ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเรียนผู้วิเศษและพรหนึ่งประการ

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 17 : สิท

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 64



    “นี่ๆ แกได้ดูข่าวเมื่อเช้าไหม? โคตรน่ากลัวเลยอ่ะแก!”

    “เห...เรื่องที่ไอดอลสาวสวยในโซเชียลเป็นผู้ชายอ่ะนะ?”

    “น่ากลัว! แต่ไม่ช่ายยยยย!”


    หญิงสาวเอาพัดฟิวเจอร์บอร์ดที่เอามาจากไหนไม่รู้ตบหัวดังแปะ!

    เพื่อนสนิทเกาหัวแกร๊กๆ เธอกะจะต่อมุขต่ออยู่ล่ะนะ แต่เธอก็ตัดสินใจว่าไม่ต่อดีกว่าเพราะมีแต่จะเสียเวลามากกว่านี้


    “ใช่เรื่อง 'ฆาตกรสีแดง' มะ?”

    “ใช่ๆ มันอีกแล้วล่ะ เห็นในข่าวเมื่อเช้าไหม? สภาพเหยื่อโคตรน่ากลัวเลยอ่ะ” 


    เรื่องของฆาตกรที่เป็นเรื่องเล่าอยู่ช่วงนี้ ว่ากันว่าผู้โชคร้ายที่ตกเป็นเหยื่อของเขานั้นล้วนมีสภาพแบบเดียวกัน คือ ‘ตายโดยที่อวัยวะภายในบางส่วนหายไป’ และด้วยความน่ากลัวที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้ ต่างก็ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวกันใหญ่


    …..

    ….

    ..

    .


    “ร่างกายของนายนี่มันอะไรกัน? อวัยวะภายในชีกขาด กระโหลกและเส้นเลือดแตก แถมซี่โครงที่พังยับ...ทั้งหมดนั่นหายได้ในสามอาทิตย์!? พึ่งเคยเห็นปาฏิหาริย์ก็คราวนี้แหละ”

    “เหมือนกันแหละครับหมอ! ผมน่ะ! ฝันเห็นถึงคุณย่าที่อีกฝั่งของแม่น้ำตลอดอยู่ที่นี่เลยนะ! ไหนจะเรื่องมีแมวดำเป็นฝูงเดินตัดหน้าขณะที่นั่งอ่านไย*ะอยู่ด้วย!”

    “โลกเรานี่กว้างกว่าที่คิดเนอะ อืมๆ ฉันเข้าใจ อ๊ะ ว่าแต่อย่าลืมเอามังงะคืนผมด้วยล่ะ”

    “หมอออออ!? อย่าทำเป็นว่าเป็นเรื่องไกลตัวของตัวเองสิเฮ้ยยยยยยยยย” 


    มันคือเรื่องจริงตลอดที่สิทพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ถึงสามอาทิตย์เขาเจออะไรหลายๆ อย่างที่ขึ้นชื่อว่า ‘ลางร้าย’ อยู่ตลอด

    เขาลองเอาเรื่องพวกนี้ไปปรึกษากับครูวิซดูแล้ว แต่คนสวมหน้ากากนั้นกับหัวเราะ ‘โฮะโฮะโฮะ!’ แล้วอธิบายว่านั่นคือ ‘ลางบอกเหตุ’ สำหรับคนที่ดวงตกมากๆ อาจจะเกิดอะไรที่ทำให้บาดเจ็บไม่มากก็น้อยหรือไม่ก็จะออกมาเตือนให้พวกที่กำลังจะถึงฆาตให้ระวังเท่านั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากหรอก! 


    แต่ว่านะ…


    ‘ไม่น่าเป็นห่วงมากเนี่ยน้าาาาาาา’


    ใช่ สิทกำลังวิตก

    ถึงแม้จะน่าแปลกสำหรับคนที่กุมหมัดเข้าวิ่งเข้าหาพวกสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างไม่เกรงกลัวมาก่อน

    แต่ว่าสิทเองก็เป็นมนุษย์ล้วนหวาดกลัวต่อความตาย นั่นก็ทำให้เขาเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองที่ว่า ‘ไม่กลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่กลับกลัวความตายที่รู้อยู่แล้ว’


    “แต่ก็เอาเถอะ หลังจากรับการตรวจอีกรอบเพื่อเช็คสภาพครั้งสุดท้าย ถ้าผ่านก็กลับได้แล้วล่ะ”

    “ครับ! ขอบคุณมากครับ”


    หมอส่วนตัวของสิทเดินออกไปเตรียมการตรวจร่างกายครั้งสุดท้าย ตลอดสองอาทิตย์นี้สิทเริ่มที่จะสนิทกับหมอหนุ่มคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะมีความชอบอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน

    เมื่อเขาออกไปได้สิทจึงถอนหายใจดังเฮ้อ แล้วทิ้งตังพิงกับหมอนด้านหลัง


    “โอนี่จางงงงงงงงง”

    แต่อยู่ๆ ยัยตัวแสบของเขาก็วิ่งร้องเข้ามาในห้อง

    “อิโมโตะะะะะะะะะ”

    ส่วนมันก็พูดตอบกลับทันที อะไรเนี่ยพี่น้องคู่นี้?


    เฟียร์นั่งรถเข็นเข้ามาอย่างร่าเริง ในชุดผู้ป่วยสีชมพูอ่อนต่างกับเขา

    และเมื่อเห็นสิทก็แสดงสีหน้าเอือมๆ กับเธอที่เหมือนกำลังฝืนตัวเอง


    “ก็บอกแล้วไง ไม่ต้องมาน่ะดูสิเราก็ไม่น่าจะมีแรงอยู่แล้วนะ?”

    “ถ้าไม่ใช่พี่...การที่มองทั้งตัวของหนูแล้วพูดแบบนั้นมันเข้าขั้นโรคจิตเลยนะ?”

    “ขอประทานโทษอย่างสูงครับคุณน้อง!”

    “อื้อๆ ดีมากๆ”


    ภาพตรงหน้านั้นคือพี่ชายที่หายดีอย่างปาฏิหาริย์กำลังก้มกราบน้องสาวที่น่าจะป่วยติดเตียง โดยที่เธอยิ้มและยื่นมือไปลูบศีษระเขาอยู่

    สิทนั้นถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน และทางพ่อของเขาที่ได้ข่าวก็รีบตรงเข้ามาดูสิททันที

    นัทที่เป็นผู้อำนวยการนั้นตามมาด้วยและออกมารับหน้าว่าสิทถูกลอบทำร้ายร่างกายโดย ‘ฆาตกรสีแดง’ ระหว่างทางกลับบ้าน


    พร้อมทั้งนัทยังพาพ่อของสิทไปดูกล้องวงจรปิดหลวงที่อยู่ห่างไกลจากตัวโรงเรียน ที่คาดว่าน่าจะเป็ฯที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยที่สิทจะไปอยู่ที่นั่นตอนนั้น

    แต่ภาพที่ออกมาก็คือภาพของสิทที่กำลังถูกทำร้ายร่างกายโดยคนใส่ชุดดำ พร้อมสวมหมวกปิดใบหน้าอยู่จริงๆ ทางพ่อของเขาเมื่อเห็นดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ สิทจึงรอดคำสงสัยจากพ่อของเขาไป

    ส่วนหลักฐานที่ถูกสร้างปลอมๆ นั่นครูวิซและนัทร่วมกันสร้างขึ้นมา ด้วยซีจีคอมพิวเตอร์และมนต์คาถานิดหน่อย เพื่ออธิบายเรื่องๆนี้ที่เกิดขึ้นแล้วโบ้ยความผิดให้ ‘ฆาตกรสีแดง’ 


    “แล้วพี่อ่ะ โชคร้ายจังนะที่เจออะไรแบบนั้นน่ะ”


    เฟียร์เป็นห่วงพี่ชายจากใจจริง คงเป็นเรื่องบังเอิญแหละที่โรงพยาบาลที่สิทถูกส่งตัวมามันคือโรงพยาบาลที่เฟียร์อาศัยอยู่พอดี

    พ่อของทั้งสองเห็นเช่นนั้นจึงส่งให้สิทไปอยู่ห้องพิเศษข้างห้องของเฟียร์พอดี


    “อืม ขอโทษแล้วกันที่พี่ทำให้เราเป็นห่วงน่ะ”

    “ไม่ใช่แค่เป็นห่วงนะ! ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาไม่ว่าใคร...พ่อหรือแม่คง…”

    “....”


    เฟียร์ตีหน้าเศร้า เธอติดต่อและบอกเรื่องที่สิทเข้าโรงพยาบาลด้วยการถูกลอบทำร้ายร่างกาย 

    นั่นก็ทำให้แม่ของเขาเป็นห่วงจริงๆ แต่ถึงมาหาสิทก็คงไม่อยากเห็นหน้าหรอก เฟียร์จึงรับแค่ความเป็นห่วงมาไว้กับตนแล้วบอกให้ผู้เป็นแม่สบายใจได้

    การที่ทำให้เฟียร์ต้องทำอะไรแบบนี้นั้น สิทล้มเหลวในฐานะลูกชายของเธอคนนั้นอย่างแท้จริง---


    “เฮ้อ...เอาเถอะ เอาเป็นว่าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ เห็นไหม! เนี่ย ตอนนี้ร่างกายเหมือนพึ่งไปเกิดใหม่ที่ต่างโลกเลย!”


    สิทกางแขนกว้างเพื่อแสดงว่าตัวเองกลับมาเป็นปกติแล้ว เพื่อไม่ให้น้องสาวมาเป็นห่วงตนอีก 

    แต่นั่นก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมามากนัก สีหน้าของเฟียร์ยังดูอมความเป็นห่วงกักเก็บไว้อยู่ ‘กับพี่ชายคนนี้ที่ชอบเอากำลังเข้าว่าอย่างเดียว’


    …..

    ….

    ..

    .


    แล้วการตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายก็ผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา สิทจึงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างน่าประหลาด 

    แล้วหลังจากที่เก็บห้องเสร็จตามมารยาทแล้วสิทจึงไปหาเฟียร์ที่ห้องข้างๆ


    “อ๊ะ เก็บของเสร็จแล้วเหรอ?”

    “เสร็จแล้วล่ะ แล้วเราล่ะ...พี่สุดหล่อคนนี้ออกโรงบาลฯไปไม่เหงาใช่ไหม?”

    “หลงตัวเอง...แต่ ก็น่าจะนิดหน่อยนะ”


    สิทเข้าไปกอดน้องของตัวเองด้วยความรักจริงๆ แล้วกระซิบ “งั้นถ้าเหงาล่ะก็…” ก่อนที่จะผละตัวออกและยิ้มลงให้เธอไป 


    “ไว้เร็วๆนี้ พี่จะพาเพื่อนๆมาเล่นด้วยนะ!”


    สิทอาจจะผิดพลาดในฐานะลูก แต่ในฐานะพี่ชายเขาคงได้คะแนนเต็มไปเลย


    …..

    ….

    ..

    .


    พอกลับมาที่บ้าน ในตอนนี้นั้นไม่มีใครอยู่เพราะช่วงบ่ายหรือก็คือตอนนี้นั้นเป็นช่วงทำงานของพ่อเขา แถวเวลากลับบ้านก็ดึกมากเลยด้วย

    ทำให้ไม่มีใครมาตอนรับหรืออะไร แต่เขาก็เริ่มชินกับสภาพแบบนี้แล้ว


    “เฮ้อ จะว่าไปก็พังยับเลยแฮะ”


    พอทิ้งตัวลงกับโซฟาในห้องนั่งเล่น สิทก็บ่นเบาๆแล้วถอนหายใจ

    เขาหรี่ตาขึ้นไปมองเฮดโฟนของตัวเองบนโต๊ะใกล้ๆ ในตอนที่สู้กับเงาดำเขาถูกมันจับศีษระและทุ่มลงกับพื้นจนแตกพังยับเยิน

    และที่อยู่ตรงนี้นั้นนัทคงเก็บมาให้พ่อของสิท จนมันถูกส่งกลับมาหาเจ้าของแบบนี้---


    “ยะโฮะโฮะ! ของสำคัญเหรอครับ?”

    “เxี้ย! ผี!”

    “ครูครับ ยะโฮะโฮะ!”


    เพราะอยู่ๆ ก็โผล่มาในบรรยากาศแบบนี้เลยทำให้โดนคนเดิมด่าแบบเดิมๆไป แน่นอนนี่ก็เป็นอะไรที่ควรจะชินได้แล้วนะ?---สิทก็แอบคิดแบบนี้ในขณะนั้น

    เขายิ้มเจื่อนแล้วถาม


    “แล้ว...มีอะไรเหรอครับที่มาเนี่ย”

    “เป็นคำถามที่ดีนะครับ! ฮะโฮะ! เอาเป็นว่าตามกระผมมาแล้วจะเริ่มเล่ารายละเอียดระหว่างทางแล้วกันครับ!”


    ครูวิซคว้าเฮดโฟนพังๆ นั่นแล้วเดินนำเขาไปตรงทางเดินของบ้าน เมื่อเห็นแบบนั้นสิทจึงรีบลุกและตามชายสวมชุดปิดทั้งตัวประหลาดๆไป

    พอออกมาจากบ้านก็ล็อคบ้าน ชุดที่ใส่ก็ชุดเดียวกับที่พึ่งกลับมา คนใส่ชุดแปลกๆที่เดินนำเขานั้นเดินไปโดยไม่แคร์ว่าจะมีใครมองเขาไหม


    “จะว่าไปแล้วครูวิซออกมาในตอนกลางวันได้ด้วยเหรอ?”

    “ความจำดีจริงๆเลยนะครับ! และใช่ครับ! ตัวของกระผมนั้นเป็นครูหลักสูตรพิเศษที่จะออกมาได้ก็ตอนกลางคืนเท่านั้น! แต่---การที่มาเยี่ยมศิษย์นั้นมันต่างกันเลย”


    นี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมครูวิซถึงจะออกมาได้แค่ในเวลากลางคืน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถออกมาได้ แต่เขาถูกทำให้ออกมาไม่ได้เพราะหน้าที่

    ยกเว้นในครั้งนี้ที่สิทบาดเจ็บมันก็เป็นปกติของคนเป็นครูที่ต้องมาดูอาการของศิษย์


    แต่ว่า…


    “ช้าไปแล้วเว้ย! ตอนนี้ออกจากโรงบาลฯ แล้ว!”

    “ยะโฮะโฮะ! ก็ตัวละครจำพวกครูหรือตำรวจมักจะมาช้าเป็นปกตินะครับ!”


    เสียงหัวเราะกวนประสาทยังขับขันออกมาได้ต่อ

    สิทเก็บอารมณ์ฉุนหน่อยๆ ก็ห้ามอารมณ์ตัวเองต่อ

    ครูวิซยังหัวเราะต่อไปอีกก่อนจะเอยต่อ


    “ส่วนอีกเหตุผลก็คงเป็นเพราะ 'เจ้าที่' ล่ะมั้งครับ?”

    “เจ้าที่?”


    จะว่าไปตอนสู้กับเงาดำนั้นนิว ผู้ใช้อำนาจศักดิ์ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน


    “ครับ! ถ้าจะให้อธิบายทั้งหมดจริงๆ ก็คงต้องอยู่ในชั้นเรียน 'ห้องพิเศษ' ทั้งคาบเลยล่ะครับ...แต่ถ้าจะเอาง่ายๆ ก็คือตัวตนที่อยู่ในภพศาลพรหม หรือศาลพระภูมิ ไม่ใช่ตัวตนที่เราอิญเชิญมาเพื่อปกป้องสถานที่นั่นๆ แต่เป็น 'ภพที่คอยปกป้องสถานที่นั่นๆ' น่ะครับ”

    “...จำได้แต่นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ”

    “ยะโฮะโฮะ! ถ้าเทียเป็นเกมเอ็มเอ็มโอก็คงการ์เดี้ยนที่คอยปกป้องดันเจี้ยนอยู่น่ะครับ!”

    “โอ้! แบบนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่”


    ในสถานที่ ยกตัวอย่างโรงเรียนศักดิ์ดาวิทยาคมที่มีศาลอยู่เองก็มีเจ้าที่ที่คอยปกป้องสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาเหมือนกัน

    ในกรณีของครูวิซเองก็ด้วย…


    “แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับครูวิซยังไงอ่ะ

    “ถ้ากระผมไปที่ใด โดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาติจาก 'จ้าวที่' กระผมก็ถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกับศัตรูของที่นั่นด้วยเช่นกันครับ”


    และนี่คงเป็นเหตุผลที่ครูวิซไปเยี่ยมสิทไม่ได้ในโรงพยาบาล เพราะที่นั่นเองก็มีศาลเหมือนกัน


    “...อย่างงี้นี่เอง...เอ๊ะ งั้นแบบนี้ก็ไม่ต่างจากผีเลยไม่ใช่เรอะ!?”


    ปรากฏตัวในตอนกลางวันแบบปกติไม่ได้ และไปที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของสถานที่

    ทั้งๆที่ถูกสิท (ศิษย์) ทำสีเคืองๆแล้วตะคอกใส่ตบมุขแบบนั้น แต่ครูวิซก็ยังพยักไหล่ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตนเลย


    “ยะโฮะโฮะ! เป็นครูครับ!”


    …..

    ….

    ..

    .






    'ชายผู้ใส่หน้ากากสีขาว' เขานั้นใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนศักดิ์ดาวิทยาคม เขาเรียกแทนตัวเองว่า X

    ในวันที่ศรนั้นหาทางกำจัดริวอย่างจริงจัง เขาคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเรียกแทนตัวเองว่า 'พวกเรา' นั้นก็แสดงว่าพวกเขาคงเป็นกลุ่มอะไรสักอย่าง

    ไม่รู้ชื่อ หน้าตา หรือที่ตั้งของกลุ่ม ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายคนนั้นหรือกลุ่มนั้นเลย แต่ที่รู้อย่างแน่นอนว่าพวกมันนั้น 'ขายอะไรก็ได้เพื่อเงิน'


    [อยากได้อะไรล่ะ? ปัญญา,พลังหรือพรหนึ่งประการ]


    ทั้งหมดนั้น X สามารถขายได้โดยสิ่งที่มันต้องการนั้นคือเงิน ส่วนราคาก็แล้วแต่สิ่งที่ขอมา

    ศรนั้นได้ใช้บริการกับพวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะปัญญาที่ช่วยเรื่องการจำหรือการสอบ หรือพลังที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสังคม

    หรือพรวิเศษที่ทำให้เธอทำสิ่งที่ไม่สามารถทำได้…

    นอกจากศร แม็กซ์ที่ได้พลังจิตประเภทสายฟ้าเองก็ได้มาจากคนพวกนี้ และดูเหมือนก็มาจากเอ็กซ์เหมือนกันด้วย

    และไม่รู้เลยว่าพวกนั้นไปเอาสิ่งเหนือธรรมชาติพวกนี้มาจากไหน 

    ส่วนเป้าหมายนั้นก็คงเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว







    “อย่างนี้นี่เอง… 'กลุ่มเสนอพลังเหนือธรรมชาติ' เรอะ?”

    “ยะโฮะโฮะ! เปรียบเทียบได้เหมาะสมดีนะครับ! จากหลักฐานที่คุณเอ็มเอามาให้กระผมคนที่ชื่อ X นั้นคือเรื่องจริงแน่ครับ!”


    ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งบริเวณบ่อน้ำใหญ่ในวัด

    หลังจากที่เข้ามาในเขตวัด ครูวิซได้แนะนำให้มาถวายสังฆทาน กรวดน้ำ ปล่อยปลาและไหว้พระ นี่คือวิธีการสะเดาะเคราะห์หรือลางร้ายที่สิทเจออยู่ตลอด 3 อาทิตย์มานี้

    อาจจะไม่ใช่วิธีเวอร์วังอลังการอะไร แต่มันก็ส่งผลดีได้จริงๆกับสิท แนวคิดของครูวิซนั้นคือยอมที่จะใช้วิธีเล็กๆเพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ดีกว่าวิธีอลังการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก

    แล้วพอพาสิทไปแก้เรื่องดวงที่ถึงฆาตได้ตลอดแล้วนั้นก็มานั่งพักที่ม้านั่งเพื่อดูบรรยากาศที่ร่มเย็นของที่นี่ แล้วครูวิซจึงเริ่มเล่าเรื่องของ X ที่ได้มาจากการสอบถามศร


    “เรื่อง X เนี่ยไม่อยากเข้าไปยุ่งเลยแฮะ”

    “หืม? แปลกนะครับ คุณสิทที่ผมเข้าใจนี่คือคุณที่เบื่อและอยากจะหาอะไรสนุกๆทำ ถ้าเจออะไรแบบนี้ผมก็นึกไปนะครับว่าจะต้องเข้าหาเรื่องพวกนี้อย่างบ้าบอ ยิ้มแล้วพูดประมาณว่า 'น่าสนุกดีนี่!' ”

    “คนเว้ย! ไม่ใช่พระเอกโชเน็น! อีกอย่างไอ้พวกนั้นมันสเกลใหญ่ไปถ้าเทียบกับผมตอนนี้น่ะ ถ้ามันสนุกก็คือต้องมีความเท่าเทียมกันด้วย”


    หรือก็คือ 'สิทนั้นรู้จุดยืนของตัวเอง' ถ้าเขาเจอปัญหาที่อยู่ในระดับที่สามารถแก้ได้ด้วยตัวคนเดียวอย่าง 'ศัตรูตรงหน้า' สิทนั้นก็ยังสนุกได้

    แต่กับ X ที่ดูเหมือนจะทำอะไรเป็นองค์กรแล้ว เขาจะต้องกังวลเรื่องเพื่อนๆ หรือน้องของตังเองที่อยู่ด้านหลังแน่ ไม่ว่าพวกนั้นจะแอบเข้าไปทำอันตรายหรืออะไรอื่นๆ


    “ถ้างั้นก็ดีแล้วครับ แต่เดิมเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เด็กจะแก้ได้อยู่แล้ว”


    ว่าไปแล้วครูวิซในชุดและหน้ากากประหลาดก็ลุกขึ้น 

    สาเหตุที่ใครไม่เห็นเขานั้นก็เพราะ 'มนต์ขาว' แบบง่ายๆที่ทำให้คนทั่วไปที่ไม่มี 'สัมผัสที่หก' เห็นเขาได้ หรือถ้าเห็นก็มัวเบลอจนคิดว่าคงตาฝาดไปเอง


    “...ที่พูดนั้นเหมือนจะดูถูกพวกผมเลยนะนั่น”

    “ยะโฮะโฮะ! ถ้าจริงก็ต้องขออภัยด้วยครับ!”

    “เหอะๆ”


    ฟุบ... แล้วสิทก็คว้ามาได้...

    ครูวิซอยู่ๆ ก็โยนเฮดโฟนที่กลับมาดูเหมือนซ่อมเสร็จใหม่ๆไป

    แล้วเขาก็หัวเราะน่าขนลุกอีกครั้ง---


    “โฮะโฮะโฮะ! ถ้ากระผมเอาจริงแค่การซ่อมของพวกนี้น่ะแค่ร้อยยี่สิบวินาทีก็เพียงพอแล้วล่ะครับ! แล้ว---เฮดโฟนนั่นคงถูกใครสักคนให้มาสินะครับ? เขาคนนั้นจะต้อง 'รัก' คุณสิทมากแน่ๆ แต่ต้องขออภัยด้วยครับที่กระผมไม่สามารถซ่อมแซม 'พร' นั่นได้”


    คำพูดนั้นทำให้สิทชะงัก

    “หมายความว่าไง…”

    เขาจึงเอยถามด้วยแววตาประหลาดใจจริงๆ


    “ยะโฮะโฮะ! สิ่งนี้มันมีอำนาจของพรอ่อนๆ น่ะครับ...เคยได้ยินคำที่ว่า ‘คำอวยพรจากผู้หลักผู้ใหญ่’ ไหมล่ะครับ?...มันคือคำกล่าวที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราได้เอยให้พรแก่เราจากใจจริง อย่าง ‘ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง’ ‘ขอให้เรียนได้เกรดดีๆ’ อำนาจจำนั้นก็เป็นพรเช่นเดียวกันครับ”

    “....”


    สิทเพียงแค่ฟังและเงียบ เขาตั้งใจรับฟังคำสอนนี้ของครูวิซขณะที่สัมผัสเฮดโฟนที่ได้มา

    จริง.. เฮดโฟนอันนี้นั้นเขาได้มาจากคนที่รู้จักอีกที เป็นคนที่ทำให้สิทจดจำได้มากที่สุดเลย 

    และดูเหมือนคนที่ให้เองก็คิดแบบเดียวกัน จึงได้มอบสิ่งของที่มีอำนาจแห่งพร ‘จะไม่แพ้ แม้ว่าจะเจอกับสิ่งใด’ 

    สิทอมยิ้มอ่อน เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้น ‘รัก’ เขามากแค่ไหน

    และ---เมื่อครูวิซเห็นสภาพของศิษย์ที่ตรงหน้าที่เป็นแบบนั้นแล้ว เขาจึงสนใจและเอยถาม


    “ถ้าไม่ว่าอะไรกระผมขอถาม สิ่งนี้ได้รับมาจากใครเหรอครับ?”

    “อืม… จาก ‘ราชินี’ เอาแต่ใจคนหนึ่งน่ะ แล้วตอนนี้เธอคนนั้นก็ไม่อยู่แล้วด้วย”

    “ยะโฮะโฮะ…---เอาล่ะ กระผมต้องไปแล้ว โอ๊ะ! คุณสิทไม่จำเป็นต้องเข้าคลาสในวันนี้ก็ได้นะครับ!”


    ไปเตรียมตัวสำหรับชั้นเรียนคืนนี้สินะ?

    แล้วเมื่อสายลมพัดพา ใบไม้สีน้ำตาลลอยผ่าน---และพริบตาเดียวครูวิซก็หายไป ทิ้งไว้แค่เพียงเสียงของลมและใบไม้ที่ตกสู่ผื่นดิน

    สมแล้วจริงๆ ที่เขาเป็น 'พ่อมดคนสุดท้าย' 


    "...."


    สำหรับเขาที่ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น สิทกลับมานั่งและมองที่บ่อปลาใหญ่ตรงหน้าก่อนจะสวมเฮดโฟนที่พึ่งถูกซ่อมเสร็จใหม่ๆ 

    และค่อยๆ หลับตาลงพร้อมความคิด---


    'รัก...เรางั้นเหรอ…'


    และเมื่อคำพูดนั้นก็ทำให้คิดได้ ถึงเธอคนนั้น…






    ตอนอายุไม่ถึงสิบขวบ...

    ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นั่นคือที่ไหน แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเส้นขอบฟ้าทั้งด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้าง 

    บริเวณพื้นมีทุ่งหญ้าเขียวสว่าง และดอกไม่หลากสี 

    ผมที่อยู่ในชุดผู้ป่วย ทั้งตัวมีแต่ผ้าพันแผลผมไม่รู้เลยว่าผมเจออะไรมากันแน่ถึงกลายมาเป็นแบบนี้


    "ความทรงจำเสื่อมงั้นเหรอ?"


    และเสียงนั้นก็ทำให้ผมหันตามไป 

    ทันทีที่เห็นเธอ หญิงสาวผมยาวที่หน้าสวยงาม ตัวของเธอนั้นดุจฤดูกาล ผิวสีขาวเนียนราวกับหิมะ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับใบไม้ผลิ หรือดวงตาสีดั่งดวงอาทิตย์

    เธอสวมเสื้อคล้ายกับผม ผ้าพันแผลแบบเดียวกัน ราวกับว่าจะล้อเลียนผมเลย

    แต่เธอที่สง่างามนั้นก็สะกดใจผมไปครู่ใหญ่ จนผมเริ่มเอยขึ้นช้าๆ


    "...ป้าเป็นใค--"

    ตุบ!

    "พี่สาว"

    "อุก! ขะ-ขอโทษครับ...พี่สาวเป็นใคร"


    เธอปล่อยหมดกลางท้องผม ถึงแม้จะโคตรเจ็บปวดก็ตามก็พยายามแก้ต่างออกไป


    "อืม! มีความอดทนดีมาก แล้วก็เรียกฉันว่า 'ราชินี' แล้วกัน"

    "คะ ครับ อาจารย์…"

    "เฮ้อ ไม่รับมุขเอาซะเลย? แต่ก็เอาเถอะ จากนี้จะให้เธอเรียกว่าอาจารย์ก็ได้"


    เธอเชิดสะบัดผมอย่างหยิ่งผยองราวกับว่าตัวเองคือราชินีจริงๆ แต่ผมที่มองความต้องการออกเลยข้ามขั้นตอนไปขอเขาเป็นศิษย์ทันทีเลย

    ตามพล็อตมังงะที่เคยอ่านอ่ะนะ


    "เอาล่ะ ของเล่นหมายเลขหนึ่ง---"

    "สิทครับ ผมชื่อสิทครับ กรุณาอย่ามองว่าเป็นของเล่นเลยครับ"

    "เยี่ยมบัสกี้คุง แนะนำตัวได้ทันทีแบบนี้เนี่ยอาจารย์สอนมาดีก็แบบนี้แหละนะ"

    "สิทครับ แล้วอาจารย์เองก็ไม่เคยสอนอะไรเลยด้วย"


    และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของสายสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอ 'ราชินี' …

    เธอคนนั้นที่คอยสอนถึง 'สิ่งนั้น' ให้กับผมที่เสียความทรงจำที่...มีความสุขนั้น


    "เอาล่ะบิสกิตคุง ฟังให้ดีๆนะ 'พลัง' ของเธอน่ะต่อจากนี้ถ้ายังที่จะใช้มันอีกเธอได้ตายแน่ สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่พลังนั้นแต่เป็นสิ่งง่ายๆ ที่มีอยู่ในตัวทุกคน และฉันก็มีหน้าที่ปลุกมันให้ตื่นขึ้นกับเธอเอง...ใช่แล้ว 'ความกล้า' ไงล่ะ"

    "ก็ฟังดูดีนะครับ แต่ผมชื่อสิทครับ"


    และ 'สิ่งนั้น' ก็คือความกล้างั้นเหรอ?





    --จบ--






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×