ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The wizard of skyworld : ศึกป่วนดาต้า ป่วนเวหาผ่าปฐพี

    ลำดับตอนที่ #1 : เงามืดคืบคลาน

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 50


    ตูมๆๆๆ



    เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วลานกว้างอันประกอบไปด้วยซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างที่ครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้  บ้านเรือนไทยหลายหลังถูกทำลายย่อยยับ  แต่สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจคือ  ภายในซากบ้านเรือนไทยกลับปรากฏตู้เอกสารสีเงินจำนวนมากมายกองรวมกันอยู่



    ตูมๆๆ



    เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งเป็นเหตุให้เศษซากวัตถุที่เหลืออยู่บางชิ้นไม่อาจคงสภาพของมันได้อยู่ต่อไป  ทันทีที่วัตถุเหล่านั้นถูกทำลายโดยละเอียด มันก็กลับฟุ้งกระจายกลายเป็นกลุ่มตัวอักษรมากมาย  

    ก่อนที่จะจางหายไปในอาการธาตุ!

    แฮกๆๆ



    หลังจากที่ม่านกลุ่มควันอันประกอบด้วยตัวเลขมากมายล่องลอยไปทั่วค่อยๆจางหายไป พลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดนักรบไทยสวมเกราะแบบโบราณครบชุดนั่งหอบอยู่กลางกลุ่มควัน  พลางใช้ดาบที่อยูในมือข้างขวาปักลงดินเป็นหลักยึดทรงตัวมิให้ร่างของตนล้มลง  ในขณะที่ดาบในมืออีกข้างกลับหักครึ่ง  เสื้อเกราะที่สวมมีรอยแตกร้าว  บาดแผลเต็มตัว   ไม่ต้องบอกก็สามารถเดาได้ว่าสถานะการณ์ของนักรบหนุ่มกำลังย่ำแย่ปานใด



    "บ้าเอ๊ย  นี้เราจะสู้มันไม่ได้เลยหรือไงนะ"



    ชายหนุ่มรำพึงกับตนเองก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะดังขึ้นว่า

    "เสียใจด้วยนะพ่อนักรบหนุ่ม  ที่ดูเหมือนจะได้เวลาจบศึกของเราแล้ว    น่าเสียดายนะฉันนึกว่าแกจะทำให้ฉันสนุกได้มากกว่านี้ซะอีก"



    ร่างสูงใหญ่ในเงาอันมือมิดตรงหน้ากล่าวขึ้นพร้อมๆกับยกมือที่สวมด้วยถุงมือสีดำเป็นมันวาวออกมาเล็งเข้าหาชายหนุ่ม  ในขณะที่ผู้ตกเป็นเป้ากำลังพยายามทรงตัวลุกขึ้นเพื่อตั้งรับการโจมตีอีกครั้ง  แม้ในใจตนจะรู้แก่ใจดีว่า  การโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นตรงหน้านั้น  ตนคงมิอาจต้านทานได้อีกแน่   แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลย

    "แต่เอาเถอะแกอาจจะทำให้ฉันสนุกได้อีกนิดก็ได้"





    บุรุษในความมืดหยุดมองเหยื่อตรงหน้าอีกครู่  ก่อนจะต่อประโยคว่า



    "ด้วยความตายของแกไง"



    กล่าวจบในมือก็พลันบังเกิดแสงสีดำสนิทดุจความมืดมิดยิ่งกว่ารัติกาลตรงเข้าหานักรบหนุ่มตรงหน้าทันใด!



    ………………..

    คอมพิวเตอร์ !

    “สิ่งประดิษฐ์อันมหัศจรรย์ หนึ่งในหลายสิ่งที่สิ่งมีชีวิตที่เรียกตนเองว่ามนุษย์เช่นพวกเราได้ประดิษฐ์ขึ้นมา มีผู้เริ่มต้นสร้างสรรค์มัน ผู้รับช่วงสืบทอดความรู้เกี่ยวกับมัน และผู้คอยสรรค์สร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างอื่น ที่มีคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบในการสร้างสรรค์สิ่งนั้นๆ”

    เสียงกล่าวกังวานดังทั่วห้องบรรยายขนาดใหญ่ เป็นของบุรุษผู้มากวัยในชุดสูทสีขาว ผู้ซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของห้องบรรยาย อันรายล้อมไปด้วยเหล่าบุคคลผู้เข้าฟังบรรยายหลายเชื้อชาติด้วย ท่าทีที่จดจ่อกับสิ่งที่เขาพูด

    “ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเรา มันช่วยอำนวยความสะดวกสะบายให้แก่เรา อาจจากโดยตรง เช่นการใช้พิมพ์รายงาน 2-3หน้ากระดาษ

    ไปจนกระทั้ง การทำงานร่วมกับเครื่องยนตร์ไกอื่นๆ

    รถยนต์ที่พวกคุณนั่งอยู่ สัญญาณไฟจราจร โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราได้พบเจอกันจนชินตา”

    สายตาของผู้มากวัยที่เป็นจุดเด่นอยู่ในขณะนี้ ส่งสายตาไล่กวาดจากด้านสายมือสู่อีกด้านหนึ่งของที่นั่งเหล่านักศึกษา

    “แน่ละเราแทบทุกคนเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า ความคิดสร้างสรรค์อันสวยงาม และดีเยี่ยมของเรา เหล่ามนุษย์”

    คำกล่าวเดิมถูกกล่าวย้อนมาอีกครั้ง

    “หากแต่เป็นที่น่าเสียดายว่า มีเพียงไม่กี่คนที่จะตระหนักได้ถึง เจตจำนงค์และจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์เรา ส่วนใดที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันและพลิกผันให้เกิดการพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างก้าวกระโดดมาจนถึงในปัจจุบัน”

    เงียบไปครู่หนึ่งเพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ได้ทำความเข้าใจต่อคำถามและสิ่งที่ผู้ทำการบรรยายต้องการสื่อให้ทราบ

    “เอาละ! มีใครบอกบ้างว่าจิตวิญญาณที่ช่วยผลักดันและผลิกผันให้คอมพิวเตอร์พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาจนถึงปัจจุบันนี้บาง”

    นักศึกษาทั้งหลายตีสีหน้าเคร่งเครียดกับคำถามอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะมีนักศึกษาหญิงสวมแว่นตากรอบทองกับทรงผมซอยสั้นละต้นคอได้รูป อายุประมาณ25-26 ปีผู้หนึ่งยกมือขึ้น ด้วยบุคลิกท่าทางบ่งบอกถึงความมั่นใจ

    “ว่าไงเดซี่”

    อาจารย์ผู้มากวัยเอ่ยทักหญิงสาว พร้อมกับยกมือเรียกให้ลุกขึ้นตอบได้

    “ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอันไม่รู้จบของมนุษย์คะ ศจ.โมนาโต้”

    เสียงตอบฉาดฉานสมกับท่าทางอันเปรี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

    “บอกเหตุผลของเธอมาสิ”

    “คอมพิวเตอร์นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ อันเกิดจากมันสมองและจินตนาการที่ไม่รู้จบของมนุษย์ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์จักรกลที่มีความละเอียดซับซ้อน อันมีต้นกำเนิดจากความคิดอันก้าวไกลไปในอนาคตข้างหน้าของเหล่านักประดิษฐ์ในอดีต

    มันสืบทอดความรู้ ความสามารถจากอดีตสู่ปัจจุบัน และท้าทายจินตนาการของเรา เหล่านักคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆสืบไปค่ะ”

    กล่าวจบก็นั่งลงด้วยท่าทีที่มั่นใจเช่นเดียวกับตอนลุกขึ้น

    “อืม เป็นคำตอบที่ดี สบกับคนที่ทำงานในตำแหน่งนักออกแบบเว็บไซด์จริงๆเลยนะ

    คำตอบนี้ถือว่าดีมากหากจะกล่าวในเรื่องเนื้อหาและปรัชญา

    แต่… น่าเสียดายที่มันยังไม่ถูกต้อง”

    “เอาละใครมีความคิดอย่างอื่นอีกบ้าง”

    กล่าวต่อในทันทีโดยไม่เสียเวลามองท่าทางหม่นหมองนิดๆของคนตอบผิด

     




    ก่อนหน้านั้นครึ่งชั่วโมง

    บริษัทเพชรเทวาโอสถ

    พ.ศ.2600 ประเทศไทย



    "ถึงบริษัทเราแล้วละวายุ  ตื่นเถอะ"



    เสียงอันคุ้นหูของผู้เป็นบิดาดังขึ้นปลุกเด็กชายวัยเยาว์หน้าตาเรียวงามดุจสตรีตื่นขึ้น  เปลือกตาที่พริ้มหลับกลับค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสีนิลวาวสุขใส  เส้นผมสีน้ำตาลแดงกับผิวขาวละเอียดอ่อน  ที่ออกจะดูซีดเนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอและไม่ค่อยได้ออกไปไหน  เป็นเหตุให้ผู้คนที่พบเห็นครั้งแรกรู้สึกเอ็นดูและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้แม้เพียงเจ้าตัวเดินผ่านก็ตาม



    "สวัสดีครับ  คุณวาทะ"



    คุณวิเชียรผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่แห่งเพชรเทวาโอสถ  ผู้ช่วยเก่าแก่ที่อยู่คู่บุญตระกูลเพชรเทวามาช้านานเข้ามาทำความเคารพเจ้าหน้าอย่างหน้าตายิ้มแย้ม



    "สวัสดี วิเชียร"

    "สวัสดีครับคุณวิเชียร"



    สองพ่อลูกก้าวลงมาจากรถแล้วเข้ารับการทักทายกับชายตรงหน้า



    "งานที่สั่งไว้เตรียมการเสร็จหรือยังวิเชียร"

    "เสร็จแล้วครับ  ตามที่สั่ง"



    วิเชียรแอบขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่างให้แก่วาทะผู้เป็นเจ้านายโดยที่วายุผู้เป็นลูกชายไม่ทันได้สังเกตุเห็น



    "วายุวันนี้หลังตรวจร่างกายเสร็จแล้ว  เราไปแวะบริษัทสักครู่นะ  พ่อสั่งงานสำคัญไว้กับวิเชียรว่าจะไปตรวจสักหน่อย"



    วายุนึกถึงคำพูดบิดาก่อนที่จะมาที่นี้ได้ก็ไม่ได้สนใจหัวข้อในการสนทนาอีกก้าวเข้าสู้ตึกกลางเก่ากลางใหม่ตรงหน้า

    …………………

    "โอย  อยากจะบ้า"

    เสียงในใจสาวหน้าใสผู้ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานต้อนรับ ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพชรเทวาโอสถ  หลังจากที่จบจากสถาบันด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมรวมทั้งปริญาตรีด้าน

    ศิลปศาสตร์เอกภาษาอังกฤษด้วยคะแนนทอปเทนของชั้น  หล่อนเองมั่นใจว่าตนเองนั้นมีความสามารถมากที่สุดแล้วในกลุ่มที่จบมาด้วยกัน  ความสามารถรู้ภาษาได้ถึง 5  ภาษา ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ  ไม่ใช้จะหาได้ง่ายๆ  แต่แล้วในวันนี้เองหล่อนก็ได้รู้ว่า  ภาษาที่ตนเรียนรู้ได้นั้นยังน้อยไปอย่างเห็นได้ชัด  เพราะไม่ใช้ว่าทุกคนจะรู้จักภาษาอังกฤษเสมอไป



    "Can you speak english "



    หญิงสาวพยายามใช้ภาษาอังกฤษแบบประโยคง่ายๆให้ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นชายต่างชาติที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าชาติอะไรตรงหน้าฟัง  แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเมื่อชายตรงหน้ากล่าวกลับมาด้วยภาษาที่ตนไม่รู้จัก   แต่พอจับความได้ว่า  โนๆ  ซอรี่ๆ  ไอโนแคน    จนหญิงสาวตรงหน้าต้องยอมแพ้   กำลังใช้วิทยุเรียกเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนหนึ่ง   ที่อยู่ใกล้ๆมาช่วย   แต่ก่อนที่หญิงสาวรุ่นพี่จะเดินมาถึงนั้นเอง



    "What can I do for you"



    เสียงใสๆของเด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจีนสีเงิน  กระดุมเชือก   ตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยสวยงามกล่าวขึ้นกับชายหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้าหล่อน   ชาวต่างชาติรายนั้นหันไปให้ความสนใจต่อเด็กน้อยผู้มาใหม่   แล้วกล่าวเป็นภาษาที่หญิงสาวพนักงานต้อนรับไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดีนั้นแหละกับเด็กน้อย  ในขณะที่เด็กชายตัวน้อยได้ยินคำตอบของชาวต่างชาตินั้น  ก็ทำหน้าครุ่นคิดนิดหน่อย  ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยภาษาเดียวกันกับชาวต่างชาติตรงหน้าด้วยสำเนียงตามแบบฉบับเดียวกับเจ้าของภาษา   ชาวต่างชาติรายนั้นทำหน้าท่าทางประหลาดใจปนดีใจกล่าวโต้ตอบกับเด็กน้อยก่อนที่จะขอตัวเดินจากไป



    "คนรัสเซียนะครับ   ท่าทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงจากคณะท่องเที่ยว  กำลังหาทางกลับโรงแรมที่ตัวเองจะต้องไปพักอยู่  เขาไม่เก่งภาษาอังกฤษ  คอมพิวเตอร์นำเที่ยวของประเทศเราก็ดันมีแต่ภาษาอังกฤษด้วยก็เลยสั่งแทกซี่ให้มาส่งผิดที่นะครับ   โรงแรมที่ว่านี้ต้องเดินไปอีกสองตึกนี้"



    เด็กชายกล่าวขึ้นหลังจากเห็นท่าทางที่สาวพนักงานต้อนรับแสดงออกซึ่งความสงสัย



    "มิน่าสิ   ภาษารัสเซียนี้เอง   ถึงได้ทำเอางงไปเลย   ว่าแต่หนูเก่งจังเลย  รู้ภาษายากๆนี้ด้วย"

    "ก็นิดหน่อยละครับ"



    เด็กชายกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก



    "ว่าแต่หนูมากับใคร   แล้วก็มาทำอะไรที่นี้ละจ๊ะ"



    หญิงสาวถามต่อพลางก้มลงใช้มือลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู



    "ผมมาธุระกับคุณพ่อครับ   อ้อ   นี้ท่านส่งข้อความให้ขึ้นไปหาแล้ว   ผมคงต้องไปก่อนละครับ  แล้วเจอกันครับ"



    เด็กชายยิ้มน้อยๆที่มุมปาก สวยงามน่ารักชนิดชวนให้หลงใหลไปอีกนานอีกครั้ง   ก่อนจะเดินจากไป



    "ว่าไงนิดเป็นอะไรไหม"



    รุ่นพี่ผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงกล่าวถามหญิงสาวที่ยังเหม่อมองตามร่างเด็กชายอย่างหลงใหลในความน่ารักของเด็กชาย



    "พี่เวนนี่ค่ะ  เด็กคนนั้นเก่งจังเลยค่ะ  นิดกำลังจังงังกับชาวต่างชาติที่มาถามทางอยู่ไม่รู้ว่าใช้ภาษาอะไรกันแน่   แต่พอเด็กคนนั้นมาถึงก็คุยกับตาผู้ชายคนนั้นอย่างคล่องเชียว   ตอนหลังเด็กคนนั้นถึงบอกว่าเขาเป็นคนรัสเซียนี้เองเราถึงฟังไม่รู้เรื่อง   แต่เด็กคนนั้นก็เก่งไม่ใช่เล่นนะ   ฟังรู้เรื่องโต้ตอบกับเขาได้ แถมยังน่ารักสุดๆอีกต่างหาก ไม่รู้ลูกหลานใครน่าเข้าไปเป็นสะใภ้จังเลย"



    "หึ   หลงรักพ่อหนูอัจฉริยะของเราอีกคนแล้วซิ   รู้ไว้เลยนะว่าเขาละ   คุณวายุ   เพชรเทวา  ลูกชายคนเล็กของ คุณวาทะเจ้าของบริษัทเรานี้เองละ  คุณวาทะห่วงพ่อหนูนี้มากเพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิดเลยไม่ค่อยพาไปไหน  แต่ถ้าเป็นพนักงานที่อยู่มานานจะรู้จักกันดี   เพราะถึงเขาจะร่างกายอ่อนแอ  แต่เรื่องความฉลาดกับความรู้ละก็  เหนือกว่าเราๆหลายคนรวมกันซะอีก     เฉพาะภาษาที่รู้และใช้เป็นได้ยินว่าปาเข้าไป   25  ภาษาเข้าไปแล้วแถมยังมีท่าทางจะเพิ่มขึ้นทุกวันด้วย"



    หญิงสาวพนักงานต้อนรับหันกลับไปมองเด็กชายอีกครั้งด้วยความทึ้งก่อนกล่าวว่า

    "25 ภาษา  ตัวแค่นี้นะ   ไม่อยากจะเชื่อเลยนะนั้น"



    ……………….



    เด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจีนสีขาว  ใบหน้าออกหวานจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงบ่อยๆก้าวเดินไปตามทางเดินภายในตัวตึกกลางเก่ากลางใหม่ของบริษัทเพชรเทวาโอสถ   บริษัทที่เกิดขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนในเพชรเทวาหลายรุ่น   จากร้านขายยาสมุนไพรจีนเล็กๆเมื่อ 100 ปีก่อน  สู่ร้านขายยาแผนปัจจุบันจนกระทั้งกลายเป็นบริษัทเพชรเทวาโอสถ  บริษัทขนาดกลางผู้จัดจำหน่ายยาสมุนไพรแผนโบราณสู่ลูกค่าทั่วประเทศ

        เด็กชายวายุ  เพชรเทวา เป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลเพชรเทวา  เกิดจากบิดาเชื้อสายไทย-จีน คุณวาทะ  เพชรเทวาประธานบริษัทเพชรเทวาโอสถในปัจจุบัน กับคุณวาเรน  สมาร์ หญิงเชื้อสายชาวออสเตรเลีย – อังกฤษ  ทีเมื่อแต่งงานแล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยว่า  วารินี  เพชรเทวา  ทำให้วายุกับวาทะพี่ชายคนโตกลายเป็นคน 4 เชื้อชาติไปในที่สุด  



    "ได้เวลาทานข้าวแล้ว  พ่อสั่งให้พนักงานจัดอาหารเที่ยงใว้ให้แล้วที่ห้องอาหาร   ไปทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอ  พ่อยังทำธุระไม่เสร็จ"



    เด็กชายอ่านข้อความที่ส่งมาอีกครั้ง  ก่อนที่จะเปิดประตูสู่ห้องอาหาร  ที่ใช้บริการพนักงานในระดับผู้บริหารเป็นพิเศษของบริษัท



    พรึบ



    ทันทีที่เท้าของเด็กชายกำลังจะก้าวเข้าสู้ห้องอาหารพร้อมๆกับระบบประตูอัตโนมัติเปิดออก  พลันดวงไฟในโถงทางเดินและในห้องกับดับลงพร้อมกันจากนั้น



    "แฮบปี้เบิร์ดเดย์คร้าบคุณวายุ "



    ดวงไฟทั้ง 12ดวงปรากฏขึ้นพร้อมคำอวยพรวันเกิด   พลันภาพตรงหน้าก็ปรากฏใบหน้าของบิดาและมารดาของเด็กชายยืนอยู่กลางกลุ่มพนักงานที่รู้จักกันดีกับเด็กชาย  ยืนออกันอยู่เต็มห้องอาหาร

    ค่อยดูปฎิกิริยาของเด็กชายผิวขาวราวยวกกล้วยตรงหน้า     บ้างคนอาจคิดว่าเด็กชายจะทำท่าทางดีใจกระโดดโลดเต้นตรงหน้า   หรือไม่ก็วิ่งโผเข้าหาบิดามารดาตามลักษณะของเด็กทั่วๆไปที่เคยเห็นกัน   แต่คงไม่มีใครคิดหลอกว่าเด็กชายตรงหน้าจะกระทำการแตกต่างจากที่ทุกคนคาดไว้โดยสิ้นเชิง



    "ขอบคุณนะครับ"



    เด็กชายกลับยืนนิ่งเฉยสักครู่  ก่อนที่จะกล่าวคำขอบคุณเบาๆพอได้ยินทั่วถึงกันจากนั้นยิ้มน้อยๆที่มุมปากตามแบบฉบับที่เคยเห็นกันอยู่



    "เจ้าหนูของแม่อายุครบ 12 แล้วนะ มามะมาให้คุณแม่กอดหน่อย"



    คุณวารินีสาวใหญ่ที่ยังดูสวยงามเป็นสาวอยู่ด้วยการแพทย์ที่ล้ำสมัยทำให้สามารถยืดอายุขัยของมนุษย์ออกไปได้มากกล่าวขึ้น   หลังจากที่มองดูลูกชายวัย 12 ขวบ  ที่จากรูปร่างที่เห็นนั้นน่าจะอายุสัก 7 – 8 ขวบ  มากกว่าเนื่องจากโรคประจำตัวที่ลูกชายหล่อนเป็นอยู่   แววตาที่ฉายออกมาแสดงออกถึงความกังวน ผิดหวัง และห่วงใย   ส่งออกมาชั่วขณะหนึ่ง  ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

        

    "ขอบคุณครับ คุณแม่" วายุกล่าวอีกครั้งหลังจากเข้าสู่อ้อมแขนของคนเป็นแม่  พลางพยายามฝืนยิ้มออกมาให้ผู้เป็นพ่อและแม่หายกังวน   โดยในใจของเด็กชายก็รู้ดีว่างานเลี้ยงวันเกิดนี้เกิดขึ้นเพื่อพยายามจะทำให้ตนมีความสุขและเป็นอย่างเด็กทั่วๆไป   พ่อแม่ทุกคนก็ยอมดีใจอยู่หรอกที่ลูกของตนจะเกิดมาฉลาดหลักแหลม  แต่สำหรับเขามันมากเกินไป  สมองเจริญเติบโตเกินกว่าร่างกาย เป็นวิวัฒนาการที่ผิดพลาดของธรรมชาติ  และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยที่จะแตกต่างจากเด็กทั่วๆไปในเมื่อตั้งแต่เกิดมาก็ต้องอยู่แต่ในห้องแอร์ที่ป้องกันทุกอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็กชายได้     ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็ปิดกันเขาจากสิ่งที่เด้กทั่วไปสมควรได้รับ   การมีเพื่อนในวัยเดียวกัน  การได้เล่นได้ซุกซนเช่นเด็กอื่น  การได้เข้าเรียนในสถานการศึกษาที่รวบรวมเด็กๆในวัยเดียวกันมาอยู่ร่วมกัน   สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เด็กชายไม่เคยมีโอกาสได้รับ   ดังนั้นเพื่อนๆของเขาที่มีอยู่ในกรงทองนั้นก็คือเหล่าหนังสือและตำราความรู้ต่างๆมากมายที่บิดามารดานำมาให้ตามที่ต้องการ



    ทันใดนั้นเองสัญญาเรียกเข้าของเครื่องโทรศัพท์ก็ได้ขึ้น



    "ว่าไงนะ  โอเคจะรีบไปเดียวนี้ละ"



    ชายหนุ่มหน้ามนผู้มีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทกล่าวขึ้นด้วยท่าทางแตกตื่น  ก่อนที่จะหันมากล่าวกับวาทะว่า



    "ลูกน้องผมเรียกมาบอกว่ามีคนแฮกเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของเราครับ   แถมที่มันเล็งไว้ยังเป็นข้อมูล A L ด้วยครับ"



    "ว่าไงนะ  งั้นรีบไปดูเร็วข้อมูลนั้นถ้ามันเป็นอะไรไปละก็บริษัทเราจบแน่"



    วาทะกล่าวก่อนที่จะรีบวิ่งตามลูกน้องของตนไปยังห้องคอมพิวเตอร์



    ……………………..



    เปรี้ยงๆๆ



    บาเรียที่ป้องกันบ้านเรือนไทยหลังงามด้านในสุดของหมู่บ้านเรือนไทยที่ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบถูกทำลายลงราบคราบก่อนที่จะก้าวเดินเข้าหาตู้เอกสารสีขาวที่ตั้งอยู่ด้านในตัวเรือน  



    เปรี้ยงๆๆ



    แสงสีขาวปรากฏขึ้นเป็นชัดสุดท้ายป้องกันผู้บุกรุกจากข้อมูลที่สำคัยตรงหน้า



    "หึ  โธ่เอ้ยนึกหรือว่าแค่นี้จะป้องกันอะไรจากฉันได้"



    ชายในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำจรดปลายเท้ายื่นมือออกมาหาแสงสีขาวตรงหน้าก่อนจะกล่าวว่า



    "ออฟชั่นเมจิกโปรแกรมแฮน  ออฟ  ดาร์ค"



    แสงสีดำพลันเกิดขึ้นกลางฝ่ามือชายชุดดำ  จากนั้นแผ่พุ่งเข้าหาม่านแสงสีขาว



    วูบๆๆๆ



    แสงทั้งสองขั้วต่างพยายามต่อสู้กันดุเดือด  จนในที่สุดม่านแสงสีขาวก็ค่อยๆถูกความมืดเข้าครอบคลุมจนหมดสิ้น  



    เปรี้ยง…  ตูม



    เมื่อม่านคุ้มกันถูกทำลายตู้เอกสารตรงหน้าจึงถูกทำลายในทันใด   เศษชิ้นส่วนตู้เอกสารแตกระจายไปทั่วก่อนที่จะการเป็นละอองตัวเลขและอักษรมากมายก่อนจะจางหายไป   จากนั้นปรากฏหนังสือเล่มเหลืองเล่มหนึ่ง   เขียนไว้ว่า AL   บุรุษชุดดำยืนมือไปหยิบสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ก่อนที่จะมีเสียงเอ่ยขึ้นว่า



    "หยุดอยู่กับที่แล้วส่งข้อมูลนั้นคืนมาซะ"



    ไกร  แดนดวง  หัวหน้าผู้ดูแลระบบในชุดเกราะโบราณก้าวขึ้น  ห่างออกไป50เมตร

    "ถ้าไม่คืนละจะว่าไง"



    บุรุษในชุดดำกล่าวตอบโดยไม่เกรงกลัวชายตรงหน้า  คลื่นออร่าสีดำไหลเวียนทั่วร่าง   บดบังหน้าตาที่แท้จริงของผู้บุกรุกจนหมดสิ้น   แน่ละถึงแม้ในโลกไซเบอร์นี้รูปร่างหน้าตาของคนที่เข้ามาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเป็นลักษณะที่มาจากการถ่ายโอนจิตโดยตรงจากสมอง   แต่เจ้าพวกแฮกเกอร์นี้ก็มีวิธีการ หลายอย่างที่จะใช่ปกปิดหน้าตาที่แท้จริงได้



    "งั้นก็มาเจอกันซักตั้งสิ"



    กล่าวจบขุนไกรแห่งเพชรเทวาโอสถก็เรียกอาวุธคู่มือตนออกมาทันใด



    "ออฟชั่นเวคพอยโปรแกรม ดาบคู่เหล็กน้ำพี้ "



    โปรดติดตามตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×