ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกป่วนดาต้าฤทธาเจ้าแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #10 : มิสเตอร์ โรบิน สมิท(จบตอนแล้ว)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 104
      0
      14 ธ.ค. 48

    “วายุๆ อืมๆ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ พี่มาอิ”



    “...”



    “พี่มาอิ”



    น้องสาวขึ้นเสียงสูงพร้อมกับยื่นมือไปจับแขนพี่สาวที่ท่าทางเหม่อลอยคิดอะไรอยู่ในใจจนไม่ได้ยินเสียงของน้องสาวที่เอ่ยถาม



    “จ๊ะ.. เมื่อกี่นี้น้องว่าอะไรนะจ๊ะ”



    “พี่มาอินี้ละก็  มัวเหม่อคิดอะไรคนเดียวอยู่ในใจมาตั้งแต่ขึ้นเดินมาบนห้องแล้วนะ”



    “ก็นิดหน่อยละจ๊ะ”



    “เอ!...หรือว่าพี่เกิดไปหลงเสน่หเจ้าหนุ่มน้อยน่าตาน่ารักคนนั้นหรือเปล่า ถึงได้ทำถ้าเหม่อลอยเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างอย่างนี้”



    “นี้เราชักแกแดดขึ้นทุกทีแล้วนะแม่น้องสาวตัวยุ่ง   ใครว่าพี่ไปหลงเสน่หเขากันหา”



    “เขาๆ เขาไหนหว่า  เขาไฟฟูจิหรือเปล่า  เขาชื่อวายุพี่ก็ลืมไปได้”



    “เออ อะไรก็ช่างเถอะ พี่จะบอกให้เลยนะ  เด็กผู้ชายคนนั้นนะ ดูยังไงก็อายุพอๆกับเรานั้นละ  แล้วพี่เองก็ไม่นิยมชอบเด็กด้วย เพราะงั้นนะพี่ไม่มีทางไปหลงเสน่หเขาได้หรอก”



    “จริงเหรอ มาเอะคิดว่าพี่ชอบของน่ารักๆซะอีก  แล้วอย่างพี่รสนิยมแบบไหนละ...หรือว่า!”



    ทำท่าทางตื่นตกใจเหมือนกับเจอวันโลกแตกล้อเลียนพี่สาว



    “อย่างบอกนะว่าพี่ไปชอบเจ้านักกล้ามขี้หลีนั้นแทนนะ”

    “มาเอะ!”



    และแล้วก็เหมือนมีระฆังมาช่วยห้ามมวยซะก่อนเมื่อมารดาของทั้งสองเปิดประตูห้องนอนเขามาเอ็ดซะยกใหญ่ว่า



    “นี้ หยุดๆเลยพี่น้องคู่นี้  มัวมานั่งเถียงกันไรสาระอะไรอยู่ได้  นี้จวนได้เวลางานเลี้ยงที่เขานัดไว้แล้วนะ  รีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันได้แล้ว”



    “แหม แม่ละก็งานนี้มีแต่พวกผู้ใหญ่เขาไปคุยธุรกิจกันไม่ใช่เหรอ  แล้วจะให้มาเอะเข้าไปทำไมละน่าเบื่อออก  ให้พี่มาอิไปคนเดียวซิดีกว่า  จะได้หาหนุ่มหล่อๆรวยๆมาเป็นลูกเขยด้วยไง”



    “ยังๆไม่เลิกอีกนะเรา ไปๆรีบไปแต่งตัวได้แล้ว  ก็ในเมื่อเขาเชิญเราทั้งครอบครัว  และเรารับคำเชิญเขามาแล้วก็ต้องไปกันทั้งครอบครัวซิ  ไม่อย่างนั้นก็เสียมารยาทหมดกันพอดี ไม่ต้องพูดมาก  ทั้งพี่ทั้งน้องเลยไปๆ”



    แม้ปากจะเอ็ดลูกสาวคนเล็กยกใหญ่  แต่ภายในใจกลับคิดไปในทางเดียวกันกับลูกสาวคนเล็กไม่ได้ว่า  ไม่แน่นะบางทีหล่อนอาจได้เจอวาที่ลูกเขยในงานนี้จริงๆก็ได้ใครจะรู้  ส่วนลูกสาวทั้งสองเองก็พลอยหลุดออกจากความคิดของตน  ที่หนึ่งยังติดใจไม่หายเรื่องชื่อของเด็กหนุ่มที่เหมือนเคยได้ยินที่ไหน(เมื่อเช้านี้เองแต่ดันลืมซะได้ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย) กับอีกหนึ่งที่รู้สึกคุ้นตาเด็กชายเช่นกัน  แต่เมื่อพยายามคิดว่าเคยเจอที่ไหนนี้สิกลับมืดไปซะอย่างนั้น  



    ...............................



    “ไปทำอะไรมาอีกละอะไรอีกละเจ้าลูกชั่ว”



    “สมชาย  ใจกระจ่าง” เอ่ยถามลูกชายตนเองเมื่ออยู่ๆเจ้าลูกชายที่พึ่งไปก่อนเรื่องให้บิดาแทบสลบเมื่อเช้านี้เอง  พรวดพลาดเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานที่ตนกำลังนั่งจัดเก็บเอกสารบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงาน  ในสภาพที่เรียกเขาคิดว่า มันไปเจอผีมาหรือไงยังไงยังงั้น



    ลูกชายไม่กล่าวตอบอะไร แต่ก้าวพรวดๆเดินมานั่งที่เก้าอี้ พลางหอบนิดๆยังกะวิ่งหนีผีมาจริงๆนั้นละ  ส่วงลูกน้องที่ติดตามไม่หากกายก็พากันตามมาในสภาพที่สะบักสะบอบหนักกว่าตอนเมื่อเช้าซะอีก

    “ว่าไง  นี้พวกแกไปก่อเรื่องอะไรมาอีกละ”



    “คือๆ”



    “คือๆอะไรละเร็วซิ”



    “คือ คือว่า คุ..คุณวายุ”



    “คุณวายุอะไรนะ!”



    ตะโกนเสียงดังเมื่อได้ยินชื่อผู้ที่ลูกชายไม่สมควรไปแตะอีกครั้ง ซ้ำการกระทำดังกล่าวแทนที่จะช่วยให้ลูกชายรีบบอกออกมา กลับยิ่งทำให้เจ้าตัวอึกอักเข้าไปอีก  สร้างความงุดหงิดร้อนใจให้กับบิดายิ่งนัก  ถึงกับกระโจนข้ามโต๊ะมาจับตัวลูกชาย  เขย่าจนหัวสักหัวครอน



    “บอกมาเจ้าลูกชายบ้า คุณวายุอะไรบอกมา”



    “คุณ..วะวายุ...บะบอกว่า...ให้ผมมาหาพ่อ  บอกว่าพ่อคงจะมีระเรื่องที่จะคุยกับผม”



    “หา! ว่าไงนะ  เรื่อง...เรื่องอะไรกันอีกละ”



    “คะคุณวะ..วายุบอกว่า มีแน่ แน่ๆครับ”



    “ว่ะ  มันเรื่องอะไรกันอีกละเนี้ย”



    ก่อนที่สมชายจะบ้าตายไปซะก่อนนั้นเอง  ประตูห้องทำงานบานเดิมก็เปิดรับบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง



    “สวัสดีครับคุณสมชาย”



    เสียงเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษถูกส่งมาจากชายร่างยักษ์ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นชาวตะวันตกในชุดสูทสากสีน้ำเงินเข้ม  โครงหน้าหยาบกร้านบอกความสมบุกสมบันในชีวิต  กับเส้นผมสีทองที่มีสีขาวแทรกกลางอยู่เป็นหย่อมๆแสดงถึงอายุที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 ปลายๆของเจ้าของร่าง



    “สวัสดีครับมิสเตอร์สมิท”



    สมชายกล่าวทักทายตอบแบบงงๆเมื่อพบแขกผู้มาเยือน  ในยามที่ต้องบอกเลยว่า   เขาไม่คอยจะอยากพบซักเท่าไหร่  ไม่สิน่าจะบอกว่า “กลัว” ที่จะต้องพบเลยซะมากกว่า ยิ่งในเมื่อลูกชายของเขาเพิ่งไปมีเรื่องกับคุณวายุมาอยู่หยกๆ



    “คุณคิดว่าคุณพอจะรู้ไหมครับว่าผมมาพบคุณด้วยเรื่องอะไร”



    ชายร่างยักษ์กล่าวถามพลางเดินผ่านร่างพ่อลูกที่ลุกขึ้นยืนมองผู้มาใหม่ด้วยความตกใจ  โดยทำเป็นเหมือนว่าชายหนุ่มนักกล้ามที่ถูกบิดายึดแขนทั้งสองค้างอยู่นั้นไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง  เข้าไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน  ที่สมชายพึ่งลุกออกมาแบบถือวิสาสะ และไม่แม้แต่จะแสดงท่าทางใดๆเลยว่าตนจะ เกรงกลัว หรือเกรงใจใดๆ ผู้เป็นเจ้าของห้อง



    “มะไม่รู้ เอ่ย! ไม่ทราบสิครับ”



    ถึงคราวคนพ่อบ้างแล้ว   ที่จะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักไม่แพ้คนเป็นลูกเมื่อกี่นี้  ด้วยต้องมาพบเจอชายผู้มาใหม่ผู้นี้  ผู้ที่ใครๆก็ต้องรู้ว่า ถ้าคิดจะไปแตะคนๆในในตระกูลเพชรเทวาเข้าละก็ คงต้องผ่านกำปั่นของผู้ชายร่างยักษ์คนนี้ไปซะก่อน!



    “แน่ใจเหรอครับ” ถามพร้อมรอยยิ้มหยันนิดๆ



    “ไม่! เอ่อ...ครับ คงเป็นเรื่องเมื่อเช้านี้ซินะครับ  พอดีลูกของผมอาจจะคึกคะนองไปบาง  แต่แค่ไป พูดซะ... เอ่อ แซว สาวๆเหมือนหนุ่มๆทั่วไปละมั่งครับ  เพียงแต่เขาออกจะ  คิดผิดและทักผิดคนไปก็...เท่านั้นเอง”



    ผู้เป็นพ่อพูดเสียงยาวยืดแม้จะกุกกักไปบ้างก็ตามที  เมื่อนึกได้ถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่น่าจะเป็นเหตุแห่งการมาเยือนของชายร่างยักษ์



    “ผมต้องเสียใจด้วยนะครับ ที่...”



    หยุดเว้นวรรคชั่วครู่แต่ยังคงส่งสายตาที่ทำให้พ่อลูกหนาวๆร้อนๆอยู่ตลอดเวลามาให้



    “คุณคิดผิด”



    “หา! ไม่ใช่เรื่องนี้เหรอครับ”



    “เรื่องนี้ผมเองก็ว่าจะจัดการอยู่หรอกแต่คุณวายุบอกว่า เห็นแก่ที่คุณทำงานกับ เพชรเทวากรุ๊ปด้วยความซื่อสัตย์และดีเยี่ยมมานาน  เรายังไม่อยากเสียคุณไปเพราะเรื่องงี่เง่าที่ลูกชายคุณทำ เลยจะไม่เอาเรื่อง”



    คำพูดดังกล่าวช่วยให้พ่อลูกดีใจกันจนแทบเก็บอาการไม่อยู่เมื่อได้ยิน   หากแต่หัวใจที่เริ่มพ้องโตด้วยความดีใจของคนเป็นพ่อกลับต้องหล่นวูบ เมื่อได้ยินคำพูดต่อไปว่า



    “เพียงแต่...”



    “เพียงแต่อะไรครับ”



    “มันดันมีเรื่องใหม่เพิ่มเข้ามานี้สิ”



    “เรื่องอะไรกันอีกละครับ”



    ผู้เป็นพ่อเริ่มขึ้นเสียงสูงด้วยความร้อนใจพลางหันไปมองหน้าลูกชายที่นั่งทำหน้าเจี่ยมเจี๊ยมอยู่ข้างๆด้วยสายตาหวาดหวัน



    “ผมว่าคุณควรหายาดมเตรียมไว้แก้เป็นลมดีกว่านะ”



    “ทำไมเหรอครับ”



    “เพราะ..ผมว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้คุณ   อาจช๊อคสลบเลยก็ได้นะสิ!”



    ..............................



    “รีบหน่อยสิพวกเธอ เรามาสายมากแล้วนะ เดียวงานก็เริ่มกันก่อนหรอก”



    โกโบริเร่งสมาชิกครอบครัวยามางิให้รีบสาวเท้าก้าวตามพนักงานต้อนรับที่ทำหน้าที่มานำทางไปยังสถานที่จัดเลี้ยง  สำหรับโกโบริและมาลีนั้นอยู่ในชุดออกงานที่เตรียมมาพร้อมจากที่บ้านเพื่อใช้เข้าพบนักธุรกิจคู่ค้าจึงไม่มีปัญหาที่จะใช้ออกงานได้  แต่ปัญหานั้นกลับไปตกที่ลูกสาวทั้งสองที่ไม่ได้ทราบมาก่อนเลยว่าจะต้องไปออกงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ด้วยจึงไม่ได้เตรียมชุดมางานนี้  มาอินั้นยังดีที่เตรียมชุดสูททำงานตัวเก่งติดมือมาด้วย  แต่มาเอะนี้สิได้แต่ทำหน้าบึ่งตลอดเวลาเมื่อได้เห็นชุดออกงานของตนที่มารดาได้สั่งชื่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ให้จัดส่งด่วนมาจากห้างใหญ่ในตัวเมืองที่มีสโลแกนดังว่า “คุ้มค่าทุกนาทีพร้อมกระวีกระวาดไปส่ง”



    “มาเอะยิ้มหน่อยสิ เรากำลังจะไปงานเลี้ยงกันนะ”



    พี่สาวได้โอกาสแซวน้องสาวกลับ พลางส่งสายตาชำเรืองมองไปยังน้องสาวของตน   ชุดแซกสีชมพู่หวานแหว  กระโปรงเป็นจีบบานพลิ้วพองาม  ดูน่ารักเมื่อเด็กสาวผมบอบผิมขาวสวมใส  แต่จะมีปัญหาก็ตรงอย่างเดียว  คือตรงคนใส่นี้สิ ที่น่าบึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่พอใจในชุดที่ตนสวมใส่



    “เชอะ ! ทีใครทีมัน” คำรามอยู่ในลำคอพอให้ได้ยินกันสองคน แล้วก้มหน้าก้มตาจ้ำอ้าวตามบิดาต่อไป



    ...............................



    ภายในห้องทำงานแห่งเดิม ผู้เป็นบุตรชายได้แต่ช่วยใช้สมุดที่คว้ามาได้ พัดวีส่งลมไปให้บิดา   ที่ท่าทางลมใส่ นั่งสูบยาดมดังฝืดฝาดอยู่ข้างๆ หลังจากได้รับฟังคดีต่อมาที่ลูกชายตนไปก่อขึ้น พร้อมภาพประกอบคำบอกเล่าอีกเล็กๆน้อยๆในแผ่นมินิซีดีที่บุรุษร่างยักษ์นำติดมือมาจากศูนย์รักษาความของโรงแรม  มันเป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกล้องรักษาความปลอดภัยบริเวณสวนดอกไม้ริมหาดของโรงแรม



    “คุณรู้แล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น”



    “คะครับ”



    “งันคำถามต่อไปผมคงต้องถามคุณก่อนว่า  คุณรู้ไหมว่าผมผมจะต้องทำยังไงต่อไป”



    “แต่ว่ามันเป็นแค่ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นนะครับ  คุณวายุเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนี้ครับ”



    “เล็กน้องงันเหรอ กับไอ้การที่ลูกคุณไปลวนลามแขกส่วนตัวของคุณวายุนี้นะ  แถมยังไม่พอคนของลูกชายคุณยังคิดจะทำร้ายคุณวายุอีก   คุณคิดว่ามันเล็กน้อยงั้นเหรอถ้าหากว่าเขาทำสำเร็จจริงๆ  แล้วคุณเองก็อ้างไม่ได้หรอกนะว่า  ลูกน้องลูกชายคุณนะทำไปเองโดยพละการ  ในเมื่อเขาเป็นคนของคุณ ยังไงคุณกับลูกชายคุณก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ”



    “แต่..”



    คำพูดค้างอยู่เท่าเดิมเพราะบุรุษร่างยักษ์ส่งสายตามาให้อีกครั้ง



    “ถ้าเป็นผมนะคุณสมชาย  ผมมีวิธีอีกร้อยแบบพันวิธีที่จะทำให้เราสามารถแน่ใจได้ว่า  ลูกชายของคุณจะไม่มีวันกลับมาสร้างความรำคาญใจให้กับเราอีกเลย...”



    สมชายอาปากค้างเมื่อได้ยินคำกล่าว ส่วนบุญชายและลูกน้องทั้งหลายแทบพากันเป็นลมแทนสมชายไปแล้ว



    “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  คุณวายุยังอยากให้โอกาสพวกคุณอยู่”



    “ระเหรอครับ”



    “ใช่! โชคดีที่คุณวายุบอกว่า   วันนี้วันดีเป็นวันปีใหม่ที่ครอบครัวต่างๆได้อยู่กันพร้อมหน้า  เลยจะให้โอกาสลูกคุณอีกซักครั้ง”



    “ขอบคุณมากครับ”



    ชายร่างโตยิ้มนิดๆเมื่อเห็นท่าทางของสมชายและนึกได้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของวายุที่ได้คุยกันมาก่อนน่านี้ว่า



    “ให้รางวัลสำหรับความสายตาดีของเขานะครับ”



    เพราะตั้งแต่เกิดมานี้ วายุแทบจะมั่นใจเลยว่า  มีไม่กี่คนนักหรอกในโลกนี้ที่จะมองหน้าเขาครั้งเดียวแล้วสามารถทราบเพศที่แท้จริงของเขาได้  ส่วนมานะเหรอ ร้อยทั้งร้อยก็เรียกเขาน้องสาวทั้งนั้น  พึ่งจะมีครั้งนี่นี้ละ  ที่มีคนมาเรียกเขาว่า “น้องชาย” นอกจากวาทีพี่ชายของเขาเท่านั้น

      

    “เดียวก่อนคุณกับลูกของคุณยังไม่ได้ยินเงื่อนไขเลยนะ  จะรีบรับคำไปทำไมกัน”



    “ไม่เป็นไรครับ  เงื่อนไขอะไรผมกับลูกรับได้ทุกอย่าง”



    “แน่ใจนะ”



    “แน่ครับ”



    “ถ้างั้นล่ะก็  คุณจะได้ทำงานในตำแหน่งเดิมและปลอดภัยทุกอย่าง ไม่ว่าคุณและลูกของคุณก็ตามที  เรื่องนี้เราจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในโลกนี้  เพียงแต่คุณต้องทำเงื่อนไขเพียงเงื่อนไขเดียวคือ..”



    หยุดเว้นวรรคอีกซักนิด



    “รัสเซีย”



    “ว่าไงนะครับ”



    “ลูกของคุณได้รับสิทธิพิเศษที่คนที่ต้องการสมัครเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ใน P.V.GUARD ในเครือเพชรเทวากรุ๊ปต้องการกันมากแต่ไม่เคยได้รับ  โดยการรับแบบไม่ต้องสอบเข้า เข้าหลักสูตรฝึกอบรบทั้งด้านมารยาท  การเข้าสังคม  ความเป็นสุภาพบุรุษ  การอารักขาบุคคลสำคัญ  และการฝึกอย่างดุเดือดเข้มค้นเพื่อการเป็นบอดี่การ์ดที่ดี  เพื่อพร้อมปฏิบัติงานในฐานะบอดี่การ์ด ต่อไปในภายภาคหน้า”



    “หา! จะให้ผมไปเข้าฝึกในค่ายทหารเหรอ” เคลวินร้องลั่นเมื่อได้ยิน



    “ค่ายฝึกนะใช่  แล้วก็ในหลักสูตรการฝึกก็มีการฝึกการปฏิบัติการแบบทหารสอดแทรกอยู่ด้วย  แต่ไม่ใช่การฝึกในค่ายทหารหรือเพื่อเป็นทหารหรอกนะ”



    บุรุษร่างยักษ์ยิ้มนิดๆอีกครั้งแล้วกล่าวต่อว่า



    “เธอรู้ไมว่าฉันเป็นใคร”



    “เอ่อ..”



    “ลูกผู้ชายพูดให้มันดังๆซิ”



    “ไม่ทราบครับ!” เสียงดังฉะฉานเมื่อถูกตะคอก



    “ฉันคือ” มือข้างหนึ่งร่วงเอานามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้ชายหนุ่มแล้วทำสายตาบอกใบ้ให้อ่าน



    “มิสเตอร์  โรบิน  สมิท   ผู้จัดการสาขาใหญ่และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการใหญ่  บริษัทP.V.GUARD”



    ชายหนุ่มอ่านประโยคดังกล่าวด้วยความตกใจอย่างยิ่ง  เมื่อรู้ฐานะของบุคคลตรงหน้า  บุคคลที่น่ากลัวรองลงมาจากบุคคลในตระกูลวายุ ผู้กุมบังเหียน เพชรเทวากรุ๊ปอยู่ในปัจจุบัน  P.V.GUARD เป็นบริษัทหนึ่งในเครือเพชรเทวาเช่นเดียวกัน   แต่หากลักษณะการดำเนินงานแตกต่างไปจากบริษัทอื่นๆที่ค้ากำไรจากการค้าชายสินค้าต่างๆโดยตรง   P.V.GUARD เป็น บริษัทที่อยู่ในรูปแบบการรักษาความปลอดภัยแบบหนึ่ง   หากต่างจากบริษัทรักษาความปลอดภัยอีกเช่นกันตรงที่  มันไม่ใช่บริษัทที่จะรับรักษาความปลอดภัยที่มักจะถูกเรียกว่า “ยาม” เหมือนเช่นที่อื่น เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทที่พร้อมพรั้งไปด้วยบุคคลผู้มีฝีมือการต่อสู้ในระดับสูง  คอยรับคำร้องขอจากบุคคลต่างๆผู้ตกอยู่ในความอันตราย หรือไม่มีความปลอดภัยในชีวิตเพราะเหตุต่างๆ โดยบริษัทจะเลือกเฟ้นบุคคลที่เหมาะสม  เข้าทำการอารักขาบุคคลผู้ร้องขอ  บริษัทนี้สร้างชื่อเสียงและขยายสาขาไปทั่วโลก  จนผูคนขนานนามให้ว่า  “ผู้พิทักษ์เพชรเทวา” (Angel  guard)



    และเป็นธรรมดานี้เองที่เมื่อมีงานเลี้ยงที่บุคคลผู้เป็นพนักงานระดับสูงของเพชรเทวากรุ๊ปมารวมกันอยู่มากมายในวันนี้  จึงไม่แปลกเลยที่การอารักขาความปลอดภัยในวันนี้ ผู้มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัทนี้รองจากวายุอย่างเขาจึงจำต้องรับหน้าที่รับผิดชอบทีมงานอารักขาความปลอดภัยในวันนี้



    “อ้อ  แล้วจะบอกให้อีกอย่างนะ   ว่าคนที่ควบคุมการฝึกหลักสูตรนี้นะ  คือฉันเอง”

    กล่าวจบก็ลุกพรวดพลาดไม่บอกกล่าวเช่นเดียวกับครั้งแรกที่มา  เดินออกนอกประตูไปโดยปล่อยให้พ่อลูกนั่งมองตากันอยู่อีกครั้ง



    ....................................



    “ว้าว น่ากินจังเลย”



    เอาเข้าจริงเมื่อสาวน้อยมองเห็นอาหารนานๆชนิดที่วางภายในงานก็หายหน้างอเป็นปลิดทิ้ง  ยิ้มหน้าระรื้นเดินไปหยิบอาหารทานไม่สนใจใครๆอีก



    “นี่ๆมาเอะอายเขาบ้างนะ”



    มาอิบอกน้องสาวเมื่อมองเห็นจานที่พูนไปด้วยอาหารมากมายในมือเด็กสาว



    “เรื่องอะไรละมาเอะไม่ใช่นักธุรกิจใหญ่หรือลูกสาวคุณหญิงคุณนายอะไรนั้นนี้  จะได้ต้องรักษาหน้าเท่าชีวิตนะพี่มาอิ”



    “เฮ่ย!”



    บิดาและมารดาของหญิงสาวทั้งสองที่ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดดังกล่าวได้แต่ถอนหายใจพร้อมกันและแอบคิดอยู่ภายในใจว่า  พอใส่ชุดนี้ก็ดูน่ารักดีหรอก แต่พอเอ่ยปากพูดนี้สิ!



    “นี้พี่มาอิแล้วเมื่อไหร่เขาจะเปิดงานซะทีละ”



    “เห็นว่ากำลังรอ ดอกเตอร์พี.วี.สตรอม มากล่าวเปิดงานอยู่นะ”



    “อ้อเหรอ....” รับคำทั้งที่อาหารยังแน่นอยู่ในปากของตัวเอง  แล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเคี่ยวอาหารตุ้ยๆต่อไป  จนกระทั้งสายตาเหลือบไปมองเห็น...



    “พี่มาอิๆ”



    “มีอะไรมาเอะ”



    “พ่อหนุ่มน่ารักของพี่มางานนี้ด้วยละมาเอะเห็น  นั้นไงๆ”



    ชี้เมื่อชี้ไม้ให้พี่สาวมองตาม  แต่หากเมื่อมาอิเหลียวมองไปตามนั้นก็กลับมองเห็นแต่เพียงผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินกันขวักไขว่   สมกับเป็นงานของเพชรเทวากรุ๊ปที่ขยายสาขาไปทั่วโลก  จึงทำให้พนักงานระดับสูงที่มาในงานนี้  แทบจะเรียกได้ว่าเกือบจะรวมทุกชาติในโลกไว้ก็ว่าได้  ภาษาต่างประเทศต่างๆพูดกันให้วุ่นวาย  มีทั้งตัวโตตัวเล็ก  ผมดำ แดง ทอง มากมาย  จนยากที่จะหาเด็กหนุ่มคนดังกล่าว



    “หว่าหายไปไหนซะแล้ว”



    มาเอะถอนหายใจด้วยความเสียดายที่หาเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เจออีก  แต่ความเสียดายของมาเอะก็ต้องหมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อ  เสียงประกาศของคุณวิเชียรที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานนี้ขึ้นมากล่าวบนเวทีเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า



    “ขณะนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วครับ  ขอเชิญท่านผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทเพชรเทวาโอสร  ดร.พี.วี.สตอมขึ้นมากล่าวเปิดงานด้วยครับ”



    กล่าวจบเด็กหนุ่มผู้ได้พบกันเมื่อไม่นานนี้และสองสาวพี่น้องก็พยายามมองหากันอยู่นั้นก็ก้าวเดินขึ้นมาบนเวทีในชุดสูทจีนสีเงินงามสง่าพร้อมด้วยหญิงสาวผมยาวสลวยที่เดินติดตามมาอยู่ไม่ห่างกาย!



    จบตอน



    ....................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×