ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เอซาลอสเดอะซีรี่ย์.......ตอนเอซาลอสฮอลิเดย์1
เอซาลอสเดอะซีรี่ย์.......ตอนเอซาลอสฮอลิเดย์1
เสียงหัวเราะสนุกสนานของคู่หนุ่มสาวดั่งลั่นทั่วชายหาด ภาพชายหนุ่มนามอู๋เจ้าหมิงกับหนึ่งหญิงสาวนามหลิงหลิงวิ่งเล่นหยอกเย้ากันอย่างมีความสุขหลังจากทั้งสองได้ให้คำมั่นสัญญารักต่อกันช่างเป็นภาพดั่งฝันอันสวยงามแห่งความรัก แต่ทั้งสองกลับไม่อาจรู้ว่าในขณะเดียวกันนั้นเองสายตาของอีกหนึ่งบุรุษได้แอบเฝ้ามองพวกเขาอยู่ห่างๆนอกรัศมีของสายตาที่ทั้งสองจะมองเห็นได้
“อาเซนธาเรีย...เมื่อไรหนาเจ้าจะอภัยให้ข้า...เมื่อไรหนาเจ้าจะรับรู้ถึงความรักที่ข้ามีให้เจ้า...เมื่อไรหนาข้าจะได้มีความสุขกับเจ้าเช่นภาพตรงหน้านี้บ้าง..หรือไม่ว่าเจ้าจะเป็นอาเซนธาเรียหรือหลิงๆข้าก็เป็นเพียงแค่ผู้แพ้ที่อยู่นอกสายตาเจ้าร้ำไป”
เสียงรำพึงอันแผ่วเบาดังมาจากปากบุรุษหนุ่มนามเอซลอสหรือคุณหมอกั๋วอี่เซียนพรางส่งสายตาอันโศกเศร้าและโหยหาไปยังภาพหญิงสาวตรงหน้า แต่หน้าเสียได้ยิ่งนักที่ผู้ได้รับกลับไม่อาจรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้เลย!
กล่าวจบบุรุษนามเอซาลอสก็หันหลังกลับเดินเข้าสู้ประตูมิติที่เปิดขึ้นมาทางด้านหลังทันใด
......................
เช้าวันต่อมา
บุรุษในชุดกราวสีขาวเปิดประออกมาจากห้องผ่าตัด หลังจากประตูที่ด้านหลังปิดลงญาติผู้ป่วยที่นั่งรอกันอย่างเป็นห่วงญาติของตนที่เป็นคนไข้ในห้องกี่ปรี่กันเข้ามาหาบุรุษตรงหน้าทันใด
“คุณหมอกั๋วค่ะ อาการของคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”
“อาการของคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่หมออยากให้อยู่ในห้องไอซียูไปสักสองสามวันก่อน จะไดดูแลกันอย่างใกล้ชิด ถ้าอาการคนไข้ยังดีขึ้นเป็นลำดับแล้วคิดว่าอีกประมาณสองวันก็คงย้ายไปห้องพิเศษได้ครับ”
ญาติคนไข้แต่ละคนพากันออกอาการดีใจพากันขอบคุณหมอผู้รักษาเป็นการใหญ่ คุณหมอกั๋วอยู่บอกอาการคนไข้เพิ่มเติมอีกสักพักก็ขอตัวกลับห้องพัก
“เฮ่ย”
หมอกั๋วทิ้งร่างลงบนเก้าอี้ของตนในห้องทำงานพลางถอนหายใจ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้พักผ่อนเลยเข้าเวรดึกแล้วยังมามีผ่าตัดด่วนในต้อนเช้าอีก แต่เข้าก็จะทำ ทำงานมากๆให้ลืมภาพที่เห็นในวันวาน
ภาพหญิงอันเป็นที่รักกับอีกหนึ่งชายหนุ่ม ผู้ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูทั้งในสงครามแย่งชิงดวงดาวและสงครามความรักของตน
พอว่างแล้วก็คิด คิดแล้วก็กลุ้ม “ โอ้..อาเซนธาเรีย..โอ้..หลิงหลิง” ยิ่งคิดก็ยิ่งพูด ยิ่งพูดภาพของหญิงที่ตนรักก็ปรากฏมาในมโนภาพอีกครั้ง พร้อมกันนั้นความเจ็บปวดก็บาดลึกลงในหัวใจอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษผู้ได้ชื่อว่าอสูรแห่งสงครามอย่างเขา กลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเมื่ออยู่ตรงหน้าหญิงคนนี้ ทำไมโชคชะตาชังกลั่นแกล้งนัก ทำไมเทวดาจึงลำเอียง ทั้งๆที่เขาพยายามถึงที่สุดแล้ว หรือมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เธออภัยให้กับความผิดของฉัน หรือมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอกลับมามองเขาบ้าง แม้เพียงเสี่ยวนาที
“ ทำไมเทวดาฟ้าดินถึงไม่เห็นใจฉันบ้างเลย”
วิ่งออกมาตามทางเดินแล้วตะโกนสิ่งที่อัดอันออกมาตรงดาดฟ้าของตัวตึกโรงพยาบาลที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารกลางแจ้งบนดาดฟ้า ค่อยบริการผู้มาโรงพยาบาล จากนั้นคุณหมอกั๋วก็กระโดดไปบนเวทีกลางแจ้งที่อยู่บนดาดฟ้าของโรงบาล กลางสายตาของผู้มากินอาหารในตอนเช้า
จากนั้นเริ่มยักย้ายสายสะโพกพรางสลับเท้าเป็นจังหวะดนตรี เสียงอินโทนก็ดังขึ้น
พี่จูนเจ้าขา....พี่จูนเจ้าเจ้าขา........
จากนั้นก็คว้าไมค์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางเวทีมาจ่อปากแล้วเริ่มร้องเพลง
“พี่จูนเจ้าขาเทวดาขอรับ ขอจงมาสดับรับฟังถ่อยคำของผม เรือรักของผมกำลังจะล่ม หัวใจผมก็จมเพราะขาดคนดูแล.....
ขอสุขสักวันเถอะหนา ขอฟ้าช่วยรักสักที่นะเธอ หลิงหลิงผู้เลิดเลอขอเธอมาประดับอ้อมใจ...
เท้าออกสะเต็มแบบท่าชูศรี ต่อด้วยท่าลูบเป้าแบบไมเคิล กลับตัวหนึ่งรอบแล้วเริ่มร้องต่อ
พี่จูนเจ้าขาเทวดาขอรับ ขอจงมาสดับรับฟังถ่อยคำของผม หัวใจของผมมันตรม โปรดสงสารคนจนทนรักจำจากไกล.......”
พี่จูนเจ้าขา....พี่จูนเจ้าขา......
*ดัดแปลงมาจาก เพลงพระอินทร์เจ้าขา เพลงประกอบภาพยนต์คนปีมะ
พอจบเพลงเสียงตบมือก็ดังมาจากแขกที่เข้ามาทานอาหารในร้าน หมอกั๋วรู้สึกตัวหันกลับมาดู
“เฮ่ย คนมามองกันหน้าสลอนเลย พยาบาลเอย เพื่อนๆๆหมอเอย เสียภาพพจน์หมดเลยเรา”
รำพึงกับตัวเองพรางยิ้มแห้งๆแล้วรีบเดินออกมาจากที่เกิดเหตุโดยทันใด
..................................
ขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ที่แห่งหนึ่งเหนือภพภูมิของมนุษย์ ทร้ามกลางหมู่เมฆาและวิมานแห่งเทวดาทั้งหลายปรากฏมังกรทองตัวโตบินมากลางท้องฟ้า
เซเรสเทพเจ้ามังกรทองจากเรื่องอมตภพ....สู่...กาลนิรันด์นั้นเอง(ดารารับเชิญ...ขออนุญาติคุณอะเดลเฉพาะกิจ ณ ที่นี้)
มังกรทองบินมาจนมองเห็นจุดหมายตรงหน้า วิมานบนเมฆาอันสวยงามไปด้วยเมฆสีชมพูประดับด้วยดวงดาราสีสดใสวาววับหวานแหวว
มังกรทองหยุดตรงทางเขาวิหารพรางชั่งใจคิดว่า เราจะเข้าไปดีใหมเนี่ย เพราะในใจเองก็กลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วพอกลับออกมาเกล็ดมังกรสีทองของตนอาจเปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหวว ที่คอผูกริบบิ้นสีแดงแจดก็ได้ใครจะรู้ ก็รู้ดีกันอยู่ว่าพวกเทวดาที่อยู่วิหารนี้แต่ละองค์ออกจะติดบ๊องๆอยู่ด้วย คิดไปคิดมาเพื่อความปรอดภัยเราอยู่ตรงนี้ละดีแล้ว จากนั้นกลั้นใจตะโกนเรียกผู้ที่ตนต้องการมาพบว่า
“เทพธิดาจูน เทพธิดาจูน อยู่ไหมออกมาพบเราหน่อยสิ”
จบคำพูดก็เกิดแสงเรืองรองสีขาวตรงหน้าวิหารแล้วก็ปรากฏเทพธิดาองค์หนึ่ง สวมชุดราตรีสีขาวและแว่นตากลมหนาเตอะ พลางม้วนกล้าวผมขึ้น ถือหนังสือเล่มโตมีตัวหนังสือสีทองเขียวว่ารวมนิยายเจเจ จินตนาการไม่รู้จบ ตามแบบฉบับบรรณารักษ์ยุคคราสสิคยืนบนเมฆลอยมาพร้อมหมาตัวหนึ่ง(อิมเมดผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับพี่จูน)
เทพธิดาแห่งความฝันและจิตนาการจูนกับหอนฟ้าชูจังนั้นเอง
“สวัสดีคะท่านมหาเทพเซเรส วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี้คะ”
“ก็มีเรื่องจะมาปรึกษานะ คืองี้วันนี้เรากำลังบินอยู่บนน่านฟ้าโตเกียว ที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล แล้วทันใดนั้นเอง...”
“มีอะไรเหรอคะท่าน”
“เดียวสิเรากำลังจะเล่าอยู่นี้ไงคือ อยู่ๆเราก็สัมผัสได้ถึงเจนจำนงค์อันแรงกล้า และความเศร้าโศกของชายคนหนึ่ง ขอร้องให้ท่านช่วย นี้ท่านไม่ได้ยินเลยเหรอ”
“เอ..ไม่ได้ยินเลยคะพอดีช่วงนี้เก็บตัวเขียนเรื่องอาเซนธาเรียภาคสองอยู่คะ เนี่ยแฟนๆกำลังรออ่านกันแย่แล้วเลยไม่ค่อยได้สนใจ ว่าแต่ใครคะท่าน”
“ก็หมอกั๋วอี่เซี่ยน ดาวร้ายของเรื่องอาเซานธาเรียของท่านนั้นละ บอกว่าหมดอาลัยตายอยาก ทำดียังไงก็ไม่มีคนเห็นใจ ที่พอมีบทร้ายหน่อยคนก็ว่า”
“แหมไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะท่าน”
“ยังบอกอีกนะว่า ที่อู๋เจ้าหมิงเดียวก็ได้บทจูบนางเอกบ้างละ บทกอดบ้างละ พอเป็นเขา แค่จับมือยังไม่เคยเลย น้ำเสียงฟังน้อยใจใหญ่ดีไม่ดีเกิดฆ่าตัวตายไปก่อนจบเรื่องละก็มันจะยุ่งนะท่าน”
“ว้าทำไงดีละช่วงนี้ก็ไม่ว่างซะด้วยบทตอนต่อไปก็ด้วยเหมือนจะหายไปเป็นตัวประกอบแล้วสิตาเอซาลอสนี้ เพราะคณะสุดหล่ออาซิคาลอสก็มาแล้วด้วยบทคงน้อยลงอีกมั่ง”
เทพธิดาจูนบอก
“เอางี้สิ ท่านก็ให้เขาสมหวังสักวันสองหนึ่ง คือมีโอกาสใกล้ชิดนางเอกบวกพักผ่อนสักวันก็ได้นี้ แค่วันสองวันคงไม่กระเทือนเนื้อเรื้องหรอก”
มังกรทองเสนอ
“แต่เราไม่ว่างนะคงต้องหาคนอื่นไปแทนแล้ว แต่ข้าก็คิดว่าแค่วันเดียวคงไม่เป็นไรละ ว่าแต่ขอบคุณท่านมากนะที่กรุณาช่วยมาบอก “
“ไม่เป็นไรแค่นี้ละ รับเชิญเขามาต้องไปแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนโดเรียสก็มีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ว่าใครเป็นกาเซียสตัวจริง ปล่อยไว้นานก็เป็นห่วงไปละ”
มังกรทองลาแล้วบินหายไปในทันใด
เทธิดาจูนกลับเข้ามาในวิมานพรางคิดว่าจะไปให้ใครลงไปช่วยให้ความสุขหมอกั๋วสักหนึ่งวันดี พลันหูก็ได้ยินเสียงหนึ่งแว้วมา
ฝีๆๆครอกๆๆ
ใครนะมาแอบหลับแถวนี้
เดินมาหน่อยก็เห็นตัวการ เทวดาฝึกหัดหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่งในชุดสูททำงานสีดำฝุบหลับคาโต๊ะทำงานอยู่
“เทพฝึกหัดGametaเทพแห่งความเฮฮาปาจิงโก๊ะนั้นเจ้าทำอะไร”
เทพธิดาจูนเรียก สะดุ้งตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืนปากพูดว่า
“ชูจังไม่อยู่ พี่จูนไปเที่ยวเหลือผมคนเดียว เหตุการณ์ปกติครับ”
พอเห็นว่าเป็นใครก็เริ่มหน้าเสียได้แต่ยิ้มแก้เกอ
“ว่างมากนะเราถึงหลับได้ แล้วนิยายที่เราแต่งละ เห็นลงแค่สองตอนก็หายไปเลย”
“อา..คือยังคิดตอนต่อไม่ออกครับก็เลย..”
“เลยหลับละสิ”
เทพธิดาจูนดักคอ พลางคิดในใจว่าดีละเจอคนว่างงานแล้ว จากนั้นก็เริ่มแผนในใจว่า
“คิดตอนต่อไม่ออกใช่ไหม ดีละมีงานให้เราทำแล้ว”
“งานอะไรครับ”
“ชอบอ่านอาเซนธาเรียไหม”
“ชอบครับ โดยเฉพาะเอซาลอสเนียชอบมาก เขาดูเป็นคนมั่นคงในรักดี ตามหาอาเซนธาเรียมาตั้งนาน แต่ไงบทพระเอกไปจบกับราโอมินได้หว่า ผมว่าน่าสงสารเขาออกนา ทำไมน่าถึงน่าสงสารอย่างนี้ถ้าเป็นผมคงให้เขาเป็นพระเอกแล้ว ว่างๆสงสัยต้องไปถามคนเขียนหน่อยแล้วว่าทำไมลำเอียงจัง”
หลุดปากไปแล้วนึกได้ว่าคนเขียนก็อยู่ตรงหน้าเรานี้หว่าซวยแล้วไง มองไปเห็นเทพธิดาจูนขึงตามาก็สดุ้งโหยง จากนั้นเทพธิดาตรงหน้าก็ฉีกยิ้มแบบ***มๆมาให้ชวนขนลุกแล้วว่า
“ดีแล้วชอบนักก็ดี งั้นข้าให้เจ้าเป็นคนลงไปดลบันดาลให้เขาสุขสมหวังเป็นเวลาสามวัน ภายในหสามวันนี้ถ้าเจ้าทำให้เขามีความสุขไม่ได้ละก็....น่าดู”
ฟังคำสั่งจบก็สดุ้งโหยงอีกครั้งแล้วตอบกลับว่า
“แค่วันเดียวผมจะทำได้ยังไงอะครับ แค่หาโอกาสให้หมอกั๋วได้อยู่กับหลิงหลิงสองต่อสองก็ยากแล้วเพราะ อีตามาซาอิ อารักขาน้องใกล้ชิดขนาดนั้น ยังไม่นับ4มังกรแห่งเทียนย่งที่เหลือด้วย”
“ก็หาทางเข้าสิ”
“แต่ข้ามันอำนาจน้อย เพราะเป็นแค่เทวดาฝึกหัด ทำหน้าที่ส่งตะแลบแกบให้เจ้านายใหญ่เขาเท่านั้น”
เริ่มหาข้ออ้างมาบังหน้าทันใด
“ไม่เป็นไร เดียวข้าจะให้หอนฟ้าชูจังไปด้วย มันสามารถเสริมอำนาจเวทมนต์ให้เจ้าได้”
“แต่..”
“ไม่มีแต่แล้วรีบไปทำให้สำเร็จ...ด่วน”
เทพธิดาจูนตวาด แล้วยกเท้าขึ้นมาถีบเอาที่ก้นเทวดาฝึกหัดพลางกล่าวว่า
“ข้าจะช่วยส่งให้ถึงที่เลย บาย”
บึก....อ้าก......
ร่างลอยละลิ้วไปตามแรงถีบมีเจ้าหอนฟ้าชูจังวิ่งตามไป แล้วหายไปในเหล่าเมฆ
เทพธิดาจูนยิ้มน้อยๆพลางกล่าวว่า
“จะมีความสุขจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ละนะหมอกั๋วเอ่ย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เสียงหัวเราะสนุกสนานของคู่หนุ่มสาวดั่งลั่นทั่วชายหาด ภาพชายหนุ่มนามอู๋เจ้าหมิงกับหนึ่งหญิงสาวนามหลิงหลิงวิ่งเล่นหยอกเย้ากันอย่างมีความสุขหลังจากทั้งสองได้ให้คำมั่นสัญญารักต่อกันช่างเป็นภาพดั่งฝันอันสวยงามแห่งความรัก แต่ทั้งสองกลับไม่อาจรู้ว่าในขณะเดียวกันนั้นเองสายตาของอีกหนึ่งบุรุษได้แอบเฝ้ามองพวกเขาอยู่ห่างๆนอกรัศมีของสายตาที่ทั้งสองจะมองเห็นได้
“อาเซนธาเรีย...เมื่อไรหนาเจ้าจะอภัยให้ข้า...เมื่อไรหนาเจ้าจะรับรู้ถึงความรักที่ข้ามีให้เจ้า...เมื่อไรหนาข้าจะได้มีความสุขกับเจ้าเช่นภาพตรงหน้านี้บ้าง..หรือไม่ว่าเจ้าจะเป็นอาเซนธาเรียหรือหลิงๆข้าก็เป็นเพียงแค่ผู้แพ้ที่อยู่นอกสายตาเจ้าร้ำไป”
เสียงรำพึงอันแผ่วเบาดังมาจากปากบุรุษหนุ่มนามเอซลอสหรือคุณหมอกั๋วอี่เซียนพรางส่งสายตาอันโศกเศร้าและโหยหาไปยังภาพหญิงสาวตรงหน้า แต่หน้าเสียได้ยิ่งนักที่ผู้ได้รับกลับไม่อาจรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้เลย!
กล่าวจบบุรุษนามเอซาลอสก็หันหลังกลับเดินเข้าสู้ประตูมิติที่เปิดขึ้นมาทางด้านหลังทันใด
......................
เช้าวันต่อมา
บุรุษในชุดกราวสีขาวเปิดประออกมาจากห้องผ่าตัด หลังจากประตูที่ด้านหลังปิดลงญาติผู้ป่วยที่นั่งรอกันอย่างเป็นห่วงญาติของตนที่เป็นคนไข้ในห้องกี่ปรี่กันเข้ามาหาบุรุษตรงหน้าทันใด
“คุณหมอกั๋วค่ะ อาการของคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”
“อาการของคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่หมออยากให้อยู่ในห้องไอซียูไปสักสองสามวันก่อน จะไดดูแลกันอย่างใกล้ชิด ถ้าอาการคนไข้ยังดีขึ้นเป็นลำดับแล้วคิดว่าอีกประมาณสองวันก็คงย้ายไปห้องพิเศษได้ครับ”
ญาติคนไข้แต่ละคนพากันออกอาการดีใจพากันขอบคุณหมอผู้รักษาเป็นการใหญ่ คุณหมอกั๋วอยู่บอกอาการคนไข้เพิ่มเติมอีกสักพักก็ขอตัวกลับห้องพัก
“เฮ่ย”
หมอกั๋วทิ้งร่างลงบนเก้าอี้ของตนในห้องทำงานพลางถอนหายใจ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้พักผ่อนเลยเข้าเวรดึกแล้วยังมามีผ่าตัดด่วนในต้อนเช้าอีก แต่เข้าก็จะทำ ทำงานมากๆให้ลืมภาพที่เห็นในวันวาน
ภาพหญิงอันเป็นที่รักกับอีกหนึ่งชายหนุ่ม ผู้ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูทั้งในสงครามแย่งชิงดวงดาวและสงครามความรักของตน
พอว่างแล้วก็คิด คิดแล้วก็กลุ้ม “ โอ้..อาเซนธาเรีย..โอ้..หลิงหลิง” ยิ่งคิดก็ยิ่งพูด ยิ่งพูดภาพของหญิงที่ตนรักก็ปรากฏมาในมโนภาพอีกครั้ง พร้อมกันนั้นความเจ็บปวดก็บาดลึกลงในหัวใจอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษผู้ได้ชื่อว่าอสูรแห่งสงครามอย่างเขา กลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเมื่ออยู่ตรงหน้าหญิงคนนี้ ทำไมโชคชะตาชังกลั่นแกล้งนัก ทำไมเทวดาจึงลำเอียง ทั้งๆที่เขาพยายามถึงที่สุดแล้ว หรือมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เธออภัยให้กับความผิดของฉัน หรือมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอกลับมามองเขาบ้าง แม้เพียงเสี่ยวนาที
“ ทำไมเทวดาฟ้าดินถึงไม่เห็นใจฉันบ้างเลย”
วิ่งออกมาตามทางเดินแล้วตะโกนสิ่งที่อัดอันออกมาตรงดาดฟ้าของตัวตึกโรงพยาบาลที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารกลางแจ้งบนดาดฟ้า ค่อยบริการผู้มาโรงพยาบาล จากนั้นคุณหมอกั๋วก็กระโดดไปบนเวทีกลางแจ้งที่อยู่บนดาดฟ้าของโรงบาล กลางสายตาของผู้มากินอาหารในตอนเช้า
จากนั้นเริ่มยักย้ายสายสะโพกพรางสลับเท้าเป็นจังหวะดนตรี เสียงอินโทนก็ดังขึ้น
พี่จูนเจ้าขา....พี่จูนเจ้าเจ้าขา........
จากนั้นก็คว้าไมค์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางเวทีมาจ่อปากแล้วเริ่มร้องเพลง
“พี่จูนเจ้าขาเทวดาขอรับ ขอจงมาสดับรับฟังถ่อยคำของผม เรือรักของผมกำลังจะล่ม หัวใจผมก็จมเพราะขาดคนดูแล.....
ขอสุขสักวันเถอะหนา ขอฟ้าช่วยรักสักที่นะเธอ หลิงหลิงผู้เลิดเลอขอเธอมาประดับอ้อมใจ...
เท้าออกสะเต็มแบบท่าชูศรี ต่อด้วยท่าลูบเป้าแบบไมเคิล กลับตัวหนึ่งรอบแล้วเริ่มร้องต่อ
พี่จูนเจ้าขาเทวดาขอรับ ขอจงมาสดับรับฟังถ่อยคำของผม หัวใจของผมมันตรม โปรดสงสารคนจนทนรักจำจากไกล.......”
พี่จูนเจ้าขา....พี่จูนเจ้าขา......
*ดัดแปลงมาจาก เพลงพระอินทร์เจ้าขา เพลงประกอบภาพยนต์คนปีมะ
พอจบเพลงเสียงตบมือก็ดังมาจากแขกที่เข้ามาทานอาหารในร้าน หมอกั๋วรู้สึกตัวหันกลับมาดู
“เฮ่ย คนมามองกันหน้าสลอนเลย พยาบาลเอย เพื่อนๆๆหมอเอย เสียภาพพจน์หมดเลยเรา”
รำพึงกับตัวเองพรางยิ้มแห้งๆแล้วรีบเดินออกมาจากที่เกิดเหตุโดยทันใด
..................................
ขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ที่แห่งหนึ่งเหนือภพภูมิของมนุษย์ ทร้ามกลางหมู่เมฆาและวิมานแห่งเทวดาทั้งหลายปรากฏมังกรทองตัวโตบินมากลางท้องฟ้า
เซเรสเทพเจ้ามังกรทองจากเรื่องอมตภพ....สู่...กาลนิรันด์นั้นเอง(ดารารับเชิญ...ขออนุญาติคุณอะเดลเฉพาะกิจ ณ ที่นี้)
มังกรทองบินมาจนมองเห็นจุดหมายตรงหน้า วิมานบนเมฆาอันสวยงามไปด้วยเมฆสีชมพูประดับด้วยดวงดาราสีสดใสวาววับหวานแหวว
มังกรทองหยุดตรงทางเขาวิหารพรางชั่งใจคิดว่า เราจะเข้าไปดีใหมเนี่ย เพราะในใจเองก็กลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วพอกลับออกมาเกล็ดมังกรสีทองของตนอาจเปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหวว ที่คอผูกริบบิ้นสีแดงแจดก็ได้ใครจะรู้ ก็รู้ดีกันอยู่ว่าพวกเทวดาที่อยู่วิหารนี้แต่ละองค์ออกจะติดบ๊องๆอยู่ด้วย คิดไปคิดมาเพื่อความปรอดภัยเราอยู่ตรงนี้ละดีแล้ว จากนั้นกลั้นใจตะโกนเรียกผู้ที่ตนต้องการมาพบว่า
“เทพธิดาจูน เทพธิดาจูน อยู่ไหมออกมาพบเราหน่อยสิ”
จบคำพูดก็เกิดแสงเรืองรองสีขาวตรงหน้าวิหารแล้วก็ปรากฏเทพธิดาองค์หนึ่ง สวมชุดราตรีสีขาวและแว่นตากลมหนาเตอะ พลางม้วนกล้าวผมขึ้น ถือหนังสือเล่มโตมีตัวหนังสือสีทองเขียวว่ารวมนิยายเจเจ จินตนาการไม่รู้จบ ตามแบบฉบับบรรณารักษ์ยุคคราสสิคยืนบนเมฆลอยมาพร้อมหมาตัวหนึ่ง(อิมเมดผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับพี่จูน)
เทพธิดาแห่งความฝันและจิตนาการจูนกับหอนฟ้าชูจังนั้นเอง
“สวัสดีคะท่านมหาเทพเซเรส วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี้คะ”
“ก็มีเรื่องจะมาปรึกษานะ คืองี้วันนี้เรากำลังบินอยู่บนน่านฟ้าโตเกียว ที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล แล้วทันใดนั้นเอง...”
“มีอะไรเหรอคะท่าน”
“เดียวสิเรากำลังจะเล่าอยู่นี้ไงคือ อยู่ๆเราก็สัมผัสได้ถึงเจนจำนงค์อันแรงกล้า และความเศร้าโศกของชายคนหนึ่ง ขอร้องให้ท่านช่วย นี้ท่านไม่ได้ยินเลยเหรอ”
“เอ..ไม่ได้ยินเลยคะพอดีช่วงนี้เก็บตัวเขียนเรื่องอาเซนธาเรียภาคสองอยู่คะ เนี่ยแฟนๆกำลังรออ่านกันแย่แล้วเลยไม่ค่อยได้สนใจ ว่าแต่ใครคะท่าน”
“ก็หมอกั๋วอี่เซี่ยน ดาวร้ายของเรื่องอาเซานธาเรียของท่านนั้นละ บอกว่าหมดอาลัยตายอยาก ทำดียังไงก็ไม่มีคนเห็นใจ ที่พอมีบทร้ายหน่อยคนก็ว่า”
“แหมไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะท่าน”
“ยังบอกอีกนะว่า ที่อู๋เจ้าหมิงเดียวก็ได้บทจูบนางเอกบ้างละ บทกอดบ้างละ พอเป็นเขา แค่จับมือยังไม่เคยเลย น้ำเสียงฟังน้อยใจใหญ่ดีไม่ดีเกิดฆ่าตัวตายไปก่อนจบเรื่องละก็มันจะยุ่งนะท่าน”
“ว้าทำไงดีละช่วงนี้ก็ไม่ว่างซะด้วยบทตอนต่อไปก็ด้วยเหมือนจะหายไปเป็นตัวประกอบแล้วสิตาเอซาลอสนี้ เพราะคณะสุดหล่ออาซิคาลอสก็มาแล้วด้วยบทคงน้อยลงอีกมั่ง”
เทพธิดาจูนบอก
“เอางี้สิ ท่านก็ให้เขาสมหวังสักวันสองหนึ่ง คือมีโอกาสใกล้ชิดนางเอกบวกพักผ่อนสักวันก็ได้นี้ แค่วันสองวันคงไม่กระเทือนเนื้อเรื้องหรอก”
มังกรทองเสนอ
“แต่เราไม่ว่างนะคงต้องหาคนอื่นไปแทนแล้ว แต่ข้าก็คิดว่าแค่วันเดียวคงไม่เป็นไรละ ว่าแต่ขอบคุณท่านมากนะที่กรุณาช่วยมาบอก “
“ไม่เป็นไรแค่นี้ละ รับเชิญเขามาต้องไปแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนโดเรียสก็มีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ว่าใครเป็นกาเซียสตัวจริง ปล่อยไว้นานก็เป็นห่วงไปละ”
มังกรทองลาแล้วบินหายไปในทันใด
เทธิดาจูนกลับเข้ามาในวิมานพรางคิดว่าจะไปให้ใครลงไปช่วยให้ความสุขหมอกั๋วสักหนึ่งวันดี พลันหูก็ได้ยินเสียงหนึ่งแว้วมา
ฝีๆๆครอกๆๆ
ใครนะมาแอบหลับแถวนี้
เดินมาหน่อยก็เห็นตัวการ เทวดาฝึกหัดหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่งในชุดสูททำงานสีดำฝุบหลับคาโต๊ะทำงานอยู่
“เทพฝึกหัดGametaเทพแห่งความเฮฮาปาจิงโก๊ะนั้นเจ้าทำอะไร”
เทพธิดาจูนเรียก สะดุ้งตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืนปากพูดว่า
“ชูจังไม่อยู่ พี่จูนไปเที่ยวเหลือผมคนเดียว เหตุการณ์ปกติครับ”
พอเห็นว่าเป็นใครก็เริ่มหน้าเสียได้แต่ยิ้มแก้เกอ
“ว่างมากนะเราถึงหลับได้ แล้วนิยายที่เราแต่งละ เห็นลงแค่สองตอนก็หายไปเลย”
“อา..คือยังคิดตอนต่อไม่ออกครับก็เลย..”
“เลยหลับละสิ”
เทพธิดาจูนดักคอ พลางคิดในใจว่าดีละเจอคนว่างงานแล้ว จากนั้นก็เริ่มแผนในใจว่า
“คิดตอนต่อไม่ออกใช่ไหม ดีละมีงานให้เราทำแล้ว”
“งานอะไรครับ”
“ชอบอ่านอาเซนธาเรียไหม”
“ชอบครับ โดยเฉพาะเอซาลอสเนียชอบมาก เขาดูเป็นคนมั่นคงในรักดี ตามหาอาเซนธาเรียมาตั้งนาน แต่ไงบทพระเอกไปจบกับราโอมินได้หว่า ผมว่าน่าสงสารเขาออกนา ทำไมน่าถึงน่าสงสารอย่างนี้ถ้าเป็นผมคงให้เขาเป็นพระเอกแล้ว ว่างๆสงสัยต้องไปถามคนเขียนหน่อยแล้วว่าทำไมลำเอียงจัง”
หลุดปากไปแล้วนึกได้ว่าคนเขียนก็อยู่ตรงหน้าเรานี้หว่าซวยแล้วไง มองไปเห็นเทพธิดาจูนขึงตามาก็สดุ้งโหยง จากนั้นเทพธิดาตรงหน้าก็ฉีกยิ้มแบบ***มๆมาให้ชวนขนลุกแล้วว่า
“ดีแล้วชอบนักก็ดี งั้นข้าให้เจ้าเป็นคนลงไปดลบันดาลให้เขาสุขสมหวังเป็นเวลาสามวัน ภายในหสามวันนี้ถ้าเจ้าทำให้เขามีความสุขไม่ได้ละก็....น่าดู”
ฟังคำสั่งจบก็สดุ้งโหยงอีกครั้งแล้วตอบกลับว่า
“แค่วันเดียวผมจะทำได้ยังไงอะครับ แค่หาโอกาสให้หมอกั๋วได้อยู่กับหลิงหลิงสองต่อสองก็ยากแล้วเพราะ อีตามาซาอิ อารักขาน้องใกล้ชิดขนาดนั้น ยังไม่นับ4มังกรแห่งเทียนย่งที่เหลือด้วย”
“ก็หาทางเข้าสิ”
“แต่ข้ามันอำนาจน้อย เพราะเป็นแค่เทวดาฝึกหัด ทำหน้าที่ส่งตะแลบแกบให้เจ้านายใหญ่เขาเท่านั้น”
เริ่มหาข้ออ้างมาบังหน้าทันใด
“ไม่เป็นไร เดียวข้าจะให้หอนฟ้าชูจังไปด้วย มันสามารถเสริมอำนาจเวทมนต์ให้เจ้าได้”
“แต่..”
“ไม่มีแต่แล้วรีบไปทำให้สำเร็จ...ด่วน”
เทพธิดาจูนตวาด แล้วยกเท้าขึ้นมาถีบเอาที่ก้นเทวดาฝึกหัดพลางกล่าวว่า
“ข้าจะช่วยส่งให้ถึงที่เลย บาย”
บึก....อ้าก......
ร่างลอยละลิ้วไปตามแรงถีบมีเจ้าหอนฟ้าชูจังวิ่งตามไป แล้วหายไปในเหล่าเมฆ
เทพธิดาจูนยิ้มน้อยๆพลางกล่าวว่า
“จะมีความสุขจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ละนะหมอกั๋วเอ่ย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น