คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เงามืดคืบคลาน
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วลานกว้างอันประกอบไปด้วยซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างที่ครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ บ้านเรือนไทยหลายหลังถูกทำลายย่อยยับ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจคือ ภายในซากบ้านเรือนไทยกลับปรากฏตู้เอกสารสีเงินจำนวนมากมายกองรวมกันอยู่
ตูมๆๆ
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งเป็นเหตุให้เศษซากวัตถุที่เหลืออยู่บางชิ้นไม่อาจคงสภาพของมันได้อยู่ต่อไป ทันทีที่วัตถุเหล่านั้นถูกทำลายโดยละเอียด มันก็กลับฟุ้งกระจายกลายเป็นกลุ่มตัวอักษรมากมาย
ก่อนที่จะจางหายไปในอาการธาตุ!
แฮกๆๆ
หลังจากที่ม่านกลุ่มควันอันประกอบด้วยตัวเลขมากมายล่องลอยไปทั่วค่อยๆจางหายไป พลันปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดนักรบไทยสวมเกราะแบบโบราณครบชุดนั่งหอบอยู่กลางกลุ่มควัน พลางใช้ดาบที่อยูในมือข้างขวาปักลงดินเป็นหลักยึดทรงตัวมิให้ร่างของตนล้มลง ในขณะที่ดาบในมืออีกข้างกลับหักครึ่ง เสื้อเกราะที่สวมมีรอยแตกร้าว บาดแผลเต็มตัว ไม่ต้องบอกก็สามารถเดาได้ว่าสถานะการณ์ของนักรบหนุ่มกำลังย่ำแย่ปานใด
"บ้าเอ๊ย นี้เราจะสู้มันไม่ได้เลยหรือไงนะ"
ชายหนุ่มรำพึงกับตนเองก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะดังขึ้นว่า
"เสียใจด้วยนะพ่อนักรบหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะได้เวลาจบศึกของเราแล้ว น่าเสียดายนะฉันนึกว่าแกจะทำให้ฉันสนุกได้มากกว่านี้ซะอีก"
ร่างสูงใหญ่ในเงาอันมือมิดตรงหน้ากล่าวขึ้นพร้อมๆกับยกมือที่สวมด้วยถุงมือสีดำเป็นมันวาวออกมาเล็งเข้าหาชายหนุ่ม ในขณะที่ผู้ตกเป็นเป้ากำลังพยายามทรงตัวลุกขึ้นเพื่อตั้งรับการโจมตีอีกครั้ง แม้ในใจตนจะรู้แก่ใจดีว่า การโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นตรงหน้านั้น ตนคงมิอาจต้านทานได้อีกแน่ แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลย
"แต่เอาเถอะแกอาจจะทำให้ฉันสนุกได้อีกนิดก็ได้"
บุรุษในความมืดหยุดมองเหยื่อตรงหน้าอีกครู่ ก่อนจะต่อประโยคว่า
"ด้วยความตายของแกไง"
กล่าวจบในมือก็พลันบังเกิดแสงสีดำสนิทดุจความมืดมิดยิ่งกว่ารัติกาลตรงเข้าหานักรบหนุ่มตรงหน้าทันใด!
..
คอมพิวเตอร์ !
“สิ่งประดิษฐ์อันมหัศจรรย์ หนึ่งในหลายสิ่งที่สิ่งมีชีวิตที่เรียกตนเองว่ามนุษย์เช่นพวกเราได้ประดิษฐ์ขึ้นมา มีผู้เริ่มต้นสร้างสรรค์มัน ผู้รับช่วงสืบทอดความรู้เกี่ยวกับมัน และผู้คอยสรรค์สร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างอื่น ที่มีคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบในการสร้างสรรค์สิ่งนั้นๆ”
เสียงกล่าวกังวานดังทั่วห้องบรรยายขนาดใหญ่ เป็นของบุรุษผู้มากวัยในชุดสูทสีขาว ผู้ซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของห้องบรรยาย อันรายล้อมไปด้วยเหล่าบุคคลผู้เข้าฟังบรรยายหลายเชื้อชาติด้วย ท่าทีที่จดจ่อกับสิ่งที่เขาพูด
“ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเรา มันช่วยอำนวยความสะดวกสะบายให้แก่เรา อาจจากโดยตรง เช่นการใช้พิมพ์รายงาน 2-3หน้ากระดาษ
ไปจนกระทั้ง การทำงานร่วมกับเครื่องยนตร์ไกอื่นๆ
รถยนต์ที่พวกคุณนั่งอยู่ สัญญาณไฟจราจร โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราได้พบเจอกันจนชินตา”
สายตาของผู้มากวัยที่เป็นจุดเด่นอยู่ในขณะนี้ ส่งสายตาไล่กวาดจากด้านสายมือสู่อีกด้านหนึ่งของที่นั่งเหล่านักศึกษา
“แน่ละเราแทบทุกคนเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า ความคิดสร้างสรรค์อันสวยงาม และดีเยี่ยมของเรา เหล่ามนุษย์”
คำกล่าวเดิมถูกกล่าวย้อนมาอีกครั้ง
“หากแต่เป็นที่น่าเสียดายว่า มีเพียงไม่กี่คนที่จะตระหนักได้ถึง เจตจำนงค์และจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์เรา ส่วนใดที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันและพลิกผันให้เกิดการพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างก้าวกระโดดมาจนถึงในปัจจุบัน”
เงียบไปครู่หนึ่งเพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ได้ทำความเข้าใจต่อคำถามและสิ่งที่ผู้ทำการบรรยายต้องการสื่อให้ทราบ
“เอาละ! มีใครบอกบ้างว่าจิตวิญญาณที่ช่วยผลักดันและผลิกผันให้คอมพิวเตอร์พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาจนถึงปัจจุบันนี้บาง”
นักศึกษาทั้งหลายตีสีหน้าเคร่งเครียดกับคำถามอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะมีนักศึกษาหญิงสวมแว่นตากรอบทองกับทรงผมซอยสั้นละต้นคอได้รูป อายุประมาณ25-26 ปีผู้หนึ่งยกมือขึ้น ด้วยบุคลิกท่าทางบ่งบอกถึงความมั่นใจ
“ว่าไงเดซี่”
อาจารย์ผู้มากวัยเอ่ยทักหญิงสาว พร้อมกับยกมือเรียกให้ลุกขึ้นตอบได้
“ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอันไม่รู้จบของมนุษย์คะ ศจ.โมนาโต้”
เสียงตอบฉาดฉานสมกับท่าทางอันเปรี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“บอกเหตุผลของเธอมาสิ”
“คอมพิวเตอร์นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ อันเกิดจากมันสมองและจินตนาการที่ไม่รู้จบของมนุษย์ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์จักรกลที่มีความละเอียดซับซ้อน อันมีต้นกำเนิดจากความคิดอันก้าวไกลไปในอนาคตข้างหน้าของเหล่านักประดิษฐ์ในอดีต
มันสืบทอดความรู้ ความสามารถจากอดีตสู่ปัจจุบัน และท้าทายจินตนาการของเรา เหล่านักคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆสืบไปค่ะ”
กล่าวจบก็นั่งลงด้วยท่าทีที่มั่นใจเช่นเดียวกับตอนลุกขึ้น
“อืม เป็นคำตอบที่ดี สบกับคนที่ทำงานในตำแหน่งนักออกแบบเว็บไซด์จริงๆเลยนะ
คำตอบนี้ถือว่าดีมากหากจะกล่าวในเรื่องเนื้อหาและปรัชญา
แต่ น่าเสียดายที่มันยังไม่ถูกต้อง”
“เอาละใครมีความคิดอย่างอื่นอีกบ้าง”
กล่าวต่อในทันทีโดยไม่เสียเวลามองท่าทางหม่นหมองนิดๆของคนตอบผิด
ก่อนหน้านั้นครึ่งชั่วโมง
บริษัทเพชรเทวาโอสถ
พ.ศ.2600 ประเทศไทย
"ถึงบริษัทเราแล้วละวายุ ตื่นเถอะ"
เสียงอันคุ้นหูของผู้เป็นบิดาดังขึ้นปลุกเด็กชายวัยเยาว์หน้าตาเรียวงามดุจสตรีตื่นขึ้น เปลือกตาที่พริ้มหลับกลับค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสีนิลวาวสุขใส เส้นผมสีน้ำตาลแดงกับผิวขาวละเอียดอ่อน ที่ออกจะดูซีดเนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอและไม่ค่อยได้ออกไปไหน เป็นเหตุให้ผู้คนที่พบเห็นครั้งแรกรู้สึกเอ็นดูและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้แม้เพียงเจ้าตัวเดินผ่านก็ตาม
"สวัสดีครับ คุณวาทะ"
คุณวิเชียรผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่แห่งเพชรเทวาโอสถ ผู้ช่วยเก่าแก่ที่อยู่คู่บุญตระกูลเพชรเทวามาช้านานเข้ามาทำความเคารพเจ้าหน้าอย่างหน้าตายิ้มแย้ม
"สวัสดี วิเชียร"
"สวัสดีครับคุณวิเชียร"
สองพ่อลูกก้าวลงมาจากรถแล้วเข้ารับการทักทายกับชายตรงหน้า
"งานที่สั่งไว้เตรียมการเสร็จหรือยังวิเชียร"
"เสร็จแล้วครับ ตามที่สั่ง"
วิเชียรแอบขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่างให้แก่วาทะผู้เป็นเจ้านายโดยที่วายุผู้เป็นลูกชายไม่ทันได้สังเกตุเห็น
"วายุวันนี้หลังตรวจร่างกายเสร็จแล้ว เราไปแวะบริษัทสักครู่นะ พ่อสั่งงานสำคัญไว้กับวิเชียรว่าจะไปตรวจสักหน่อย"
วายุนึกถึงคำพูดบิดาก่อนที่จะมาที่นี้ได้ก็ไม่ได้สนใจหัวข้อในการสนทนาอีกก้าวเข้าสู้ตึกกลางเก่ากลางใหม่ตรงหน้า
"โอย อยากจะบ้า"
เสียงในใจสาวหน้าใสผู้ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานต้อนรับ ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพชรเทวาโอสถ หลังจากที่จบจากสถาบันด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมรวมทั้งปริญาตรีด้าน
ศิลปศาสตร์เอกภาษาอังกฤษด้วยคะแนนทอปเทนของชั้น หล่อนเองมั่นใจว่าตนเองนั้นมีความสามารถมากที่สุดแล้วในกลุ่มที่จบมาด้วยกัน ความสามารถรู้ภาษาได้ถึง 5 ภาษา ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ ไม่ใช้จะหาได้ง่ายๆ แต่แล้วในวันนี้เองหล่อนก็ได้รู้ว่า ภาษาที่ตนเรียนรู้ได้นั้นยังน้อยไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ใช้ว่าทุกคนจะรู้จักภาษาอังกฤษเสมอไป
"Can you speak english "
หญิงสาวพยายามใช้ภาษาอังกฤษแบบประโยคง่ายๆให้ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นชายต่างชาติที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าชาติอะไรตรงหน้าฟัง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเมื่อชายตรงหน้ากล่าวกลับมาด้วยภาษาที่ตนไม่รู้จัก แต่พอจับความได้ว่า โนๆ ซอรี่ๆ ไอโนแคน จนหญิงสาวตรงหน้าต้องยอมแพ้ กำลังใช้วิทยุเรียกเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ๆมาช่วย แต่ก่อนที่หญิงสาวรุ่นพี่จะเดินมาถึงนั้นเอง
"What can I do for you"
เสียงใสๆของเด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจีนสีเงิน กระดุมเชือก ตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยสวยงามกล่าวขึ้นกับชายหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้าหล่อน ชาวต่างชาติรายนั้นหันไปให้ความสนใจต่อเด็กน้อยผู้มาใหม่ แล้วกล่าวเป็นภาษาที่หญิงสาวพนักงานต้อนรับไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดีนั้นแหละกับเด็กน้อย ในขณะที่เด็กชายตัวน้อยได้ยินคำตอบของชาวต่างชาตินั้น ก็ทำหน้าครุ่นคิดนิดหน่อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยภาษาเดียวกันกับชาวต่างชาติตรงหน้าด้วยสำเนียงตามแบบฉบับเดียวกับเจ้าของภาษา ชาวต่างชาติรายนั้นทำหน้าท่าทางประหลาดใจปนดีใจกล่าวโต้ตอบกับเด็กน้อยก่อนที่จะขอตัวเดินจากไป
"คนรัสเซียนะครับ ท่าทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงจากคณะท่องเที่ยว กำลังหาทางกลับโรงแรมที่ตัวเองจะต้องไปพักอยู่ เขาไม่เก่งภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์นำเที่ยวของประเทศเราก็ดันมีแต่ภาษาอังกฤษด้วยก็เลยสั่งแทกซี่ให้มาส่งผิดที่นะครับ โรงแรมที่ว่านี้ต้องเดินไปอีกสองตึกนี้"
เด็กชายกล่าวขึ้นหลังจากเห็นท่าทางที่สาวพนักงานต้อนรับแสดงออกซึ่งความสงสัย
"มิน่าสิ ภาษารัสเซียนี้เอง ถึงได้ทำเอางงไปเลย ว่าแต่หนูเก่งจังเลย รู้ภาษายากๆนี้ด้วย"
"ก็นิดหน่อยละครับ"
เด็กชายกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
"ว่าแต่หนูมากับใคร แล้วก็มาทำอะไรที่นี้ละจ๊ะ"
หญิงสาวถามต่อพลางก้มลงใช้มือลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู
"ผมมาธุระกับคุณพ่อครับ อ้อ นี้ท่านส่งข้อความให้ขึ้นไปหาแล้ว ผมคงต้องไปก่อนละครับ แล้วเจอกันครับ"
เด็กชายยิ้มน้อยๆที่มุมปาก สวยงามน่ารักชนิดชวนให้หลงใหลไปอีกนานอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไป
"ว่าไงนิดเป็นอะไรไหม"
รุ่นพี่ผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงกล่าวถามหญิงสาวที่ยังเหม่อมองตามร่างเด็กชายอย่างหลงใหลในความน่ารักของเด็กชาย
"พี่เวนนี่ค่ะ เด็กคนนั้นเก่งจังเลยค่ะ นิดกำลังจังงังกับชาวต่างชาติที่มาถามทางอยู่ไม่รู้ว่าใช้ภาษาอะไรกันแน่ แต่พอเด็กคนนั้นมาถึงก็คุยกับตาผู้ชายคนนั้นอย่างคล่องเชียว ตอนหลังเด็กคนนั้นถึงบอกว่าเขาเป็นคนรัสเซียนี้เองเราถึงฟังไม่รู้เรื่อง แต่เด็กคนนั้นก็เก่งไม่ใช่เล่นนะ ฟังรู้เรื่องโต้ตอบกับเขาได้ แถมยังน่ารักสุดๆอีกต่างหาก ไม่รู้ลูกหลานใครน่าเข้าไปเป็นสะใภ้จังเลย"
"หึ หลงรักพ่อหนูอัจฉริยะของเราอีกคนแล้วซิ รู้ไว้เลยนะว่าเขาละ คุณวายุ เพชรเทวา ลูกชายคนเล็กของ คุณวาทะเจ้าของบริษัทเรานี้เองละ คุณวาทะห่วงพ่อหนูนี้มากเพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิดเลยไม่ค่อยพาไปไหน แต่ถ้าเป็นพนักงานที่อยู่มานานจะรู้จักกันดี เพราะถึงเขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่เรื่องความฉลาดกับความรู้ละก็ เหนือกว่าเราๆหลายคนรวมกันซะอีก เฉพาะภาษาที่รู้และใช้เป็นได้ยินว่าปาเข้าไป 25 ภาษาเข้าไปแล้วแถมยังมีท่าทางจะเพิ่มขึ้นทุกวันด้วย"
หญิงสาวพนักงานต้อนรับหันกลับไปมองเด็กชายอีกครั้งด้วยความทึ้งก่อนกล่าวว่า
"25 ภาษา ตัวแค่นี้นะ ไม่อยากจะเชื่อเลยนะนั้น"
.
เด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจีนสีขาว ใบหน้าออกหวานจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงบ่อยๆก้าวเดินไปตามทางเดินภายในตัวตึกกลางเก่ากลางใหม่ของบริษัทเพชรเทวาโอสถ บริษัทที่เกิดขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนในเพชรเทวาหลายรุ่น จากร้านขายยาสมุนไพรจีนเล็กๆเมื่อ 100 ปีก่อน สู่ร้านขายยาแผนปัจจุบันจนกระทั้งกลายเป็นบริษัทเพชรเทวาโอสถ บริษัทขนาดกลางผู้จัดจำหน่ายยาสมุนไพรแผนโบราณสู่ลูกค่าทั่วประเทศ
เด็กชายวายุ เพชรเทวา เป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลเพชรเทวา เกิดจากบิดาเชื้อสายไทย-จีน คุณวาทะ เพชรเทวาประธานบริษัทเพชรเทวาโอสถในปัจจุบัน กับคุณวาเรน สมาร์ หญิงเชื้อสายชาวออสเตรเลีย อังกฤษ ทีเมื่อแต่งงานแล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยว่า วารินี เพชรเทวา ทำให้วายุกับวาทะพี่ชายคนโตกลายเป็นคน 4 เชื้อชาติไปในที่สุด
"ได้เวลาทานข้าวแล้ว พ่อสั่งให้พนักงานจัดอาหารเที่ยงใว้ให้แล้วที่ห้องอาหาร ไปทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอ พ่อยังทำธุระไม่เสร็จ"
เด็กชายอ่านข้อความที่ส่งมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเปิดประตูสู่ห้องอาหาร ที่ใช้บริการพนักงานในระดับผู้บริหารเป็นพิเศษของบริษัท
พรึบ
ทันทีที่เท้าของเด็กชายกำลังจะก้าวเข้าสู้ห้องอาหารพร้อมๆกับระบบประตูอัตโนมัติเปิดออก พลันดวงไฟในโถงทางเดินและในห้องกับดับลงพร้อมกันจากนั้น
"แฮบปี้เบิร์ดเดย์คร้าบคุณวายุ "
ดวงไฟทั้ง 12ดวงปรากฏขึ้นพร้อมคำอวยพรวันเกิด พลันภาพตรงหน้าก็ปรากฏใบหน้าของบิดาและมารดาของเด็กชายยืนอยู่กลางกลุ่มพนักงานที่รู้จักกันดีกับเด็กชาย ยืนออกันอยู่เต็มห้องอาหาร
ค่อยดูปฎิกิริยาของเด็กชายผิวขาวราวยวกกล้วยตรงหน้า บ้างคนอาจคิดว่าเด็กชายจะทำท่าทางดีใจกระโดดโลดเต้นตรงหน้า หรือไม่ก็วิ่งโผเข้าหาบิดามารดาตามลักษณะของเด็กทั่วๆไปที่เคยเห็นกัน แต่คงไม่มีใครคิดหลอกว่าเด็กชายตรงหน้าจะกระทำการแตกต่างจากที่ทุกคนคาดไว้โดยสิ้นเชิง
"ขอบคุณนะครับ"
เด็กชายกลับยืนนิ่งเฉยสักครู่ ก่อนที่จะกล่าวคำขอบคุณเบาๆพอได้ยินทั่วถึงกันจากนั้นยิ้มน้อยๆที่มุมปากตามแบบฉบับที่เคยเห็นกันอยู่
"เจ้าหนูของแม่อายุครบ 12 แล้วนะ มามะมาให้คุณแม่กอดหน่อย"
คุณวารินีสาวใหญ่ที่ยังดูสวยงามเป็นสาวอยู่ด้วยการแพทย์ที่ล้ำสมัยทำให้สามารถยืดอายุขัยของมนุษย์ออกไปได้มากกล่าวขึ้น หลังจากที่มองดูลูกชายวัย 12 ขวบ ที่จากรูปร่างที่เห็นนั้นน่าจะอายุสัก 7 8 ขวบ มากกว่าเนื่องจากโรคประจำตัวที่ลูกชายหล่อนเป็นอยู่ แววตาที่ฉายออกมาแสดงออกถึงความกังวน ผิดหวัง และห่วงใย ส่งออกมาชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณครับ คุณแม่" วายุกล่าวอีกครั้งหลังจากเข้าสู่อ้อมแขนของคนเป็นแม่ พลางพยายามฝืนยิ้มออกมาให้ผู้เป็นพ่อและแม่หายกังวน โดยในใจของเด็กชายก็รู้ดีว่างานเลี้ยงวันเกิดนี้เกิดขึ้นเพื่อพยายามจะทำให้ตนมีความสุขและเป็นอย่างเด็กทั่วๆไป พ่อแม่ทุกคนก็ยอมดีใจอยู่หรอกที่ลูกของตนจะเกิดมาฉลาดหลักแหลม แต่สำหรับเขามันมากเกินไป สมองเจริญเติบโตเกินกว่าร่างกาย เป็นวิวัฒนาการที่ผิดพลาดของธรรมชาติ และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยที่จะแตกต่างจากเด็กทั่วๆไปในเมื่อตั้งแต่เกิดมาก็ต้องอยู่แต่ในห้องแอร์ที่ป้องกันทุกอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็กชายได้ ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็ปิดกันเขาจากสิ่งที่เด้กทั่วไปสมควรได้รับ การมีเพื่อนในวัยเดียวกัน การได้เล่นได้ซุกซนเช่นเด็กอื่น การได้เข้าเรียนในสถานการศึกษาที่รวบรวมเด็กๆในวัยเดียวกันมาอยู่ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เด็กชายไม่เคยมีโอกาสได้รับ ดังนั้นเพื่อนๆของเขาที่มีอยู่ในกรงทองนั้นก็คือเหล่าหนังสือและตำราความรู้ต่างๆมากมายที่บิดามารดานำมาให้ตามที่ต้องการ
ทันใดนั้นเองสัญญาเรียกเข้าของเครื่องโทรศัพท์ก็ได้ขึ้น
"ว่าไงนะ โอเคจะรีบไปเดียวนี้ละ"
ชายหนุ่มหน้ามนผู้มีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทกล่าวขึ้นด้วยท่าทางแตกตื่น ก่อนที่จะหันมากล่าวกับวาทะว่า
"ลูกน้องผมเรียกมาบอกว่ามีคนแฮกเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของเราครับ แถมที่มันเล็งไว้ยังเป็นข้อมูล A L ด้วยครับ"
"ว่าไงนะ งั้นรีบไปดูเร็วข้อมูลนั้นถ้ามันเป็นอะไรไปละก็บริษัทเราจบแน่"
วาทะกล่าวก่อนที่จะรีบวิ่งตามลูกน้องของตนไปยังห้องคอมพิวเตอร์
..
เปรี้ยงๆๆ
บาเรียที่ป้องกันบ้านเรือนไทยหลังงามด้านในสุดของหมู่บ้านเรือนไทยที่ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบถูกทำลายลงราบคราบก่อนที่จะก้าวเดินเข้าหาตู้เอกสารสีขาวที่ตั้งอยู่ด้านในตัวเรือน
เปรี้ยงๆๆ
แสงสีขาวปรากฏขึ้นเป็นชัดสุดท้ายป้องกันผู้บุกรุกจากข้อมูลที่สำคัยตรงหน้า
"หึ โธ่เอ้ยนึกหรือว่าแค่นี้จะป้องกันอะไรจากฉันได้"
ชายในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำจรดปลายเท้ายื่นมือออกมาหาแสงสีขาวตรงหน้าก่อนจะกล่าวว่า
"ออฟชั่นเมจิกโปรแกรมแฮน ออฟ ดาร์ค"
แสงสีดำพลันเกิดขึ้นกลางฝ่ามือชายชุดดำ จากนั้นแผ่พุ่งเข้าหาม่านแสงสีขาว
วูบๆๆๆ
แสงทั้งสองขั้วต่างพยายามต่อสู้กันดุเดือด จนในที่สุดม่านแสงสีขาวก็ค่อยๆถูกความมืดเข้าครอบคลุมจนหมดสิ้น
เปรี้ยง ตูม
เมื่อม่านคุ้มกันถูกทำลายตู้เอกสารตรงหน้าจึงถูกทำลายในทันใด เศษชิ้นส่วนตู้เอกสารแตกระจายไปทั่วก่อนที่จะการเป็นละอองตัวเลขและอักษรมากมายก่อนจะจางหายไป จากนั้นปรากฏหนังสือเล่มเหลืองเล่มหนึ่ง เขียนไว้ว่า AL บุรุษชุดดำยืนมือไปหยิบสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมีเสียงเอ่ยขึ้นว่า
"หยุดอยู่กับที่แล้วส่งข้อมูลนั้นคืนมาซะ"
ไกร แดนดวง หัวหน้าผู้ดูแลระบบในชุดเกราะโบราณก้าวขึ้น ห่างออกไป50เมตร
"ถ้าไม่คืนละจะว่าไง"
บุรุษในชุดดำกล่าวตอบโดยไม่เกรงกลัวชายตรงหน้า คลื่นออร่าสีดำไหลเวียนทั่วร่าง บดบังหน้าตาที่แท้จริงของผู้บุกรุกจนหมดสิ้น แน่ละถึงแม้ในโลกไซเบอร์นี้รูปร่างหน้าตาของคนที่เข้ามาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเป็นลักษณะที่มาจากการถ่ายโอนจิตโดยตรงจากสมอง แต่เจ้าพวกแฮกเกอร์นี้ก็มีวิธีการ หลายอย่างที่จะใช่ปกปิดหน้าตาที่แท้จริงได้
"งั้นก็มาเจอกันซักตั้งสิ"
กล่าวจบขุนไกรแห่งเพชรเทวาโอสถก็เรียกอาวุธคู่มือตนออกมาทันใด
"ออฟชั่นเวคพอยโปรแกรม ดาบคู่เหล็กน้ำพี้ "
โปรดติดตามตอนต่อไป
ความคิดเห็น