่งนั้นเอง  มาเอะคิดได้ว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่คนเราเรียกกันติดปากว่าสง่าราศีและบุญบารมีละมั่ง!

      แถมยังติดตามมาด้วยหนึ่งสตรีผมสีน้ำผึ่งที่จูงมือเด็กหญิงผมน้ำตาลแดงหน้าตาจิ้มลิ้มตามมาข้างหลัง  และปิดท้ายด้วยเจ้าหน้าที่P.V.การ์ดหญิงอีกหนึ่งคน

    "เจ็บมากไหมจ๊ะหนู  ไหนดูสิให้น้าดูหน่อยนะ"

    ผู้มาใหม่เอ่ยถามอีกครั้งแล้วย่อตัวก้มลงดูบาดแผลของเด็กสาว

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณน้า  หนูเจ็บตัวแบบนี้บ่อยๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"

    ว่าแล้วก็ทำท่าจะยืนขึ้นอีกครั้ง  หากแต่ด้วยความเจ็บที่ยังสดใหม่ของบาดแผลที่ดูท่าเด็กสาวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าขาข้างนั้ของเจ้าหล่อนคงจะไม่ใช่แค่ถลอกแน่ๆ  ก็ทำให้เด็กสาวทรุดร่างจะล้มลงพื้นอีกคร้ง  ถ้าหากไม่มีมือนุ่มและอบอุ่นของคุณน้าคนสวยยื่นมือเข้าประครองเสียก่อน

    "แต่น้าว่าท่าทางหนูจะไม่ใช่แค่เจ็บเล็กน้อยแล้วนะ  ดูว่าขาคงจะแพรงแล้วละจ๊ะ"

    คุณน้าคนสวยว่าพรางใช้มือเรียวยาวจับสำรวจเท้าของเด็กสาว  ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางขาวสะอาดออกมามัดที่ปากแผล ช่วยทำแผลเป็นการเบื้องต้นให้แก่เด็กสาว

    "มา  เดี๋ยวน้าช่วยพยุงนะ"

    เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจคนตรงหน้าหากแต่

    "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ  แค่นี้เอง"

    คุณน้าคนสวยเอ่ยขึ้นทั้งกับเด็กสาวที่ทำท่าจะเอ่ยปากขอบคุณด้วยความเกรงใจและกับเจ้าหน้าที่ P.V.การ์ดสาวที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอีกคน

    จากนั้นคณะดังกล่าวก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น  โดยที่มาเอะได้รับการพยุงช่วยเหลือให้เดินไปได้สะดวกจากคุณน้าคนสวย

    "วันนี้หนูนะไม่รู้เพราะอะไร หนูเจอแต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้นเลยนะค่ะคุณน้า"

    เด็กสาวบ่นกับคุณน้าคนสวยระหว่างทางเดิน  หลังจากตนแนะนำตนเองว่าเป็นแขกในคณะครอบครัวยามางิ  ที่มาพบกับด๊อกเตอร์ พี.วี.สตอม หรือวายุ   เพชรเทวา ในวันนี้

    "จะว่าไปแล้วก็คงเริ่มซวยตั้งแต่ได้พบตาขี้เก๊กนั้นล่ะ"

    ว่าพรางทำท่าหงุดงิดเมื่อหนึ่งถึงชายหนุ่มคู่กรณีของหล่อน

    "เอ๊ะ! ใครจ๊ะตาขี้เก๊ก"

    คุณน้าคนสวยถามขึ้นด้วยความสงสัย  ทำให้มาเอะทำการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคุณน้าคนสวยคนนี้ฟัง โดยที่เด็กสาวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยกับรอยยิ้มขัน  ที่คุณน้าคนสวยผู้นี้ส่งมาให้ในขณะที่หล่อนเล่าเรื่องราววันแห่งความซวยให้ฟัง!


    จบตอนครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×