คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ส มา คม ร ว ม แ ก๊ ง ค์
อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์เราก็นั่งปั่นงานกับอาละวาดนายโคอี้ที่คอยวุ่นวายกะชีวิตของเราซะเหลือเกิน ท้ายที่สุดอึนจูกับโคอี้ก็จะไปเชียงใหม่ด้วยกัน เลยทำให้น้องชายเราขยันอ่านหนังสือเตรียมสอบมากขึ้นกว่าเดิม (ไม่รู้จะขนความเก่งไปไหนกันน๊า) พวกสมาชิกก๊วนเราก็นัดวันเวลาที่จะออกเดินทางกันเรียบร้อยเสร็จสรรพ เสียหายที่มะหมี่อีกตามเคย แหกขี้ตาตื่นเพื่อจะออกเดินทางกับไอ้พวกเห่ออ่ะดิ ได้ขับรถกันไปเอง ครื้นเครงซะไม่มีอ่ะ
“เฮ้ยๆ ยัยลูกหมีน้อย ตื่นรึยังเธอ” ไอ้อิงค์เอามือมาเคาะกบาลเราเฉยเลยนะนาย คนยิ่งง่วงๆ อยู่
“อย่ามายุ่งน่ะ เราอยากนอน” ความสามารถพิเศษนะ ยืนหลับได้ด้วย
“โห แฮะขี้เซาทีมชาติ คนอื่นเค้าตื่นเต้นที่จะได้เดินทางกันสนุกสนาน ว่าแต่ว่าเธอจะนั่งรถใครไปเนี่ย?”
“รถคันไหนก็ได้ที่เราสามารถนอนได้ ..” ตอบไปแบบไม่ต้องคิดเยอะ
“ไอ้หมี่ แกหลับทั้งยืนเลยเหรอวะ ทุเรศว่ะ” ไอ้รบ
“หวัดดีครับ นิล เอ่อ คุณชื่ออะไรครับ?” โคอี้หน้า . อีกตามเคย
“ฮันนี่ค่ะ คุณ?..” สาวน้อยที่ดูเหมือนว่ายังเป็นเด็กม. ปลายด้วยซ้ำตอบ เอ้ คนนี้เหรอ ญาติพี่ทิ
“โคอี้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับผม” ไง .. ไวดีนะนาย ทำเป็นอยากจับมือทักทายธรรมเนียมฝรั่ง . . เฮ้อ จะทำไรก็ทำไปเต๊อะ
“เอ๊าๆ ไปกันได้แล้ว ไหนอึนจูหล่ะ ไอ้หมี่” นั่นเสียงไอ้รบ ดูเหมือนมีมันคนเดียวเลยนะที่กระตือรือร้นสุดๆ ป๋ากุ่มกะพี่ทิกำลังจัดการพวกสัมภาระ
“หือ?? น้องเราหายเหรอ??” โอ๊ย ตาทั้งคู่แทบจะเปิดไม่ออกอยู่แล้ว อึนจูไปไหนอ๊ะ
“ครับ ผมอยู่นี่ครับ ไปกันเหอะหมี่ ป๋ากุ่มจะขับนำ อิงค์กับผมจะสลับกันขับรถตามหลัง หมี่ไปกับพวกผมนะ นิลด้วยนั่งไปด้วยกัน” เฮ้ย ญาติดีกะผู้สาวแล้วหรือเจ้า ไง๋ พี่สาวไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
“เอ้า แล้วฮันนี่หล่ะคะ? ไปคันเดียวกับพี่อิงค์ได้หรือเปล่าคะ?” เอ๋ มัยเธอต้องมาคันเดียวกะอิงค์หล่ะ? พิเศษอะไรหรือเปล่า?? (คนยิ่งนอนไม่ค่อยพอ เจอะอะไรขวางหูขวางตาก็รู้สึกขัดไปหมดแหละ)
“เอ้า ผู้หญิงเล่นไปคันเดียวกันหมดไม่ดีสิครับ มาเหอะครับน้องฮันนี่มานั่งกับพวกพี่ พี่ทิไปกับป๋ากุ่มเนี่ย แล้วนายฝรั่งคนนี้หล่ะจะไปคันไหนดีครับ?” ไอ้รบเผด็จการให้
“ผมไปคันเดียวกับหมี่ดีกว่า นะได้ดูมะหมี่นอนน้ำลายยืด” ปากมันเรียกหาหมัดชัดๆ
“เอาเหอะ เราไม่สนใจแล้ว ขอเข้าไปนอนอย่างสงบรอในรถหล่ะกัน” มะหมี่รีบเดินขนของไปเก็บแล้วเข้าไปในรถ ทันทีที่หย่อนก้นปุ๊ป เราก็อยู่ในห้วงนิทราไปเลยทันนั้น ไม่รู้อ่ะนะว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่อยากสนใจอะไรเยอะ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่นายอิงค์โยนผ้าห่มให้เรากะนิล และสตาร์ทรถออกตามป๋ากุ่ม น้องชายสุดที่รักของเราเปิดเพลงซึ้งๆ ต้อนรับเช้าวันใหม่ ส่วนนายโคอี้น่ะเหรอ ท้ายสุดก็ป่ายปีนมารถคันเดียวกะเราจนได้แล้วยังโวกเวกตามสันดานมันอีกนั่นแหละ . . . เอาเหอะ ไม่มีหน้าไหนจะมาทำลายการหลับสบายของมะหมี่ได้หรอกน่ะ
พวกเราแวะทานข้าวกันในระหว่างทาง บรรยากาศภายนอกดีมากเลย ไม่ค่อยมีมลภาวะและยังมีแสงแดดที่บริสุทธิ์ให้ได้สัมผัสอีก แหม ชักจะหลงใหลกับบรรยากาศติดแนวเหนือแล้วสิ ดูท่าทางป๋ากุ่มจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไงได้หล่ะ ก็จะเห็นหน้าหวานใจอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วนี่ ยังไม่ทันไรเราก็รู้สึกจะรำคาญกะน้องฮันนี่ซะแล้ว อย่าหาว่าเรานินทาเลยนะ แต่เราไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่ปั้นจีบปากจีบคำอยู่แล้วอ่ะ ดูท่าคุณน้องจะติดใจนายอิงค์เข้าแล้วสินะ ส่วนนายโคอี้เองก็เหอะ ไม่ยอมให้เราได้สงบสุขสักที ไอ้รบก็ดันเสือกแซวเราไม่รู้จบ พี่ทิได้แต่นั่งขำๆ อึนจูเหรอ? อย่าถามเลย จ้องแต่จะแขวะน้องนิลสาวผิวสีน้ำผึ้ง คนโปรดโดนใจของพี่สาวมันซะอย่างเดียว ไม่รู้เลยนะว่าไปแกล้งเค้าด้วยความหมั่นไส้ในความน่ารัก หรือแอบปลื้มแบบว่าเล็กๆ ไปกะเค้าซะแล้ว นิลหันไปทางไหน เห็นเจ้าอึนจูต้องเข้าไปวอแวด้วยซะงั้น
“ดูท่า อึนจูจะชอบผู้หญิงสไตล์เดียวกะพี่สาวเค้าเลยแฮะ” คำวิจารณ์จากปากของพี่ทิ
“โลกนี้เป็นสีชมพูแล้วสิ มะหมี่ล่ะ เมื่อไหร่จะมีกะเค้าซะที?” ป๋ากุ่มยิงคำถามจากความไม่คิดให้ดีก่อนใช่ป่ะเนี่ย
“อ้าว ทำไมป๋าถึงมองข้ามผมไปล่ะครับ ผมว่างอยู่ทั้งคนเนี่ย” ปากโคอี้สิ จะมีใครบังอาจแอบอ้างมาขนาดนี้
“ว่างต่อไปอีกหน่อยเถอะโคอี้ อย่าต้องมาจอดที่เราเลย เดี๋ยวชีวิตนายเศร้าเสียเปล่าๆ” กึ่งเล่นกึ่งจริงนะเนี่ย
“เฮ้ย ไอ้หมี่มันต้องอยู่เป็นเพื่อนป๋มก่อนสิ ไม่งั้นทริปนี้ผมจะเหงาอยู่คนเดียว ผู้หญิงมาแค่สามคนขาดดุลซะด้วยสิ” ไอ้รบทำว่าเป็นเรื่องใหญ่
“ลืมข้าหรือเปล่าวะ ไอ้รบ” หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆ มานาน อิงค์ก็พูดขึ้นบ้าง
“นั่นสิ ผมเองก็ยังอยู่ทั้งคน . . .” อึนจูหล่ะ แหมนะ ทำเป็นเชียวนะน้องชายช้าน . .
“เออๆ ข้ารู้สึกถูกรักอย่างบอกไม่ถูกเลยว่ะ” รบมันประชดเข้าให้แล้วเจ้าค่ะ
“เอาเหอะ ไปกันดีกว่า เดี๋ยวจะถึงนู่นช้ากว่ากำหนดน่ะ” อิอิ ใจ๋ป๋ากุ่มฮ้อนขนาด อยากไปให้ถึงเร็วๆ หล่ะจิ ไอ้พวกที่เหลือก็ได้แต่มองตายักคิ้วกัน นะ ความรักทำให้คนเรานี่กระตือรือร้นใช้ได้เลย
กลับมาขึ้นรถอีกครั้งนี่เราขอบอกว่าคิดผิดอย่างแรงที่นั่งกลาง มะหมี่ดันมานั่งใกล้กะนายโคอี้น่ะดิ และนายนี่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เราได้หายใจคล่องคอเอาซะเลย ไหนจะความทะเล้น มุกทะลึ่งๆ ไปได้มาจากไหนกันนะนายนี่ เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าทำอะไรนายนี่มันก็จะเข้าเนื้อเราซะทุกทีจนเราต้องหุบปากแล้วใช้สายตาเล่นงานมันแทน แต่กระนั้นก็เหอะ โคอี้ยังเข้าข้างความคิดตัวเองอีกตามเคยว่าเราน่ะพิเศษกับนายนี่เข้าแล้วน่ะสิ อึนจูก็ได้แต่หัวเราะจนหน้าแดง ปลอบใจเรามาจากที่นั่งข้างหน้า อิงค์ก็เหลือบมามองเราบ้างเป็นระยะ ส่วนยัยนิลน่ะนั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดเยี่ยงนี้มาก่อน (นายโคอี้นั่นแหละ สิ่งแปลกประหลาดที่โลกควรจะโละทิ้งก่อนที่จะแพร่เชื้อ) สงสัยงานนี้ต้องขอย้ายรถไปนั่งคันนู้นละมั้ง จะได้สงบมั่ง (รู้งี้จะปล่อยให้นายโคอี้เป็นไอ้โฮ่งเฝ้าบ้านไปซะก็ดีอ่ะ ไม่น่าพามันมาเล้ย)
“แวะเข้าปั๊มหน่อยมั้ย” อึนจูโทรคุยกับรถอีกคัน มะหมี่จากเดิมที่แกล้งทำเป็นหลับก็ตื่นขึ้นทันที
“โอเค ครับ” อึนจูวางสายไป แล้วบอกให้นายอิงค์แวะเข้าจอดปั๊มข้างหน้าอีก 1 กิโล
“ดีเหมือนกัน เราอยากเข้าห้องน้ำ” ให้นิลได้พูดหน่อยเหอะนะ
“อืม .” นายอิงค์กับอึนจูก็พากันไปซื้อขนมขบเคี้ยวในร้านจิฟฟี่ส่วนคนอื่นก็เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกันไป หลังจากที่แต่ละคนเสร็จภารกิจของตัวเองแล้ว อิงค์ตรงเข้ามาหาโคอี้เลยนะ
“นายนั่งหน้ากับอึนจูนะ ผมเหนื่อยแล้ว อึนจูจะเป็นคนขับต่อ นายนั่งคู่กะอึนจูหน่อยหละกัน เดี๋ยวผมจะไปแอบงีบด้านหลังสักหน่อย” พอดีที่เราได้ยินบทสนทนานั้นนะก็ได้แต่นึกขอบคุณอิงค์ในใจ มีนายมานั่งหลังดีกว่าเอาตาโคอี้มาเป็นไหนๆ สรุปทุกคนก็พากันขึ้นรถ ป๋ากุ่มยังคงขับนำต่อไป อึนจูมาเป็นคนขับตามแล้วนายโคอี้ก็ต้องไปนั่งหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ถ้านายโคอี้ไม่ไป เราเองแหละจะอาสาไปนั่งหน้าคู่กะน้องชายเรา
“นั่งด้วยคนนะยัยลูกหมี”
“รถนายนี่หน่ะ จะนั่งไหนก็เชิญเถอะ” เราปากเสียอีกตามเคย อิงค์นั่งงีบจริงๆ โถไอ้ตอนแรกเราก็อุตส่าห์ปลื้มใจคิดว่ามันสงสารเราที่นั่งทนอยู่กะนายโคอี้ ที่ไหนได้อยากงีบจริงๆ ด้วย ไอ้หมี่เอ้ย นายอิงค์ทำใจดีด้วยหน่อยเราก็เหมาว่ามันจะใจดี ห่วงใยเอาใจเราซะเลยแฮะ แย่จริงๆ มะหมี่ติดนิสัยเสียแล้ว
“ตุ๊บ” เฮ้ย หัวของนายอิงค์ลงมากองตรงไหล่เราอ่ะดิ สงสัยจะเหนื่อยมากขนาดมาพิงเรายังไม่รู้สึกตัว มะหมี่เลยขยับออกมาหน่อยให้นายนั่นได้พิงอย่างสบาย เนี่ยทางข้างหน้าก็เริ่มเป็นทางโค้งเยอะแล้ว นิลเริ่มมึนหัวเลยของีบไปอีกคน สายตาเราหันไปเจอนายโคอี้มองผ่านกระจกมาพอดี หน้าบึ้งๆ ไปซะงั้น เชอะจะให้เราญาติดีกะนายได้ไง ก็ไม่รู้ว่านายมาไม้ไหนกันแน่นี่นะ นั่งไปนั่งมา อุ๊ยไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ต้องของีบหล่ะไม่งั้นคงจะเมารถน่าดู สรุปมะหมี่หลับเอาเข้าจริงจัง ตื่นมาอีกทีหัวเราไปอยู่บนไหล่นายอิงค์ได้ไงไม่รู้ ส่วนนายอิงค์ก็ยังหลับพิงหัวเราอยู่แถมยังมีมือข้างขวาก็โอบเราเอาไว้ด้วยนะเนี่ย อืม . มะหมี่ไม่ว่าไงหรอก ไงก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยอ่ะนะ (เฮ้อ รู้สึกอบอุ่นดีจัง ฮ่าๆๆ) แล้วก็หลับต่อไปอย่างนั้นแล
“เฮ้อ . . .ขับรถเป็นไงมั่ง?” ป๋ากุ่ม กับพี่ทิพามาถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว
“ก็ดีฮะ บรรยากาศรอบข้างดีจังเลยครับ” อึนจูเป็นคนตอบขณะที่กำลังเตรียมเอาของลง
“มา เราช่วยนะ” เราเป็นคนที่หลับเยอะที่สุด ก็เลยมีแรงเยอะไง พร้อมจะลุยมานานแล้ว (เลียนแบบเกมคอมฯ)
“ไว้ขากลับจะพาแวะเที่ยวที่กว๊านพะเยา ที่นั่นสวยมากๆ”
“ดีจังได้มาเห็นที่สวยๆ นะคะ ที่นี่น่าอยู่จังเลย” น้องฮันนี่เอ่ยปาก
“เอ้า นี่ๆ อั๊วะจัดห้องไว้ให้พวกลื้อแล้วน๊า เนี่ยอาทิ ลื้ออยู่ห้องเดียวกะอั๊ว ไอ้รบลื้ออยู่ห้องเดียวกะอิงค์นะ ส่วนอึนจูกะโคอี้ ลื้อสองคนอยู่ด้วยกัน ผู้หญิงได้ห้องใหญ่นะอยู่กันสามคนสบาย มาๆ เดี๋ยวอั๊วะพาไป ผู้หญิงอยู่ห้องปีกทางนู้น เอ้าผู้ชาย ยืนทำเซ่ออะไร ตามอั๊วะมาทางนี้สิ” ไม่ให้เอ๋อได้ไงคะ ก็ปกติป๋ากุ่มเคยใช้สำเนียงจีนกะพวกเราซะที่ไหน จะเล่นมุกก็ไม่ยอมบอกปล่อยให้คนอื่นๆ เอ๋อรับประทานไปซะงั้น ว่าไปแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัวเอง
“พี่นิลสนิทกับพี่อิงค์นานแล้วเหรอคะ?” คำถามแรกที่ออกมาจากปากน้องฮันนี่ทันทีที่พวกเราสามสาวเข้าห้องมาได้ เห็นม๊ะ เดาแล้วไม่มีผิดว่าคุณน้องสนใจนายอิงค์เป็นพิเศษ
“ตั้งแต่ม.ต้นนู่นแน่ะ มีอะไรเหรอ?”
“พี่อิงค์มีแฟนหรือยังคะ?” น่านไง ใจกล้าซะด้วย ยิงคำถามตรง ไอ้หมี่จัดของไป หูทั้งสองข้างก็รับเรดาห์การสนทนาอย่างดี
“ตอนนี้เค้าไม่มีหรอกจ๊ะ แต่อาจจะมีคนพิเศษที่อยู่ในใจของเขาก็ได้นะ พี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หือม์ . . .มีคนพิเศษหรือ ใช่พี่ศิหรือเปล่าหว่า???
“เอ้ . . ฮันนี่อยากรู้แล้วสิว่าคนๆ นั้นคือใคร พี่มะหมี่หล่ะคะ สนิทกับพี่อิงค์หรือเปล่า?” เอ๋า คิดว่าเราจะรอดตัวแล้วจากการสัมภาษณ์เรื่องคนอื่นแล้วเชียวน๊า
“เอ่อ ก็ไม่ได้สนิทมากนะ เป็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกันน่ะ”
“เฮ้อ โล่งอก ตอนแรกฮันนี่คิดว่าพี่หมี่เป็นคนพิเศษของพี่อิงค์ซะอีก เห็นพี่อิงค์เอาใจใส่น่าดู แล้วพี่นิลเป็นแฟนกับพี่อึนจูหรือคะ?” อ้าว . ถามคำถามที่เราอยากรู้ชัดๆ พอดี เฮ้ยไอ้น้อง ขอบใจนะที่ถาม
“ปละ ปล่าว ไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย” นิลตอบพลางหันมามองหน้าเรา สงสัยเราต้องลากนิลไปถามกันสองต่อสองให้รู้เรื่องซะแล้ว มันมีอะไรแอบแฝงน่ะสิ
“หือม์ พี่ทิเนี่ยมีเพื่อนแต่ละคนเท่ห์ๆ ทั้งนั้นเลย แต่ฮันนี่น่ะชอบพี่อิงค์สุดหละ ดูอบอุ่นใจดี ขี้เล่นด้วย” เออ ว่าไปไอ้อิงค์มันก็น่าจะเปกของเด็กรุ่นคอซองจริงๆ ด้วยแหละ อ๊ะ มีคนโทรมาหาเรา
“ยัยลูกหมีน้อย เข้าไปในห้องนานขนาดนั้นนี่ไม่ใช่ไปแอบงีบอีกนะ เมื่อไหร่จะพากันออกมาหล่ะ หิวจะแย่แล้วเนี่ย” เสียงโวยวายมาจากอีกทาง ไม่ใช่ใครไหนเลย มีแต่ไอ้อิงค์มันนั่นแหละที่เรียกเราแบบนี้
“เออๆ เดี๋ยวจะออกไปแล้ว” หน็อย ก็ใครหล่ะที่ทำให้หัวข้อสนทนามันยาวมาจนขนาดนี้เนี่ย เสน่ห์นายกำลังทำให้สาวแถวนี้ฝันหวานเว้ย แล้วก็มาว่าเรานะ
“ไปเหอะ พวกผู้ชายรอทานข้าวอยู่แน่ะ” พอสามสาวออกมาจากห้องได้ ก็พากันขึ้นรถไปยังร้านอาหารหรูที่นึงแหละ ไม่ให้หรูได้ไงไหวก็ป๋ากุ่มน่ะมาหาหวานใจที่เป็นลูกสาวเจ้าของภัตตาคารอ่ะดิ สาวเจ้าไปเรียนต่ออีกที่นึง เนี่ยได้กลับมาเยี่ยมบ้านเพราะเป็นช่วงเทศกาล ป๋ากุ่มเลยรีบชะแว๊บมาหาเนี่ย ขนเพื่อนฝูงมาช่วยอุดหนุนอีกแรง แต่นะเรารู้สึกว่ากลุ่มพวกเราเนี่ยกลับได้รับการบริการอย่างดีซะด้วยซ้ำ เอ๊ะ รู้สึกแปลกไปนะ .. . . . อืมรู้แล้วทำไม ตั้งแต่ลงจากรถมาโคอี้เงียบไม่โวยวายตามเคย เป็นอะไรของเค้าน๊า เอาแต่มองหน้าเรา แล้วก็ไม่พูด ไอ้หมี่เลยต้องหันไปส่งสายตามีคำถามกะน้องชายสุดที่รัก นายอึนจูก็นะ ส่งสัญญาณให้เราคุยกะนายโคอี้เอง เอ้ . . มันชักจะยังไง
มองนาฬิกาที่ข้อมือ เพิ่งจะสามทุ่มเองหรือ แต่ที่นี่มันเงียบสงบดีแท้ ว่ากันว่าแถวนอกเมืองจากกรุงเทพฯเนี่ย จะดึกไวกว่าในกรุงเทพฯ เพราะไม่ค่อยมีแหล่งบันเทิงกลางคืนมากวนต่อมนักเที่ยวให้ตระเวนกันซักเท่าไหร่ ที่พักที่พวกเราอยู่ก็ห่างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่พอสมควร เราดอดมองเข้าไปในภัตตาคารก็ยังเห็นป๋ากุ่มนั่งสวีทกับหวานใจอยู่เลย
“มานั่งทำอะไรเงียบๆ แอบซุ่มจะกินน้ำผึ้งหรือไง ยัยหมีน้อย” หน่ะ ตัวขัดขวางอารมณ์โรแมนติกของไอ้หมี่มาซะแล้ว อุตส่าห์แอบหลบมานั่งดึ่มด่ำกับธรรมชาติภายนอกร้านคนเดียวแล้วสิ
“อ่ะ หาเรื่องกันเจง นายหล่ะ ออกมาได้แล้วเหรอ เดี๋ยวก็มีสาวตามหาตัวให้ยุ่งหรอก”
“หือม์ สาวไหน?”
“นิลมั๊ง สงสัยอยากวิ่งเข้าใส่เสน่ห์เหลือร้ายของนายเต็มแก่แล้ว” ถามออกมาได้ นายนี่งี่เง่าเหรอ น่าจะดูออก ฮันนี่เอาใจแต่พี่อิงค์อยู่ตลอด พี่อิงค์คะอย่างนู้น พี่อิงค์คะอย่างนี้ พี่อิงค์คะ พี่อิงค์คะ จนพี่ทิ ญาติของคุณเธอเองยังลุ้นอยู่เลยนายอิงค์จะกลายสภาพเป็นญาติเขยไปในที่สุดหรือเปล่า
“ฮ่าๆๆ ..” เอ๋า หัวเราะซะ ถูกใจนายล่ะสิท่า
“อ่ะ หัวเราะเข้าไป ชอบใจหล่ะสินะ แหมมาเที่ยวนี้นายอิงค์ก็ไม่ขาดทุนเลยนะเนี่ย”
“อืม ชอบ เราชอบใจที่ยัยหมีน้อยกลายเป็นคนชอบประชดเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะฮึ?” แป่ว ไอ้หมี่นั่งตัวตรงเหมือนคนถูกจับผิด เออดิ เราจะไปประชดนายบ้านี่ทำไมวะ??
“อะไรๆๆ หาเรื่องกลบเกลื่อนเรื่องของนายมากกว่า จะมาจับผิดไรเรา ไงเราก็เป็นผู้หญิงนะเว้ย แค่ใครท้าต่อยเราก็ยินดีต่อยกะเค้าด้วยเท่านั้นเอง”
“ไม่ได้ว่าเธอทำอะไรผิดสักหน่อย นี่หันหน้ามาทางนี้หน่อยสิ” เอ้ย จะทำอะไรน่ะ ไอ้เรานะก็บ้าจี้หันตามแล้วไง นายบ้านี่ยังไม่หยุดอมยิ้มเลย
“ขนาดหน้าเธอเลอะได้ แล้วยังไม่เช็ดออกนี่ แสดงว่าดีกรีความเป็นผู้หญิงของเธออยู่ในขั้นอันตรายหล่ะนะ มาจะเช็ดให้” ไม่พูดเปล่า นายอิงค์ใช้ปลายเสื้อแขนยาวเตรียมจะเช็ดให้จริงๆ ด้วย
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอก ตรงไหน เดี๋ยวเราเช็ดเอง” ความที่ไม่ยอม
“อย่าดื้อเลยน่ายัยหมีน้อย นี่ๆ เห็นม๊ะ ยังไม่ออกอยู่ดี อยู่นิ่งๆ นะ” นายอิงค์จับคางแล้วก็เช็ดให้เราเบาๆ เอ่อ . . .มันจั๊กกะจี้ดีแท้ นอกจากนายอึนจูแล้ว เราไม่ค่อยให้ใครได้เข้าใกล้เรามากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย แก้มเราแดงป่ะวะ แต่ยังไม่ทันได้คิดไปไกลกว่านั้น นายนั่นเล่นเช็ดแรงแล้วขยี้แก้มเราซะจนหัวเราสั่นตามไปด้วยเลย
“เฮ้ ทำบ้าไรวะ” กำลังตั้งท่าจะเล่นงานมันแล้วเชียวก็ต้องชะงัก
“เธออยากทำหน้าเป็นผู้หญิงไปทำไมหล่ะ” ป๊าป หลังจากนั้นเราก็ไล่เตะตูดไอ้อิงค์มัน มันมีปัญหากะความเป็นผู้หญิงของเราตรงไหนวะเนี่ย ไอ้บ้า .
“ทำอะไรน่ะหมี่” เสียงนายโคอี้ดังอยู่เหนือหัวเรานี่เอง ก็เรานะกำลังขี่คอทับนายอิงค์แล้วขยี้หัวมันอยู่น่ะสิ อุ๋ย ลืมตัวแฮะ
“เล่นงานนายนี่อยู่ ไม่เห็นหรือไง?” เราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยมาทำเป็นจับผิดไปได้นะ นายนี่
“ทำไมไม่เข้าไปข้างในหล่ะ” คำพูดของนายนี่ยังแข็งๆ อยู่เลย เอ้ มันเพราะอะไรกันแน่นะ
“เราเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวคงจะกลับกันแล้วแหละ ไอ้รบเอาหนังมา จะพากันไปดูห้องเราน่ะ” แล้วนายอิงค์ก็ทิ้งเราไปให้อยู่แบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออกกับนายโคอี้ ชิ ก็นายนี่นะทำเป็นขรึมนี่ ไม่ยอมพูดอะไรก่อน เงียบอยู่อย่างนั้นสักสิบนาที ความอดทนของเราก็แสนน้อยเหลือหลาย สรุปแล้วเราจะไปแล้วนะ
“ไปข้างในก่อนนะ” ว่าแล้วมะหมี่ก็รีบไสหัวกะตัวไปแต่นะไม่เร็วเท่ามือนายโคอี้ที่ยึดเราไว้
“เดี๋ยวสิ . . .” เอ๋า มือก็ยึดเราไว้ แล้วก็ก้มมองหน้าเราเงียบๆ เนี่ยอ่ะนะ ช้านจะเข้าใจภาษาเงียบของนายได้หรือเปล่าฮะ
“หมี่คิดกับอิงค์ยังไง” ผ่านไปห้านาที คำพูดแรกที่นายนี่พูดแทบทำให้เราเป็นใบ้ไปเลย วันนี้เราเจอคนสองคนที่สรุปจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับภายในบางประการน่ะสิ ทำไมนะเห็นเรากะอิงค์เล่นกันหน่อยเดียว ทำให้นายคิดกันไกลไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไม่ได้คิดอะไร เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ไอ้หมี่ก็ใช้เสียงแข็งตอบคืน แล้วก็เข้าสู่ความเงียบ (ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งที่นายโคอี้จะจริงจังและเงียบขนาดนี้)
“เราคิดยังไงกับหมี่ หมี่รู้ไหม?” อีกคำถามที่ทำให้เราเกิดความข้องใจมากยิ่งกว่าเดิม ใครจะไปรู้ได้หว่า ที่ผ่านมานายเล่นกะเรา เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันจริงหรือเล่นแค่ไหน
“..” เราส่ายหัวเป็นคำตอบสุดท้าย
“หมี่จะคิดยังไงถ้าเราจะบอกว่าเราคิดถึงหมี่เสมอมา เราชอบหมี่ตั้งแต่วันแรกที่เรามาเหยียบประเทศไทย หมี่เป็นคนเดียวที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาไทย อยากอยู่ในประเทศไทย หมี่เป็นเพื่อนที่เรารักและเรารู้สึกกับหมี่เกินคำว่าเพื่อนมาตลอด” อีกคำถามหนึ่งหละที่ทำให้หมี่เงยหน้าขึ้นมองนายนี่อย่างอึ้งๆ ไม่เคยเจอคำสารภาพรักคำไหนที่ดูจะจริงจังและมีอานุภาพขนาดนี้เลยนะเนี่ย
“นายแน่ใจเหรอ ว่านายไม่ได้ล้อเราเล่น?” เสียงเราแหบแห้งไปซะงั้น
“เราจริงจังนะ เราพยายามเข้าใกล้หมี่ หมี่น่ารัก หมี่ช่วยเราเสมอ ในวันที่เราต้องย้ายกลับไปเพราะทางบ้านมีเรื่อง วันนั้นเป็นวันที่เราเสียใจมากที่สุด แต่เราก็ยังติดต่อกับอึนจู เรายังคุยและติดต่อกับพ่อและแม่ของหมี่จนกระทั่งเราขอพ่อย้ายกลับมาที่เมืองไทยได้ แค่แวบแรกที่เห็นหมี่ที่สนามบิน เราก็ดีใจจนตัวสั่นถึงต้องเข้าไปทักหมี่ก่อน แต่หมี่ก็กลับจำเราไม่ได้เลย” คำพูดคร่าวๆ ที่โคอี้เล่าเข้ามาแล่นอยู่ในสมองของมะหมี่ นี่มันเรื่องจริงหรือเนี่ย นายนี่ชอบเราจริงๆ เหรอ
“หมี่คิดยังไงกับเราหล่ะ” เพราะไอ้หมี่เงียบ โคอี้ก็รุกเข้าหนักเลยเหรอ
“..” จุกค่ะ เพราะเหตุการณ์วันที่นายนี่ย้ายกลับไปก็คือว่ามะหมี่ไม่ได้ไปส่งเค้าที่สนามบิน อึนจูไปแทน และรู้ว่าโคอี้น้อยใจเราเป็นที่สุด ทีแรกเราก็คิดว่าเราสนิทและเพราะความใจดีของเราทำให้เค้าผูกพันด้วย แต่พอเราไม่ได้ไปลาเค้า เค้าก็เสียใจ
“หมี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?” โคอี้มองต่ำลงมา มองลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อให้รู้ถึงความรู้สึกในใจ
“จะให้เราพูดอะไรล่ะ เรายังอึ้งอยู่เลย” นังหมี่หมดมุกแล้ว
“หมี่กลับไปคิดดีๆ ก่อนได้ไหม วันนี้เป็นวันที่เรารู้แล้วว่าที่ผ่านมาความรู้สึกของเราไม่เคยเปลี่ยนเลย เวลาที่เห็นหมี่กำลังจะพิเศษกับผู้ชายคนอื่น เรารู้สึกตัวทันทีแล้วว่าเราทนไม่ไหว เราชอบหมี่จริงๆ ไงเราก็ให้เวลาหมี่หล่ะกันนะ”
“เฮ้ย ไอ้หมี่ โคอี้กลับกันแล้ววุ้ย มัวแต่จี๋จ๊ะกันอยู่นั่นแหละ” ปากเสี่ยวๆ แบบนี้มีไอ้รบแหละคนเดียวเลย
“นะ กลับไปคิด พร้อมแล้วมาให้คำตอบเรา เราจะรอ และเราจะไม่เล่นๆ อีกต่อไป” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่โคอี้ฝากไว้ ก่อนที่จะเดินไปที่รถ
“เฮ้ย หมี่มานั่งผิดคันหรือเปล่าวะ แกนั่งคันเดียวกะอึนจูไม่ใช่เหรอ?” ไอ้รบทัก
“เอ้าเหรอ?? เฮ้ย เราขึ้นผิดคันเหรอ? ช่างเหอะน่า นายก็ทำงกไปได้ที่มันว่างอยู่แล้วนี่” เอ๋อได้เรื่องเลยเรา มาขึ้นรถป๋ากุ่มซะเฉย แต่ใจจริงยังไม่พร้อมที่จะนั่งรถร่วมคันเดียวกับโคอี้หรอก
“งั้นฮันนี่จะไปนั่งรถคันนู้นนะคะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็วิ่งตั๊บๆๆ ไปขึ้นรถคันนู้นทันที
“ว้าพี่ทิ แย่จังเนี่ย ผมรู้สึกดีที่มีสาวน้อยคนสวยมานั่งรถเรา แต่ที่ไหนได้ดันมีสาวทึนทึกมานั่งแทนซะนี่” ไอ้รบยังจ้อยๆ อยู่ตามเคย
“หุบปากไปเหอะแก” เป็นประโยคสุดท้ายที่เราพูดในรถ ตลอดเส้นทางกลับสู่ที่พักเราก็อือๆ ออๆ ไปกะพวกป๋ากุ่ม แต่ความคิดเรากำลังวนเวียนอยู่กับคำพูดที่ได้ยินจากปากโคอี้ จะทำไงดีหล่ะ เพราะโคอี้จริงจัง และเราเองก็เป็นเพื่อนกันมานานแสนนานแล้วสิ
“เอ้าลงๆ มาเจอกันสี่ทุ่มนะห้องไอ้อิงค์มัน ใครไหวก็โต้รุ่งโว้ย ” ป๋ากุ่มประกาศรายการพิเศษ ปาร์ตี้ที่ไหนก็มีเฮกันแถวนั้น ดูเหมือนว่าเกือบทุกคนที่จะมาห้องนายอิงค์เพื่อดูหนังหาความสำราญ ที่ไม่ทุกคนก็เพราะว่าเรากลับมาขังตัวเองอยู่ในห้อง มีเรื่องให้คิดเมื่อไหร่ ไอ้หมี่ก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวอยู่ในห้อง
“เอ้า หมี่ไม่ไปดูหนังกะพวกป๋ากุ่มเหรอ?” นิลแวะเข้ามาทำธุระในห้อง
“ไม่อ่ะ เราเหนื่อยกะการเดินทาง อยากพักมากกว่า นิลพอจะรู้มั้ยว่าอึนจูไปกะเค้าด้วยหรือเปล่า?”
“ไปนี่ โคอี้ก็ไปรออยู่ที่นู่นแล้วหน่ะ ดูท่าทางหมี่แปลกไปนะ มีอะไรก็เล่าให้เราฟังได้นะ” อืม นิล เราซึ้งใจเธอจริงๆ เลย
“อืม เราอยากคิดมากกว่าน่ะ ขอบใจมากเลยนะนิล ดูหนังให้สนุกนะ” เราก็ตัดบทสนทนาไปซะงั้น
“โอเคจ๊ะ พักผ่อนเต็มที่นะ” นิลก็ออกไปจากห้อง ปล่อยให้เรานอนคิดอยู่คนเดียวอย่างนั้น
“เป็นอะไรยัยลูกหมี ไง๋มาแล้วก็เป็นปู่โสมเฝ้าห้องไปซะหล่ะ” นายอิงค์แหละโทรมาหาเรา
“อืม มีเรื่องให้คิดว่ะ เลยอยากอยู่คนเดียว”
“เรื่องอะไร เรื่องนายชายอีกเร๊อะ ไหนว่ามันจบแล้วไงยัยหมีน้อย จะรื้อฟื้นขึ้นมาให้เจ็บเล่นทำไมวะ?” เสียงนายอิงค์เหมือนจะไม่พอใจเลยนะเนี่ย แต่พี่แกโทรคุยจากที่ไหน ทำไมไม่ได้ยินเสียงเอะอะ อะไรเลย
“ไม่ใช่เรื่องนั้นอ่ะดิ นายอยู่ไหน ทำไมเสียงไม่เหมือนอยู่ในห้องที่มีพวกลิงสุมหัวอยู่?”
“อยู่ในรถนี่แหละ กำลังจะออกไปซื้อของกินมาเสริม อยากไปด้วยกันไหมล่ะ เนี่ยจะรออยู่หน้าตึก”
“นายมาคนเดียวเหรอ?”
“อ่ะดิ พอดีน้องฮันนี่เข้าห้องน้ำ เราเลยแอบหลบออกมาเนี่ย ว่าจะแวะตรงเซเว่นฯที่เราขับผ่านมาตะครู่น่ะ จะไปหรือไม่ไป ฮึ?” มันชักจะรู้ใจเรามากไปแล้วนะนายอิงค์เอ้ย
“ไปดิ รอด้วยหล่ะ” แล้วเราก็ล็อคห้อง ทำเป็นวิ่งร้อยเมตรไปยังรถของนายนี่ที่จอดอยู่ตรงหน้าตึกเรา
“เอ้า ว่าไง มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดหนักอีกหล่ะ? เห็นท่าทางซึมๆ ตั้งแต่ออกจากร้านอาหารแล้ว” การสังเกตนายนี่ได้เกรดเอบวกเลยว่ะ
“เรื่องนายโคอี้อ่ะดิ” แล้วเราก็สรรสร้างเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้นายนี่ฟัง ตั้งแต่ตอนที่โคอี้ย้ายมาตามพ่อกับแม่ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่พ่อทำงานเป็นผู้บริหารงานคนไทยให้ ครอบครัวสองครอบครัวก็สนิทกัน แม้พ่อกับแม่เราจะทำงานซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีโคอี้มาเล่นด้วยบ้างบางครั้ง นายนั่นไปเรียนภาษาไทยมาก็มาฝึกใช้กับพวกเรา (ฝาแฝดที่แสนน่ารัก) จนในที่สุดก็สนิทกัน จนกระทั่งเรียนม.ปลาย โคอี้ต้องกลับบ้านด่วนเพราะแม่ของเค้าเสียชิวิตที่ต่างประเทศ พ่อของเขามีลูกชายคนเดียวเลยอยากอยู่กับลูกชายระยะหนึ่ง เพราะยังทำใจเรื่องภรรยาที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไม่ได้ ที่ผ่านมาเราสนิทกับนายโคอี้มากๆ และเราเริ่มรู้ตัวว่าเราอาจจะชอบนายนี่เข้าแล้ว วันที่เค้าจะไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะกลับมามั้ย เราเลยไม่กล้าที่จะไปส่ง แต่ให้อึนจูไปแทน แล้วเราก็ไม่ติดต่ออะไรกับโคอี้อีก เป็นเพราะว่าเราต้องการตัดใจจากนายนี่ เวลาผ่านไปสามปี เราก็เข้าเรียนมหาลัยแล้ว แต่โคอี้กลับมาอีกครั้ง พอเรารู้ตัวเข้าจริงๆ ก็รู้ว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนายนี่เกินกว่าเพื่อนอีกแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำเราก็เลยถ่ายทอดให้อิงค์ฟังไปด้วย
“อย่างที่เดาไว้ไม่ผิด นายนั่นชอบเธอจริงจังจริงๆ ด้วย นายนั่นมองเธอไม่วางตาเอาซะเลย เมื่อตอนค่ำเราก็เลยแกล้งทำเป็นใกล้ชิดกะเธอ ไม่คิดว่าไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ นายนั่นออกมาหาเธอถึงที่เลย ฮ่าๆๆ”
“เหอนี่นายเล่นวางแผนไว้เลยเหร๊อะ ไอ้บ้า เป็นไงหล่ะ เราเลยถูกสารภาพรักใส่ซะเลย เอ๋อกินไปเลยเนี่ยช้าน.. นายนี่แสบได้เรื่องเลยอ่ะ”
“เลิกทำคิ้วยุ่งๆ ซะที” มือข้างที่ว่างก็กดหัวคิ้วเราเล่นเฉยเลยนะนาย
“เฮ้อ . . จะให้ทำไงต่อไปดีเนี่ย คิดไม่ตก” ได้ทีก็ระบายใส่นายล่ะกันอิงค์เอ้ย
“ไม่เห็นต้องทำไงนี่ เธอรู้สึกยังไงก็บอกไปตามนั้นแหละ ชอบเค้าก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบแล้วก็บอกว่าไม่ชอบ ง่ายจะตาย” ทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายสุดฤทธิ์เลยนะ
“มันไม่ง่ายอ่ะดิ คำว่าเพื่อนมันค้ำคอน่ะ ถ้าเราปฏิเสธ เราจะมองหน้ากันได้ไง อยู่บ้านเดียวกันอีกต่างหาก”
“งั้นก็ตกลงคบกับเค้าซะ ยัยโง่ ขืนเธอทำแบบนั้นก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ เธอบังคับตัวเองให้รักเค้าได้มั้ยหล่ะ?”
“เฮ้อ อะไรกันเนี่ย มันวุ่นวายจนไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้วเนี่ย ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยน๊า”
“นี่ยัยทึ่ม อกหักทีมีคนมาสารภาพรักตั้งสองคนเนี่ย น่าอิจฉาจะตายไป มีแต่คนอาสาจะดามใจให้”
“เอาดิ เรายกให้เลย”
“เออ มั่วแล้วน่ะ ทำเป็นนะ . .. ถึงเราจะอกหักเพราะรักผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้หันมานิยมไม้ชนิดเดียวกันเว้ย”
“ว่าแต่นายเหอะ เรื่องพี่ศิน่ะ นายทำใจได้นานแล้วเหรอ?”
“อืม ก็เป็นปกตินานแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้ ผมชื่นชมและปลื้มพี่ศิต่างหาก แต่ในอารมณ์วัยรุ่นมันเลยเหมือนว่าเป็นความรักความหลงมั๊ง ถามทำไม?”
“เอ๊า ฮันนี่เล่นซักฟอกพวกเราซะละเอียดอยากรู้เรื่องหวานใจนายอ่ะดิ เลยทำให้เราอยากรู้ไปด้วย ว่าสภาพใจนายอยู่ในสภาพไหน?”
“ตอบให้เอาม๊ะ?? อยู่ในขั้นปกติที่เต้นตามอัตราของคนธรรมดา ไม่มีสึกหรอหรือเสียหายตรงไหน ใช้ได้ดีทุกประการ แถมยังพร้อมที่จะเปิดรับใครสักคนเข้ามา”
“จริงอ๊ะ คนๆ นั้นจะเป็นใครน๊า?? ฮั่นแน่ . . . งานนี้ต้องจับตามองนายซะแล้ว”
“เอาดิ ถ้ารู้ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ช่วยบอกหน่อยหล่ะกัน” เอ๋า สรุปว่านายจะเป็นคนชอบหรือช้านจะเป็นคนจีบให้มันกันแน่นะ??? นายนั่นก็ยิ้มมีเลศนัยไปได้ เอาเป็นว่าหยุดเรื่องคุยๆ กันแค่นี้ก่อนเพราะพวกเราต่างก็พากันไปหอบของกินและเสบียงสำหรับพวกที่ตั้งใจว่าจะโต้รุ่ง (ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ แต่ของกินที่รับประกันได้เลยว่าถึงตอนเช้าได้แน่ๆ ) ส่วนเรา มะหมี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเลยตามไปร่วมวงกะพวกมัน อึนจูน้องรักของเราเหนื่อยจัดสลบคาตักพี่สาวไปตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยงคืน และเป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่รู้ว่านายอิงค์เล่นกีต้าร์ แถมยังร้องเพลงได้ไพเราะมากด้วย ธรรมดาไอ้รบมันด้วยสิที่ต้องสำแดงความสามารถเล็กๆ น้อยๆ ที่มันมีอยู่ในการเต้นวาดลวดลายอยู่บนเตียง น้องฮันนี่เป็นผู้ฟังและผู้โหวตเพลงได้ดีแท้ แต่ละเพลงนี่นะซึ้งเกินจะเข้ารูหูของไอ้หมี่ จริงๆ นะ ส่วนป๋ากุ่มน่ะ ตั้งแต่กลับมายังไม่ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิมที่เคยอยู่ ก็นะหวานหยดอยู่กะหวานใจทางโทรศัพท์อ่ะดิ พี่ทินี่ขาดื่ม ส่วนนิลสาวผิวแทนเป็นนักร้องลูกคู่ให้กะนายอิงค์ เรานั่งฟังไปเรื่อยๆ และตาโคอี้เองก็นั่งมองเราไปเรื่อยๆ ยังกะจะทำให้เราสลายเป็นธาตุทางสายตาไปงั้นแหละ บทจะจริงจังก็มาทำขรึมใส่แล้วอยู่กันอีแบบนี้อ่ะนะ แมวที่ไหนมันจะนั่งให้จ้องได้นานวะ (ถ้าไม่ติดที่น้องชายสุดที่รักหลับอยู่บนตักเราหล่ะก็นะ ฮึ่ม นายโคอี้เอ้ย เราจะไปดึงตานายลงติดด้วยกาวตราช้าง จะได้ไม่ต้องทำตาเชื่อมเหมือนอารมณ์เพลง เชอะ
“เธอ.. คน เดียว เธอคือ นางฟ้า . ในใจ คอยเยียวยา คนที่อ้างว้าง .เดียวดาย” อ๊ะ เพลงนี้เราเคยได้ฟังนี่น่ะ นายอิงค์มัยร้องเพราะจัง อิจฉาคนหลากความสามารถจริงๆ เล้ย ดูเหมือนว่าเพลงนี้นายนี่จะฉายเดี่ยวนะ อืมคงจะร้องให้กับนางฟ้าที่เข้ามาในชีวิตมันแน่เลย อารมณ์โรแมนติกอีกคนแล้ว น่าเบื่อจริงๆ (รู้ทั้งรู้ว่าเราเองไม่ชอบเอาซะเลย ไอ้ความโรแมนติกเนี่ย เพราะว่ามันจะดูดกลืนตัวเรา เราไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี แต่ถ้าให้ต่อยตี ป่าเถื่อน เถียงข้างๆ คูๆ หาเรื่องให้ปากแตกไปวันๆ นี่ไอ้หมีก็พอจะทำได้ ฮ่าๆ )
“พี่อิงค์ร้องเพราะจัง ฮันนี่อยากเป็นนางฟ้าตนนี้ให้พี่อิงค์แล้วสิ” ฮันนี่รีบตะครุบทำคะแนนใหญ่
“เอ่อ พี่แค่คิดถึงใครบางคนน่ะครับ เลยร้องเพลงนี้ออกมา” พูดกำกวมนิ จะให้เด็กมันเข้าใจหล่ะจิว่านายมีใครคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่นายก็ไม่ได้ชอบพี่ศิต่อไปแล้วนี่ จะไปอ้างอย่างนั้นทำไมน๊า ทำเป็นมายักคิ้วใส่เราอีกต่างหาก นายเอ้ย ไม่เห็นหรือไงว่าโคอี้จับสังเกตตลอด มีหวังช้านต้องโดนโคอี้ซักให้ละเอียดไม่เป็นชิ้นผ้าอีกแน่เลย
“ใครหรือคะ? พี่อิงค์คิดถึงใครเป็นพิเศษนะ?” ไอ้น้อง พี่ขอตบมือให้ความตรงของน้องเลย ใช้ได้ เอ้ย อึนจูขยับตัวได้ซะที เอาหมอนไปแทนตักพี่สาวซะไป เฮ้ย ช้านไปห้องน้ำก่อนหล่ะนะ
“จะรู้ไปทำไมครับ รู้แค่ว่าพี่ประทับใจใครคนหนึ่งที่เค้าเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ คอยให้กำลังใจพี่ก็พอแล้วฮะ” แหวะ .. เราทันได้ยินประโยคแสลงก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไป .
ความคิดเห็น