ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเรียนผู้วิเศษและพรหนึ่งประการ

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 16 : ปกป้อง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 64



    นางสาว 'วริศรา ศรีสำราญ'---ริว ตั้งแต่เด็กก็เป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ รวมไปถึงดวงตาของเธอที่ทนแสงอาทิตย์ไม่ได้นานนัก เป็นอาการประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีวิธีรักษา ทั้งพ่อและแม่จนปัญญา แต่แล้ว...ก็ไปเจอกับ 'พระภิกษุสงฆ์' ท่านหนึ่ง ท่านได้แก้ 'ดวงชะตา' ให้กับเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ ก่อนจะแนะนำพ่อแม่ให้เปลี่ยนชื่อเป็นชาย--- 'ริว (มังกร)'


    *รีว,ริว เป็นคำอ่านของคำว่า 'มังกร' ทางฝั่งแผ่นดินใหญ่นะจ๊ะ*


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    ริวได้ตั้งมั่นและตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่หนีอีกแล้ว เธอได้ลองคิดว่าถ้าเงาดำนั่นไม่ใช่วิญญาณมนุษย์ที่ตายไป ก็น่าจะเป็น 'มนต์ดำ' 

    สำหรับโลกมืดแล้ว มนต์ดำ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ที่นี่เป็นโรงเรียนนะ? จะมีใครเอาของแบบนั้นมาได้อีกล่ะ? 


    "จะว่าไปเงานั่นก็เข้ามาโจมตีเราก่อนหนิ?...ถ้าเป็นมนต์ดำที่มีไว้ทำร้ายเป้าหมายเท่ากับเราคือเป้าหมาย…"


    เมื่อประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด...มีแค่คนเดียวที่เผยตัวว่า 'เกลียด' ริวออกมา...ศร...เธอเพียงคนเดียว...


    "ถ้าศรเป็นคนทำ...ไม่ใช่ศรไม่ทำแบบนั้นแน่…"


    ถึงแม้อีกฝ่ายจะกลั่นแกล้งเธอสารพัด แต่ริวก็ยังเชื่อใจ---

    ฉันไม่เคยโกรธสักครั้งตั้งแต่วันนั้น

    ฉันไม่เคยเกลียดเธอเลยตั้งแต่วันนั้น

    ฉัน……………


    ในตอนนี้ริวกำลังกลับไป ณ ตึกกีฬาอีกครั้ง โดยทิ้งความลังเลในใจไป...ในตอนนี้คนที่ควรถูกช่วยเหลือไม่ใช่นิวแต่เป็น………..


    "ศรหยุดเถอะนะ!"


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    "อ๊ากกกกกก-xัสเอ้ย!"


    "เฮ้ยมึงเป็นอะไรมั้ย!?"


    นิวและสิท ถึงแม้จะรุมเงาดำแต่เพราะความคลั่งของมันทำให้ผลมันออกมาไม่ต่างจากเดิมซักเท่าไหร่


    นิวเลือดออกจากไหล่ซ้ายเพราะเผลอไปโดนเล็บของเงาดำเข้า สิททำได้แค่ถามในขณะที่ต้องหลบมันอีก


    GARRRRRRRRRRRRRR!!


    "มันยิ่งกว่าตอนลุยกับมันคนเดียวซะอีก!?"


    "อย่าว่าจะเข้าไปซัดตัวๆ หมาหมู่ยังยากเลย...เวรล่ะ"


    สิททำสีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุดก่อนจะนึกบางอย่างออก

    สิทจึงหันไปคุยกับนิว---


    "ถ้าไอ้ผีนั่นไม่ใช่วิญญาณมนุษย์...แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นล่ะ? อย่างเช่นพวก 'ตุ๊กตาวูดู' อะไรประมาณนั้นน่ะ..."


    เมื่อพูดจบ นิวได้ทำหน้าเข้าใจ ก่อนจะมองไปยังเงาดำอีกครั้งและพูดออกมา


    "ถ้าใช่...น่าจะเป็นมนต์ดำนะ ชิ! ทำไมตูถึงคิดไม่ออกฟะ! แล้วเอาไงต่อดี!?"


    "วิชามนต์ขาวก็มีบอกหนิ? 'ถ้าเจอมนต์ดำประเภทต่ำไปจนถึงกลาง 'น้ำมนต์' คือสิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดในเวลาคับขัน' บางที่ไอ้นี่น่าจะแพ้น้ำมนต์เหมือนกันนะ"


    "ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี...แต่ในเวลานี้มีน้ำมนต์ที่ไหนวะ!"


    นิวพูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปสู้กับเงาดำอีกรอบ สิทได้แต่ยืนมองและครุ่นคิดไป---จะสู้จนตัวตายเลยเหรอ?

    ระหว่างที่ยืนมอง สมาร์ทโฟนของสิทก็ดังขึ้น---สิทจึงกดรับ


    'โฮะๆๆๆ~ดูเหมือนจะรู้แล้วนะครับว่าต้องจัดการยังไง!'


    และเสียงปลายสายก็ไม่ใช่ใคร---เสียงหัวเราะกวนประสาททำให้สิทรู้ได้ทันที


    "ครูวิซ?"


    'ถูกต้องครับ! ส่วนเรื่องน้ำมนต์...เอ่อ ช่วยเปิดลำโพงได้มั้ยครับ? ผมอยากให้อีกคนได้ยินด้วย'


    เมื่อพูดจบนิวได้หลบการโจมตีจากเงาดำก่อนจะพุ่งตัวมาทางสิท ก่อนจะถาม


    "เวลานี้ใครโทรมาฟะ! มาช่วยตูซัดมันก่อน!"


    "มาพอดี---"


    สิทกดปุ่มลำโพงทันที ก่อนปลายเสียงจะหัวเราะอีกครั้ง และเสียงนั้นเองก็ทำให้นิวยิ้มขึ้นมา


    'ฮะ---ฮัลโหล? ได้ยินนะครับ? เอ่อ เรื่องทั้งหมดจะอธิบายหลังจาก 'เรื่องมันจบ' ลง ตอนนี้มาแก้ไขปัญหาตรงหน้าก่อน เวลานี้คือ 11:50 ของยามเที่ยงคืน มีพระจันทน์เต็มดวง ซึ่ง 'น้ำมนต์ที่พวกคุณกำลังตามหาอยู่ก็อยู่ใต้เท้าพวกคุณ' แหละ แถมมีในปริมาณเยอะมากด้วย 'ใช้ให้เต็มที่ไม่ต้องกลัวอะไร' ได้เลยครับ! ถ้าไม่มีอะไรก็สู้ๆ นะครับ!---'


    สิ้นเสียงผลายสายก็ถูกตัดทันที สิทได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กับเรื่องที่อยู่ๆ ก็ตัดสายไปดื้อๆ นิวเองได้นำคำที่ 'น้ำมนต์ที่พวกคุณกำลังตามหาอยู่ก็อยู่ใต้เท้าพวกคุณ' 'ใช้ให้เต็มที่ไม่ต้องกลัวอะไร' มาคิดก็ได้ว่า---


    "ใช่---ที่นี่คือตึกกีฬาที่มีสี่ชั้น และชั้นล่างสุดก็คือ 'สระน้ำ' แค่ให้มันลงไปก็เป็นอันจบ"


    "แล้วจะให้มันลงไปยังไง? ล่อ? นี่ชั้นสี่นะเว้ย!"


    "เฮอะ! ตูไม่ทำแบบนั้นหรอก ไม่สิ ตูมีวิธีเท่ห์ๆ กว่านั้นด้วย!"


    เมื่อสิ้นเสียงเงาดำได้เข้ามาโจมตีระหว่างทั้งสองอีกครั้ง ทั้งสิทและนิวก็ถ่อยออกไปคนละฝั่ง 


    "กูไม่รู้ล่ะมึงจะมีแผนอะไรแต่เร็วๆ!"


    "เอ่อ มึงจะได้ลงไปชั้นล่างแบบไฮสปีดแน่!"


    นิวได้วิ่งไปอีกฝั่งและพุ่งชนกำแพงจนแตกเป็นอิฐและลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว


    "เอาแค่มันเว้ย! กูไม่ขอแบบไฮสปีด!"


    GAURRRRRRRRRRRRRRRRRRR!!!


    เงาดำปล่อยให้จังหวะที่สิทตกมุขหนีไป มันได้เข้าโจมตีโดยใช้เล็บ แต่สิทเหวียงตัวหลบได้ก่อนจะสวนกลับไปด้วยหมดเน้นๆ หนึ่งหมัดแล้วถ่อยออกมาทรงตัว


    "แต่ก็นะ...มนต์ดำอย่างแกพอเห็นแล้วทำให้กูหงุดหงิดสุดๆ เลยว่ะ…!!"


    ตู้ม! สิทพุ่งตัวเองดีดตัวออกไป… มนุษย์ที่ยังไม่ค้นพบตัวเองได้เข้าไปเผชิญหน้ากับ 'ความกลัว' ...ความมืด แม้จะไม่มีศาสตร์ตราวุธใดๆ แต่ 'ความกล้า' เป็นอาวุธเพียงหนึ่งของเขา


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    นิวได้ลงมาข้างล่างจากชั้นสี่ เมื่อเดินเข้ามาในตึกอีดครั้งก็ได้ยินเสียงร้องไห้เข้า

    เมื่อวิ่งตามเสียงมาก็พบกับหญิงสาวที่เคยเป็นเพื่อนกับคนที่ได้ให้สัญญาไว้กำลังนั่งกอดและเมื่อมองไปยังใบหน้าก็พบน้ำตาของทั้งคู่ที่ไหลออกมา


    นิวไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ได้ถึงสถานการณ์นี้...เขาได้ยิ้มอ่อนๆ ออกมา

    พวกเรากลับไปเป็นเหมื่อนเดิมได้มั้ยนะ?

    นั่นเป็นคำที่เขาผุดคิดออกมาได้ ก่อนจะนึกได้


    "เอาล่ะยัยผู้หญิงทั้งสองเลิกร้องไห้แล้วออกไปกันได้แล้ว"


    "นะ---นิว!?"


    "อ่า...กลับมาหาพวกเราสักทีนะยัยศร"


    นิวยิ้มออกมา ศรได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจแต่สีหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความเศร้าอ่อน

    นิวได้เห็นใบหน้านั้นก็เดินเข้าไปใกล้ตัวเธอ---


    "อยากขอโทษ? ไม่อ่ะ ฉันต่างหากที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบคุมตัวเองจนเกือบจะจัดการเธอ เธอเองก็ด้วย...เห็นไหม? ' พวกเราไม่ต่างกัน' น่ะ ก็อยากจะพูดแบบนี้น่ะนะ"


    "ใช่...ฉันเองก็ด้วย...เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนเถอะนะ!"


    ริวได้เข้ามากล่าวเข้าเสริม

    ทั้งสามไม่ต่างอะไรกันเลย ปล่อยให้ 'ความรู้สึก' เข้ามาควบคุมร่างกาย ริวเข้าไปจูบกับนิว ศรได้กลั่นแกล้งเธอ นิวเกือบจะจัดการศรจริงๆ ทั้งหมดก็คือ 'ความรู้สึก' ที่อยากได้สิ่งที่ตนเองรัก อยากทำลายสิ่งที่ตัวเองเกลียด---...


    นี่แหละ 'มนุษย์' 


    ศรได้เช็ดน้ำตาก่อนจะมองทั้งสองที่เป็นเพื่อนเก่า ไม่ว่า 'หน้าตา,ชื่อเสียง,เงินทอง' เธอมีทุกอย่าง แต่เธอกลับขาดสิ่งที่ได้มาง่ายกว่าอะไรทั้งหมด 'อย่างแท้จริง'


    'เพื่อนฝูง'............................


    "ขอโทษนะ...เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้---"


    เธอได้ตั้งมั่นในตัวเองและยิ้มออกมา---

    ฉันเองที่ชอบเธอ

    ฉันเองที่เกลียดเธอ

    ฉันเองที่ทำร้ายเธอ

    ฉันเองที่………….จะฆ่าเธอ


    ริวได้เข้าไปหาตัวเธอก่อนจะโอบกอดครั้งสุดท้าย---

    ส่วนนิวได้แต่มองทั้งสอง---


    เมื่อนิวได้บอกให้ทั้งสองออกมาแล้วบอกสถานการณ์ให้ฟัง ศรเองแทบจะไม่เชื่อว่าทั้งสองคนที่เคยเป็นเพื่อนเธอนั้นเป็น 'ผู้อยู่เหนือธรรมชาติ' และสิ่งที่เธอใช้ไปมันเป็น 'มนต์ดำ' เมื่อนิวอธิบายจบ ริวได้อาสาจะคุ้มครองศร นิวเข้าใจและให้สองสาวออกไปข้างนอกตึก


    เมื่อตึกไร้ผู้คนอย่างแท้จริง เขายิ้มออกมา

    มือทั้งสองข้างได้กำจนแน่น


    "ฟ้าดินและเหล่าเทพเทวดาที่มองดูพวกเราอยู่ โปรดพยาน...เงามืดของยัยศร...ฉัน 'ผู้ใช้อำนาจศักดิ์' จะขอทำลายมัน ณ ที่แห่งนี้…!!"


    หมัดซ้ายได้ถูกชูขึ้นฟ้าและเหวียงลงมาอย่างรวดเร็ว พื้นที่ยืนอยู่ เสาที่ไว้ค้ำตึก พื้นที่ชั้นบนและล่างได้แตกออก---และทรายลง


    ชั้นล่างสุดของตึกนี้เป็นสระน้ำ ไม่ใช่แค่สระเล็กๆ มีสระลึกสำหรับกีฬาดำน้ำด้วย!! เพราะงั้นขอให้ได้ผลทีเถอะ!

    แน่นอนว่าร่างของชายหนุ่มก็ได้ร่วงหล่นลงตามไป---


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    "มาสิได้เวร!"


    GRA!!!!


    ไม่หนีไม่ถ่อย สิทได้แค่หลบในระยะสั้นๆ ดูเหมือนมันจะเร็วขึ้นจากการที่ความรู้สึกด้านลบหายไปเยอะในจิตใจของศร เหมือนสัตว์ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายเลยสู้สุดชีวิต ซึ่งสิทก็ไม่ต่างกัน


    ความเหนื่อยล้าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาช้าลง---


    ตู้ม----!!!!!!!!!!!!!


    GRaaaaaaaa!!!


    "อั่ก!!"


    สิทถูกมันจับหัวทุ่มลงไปกับพื้นเต็มๆ จนแตกออกเป็นรอยร้าว เฮดโฟนได้พังยับเยินก่อนที่มันจะหลุดออกจากหัวของสิท


    "บะ---บ้าเอ้ย!! จะมาโชคร้ายอะไรแบบนี้ฟะ!"


    สิทถูกเงาดำจับคอและยกขึ้นกลางอากาศ

    เงาดำได้มองไปที่มืออีกข้างก่อนที่เล็บทั้งห้าจะกางออก


    ส้วก!!!!!!!!!!!!!!!!!


    "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก---อั่ก!!!!!"


    เล็บทั้งห้าและมือได้ทะลุร่างของสิทจนเห็นอีกฝั่ง เขาได้ร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะมองเลือดที่ไหลออก


    เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!เจ็บ!


    "อ๊ากกกกก---กึก! ขอกูเอาคืนหน่อยเถอะ!!!!!!!!!!!"


    แม้จะเจ็บเพียงใดสิทกลับกัดฟันแน่นและกำหมัดขึ้นก่อนจะรัวหมัดไปยังร่างของเงาดำ สิบหมัดถ้วน


    GYAAAAAAAAAAAA…!!!!?!?!!!


    เงาดำได้ล้มลงด้วยความเจ็บปวด สิทไม่ปล่อยและยังรัวหมัดต่อโดนไม่สนเลือดที่กำลังไหลออกมา


    "ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!"


    ยี่สิบหมัด สามสิบหมัด สี่สิบหมัด ห้าสิบหมัดถ้วน…!

    ทุกๆ หมัดที่ปล่อยออกไปยิ่งแรงขึ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นคนปกติโดนอย่างนี้จะต้อง 'ตาย' อย่างแน่นอน


    ……………………………..


    ไร้เสียงและการขยับร่างกายจากเงาดำ มันแน่นิ่งลง

    สิทเองก็หมดแรงและล้มลงท่ามกลางกองเลือดของตัวเอง


    "......."


    สายตาที่ไร้แววได้ปรากฎขึ้นออกมาจากดวงตาของสิท และนั่นทำให้เขานึกถึงเรื่องสมัยก่อน---

    เหมือนตอนนั้นเลยแฮะ? ไอ้คำว่า 'คนเรามักจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อใกล้ตาย' น่ะ…….

    เขาเตรียมพร้อมที่จะตายได้แล้ว ก็เล่นใช้แรงทั้งหมดโดยไม่สนร่างกายเลยหนิ?


    สิทได้ปล่อยวางลงถึงแม้จะดูไม่เหมาะสำหรับตอนนี้ 

    มือชา ไม่สิ ร่างกายชาไปหมดเลย…

    ทว่าเขากลับค่อยๆ ยืนมือที่ไร้แรงไปยังเฮดโฟนที่พังลง…

    หา? ขนาดร่างกายยังไม่ยอมแพ้ แต่ 'ดวงจิต' อย่างเรากลับยอมแพ้? น่าสมเพชสุดๆ เลย...แต่เราก็เป็นแบบนั้นนิ?


    สิทตั้งสติได้อีกครั้งและเริ่มคลานไปหาเฮดโฟนที่พังยับเยิน ก่อนจะบังคับตัวเองให้พูดออกมา


    "ยะ---ยัง….อยาก...มีชีวิ---ต...!!"


    เพื่อน้อง

    เพื่อพ่อ

    เพื่อเพื่อน

    เพื่อ...ยัยนั่น

    ใบหน้าที่เกือบจะไร้อารมณ์ถูกเติมเต็มไปด้วย 'ปณิธาน (ความปรารถนา)' อย่างแท้จริง!

    แต่อยู่ๆ พื้นที่เขานอนอยู่กลับพังลง----


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    'เงาดำ (จิตใจที่มืดมิด)' ได้จมอยู่ในน้ำมนต์ที่ถูกแสงจันทร์สาดส่อง มันได้ดิ้นรนทรมานอย่างแท้จริง---

    นอกจากความมืดมินของตัวมันและเศษอิฐที่พังทลายลง ได้มีเงาอีกเงาได้คืบคลานเข้ามา...นิวได้กลั่นหายใจและตามมาในน้ำมนต์หวังที่จะจัดการตามที่ได้กล่าวออกไปเบื้องต้น


    เมื่อเห็นเงาดำนิวได้สะบั้นหมัดที่ทำลายฟ้าดินอย่างง่ายดายไปยังหน้าเงาดำเต็มๆ ก่อนร่างเงาดำจะสลายหายไป


    นิวได้หมดห่วงและปล่อยร่างกายไปตามกระแสน้ำ

    เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ตึงเครียดสมองจะสั่งให้ร่างกายแรงการสูบชีดเลือดทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า 'ฮึดสู้' ร่างกายจะไม่มีการผ่อนตัวจนกว่าสมองจะได้รับรู้ว่า 'ผ่านเหตุการณ์นั้นๆ มาแล้ว' กรณีของนิวและสิทก็เช่นกัน ทั้งสองอยู่ในอาการเหนื่อยล้าถึงขีดสุด เมื่อร่างกายกลับมาเป็นสภาพเดิมก็แทบจะขยับตัวไม่ได้ และน้ำที่เย็นเยือกทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้


    นิวกำลังลงดิ่งสู่ความมืดจากใต้น้ำเรื่อยๆ สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงอย่างเดียวคือแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา...ไม่สิ


    "ขอบคุณที่พยายามมาตลอดนะ…"


    เสียงอะไรน่ะ?

    มีเสียงที่ไพเราะดังดวงแก้วถูกเปร่งออกมา

    น้ำเป็นโมเลกุลของน้ำหนาแน่นกว่าอากาศมาก ทำให้ได้ยินเสียงต่างๆ ในน้ำมากมายก็จริง...แต่เสียงที่นิวได้ยินนั่นมันเป็นภาษาไทยชัดๆ


    ร่างกายที่นิ่งได้ขยับดิ้นรนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น ก่อนที่จะมีแขนมาโอบกอดตัวเขา


    "ไม่ต้องทรมานหรอก…."


    ภาพที่นิวเห็นคือภาพของหญิงสาวผมเงินยาวสง่าที่สะท้อนกับแสงจันทร์จากใต้น้ำ ใบหน้าที่เรียวงานได้ยิ้มออกมา...ใบหน้าของคนที่นิวตัดสินใจที่จะปกป้องตลอดมา---


    อ่า...มันทำให้นึกถึงวันนั้นเลยนะ…..


    ________________________________________


    ท้องฟ้าได้มืดครึ้ม เหล่านักเรียนและผู้ปกครองบางคนก็ตัดสินใจวิ่งผ่าฝนไปที่รถของตน การที่อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาแบบไร้เหตุผลนี่แปลกชะมัด

    ทั้งๆ ที่เป็น 'ปฐมนิเทศ' แท้ๆ กลับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้…


    ผมได้แต่มองสายฝนที่กำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ดีแล้วที่พ่อแม่ไม่มาด้วย 

    ตั้งแต่เด็กๆ ทั้งพ่อและแม่ก็ยุ่งแต่กับงาน ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่พวกท่านก็ยังเลี้ยงดูผมอยู่เสมอ...ทุกอย่างมันเป็นไปได้ด้วยดี ผมเรียนปกระดับชั้นประถมด้วยรอยยิ้มและความสุข นี่ก็ขึ้นมามัธยมต้นปีที่ 1 แล้ว…ทว่าผมกลับมีความลับที่เก็บไว้มาโดยตลอด


    ตั้งแต่เด็กๆ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองมีพละกำลังมากกว่าคนปกติ ไม่ใช่แค่กระโดดข้ามแม่น้ำจากอีกฝั่งไปอีกฝั่ง มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย...แต่ผมก็ควบคุมมันได้และเก็บมันมาตลอดล่ะนะ


    "เวรเอ้ย! กลับกันหมดล่ะ ตูก็ควรกลับบ้างดีมั้ย?"


    แต่พอมองฝนที่ตกลงมาอีกแล้ว…

    ฮะๆ ไม่ขอกลับดีกว่า รออีกแป๊บนึงฝนน่าจะหยุดตกเองแหละ ขี้เกียจซักชุดด้วยอ่ะ (เปียกไม่เปียกเอ็งก็ต้องซักอยู่ดี)


    ผมว่างจึงเดินมาเรื่อยๆ ดีนะที่ตึกระหว่างตึกจะมีทางเดินและหลังคา ที่เขาสร้างไว้กันพวกฝนตกในวันเรียนจริงน่ะ ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึง...เอ่อ น่าจะตึก ม.4 ป่ะ?


    "ตอนพิธีได้ยินพวกข้างหลังซุบซิบเรื่อง 'ตึกเรียนเก่า' อะไรนี่แหละ"


    ผมถ่อนหายใจออกมา..

    โรงเรียนไทย-ญี่ปุ่น ในไม่กี่แห่งนี้เนี่ยนะ?

    แต่ก็ชั่งเถอะลองไปดูหน่อยดีกว่า ไม่แน่ที่นั่นอาจจะเหมากับการโดดเรียนก็ได้…


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    เมื่อผมเดินมาจนถึงตึกเรียนเก่า...โห้สุดยอด สำหรับการระเบิดถือว่าเหลือซากไว้เยอะมาก มันเหมือนตึกที่โดนทิ้งร้างไว้มากกว่า ผนังชั้นล่างสุดไม่เหลือเลย แต่ยังมีเสาคอยพยุงอยู่ ผมลองลูบมันดูแล้วยังแข็งแรงอยู่


    พอมาชั้นบน เริ่มจากบันไดไม่เหลือสีหรืออะไร ไม่มีที่จับถ้าร่วงไปเจ็บแน่ ผมเดินขึ้นไปชั้น 2 ก็เห็นว่ายังมีผนังเหลืออยู่ มีโต๊ะเรียนพังๆ วางเชิงทิ้งไว้มากมาย มันก็แอบน่ากลัวนะ แบบในหนังผีเนี่ย แต่คนที่ 'เหนือธรรมชาติ' อย่างผมยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?


    พอมาชั้นสาม...โอ้ไอ้xัส! หนักกว่าชั้นสองอีก ไม่ใช่ว่ามีกลิ่งแปลกๆ หรืออะไร ชั้นสองยังแบ่งห้องอยู่ไง ชั้นสามยกเว้นหน้าต่างอีกด้านของตึกไม่มีผนังเลย มันออกไปทางน่ากลัวสุดๆ ถ้าเจอผีหรืองูคงไม่แปลก 


    และก็มาถึงชั้นบนสุด มันก็เป็นดาดฟ้าล่ะนะ เอาล่ะ อย่างน้อยก็ได้ที่โดดเรียนมาล่ะ!

    ผมมองไปยังดาดฟ้าที่ยังมีฝนตกหนักเรื่อยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่าง


    "ฮืม~ฮื่ม-ฮื้ม~~~~~"


    มันคือเสียงฮัมเพลง จากเท่าที่ฟังมาจากชั้นล่างสุด---สนามหน้าตึกมั้ง? 


    "ผีป่าววะ!?"


    ผมตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขี้เกียจซักเสื้อแล้ว (บอกแล้วไงเปียกไม่เปียกเอ็งก็ต้องซักอยู่ดี) ผมจึงวิ่งไปริมดาดฟ้าทั้งๆ ที่ฝนยังตกอยู่ เพื่อแอบจากริมขอบของดาดฟ้า


    "วันนี้วันอะไรวะเนี่ยฝนตกแล้วต้องมาเจอเรื่องหลอนอีก!"


    เมื่อรู้ว่าต้นของเสียงอยู่ข้างล่างของหน้าตึกผมจึงลองชะโงกหัวออกไปดู


    น้ำเสียงที่ใสเหมือนแก้ว ต้นเสียงนั้นมาจากผู้หญิงที่มีผมสีขาว ไม่สิ ผมสีเงินสง่า เธอกำลังเล่นกับสายฝนที่ตกลงมาพร้อมใบหน้าที่มีความสุข


    "ชาวต่างชาติ? ไม่สิ"


    จู่ๆ ฝนก็หยุดตกลง เธอที่กำลังเล่นน้ำฝนอยู่ก็หยุดลงเช่นกัน สีผมของเธอเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดิม เธอได้มัดเก็บผมที่เปียกโชกก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาใส่


    "โถ่...บ้าๆ เราเล่นอะไรของเราเนี่ย…"


    เธอคนนั้นทำท่าอายขึ้นมาทันที อะไรน่ะ? มายากล?

    ผมได้แต่งุนงงกับหญิงสาวที่อยู่ข้างล่าง เมื่อเธอกลับไปผมจึงออกมาจากที่ซ่อน 


    "เธอใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนนี้...แปลว่าก็คนเรียนต่อเหมือนเราน่ะสิ?"


    แต่ก็ชั่งเถอะ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รู้ยัยนั่นเป็นใคร

    ผมเดินลงมาจากตึกเก่าก่อนจะกลับไป---


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    "ไงลูกพี่วันนี้กินอะไรดี!"


    "พวกมึงจะแดรกอะไรก็แดรก กูจะแดรกร้านเจ๊จิบ"


    "อ่าวลูกพี่ผมไปด้วยดิ!"


    "ผมด้วย!"


    ในตลาดวันศุกร์มีร้านจำนวนมากมายที่เปิดเรียงราย ไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ แน่นอนว่าอยู่ใกล้ 'โรงเรียนไทย-ญี่ปุ่นศักดิ์ดาวิทยาคม' เพียง 2-3 กิโลเมตร มีกลุ่มนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังจะหาอะไรกินในวันนี้ หัวหน้ากลุ่มนังเลงที่เดินไปด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้หญิงเด็กผู้หญิงคนนึงมาเดินคนเดียวมันก็ยกยิ้มขึ้นมา


    "ไงจ๊ะน้องสาว มาเดินตลาดคนเดียว ไม่ดีหรอกมาเสี่ยวกับพี่ดีกว่ามั้ยจ๊ะ"


    เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบอะไรกลับ ทำให้ตัวหัวหน้าเปลี่ยนสีหน้าทันใด


    "เฮ้ย ยัยหนูทำไมเงียบแบบนี้ล่ะ?"


    "......."


    เมื่อไม่มีการโต้ตอบตัวหัวหน้าจึงคิดไปเองว่าหล่อนยอมแล้ว มันยิ้มอย่างรื่นเริงก่อนจะบอกลูกน้องทั้งสอง


    "พวกมึงจับยัยนี่ซะนางยอมแล้ว"


    "โอ้ พี่ไม่กินข้าวก่อนเหรอ?"


    "ชั่งแม่งก่อนกูจะกินผู้หญิง"


    "พี่แม่งโคตรได้เลยว่ะ"


    เด็กผู้หญิงคนนั้นตื่นตัวทันที ขณะที่เธอกำลังจะวิ่งหนีไปก็ถูกตัวแรงของชายสองคนจับไว้ เธอได้ดิ้นสุดขีดจนแว่นที่เธอใส่หลุดลง เพราะถูกปิดปากไว้หรืออะไรจึงไม่มีเสียงร้องออกมาแท้สักนิด 


    และกลุ่งนักเลงพวกนั้นก็หายในพริบตา เหล่าคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่มองโดยไม่ทำอะไรเพราะ 'ไม่ใช่เรื่องของตนที่จะเข้าไปยุ่ง 


    ผมเองก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนจะเข้าไปหยิบแว่นนั่นขึ้นมา---


    "ดูนั่นสิอีกคนแล้วล่ะ"


    "เด็กสมัยนี้หนิ เป็นอะไรนะหนังสือหนังหามีไม่เรียน"


    "แต่ไม่ไปช่วยจะดีเหรอ?"


    "อะไรล่ะจะทำตัวเป็นคนดีเรอะ? งั้นเอ็งก็ไปสิ"


    อ่า...ไอ้พวกแก่พวกนี้หนิ เห็นไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ซุบซิบกันใหญ่เลยนะ แล้วเราล่ะ? จะช่วยหรือชั่งมันดี…


    "เฮ้อ~อย่างน้อยขอทำตัวให้ดีกว่าขยะสังคมจากยุคสมัยเก่าพวกนี้ดีกว่า"


    ผมถ่อนหายใจแล้วพูดออกมา...อะไรนะ? พวกยัยแก่พวกนั้นเปลี่ยนสายตาที่มองมาทางผมทันที มองงั้นแปลว่ายอมรับไม่ได้สินะ?


    "พูดอะไรน่ะ"


    "พวกแกต่างหาก มีแต่พวกเด็กที่คิดโง่ๆ แบบนี้แหละประเทศถึงไม่พัฒนา"


    "ขยะมันพวกเด็กโง่อย่างพวกแก่ต่างหาก"


    นี้สินะ 'ขี้แพ้ชวนตี*' (ชวนตีเฟ้ย!) พอรับไม่ได้ก็ด่าเด็ก ที่โง่มันพวกแก่ๆ แบบพวกแกต่างหาก แต่ก็เอาเถอะไอ้ 'ขยะมันพวกเด็กโง่' นี่ขอเถียงไปแบบ 'พวกนั้นต่างหาก' ดีกว่า


    ผมยิ้มขึ้นมาก่อนจะเดินไปยังที่ๆ พวกนั้นไป---


    …..

    ….

    ..

    .

    .


    "ปะ---ปีศาจ!!"


    "ชะ---ช่วยด้วย!?"


    "วะ---ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ! ขะ---ขอร้องล่ะ!"


    พวกมันสามตัวได้ก้มกราบผมในที่มันไม่เคยกลับพ่อแม่แบบนี้เลย ในขณะที่ยัยแว่น...ไม่สิ ยัยผมเงินนั่นกำลังกิดเสื้อผ้าที่กำลังถูกชีกขาดอยู่ แต่สายตาเธอไม่มีความกลัวเลยนะ


    (ปล.นิวมันรู้ว่าริวเป็นผู้หญิงผมเงิน แต่ตอนนี้ริวยังผมน้ำตาลอ่อนอยู่)


    "พวกแกขอร้องแบบนั้นทั้งๆ ที่ พวกแกทำแบบนี้มาตลอดเลยสินะ?"


    "ขะ---ขอร้อง"


    อ่า พวกนี้มันพอเห็นคนที่เก่งกว่าก็ยอมแล้ว โลกมันเป็นแบบที่ 'ปลาใหญ่กินปลาเล็ก' จริงๆ แหละ

    แน่นอนตอนไม่ปล่อยพวกมันไว้แบบนี้แน่ จะ 'จัดการเด็ดขาด' ก็กล้าทำนะ ผมมันพวกไม่สนจำพวก 'บาปบุญคุณโทษ' ซะด้วย แต่ในใจมันเตือนว่าอย่าทำ สรุปผมขี้เกียจเองแหละ 


    ในตอนที่พวกมันกำลังชีกเสื้อผ้าของยัยผมเงินผมก็อัดคลิปไว้ แน่นอนมันชีกไม่เสร็จหรอกผมเข้าไปซัดกับพวกมันซะก่อน แต่พวกแม่งอ่อนจริงๆ โดนคนละหมัดก็ร้องจะเป็นจะตายซะแล้ว


    แต่ก็ชั่งเถอะ ผมไม่แจ้งความหลอกแค่อัปลงเฟสบุ๊* เอาให้อนาคตพวกมันดับเฉยๆ ว่าแต่พวกข่มขื่นทำร้ายร่างกายนี่มันมีอนาคตด้วยเหรอ?


    "ว่าแต่... ยัยแว่นขอถามอะไรหน่อยสิ?"


    "......"


    ผมหัวไปถามเธอ แต่เธอแสดงสีหน้านิ่งกลับมา ผมไม่สนว่าเธอจะตอบหรือไม่แต่ก็จะถามไป


    "ทำไมตอนที่กำลังโดนจับ ถึงเธอจะดิ้นและพยายามร้อง แต่เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะร้องขอให้คน 'ช่วย' ล่ะ?"


    "..................ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนน่ะ"


    นั่นเป็นคำตอบเดียวของเธอ…

    จะบ้ารึเปล่า? สมัยนี้เนี่ยนะ? มีคนสนความรู้สึกของคนอื่นด้วย? เฮอะๆ ดีแต่ต่อหน้าแหละ...ขอลองอีกหน่อยดีกว่า


    "งั้น...ถ้างั้นฉันจะปล่อยให้พวกนี้ทำเธออีกรอบ กับฉันจะ 'ฆ่า' พวกนี้แล้วปล่อยเธอไป...จะเลือกอะไรล่ะ?"


    บรรยากาศตึงเครียด ได้ปรากฎขึ้น นั่นไงยัยผมเงินแสดงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ ผมยิ้มออกมา เอาสิเลือกซะ---

    แต่ใครจะไปรู้ล่ะ...คำตอบที่ถูกเปร่งออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ นั้นจะเป็น---


    " ถ้าไม่มีใครเสียสละก็จะไม่มีใครไปต่อสินะ...งั้นปล่อยฉันไว้ที่นี่แหละ "


    ในสถานการณ์แบบนี้เธอยังยิ้มและตอบออกมา พร้อมยืดอกออก 

    บ้าไปแล้วแน่ๆ...ตัวเรานี่แหละบ้าไปแล้ว...คนแบบนี้พึ่งเคยเห็นแฮะ เอาล่ะ


    ผมถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วเอาไปคลุมตัวของเธอ---

    เมื่ออุ้มเธอออกมาในท่าเจ้าหญิงแล้ว ผมยิ้มขึ้น---


    "อา...ตัดสินใจแล้ว ฉัน 'สัญญา' เลย---ฉันจะปกป้องเธอเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มและเสียงแบบนั้นต่อไป---"


    สีหน้าเธอดูแดงเล็กน้อย หล่อล่ะสิ!

    เอาล่ะจะปกป้องจนกว่าชีวิตจะหาไม่เลย…



    ________________________________________



    ตึกกีฬาพังแบบไม่มีชิ้นดี ริว---'ตัวตนที่ถูกปิด' สายพันธุ์ 'เงือก' ได้พาตัวนิวที่หมดสภาพออกมาจากน้ำ 

    ศรเองก็สงสัยเรื่องสีผมที่เปลี่ยนไปเป็นสีเงินของเธอ แต่ตอนนี้สภาพของชายตรงหน้าสำคัญกว่า


    "นะ---นิว!"


    "ไม่เป็นไร เขาแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้น---"


    ริวได้แสดงอีกด้านที่เข้มแข็งออกมา นั่นทำให้ศรแปลกใจยิ่งกว่า

    ก่อนจะมีเสียงหัวเราะกวนประสาทแทรกขึ้นมา


    "โฮะๆๆๆ~ ต่อจากนี้ผมจะดำเนินการต่อเองครับ!"


    "ครูวิซ?"


    "ใครน่ะ?!"


    แต่ชายที่ใส่ชุดและหน้ากากแปลกๆ ปิดปดปังทั้งหัวทำให้ศรแปลกใจกว่าอะไรทั้งหมด---


    "โอ้! คุณ 'ดาริน ศรปักษา' หรือจะให้เรียกคุณ 'ศร' ดีกว่าล่ะ? แต่ก็ดีนะครับที่ไม่ทำความผิดที่ 'ร้ายแรงที่สุด' น่ะ ผมนี่ลุ้นสุดๆ เลยตอนนั้น โฮะๆๆๆ---ฮะๆๆๆ"


    "อะ--เอ่อ......คะ ใครน่ะ"


    "ไม่ต้องไปสนใจหรอกศร เอาเป็นว่านั่นเป็นครูสอนพิเศษน่ะ แล้วครูคะ? ละ แล้วสิทล่ะ!"


    ริวเองก็ถามไปด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนที่เธองมหาสิท เธอเองไม่เจอเขาเลยไม่ว่าจะที่ไหนๆ ในสระ จนศรขอให้ยอมและออกมา


    เมื่อได้ยินลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยพูดของตนกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมชั้น ความเป็นครูทำให้เขาลูบหัวริวอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดออกมา


    "ไม่ต้องห่วงหรอก เอ็มเขาพาตัวออกมาและได้รับการรักษาให้ถึงระยะที่โรงพยาบาลรักษาได้แล้วล่ะ"


    ครูวิซพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้ริวดีใจขึ้นมาทันที

    แต่กลับกันครูวิซในใจกับเจ็บปวด ถึงจะรู้ว่าบาดแผลของสิทมันใหญ่ขนาดจะตายก็ไม่แปลก ถึงทางการที่รู้เรื่องเหนือธรรมชาติทุกประเภทแล้วมารักษาให้ 'ยังยาก' เลย


    'แต่เพราะความเป็นครูจะทำให้ศิษย์เสียใจไม่ได้เด็ดขาด!'


    ครูวิซจึงตัดสินใจยอมพูดปดมดเท็จเพื่อให้ศิษย์ของตนสบายใจ

    ต่อมานิวได้รับการรักษาจากหมอที่ทางการส่งเข้ามาจากคำร้องภายในระยะเวลา 3 นาที (ยิ่งกว่าต้มมาม่า) และส่งนิวไปรักษาตัวต่อในห้องพยาบาล และติดต่อไปทางผู้ปกครองและบอกว่านิวมีกิจกรรมเร่งด้วนของทางวิชาการขึ้นมา


    ที่นี่เหลือปัญหาอย่างสุดท้าย…


    "เอาล่ะครับคุณศร...ต่อมาเรามาคุยเรื่องสุดท้ายกันดีกว่า"


    ในเวลา 01:53 ณ ห้องเรียน 0/1 ครูวิซได้พาศรและริวมานั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะครู ที่ครูวิซนั่งอยู่ตรงข้าม ตอนนี้ไม่มีการติดตลกหรืออะไรแล้ว


    "ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง หนึ่งบอกเรื่องราวว่าคุณไปได้ 'ตุ๊กตาอสูรเงา' มาได้ยังไง และ…










    จะยอมลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในคืนนี้ทั้งหมด?"


    ริวได้โอบกอดและจับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของศร ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอะไร เธอจะเคารพการตัดสินใจนั้นของเพื่อนของเธอ---


    ศรได้หรี่ตาลงและพูดออกมา---


    "งั้นเริ่มแรก...เรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจาก ' X (ตัวแปรที่ไม่รู้) ' "







    --จบ--


    ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษครับ...เลทตั้ง 3 อาทิตย์แนะ...ฮะๆ เพราะไฟล์หายเลยต้องเขียนใหม่และทะเลาะกับคนที่ร่วมแต่งด้วย ฮะๆ อันนี้ต้องขออภัยจริงๆ


    อืมมมม พอลองมาอ่านนี่ 'นิว ริว(นิว) ศร' ถ้ามีศึกนิว(ทั้งสอง)แย่งศรนี้น่าจะสนุกแฮะ! 'ริว x ศร' จะคู่ยูริแม่ม ฮ่าๆๆๆ(ชั่วไปล่ะ)


    เอาล่ะๆ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม หรืออะไรที่อ่านแล้วไม่เมคเซ้นก็บอกได้นะ! พวกเราเปิดกว้างสุดๆ เลยล่ะ!


    ต่อไปเป็นการพักผ่อน (เข้าวัด) ของสิทล่ะ!


    สิท:คงไม่ต้องไปต่อยผีอีกนะ…ว่าแต่ตูโดนจ้วกท้องไปงั้นจะรอดมั้ยหนิ? แล้วเฮดโฟนตูล่ะเฮ้ยยยยยยยยย!


    เอ็ม:เอาน่าๆ ดีกว่าตูที่ไม่มีบทแล้วถูกกล่าวถึงว่าช่วยเองแหละ...


    ไรท์:ฮ่าๆๆๆๆ---พวกเอ็งพูดอะไรกัน


    --จบจริงๆ--


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×