ลาแล้วจากไป
อุบัติเหตุ นำมาซึ่งความเศร้า ความตายได้พรากเราจากคนที่รักมา ทุกข์ ห่วงหา จึงต้องสั่งลา ก่อนจากไป
ผู้เข้าชมรวม
171
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ขบวนงานอิ่มบุญกลายเป็นขบวนงานเศร้าหลังจากที่รสบัสชนประสานงานกับอะไรสักอย่าง (เราคิดว่าอย่างนั้น)
เราเห็นผู้คนบาดเจ็บมากมาย เห็นแม่และป้ากับคนอื่นๆ นั่งคุยกันอย่างเหงาๆ เศร้าๆ เราจึงเดินเข้าไปพูดจายียวนกวนทีน หวังให้ทุกคนหัวเราะ แต่ก็เปล่า ไม่มีใครสนใจเราเลย จึงจากมาผ่านเตียงคนเจ็บมากมายที่นอนไม่ได้สติรอการผ่าตัดสับเปลี่ยนอวัยวะ
แปลกนะทำไมไฟในโรงพยาบาลจึงเป็นสีขาวนวลดูสว่างแบบพิกลก็ไม่รู้ แต่ที่เรารู้แน่ชัดก็คือเราตายแล้ว ไม่ใช่หลับหรือสมองตายแบบที่เราเห็นคนอื่นๆ ตามทางที่เราเดินผ่านมา แต่เป็นเราที่ตายแล้ว อวัยวะทุกส่วนไม่สามารถใช้การช่วยเหลือใครได้แล้ว ตอนนี้จึงเป็นได้อย่างเดียว "ครูใหญ่"
เราเดินหาห้องหมอและนักศึกษาที่กำลังจะศึกษาร่างเรา ระหว่างทางต้องเดินผ่านห้องๆ หนึ่ง เราเห็นภิกษุนั่งๆยื่นๆ อยู่ 3 รูป องค์ละมุม จึงหันไปยกมือไหว้งามๆ ที่ละองค์ พระภิกษุหันมายิ้มและรับไหว้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องที่มีหมอใหญ่นั่งอยู่ 1 ท่าน กับนักศึกษา 1 คน ที่กำลังถือประวัติของเราอยู่ และเขากำลังจะอ่านมัน
เราเดินเข้าไปเรียก บอกหมอขออนุญาติพูดอะไรกับนิศิษย์ได้ไหม หมอเงือยหน้าขึ้นมามองแบบงงๆ แต่ก็อนุญาติ เราจึงกล่าวว่า "ดิฉันอยากจะขอให้นักศึกษาใช้สิ่งที่ได้รับมาทุกอย่าง ในแต่ละแคสให้เป็นประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด" เสร็จแล้วก็จากมา
เราจำได้ว่า ทั้งนักศึกษาและหมอต่างมองหน้ากันแบบงงๆ แต่ก็ไม่พูดจาอะไร จนกระทั้งนิศิษย์ก้มลงมาอ่านประวัติและเห็นรูปถ่ายของเราเท่านั้นแหล่ะ เขาตกใจร้อง 'เฮ้ย!' ขึ้นมาทันใด พลางบอกหมอ 'มะ... หมอ...หมอครับ นี้มันผู้หญิงคนเมื่อกี่นี้นี่ครับ' เขาหน้าซีดลนลานอย่างเห็นได้ชัดระหว่างวิ่งไปให้หมอดู เป็นหมอที่ดูสงบนิ่งสีหน้าไร้ข้อกังขา งุนงง หมอว่า 'อื่ม..งั้นเราก็ทำตามที่เขาพูดแล้วกัน ไปกันเถอะอย่าให้เสียเวลา' แล้วก็เดินไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีนักศึกษารออยู่มากมาย ห้อมล้อมกายที่เคยเป็นของเรา
เราจากมาทางเดินผ่านภิกษุอีกครั้ง และยกมือไหว้ลา ท่านก็ยิ้มรับ ในขณะที่คนอื่นๆ มิได้สนใจ เราเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายตามทางสีขาวนวล ผ่านห้องๆหนึ่ง เห็นพระภิกษุอีก 3 รูป เรารู้จักนี้ นั่นพระอาจารย์ พระครู และหลวงพี่ที่เคยสอนเราทั้งนั้น เราเดินเข้าไปไหว้และทักทาย จำไม่ได้แล้วว่าคุยอะไร แต่ที่แน่ๆ คือ พระอาจารย์ท่านรู้ว่าเราตายแล้ว และท่านก็เอื้อมมือมาจับ เราชะงักถอยหลังพลางว่า "จับได้หรือค่ะ ไม่ผิดหรอ" ท่านว่า 'คงจับได้ เราตายแล้วไม่เป็นไรลองดู' ว่าแล้วท่านก็เอื่อมมือมาจับ และจับได้จริงเสมือนว่าเรายังมีตัวตน
'แล้วแม่เราเล่าอยู่ไหน' หลวงพ่อว่า เราชี้ออกไปบอกว่า "อยู่ห้องนั้น" หลวงพี่จึงว่า จะไปดูท่านเสียหน่อย แล้วก็พากันเดินออกไป เราจึงยกมือลา... พักหนึ่งจึงนึกได้ว่า ยังไม่ได้ลาแม่เลย จึงรีบวิ่งตามไปเรียก "พระอาจารย์ค่ะ ฝากบอกอะไรแม่หนูหน่อยได้ไหมค่ะ" ท่านว่าให้ฝากบอกที่พระครู พระครูท่านย้อนกลับไปเอาของเดี๋ยวก็ตามมา เราจึงวิ่งย้อนกลับไปหาพระครู ท่านกำลังสาละวนหยิบนู้น เก็บนี้อยู่ เหมือนดังว่ามิได้สนใจเรา เราจึงตะโกนเรียกท่าน ท่านก็ว่าจะตะโกนทำไม ฟังอยู่มีอะไรก็ว่ามา
เราจึงว่า "ฝากท่านบอกแม่ด้วยว่า หนูขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลท่าน ขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดี ชอบปากหมา พูดจากวนประสาท แต่ที่ทำก็เพราะรัก เพราะห่วง ขอโทษกับทุกสิ่งที่เคยล่วงเกิน และก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แค่นี้แหล่ะค่ะ, หนูไปแล้วนะค่ะ เขามาตามแล้ว" พระครูว่า 'จะไปแล้วหรือ' "ค่ะเขามาตามแล้ว" พลางยกมือไหว้และจากมา
แปลกนะทั้งที่เราไม่เห็นใครจะมาตาม หรือยืนคุมเราเลย แต่กลับรู้สึก และพูดออกไปอย่างนั้น ได้แต่คิดอย่างปลงๆ ว่า "คงได้เวลาตัดสิน ว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ก็อีคราวนี้แหล่ะหนอเรา ทำดีก็เยอะ ทำชั่วก็มาก ไม่รู้ว่าจะต้องไปชดใช้กรรมอะไรอีกบ้าง อะนะ... ก็ต้องไปให้เขาตัดสิน" ว่าแล้วก็เดินไปตามทางที่มีแสงสว่างสีขาวนวลรออยู่
แล้วเราก็ตื่น "ฝัน เราฝันหรือนี้! รู้สึกเศร้าจังเฮ้อ..."
ก็อย่างที่บอก ทุกสิ่งเป็นเพียงความฝัน แต่มันก็น่าใจหายถ้าภายใน 3-15 วัน เราต้องตาย เราคงเสียใจน่าดูเพราะมีอีกตั้งหลายสิ่งที่เรายังไปได้ทำ ยังมีอีกหลายฝันที่เรายังไม่ได้สร้างให้มันสำเร็จ จึงได้เริ่ม...เริ่มมันด้วยการบันทึกฝันในครั้งนี้ แล้วคุณหล่ะ! วันนี้คุณทำดี และสร้างความฝันให้เป็นความจริงแล้วหรือยัง
ลงมือเสียแต่วันนี้...
ก่อนทุกอย่างจะสายไป...
ก่อนชีวิตจะลาจากไป...
โดยไม่ได้ย้อนคืนมา...
ผลงานอื่นๆ ของ ตชิลา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตชิลา
ความคิดเห็น